ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 830
พ่อบ้านกาวได้ยินแล้วก็ตกใจเป็นอย่างมาก เกิดอะไรขึ้น ราชทูตกาวบอกเองไม่ใช่หรือ ว่าฮองเฮามีรับสั่งให้เขาพาราชทูตต้าเซี่ยมารับจวิ้นจู่กลับวังหลวงหลวง?!
เหตุใดถึงกลายเป็นต้นหลี่ตายแทนต้นท้อได้ล่ะ?!
ไทเฮา เองก็ตกใจเป็นอย่างมาก “อะไรนะ?!”
ดังนั้น ราชทูตที่พวกเขาต้อนรับในตอนแรกคือตัวปลอมที่มาแอบอ้างอย่างนั้นหรือ?!
ลู่ยวนหลีไม่เปิดโอกาสให้นางได้พูดอะไร เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ราชทูตที่มาในครั้งนี้ กระหม่อมเป็นคนนำขบวน เพียงแต่ว่าระหว่างทางมีเหตุเกิดขึ้น ก็เลยทำให้เกิดความล่าช้า กาวม่านหย่วนก็เป็นคนของต้าเซี่ยจริง วันนี้แคว้นซีเหย่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น สร้างความลำบากให้กับแคว้นซีเหย่แล้ว ขอไทเฮาโปรดทรงอภัยโทษด้วย”
นัยน์ตาของไทเฮาท่วมท้นไปด้วยความงุนงง พลางจ้องมองลู่ยวนหลีด้วยสายตาประหลาดใจ
“เช่นนี้ ก็เท่ากับว่า…สิ่งที่กาวม่านหย่วนพูดมานั้นไม่ใช่เรื่องจริง เช่นนั้นจวิ้นจู่แห่งต้าเซี่ย คือเยียนเอ๋อร์จริงๆ หรือ?”
หากเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นวันนี้ที่นางเข้าข้างราชทูตของต้าเซี่ย ไม่เท่ากับว่าเป็นการทำร้ายจิตใจของเยียนเอ๋อร์หรอกหรือ?
นัยน์ตาสีทองของลู่ยวนหลีเย็นยะเยือก เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าพ่อบ้านกาวที่ถูกองครักษ์กดไว้จู่ๆ ก็เงยหน้าพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฉุนเฉียว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ!”
“กระหม่อมปกป้องดูแลโหรวเฟยตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นกระหม่อมเป็นคนเปลี่ยนตัวฮองเฮากับโหรวเฟยเองกับมือ! ผ่านมานานขนาดนี้ กระหม่อมไม่มีทางจำจวิ้นจู่ผิดแน่นอน!”
“หวยซื่ออ๋อง พวกท่านต่างหากที่เป็นฝ่ายจำผิดมาโดยตลอด! จวิ้นจู่ไม่ใช่หนานหว่านเยียน แต่เป็นหยุนอี่ว์โหรวต่างหาก!”
เขาแทบจะอกแตกตายอยู่แล้ว กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ดังนั้นเขาจึงส่งคนไปถ่วงลู่ยวนหลีไว้ แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะประเมินความสามารถของลู่ยวนหลีต่ำไป
แต่จวิ้นจู่ที่เขาเลี้ยงดูและเคียงข้างมาตั้งแต่เด็กจนโต เขาจะจำผิดคนได้อย่างไรกัน?
ยิ่งไปกว่านั้น มีเพียงเขาคนเดียวที่รู้ว่าจวิ้นจู่ผ่าน ‘เหตุการณ์ร้ายแรง’ อะไรมาบ้าง จนกลายมาเป็นหยุนอี่ว์โหรวในปัจจุบัน
ลู่ยวนหลีจ้องมองพ่อบ้านกาวที่ยังคงหัวรั้นไม่ยอมถอย รู้สึกโมโหเข้าไปใหญ่ เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก “กาวม่านหย่วน! เจ้าหุบปากประเดี๋ยวนี้!”
“เจ้าจำเจ้านายตนเองผิดคน ตอนนี้ยังไม่รู้สึกสำนึกแม้แต่นิดเดียว!”
“หวิ่นหมิงเองก็ปกป้องดูแลหว่านเยียนตั้งแต่เด็ก เขาเป็นน้องชายบุญธรรมขององค์หญิงชิง จะจำคนที่ปกป้องไม่ได้อย่างนั้นรึ? หว่านเยียนและเสด็จป้าเหมือนกันขนาดนั้น เจ้าตาบอดไปแล้วหรืออย่างไรกัน?”
พ่อบ้านกาวขบฟันแน่น แม้ว่าเขาจะยำเกรงลู่ยวนหลี แต่เขาก็ยังเถียงขึ้นว่า “หวยซื่ออ๋อง คำพูดนี้ไม่ถูกต้อง ใต้หล้านี้มีคนที่หน้าตาคล้ายกันถมเถไป!”
“ท่านยังอายุน้อย และก็ไม่เคยอาศัยอยู่ในแคว้นซีเหย่เป็นเวลานาน ย่อมไม่รู้เรื่องราวภายในเป็นธรรมดา ตอนนั้นข้าน้อยเป็นคนตัดสินใจด้วยตนเอง เป็นไปไม่ได้ที่ข้าน้อยจะจำผิดคน!”
ลู่ยวนหลีได้ยินแล้วก็โกรธจนตัวสั่นไปหมด เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากจะเสียเวลาเสวนากับพ่อบ้านกาวอีกต่อไป
ลู่ยวนหลีหันไปสั่งกับองครักษ์ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “อุดปากมันเสีย ข้าไม่อยากจะได้ยินเสียงคนผู้นี้เอะอะโวยวายอีก! หากขัดขืน ก็ตัดลิ้นมันซะ!”
หากไม่ใช่เพราะเสด็จแม่ยืนกรานที่จะเจอหน้ากับทหารข้างกายของเสด็จป้า เกรงว่าป่านนี้เขาคงจะบั่นคอของกาวม่านหย่วนไปตั้งนานแล้ว!
“ขอรับ ท่านอ๋อง!” องครักษ์รีบอุดปากของพ่อบ้านกาวทันที พ่อบ้านกาวไม่กล้าที่จะขัดขืนแต่อย่างใด ปากของเขาถูกปิดแน่น จนไม่สามารถส่งเสียงได้แม้แต่นิดเดียว แต่เขากลับยังคงจ้องมองลู่ยวนหลีด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ ทว่าแววตากลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ผิดแล้ว ทุกอย่างผิดหมดแล้ว…
และเหล่าขุนนางต่างก็รู้สึกหวาดกลัวไม่น้อย ไม่กล้าที่จะต่อว่าเขาแต่อย่างใด
ลู่ยวนหลีหันไปมองไทเฮา พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยไร้ซึ่งความอ่อนโยนใดๆ “ไทเฮา ตอนนี้ เรามาคุยกันเถิด!”
ไทเฮาขมวดคิ้วแน่นด้วยความกระวนกระวายใจ ไม่รู้เป็นเพราะอะไรถึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก “หวยซื่ออ๋อง อยากจะคุยเรื่องอันใดหรือ?”
ลู่ยวนหลีเองก็ไม่พูดจาอ้อมค้อม “หว่านเยียนคือจวิ้นจู่อย่างแท้จริง คือเลือดเนื้อเชื้อไขแห่งราชวงศ์ต้าเซี่ย ข้อนี้ ถือว่ากระหม่อมได้พูดออกมาอย่างชัดเจนที่สุดแล้ว”
ไทเฮาพูดขึ้น “ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้น จุดประสงค์การมาของหวยซื่ออ๋องในครั้งนี้ ก็คือ…”
ลู่ยวนหลีสีหน้าเรียบเฉย เขาถูแหวนหัวกิเลนบนนิ้วไปมาเบาๆ พลางพูดขึ้น “ในเมื่อพระองค์เข้าใจแล้ว เช่นนั้น…ฐานะบรรดาศักดิ์ของหว่านเยียนสูงส่งขนาดไหน กระหม่อมก็ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความแล้ว”
“เดิมทีกระหม่อมคิดว่าหว่านเยียนกำลังตั้งครรภ์ หลังจากที่กลับไปยังต้าเซี่ยและพบปะกับผู้คนแล้ว ทุกคนตกลงและเห็นชอบว่ายินดีที่จะยุติปล่อยวางความบาดหมางในอดีต ร่วมประสานความสัมพันธ์ทางการทูตกับแคว้นซีเหย่…”