ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 829
ลู่ยวนหลีสวมชุดสีขาว พลางเดินเข้าตำหนักด้วยความเร่งรีบ พอเห็นว่าทั้งตัวของหนานหว่านเยียนเต็มไปด้วยคราบเลือด ก็รู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก เขาเดินตรงเข้าไปหาหนานหว่านเยียนด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเดินไปถึง ก็เห็นนางหลับตาลง และหมดสติไป
ลู่ยวนหลีและหยุนเหิงตกใจจนหน้าถอดสีไปหมด หยุนเหิงตะโกนเรียกเสียงหลง “ฮองเฮาเหนียงเหนียง! ฮองเฮาเหนียงเหนียง…”
“หว่านเยียน!” สีหน้าของกู้โม่หานเปลี่ยนไปฉับพลัน ก่อนที่หนานหว่านเยียนจะล้มเข้าไปในอ้อมกอดของหยุนเหิง เขาก็รีบคว้าตัวนางมากอดไว้
เขาอุ้มนางขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก รีบตะโกนสั่งเสียงดังลั่น โดยที่ไม่บาดแผลที่เลือดไหลและราชทูตชุดใหม่ที่กำลังเดินตรงเข้ามาหาเขา “เรียกหมอหลวง เร็วเข้า!”
กู้โม่หานอุ้มหนานหว่านเยียนออกไปจากที่ตรงนั้นโดยที่ไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว หยุนเหิงเองก็รีบตามหลังกู้โม่หานไปติดๆ
สีหน้าแต่ละคนแตกต่างกันคนละอย่าง ลู่ยวนหลีสีหน้าเคร่งขรึม ทว่ากลับสุขุมหนักแน่น ถึงแม้จะเป็นห่วงหนานหว่านเยียน แต่เขายังต้องอยู่จัดการเรื่องนักฆ่าก่อน จึงหันไปสั่งกับหมอหญิงที่ติดตามเขามาด้วย “ไปรักษาจวิ้นจู่! ห้ามบกพร่องและผิดพลาดเป็นอันขาด!”
“เจ้าค่ะ ท่านอ๋อง!” หมอหญิงพยักหน้าตอบรับด้วยสีหน้าที่จริงจัง จากนั้นก็รีบตามหลังกู้โม่หานไปทันที
ลู่ยวนหลีจ้องมองแผ่นหลังของกู้โม่หานด้วยสายตาที่เย็นชา ความเย็นยะเยือกค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนนัยน์ตาสีทองของเขา
เขารู้ว่าหนานหว่านเยียนกำลังตั้งครรภ์ การเดินทางกลับไปยังต้าเซี่ยนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นเขาเลยเตรียมหมอหญิงติดตามมาด้วย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ใช้ประโยชน์ตอนนี้เลย
คนของแคว้นซีเหย่ สมควรตายจริงๆ!
หนานหว่านเยียนและกู้โม่หานออกไปไกลแล้ว เวลานี้ เหลือเพียงราชทูตสองกลุ่มที่กล่าวอ้างว่ามาจากต้าเซี่ย เสิ่นอี่ว์และก็ไท่เฟย รวมไปถึงเหล่าขุนนางของแคว้นซีเหย่
พ่อบ้านกาวมองดูลู่ยวนหลีและหน่วยคุ้มกันราชทูตกลุ่มใหญ่ที่ยืนเรียงรายอยู่ข้างหลังเขา ก็อดไม่ได้ที่จะขบกรามแน่น
ให้ตายสิ! เหตุใดถึงขวางองค์ชายรองไว้ไม่ได้
หากเป็นเช่นนี้ สถานการณ์จะไม่ถึงทางตันหรอกหรือ?
ไท่เฟยเองก็กังวลใจเป็นอย่างมาก กลัวว่าครรภ์ของหนานหว่านเยียนจะกระทบกระเทือน ในใจยังคงพะว้าพะวังอยู่ตลอดเวลา แต่พอนึกถึงสถานการณ์ที่วุ่นวายตรงหน้า นางก็สูดลมหายใจเข้าลึก พลางหันไปมองลู่ยวนหลีที่เพิ่งมาถึง
ผมยาวสีดำขลับที่ถูกมัดรวบอย่างเรียบง่ายด้วยผ้าไหมสีดำทิ้งตัวและแผ่กระจายบนบ่าของเขา ลักษณะท่าทางที่ได้ฝึกวินัยขัดเกลาตนจนสุขุมเยือกเย็น นัยน์ตาสีทองคู่นั้นแค่มองดูก็รู้สึกกลัวแล้ว
ที่ด้านหลังของลู่ยวนหลีมีขุนนางสีหน้าถมึงทึงราวเจ็ดแปดคนยืนเรียงรายอยู่ แต่ละคนสีหน้าสุขุมสง่างาม ลักษณะท่าทีองอาจผ่าเผยและน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก
ไท่เฟยสีหน้าเคร่งขรึม “พวกเจ้า เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เหตุใดถึงมีราชทูตสองกลุ่ม?!
ใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับภาพวาดของลู่ยวนหลีสุขุมเยือกเย็น นัยน์ตาสีทองไม่ได้เปลี่ยนให้เป็นสีดำ และไม่ได้ปกปิดฐานะอีกต่อไป เวลาที่สบตากับผู้คน แลดูทรงพลังและน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก
เขาเข้าถวายบังคมไท่เฟยด้วยท่าทีที่นอบน้อม “กระหม่อมหวยซื่ออ๋อง นามลู่ยวนหลี ราชทูตแห่งต้าเซี่ย ถวายบังคมเสด็จป้าพ่ะย่ะค่ะ”
หวยซื่ออ๋อง?
เหล่าบรรดาขุนนางของแคว้นซีเหย่ต่างพากันอึ้งไปชั่วขณะ องค์ชายรองแห่งต้าเซี่ยจริงๆ ด้วย นัยน์ตาสีทองที่พิเศษและโดดเด่นขนาดนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้
นึกไม่ถึงว่าราชนิกุลของต้าเซี่ยจะพากันมาที่นี่หมด! ดูท่าแล้วการมารับจวิ้นจู่กลับต้าเซี่ยนั้นคงจะสำคัญเป็นอย่างมาก!
ทว่า เมื่อครู่นี้ดูเหมือนเขาพึ่งจะบอกกับฮองเฮาเหนียงเหนียงว่า มารับนางกลับบ้าน? หรือว่า…ฮองเฮาเหนียงเหนียงคือจวิ้นจู่?
ไท่เฟยเม้มริมฝีปากแน่น “ลุกขึ้นเถิด”
ลู่ยวนหลีลุกขึ้น พ่อบ้านกาวและเหล่าราชทูตที่เขาพามาต่างคุกเข่าลงด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม พลางถวายบังคมอย่างพร้อมเพรียง “ถวายบังคมหวยซื่ออ๋อง”
สีหน้าของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความสวามิภักดิ์และนอบน้อม แต่หลังจากที่ก้มหน้าลงก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองพ่อบ้านกาว ราวกับว่าพวกเขาเองก็งุนงงเช่นกัน ว่าเหตุใดลู่ยวนหลีถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้
แต่ลู่ยวนหลีไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด เขายืนอยู่ที่เดิม พลางกวาดสายตามองพวกเขาด้วยแววตาที่เย็นชา ทันใดนั้นเอง องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังเขาก็กรูเข้าไปจับตัวเหล่าราชทูตที่มาจากต้าเซี่ยไว้ ไม่เว้นแม้แต่พ่อบ้านกาว ทุกคนถูกกดให้คุกเข่าลงกับพื้น
พ่อบ้านกาวรีบหันไปหาลู่ยวนหลีด้วยความตกใจ “เตี้ยนเซี่ย…”
ลู่ยวนหลีเหลือบมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาต พ่อบ้านกาวเห็นแล้วก็ตกใจจนอกสั่นขวัญแขวนไปหมด รีบก้มหน้าลงต่ำทันที
ลู่ยวนหลีจึงค่อยหันกลับไปหาหวงไท่เฟย พลางตอบกลับคำถามเมื่อครู่นี้
“เสด็จป้า เรื่องนี้มีการเข้าใจผิด เสด็จแม่ทรงรับสั่งกับหลานให้มารับตัวน้องหญิงเพียงคนเดียวเท่านั้น เรื่องนี้ ไว้หลานค่อยอธิบายให้เสด็จป้าฟังอย่างละเอียดถี่ถ้วน เวลานี้พระองค์โปรดทรงไปดูแลหว่านเยียนก่อน ต้องจับตาดูให้ดีพ่ะย่ะค่ะ”
เขาไม่เชื่อใจกู้โม่หาน แต่หากมีเสด็จป้าอยู่ด้วยก็จะไม่เหมือนกัน เพราะเสด็จป้าและพวกเขามีความคิดจิตใจที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างชำนาญการและทันท่วงที
ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องบางเรื่องก็ไม่ควรให้เสร็จป้าเป็นคนมาคุยกับเขา เพราะอย่างไรเสียก็เป็นคนในตระกูลเดียวกัน ลงโทษหนักไม่ลง
“ได้ ข้าจะดูแลหว่านเยียนเป็นอย่างดี เจ้าวางใจเถิด” หวงไท่เฟยเข้าใจความหมายที่เขาสื่อ นางเหลือบมองเสิ่นอี่ว์พลางพูดขึ้น “ไปเชิญไทเฮามา”
“พ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นอี่ว์รู้ดีว่าสถานการณ์ตอนนี้ตึงเครียดแค่ไหน สภาพของฮ่องเต้และฮองเฮาเหนียงเหนียง เกรงว่าจะเป็นการยากที่จะมาพบปะกับราชทูตแล้ว ไทเฮาไปยุ่งเกี่ยวการเรื่องในราชสำนัก ไท่เฟยก็เป็นคนของต้าเซี่ย เวลานี้จึงจำเป็นต้องเชิญให้ไทเฮามาออกหน้าแล้ว
“ไม่ต้อง ข้ามาแล้ว” เสิ่นอี่ว์ที่กำลังจะไปเชิญไทเฮา ก็ได้ยินเสียงที่น่าเกรงขามของนางดังขึ้น
เหล่าขุนนางรีบพากันถวายบังคม “ถวายบังคมไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ!”
ไทเฮาเห็นสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายมาแต่ไกล ไม่ใช่แค่โม่หวิ่นหมิงที่นอนจมกองเลือดเท่านั้น แต่ยังมีกลุ่มราชทูตจากต้าเซี่ยที่นางไม่รู้จักอีกด้วย
ไทเฮากวาดสายตามองดูคราบเลือดที่เลอะเต็มพื้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกบีบหัวใจ สีหน้าแย่เป็นอย่างมาก ตอนที่มา นางเองก็รู้เรื่องแล้วว่าหนานหว่านเยียนถูกนักฆ่าลอบสังหาร แต่คิดไม่ถึงว่าเหตุการณ์จะรุนแรงขนาดนี้ ราชทูตของต้าเซี่ยมาชุดใหม่ ท่านน้าหลวงก็มาเสียชีวิต
หากเวลานี้เกิดเรื่องขึ้นกับหว่านเยียนขึ้นมาจริงๆ หลานชายของนางคงจะบ้าตายเป็นแน่แท้ นางเองก็รู้สึกเป็นห่วงอาการของกู้โม่หานไม่น้อย จึงหันไปหาไท่เฟย พลางพูดขึ้นว่า “เจ้าไปเถิด ที่นี่มีข้าอยู่”
“เพคะ เสด็จแม่” หวงไท่เฟยย่อตัวถวายบังคม จากนั้นก็เดินออกไปด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม เสิ่นอี่ว์เองก็เป็นห่วงกู้โม่หานไม่น้อย เขาจึงรีบตามหลังนางไปในทันที
ไทเฮากวาดสายตามองทุกคนที่อยู่เบื้องหน้า จากนั้นสายตาก็ไปหยุดอยู่กับลู่ยวนหลี จ้องมองนัยน์ตาสีทองของเขา “เจ้าคือองค์ชายของต้าเซี่ย? เป็นราชทูตเหมือนกันหรือ”
ลู่ยวนหลีไม่ได้ตอบคำถามนาง แต่ยื่นมือไปรับเสื้อคลุมผ้าไหมสีดำจากองครักษ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาแทน
จากนั้นก็เดินไปหยุดอยู่ข้างๆ ร่างของโม่หวิ่นหมิงด้วยสีหน้าที่สุขุมเยือกเย็น โน้มตัวคลุมร่างของโม่หวิ่นหมิงด้วยเสื้อคลุมสีดำผืนนั้น
“ขอโทษด้วย ข้ามาถึงช้าไป แต่คนที่ทำร้ายท่าน ข้าจะปล่อยให้หลุดรอดไปอย่างเป็นอันขาด!”
นัยน์ตาสีทองของเขาเป็นประกายคมกริบ พลางสั่งขึ้นว่า “นำร่างของโม่เซียนเซิงกลับไป จัดการให้เหมาะสม!”
“ขอรับ!” องครักษ์รับคำสั่ง จากนั้นก็พาองครักษ์จำนวนหนึ่งเข้าไปยกร่างของโม่หวิ่นหมิงออกไป
ไทเฮาเห็นแล้วก็สีหน้าตึงเครียดขึ้นมาทันที เหล่าขุนนางต่างก็รู้สึกว่าราชทูตต้าเซี่ยผู้นี้ยโสโอหังเป็นอย่างมาก กล้าเพิกเฉยต่อไทเฮา แต่ก็พูดอะไรไม่ได้
เพราะฐานะของคนที่ตายนั้นค่อนข้างพิเศษ
จากนั้นลู่ยวนหลีจึงค่อยหันไปหาไทเฮา นัยน์ตาสีทองไร้ซึ่งความหวั่นกลัวใดๆ
“กระหม่อมหวยซื่ออ๋อง นามลู่ยวนหลี องค์ชายรองแห่งต้าเซี่ย เป็นราชทูตที่รับมอบหมายภารกิจให้เดินทางมาที่แคว้นซีเหย่ เช่นเดียวกันกับกาวม่านหย่วน…”
ลู่ยวนหลีเหลือบมองพ่อบ้านกาวด้วยสายตาที่เย็นยะเยือก “ทว่าเป็นแค่นักโทษที่แอบอ้างปลอมเป็นกระหม่อมก็เท่านั้น!”