ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 832
ประโยคสั้นๆไมมีกี่คำ แต่ไม่มีทางให้ถอยกลับมาแก้ไขสถานการณ์ได้แล้วจริงๆ บีบให้ทุกคนเปลี่ยนสีหน้าไปอย่างมาก
แม้แต่ไท่หวงไท่โฮ่วก็ยังรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ตะโกนด้วยความโกรธว่า “หวยซื่ออ๋องอย่ารังแกกันเกินไปนัก!”
“เจ้าคิดว่าตอนนี้ที่ฮ่องเต้ไม่อยู้แล้ว เจ้าจะกลั่นแกล้งและขำให้ข้ารู้สึกหวาดกลัวได้หรืออย่างไร?”
“ข้าก็บอกเจ้าอย่างชัดแจ้งเช่นกันว่า การที่เจ้าต้องการจะพาตัวทุกคนไปนั้น มันไม่มีทางเป็นไปได้! สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับข้าคือรัชทายาท หากเจ้าพาทายาทของฮ่องเต้ทั้งหมดไป ข้าจะเผชิญหน้ากับบรรพบุรุษของพวกข้าได้อย่างไร? !”
“เจ้าจะเผชิญหน้ากับบรรพบุรุษอย่างไร ข้าไม่สนใจ แต่ตัวคนนั้น ข้าต้องพากลับไป”
“เพียงเพราะพวกเจ้าสังหารหวิ่นหมิงข้อกล่าวหานี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ต้าเซี่ยหันมาต่อต้านพวกเจ้า! ยิ่งไปกว่านั้นพวกเจ้ายังทำให้จักรพรรดินีแห่งต้าเซี่ยได้รับอันตราย จนตอนนี้นางยังไม่ได้สติ นี่ถือเป็นความอัปยศอย่างยิ่ง!”
“เงื่อนไขที่ข้าจะยอมผ่อนปรนในตอนนี้คือขีดจำกัดของต้าเซี่ย พวกเจ้าแคว้นซีเหย่จะต่อสู้ หรือจะยอมปล่อยคน ถึงแม้ฮ่องเต้แห่งซีเหย่จะอยู่ที่นี่ ข้าก็จะไม่มีทางเปลี่ยนใจ”
ภายนอกเขาดูสงบนิ่ง แต่ว่าตอนนี้หวิ่นหมิงตายแล้ว หว่านเยียนก็อยู่ในอาการสาหัส เขากระวนกระวายใจมาตั้งนานแล้ว ถ้าไม่ได้รักษาความสง่างามของราชวงศ์ต้าเซี่ยไว้จนจุดสุดท้าย เขาคงไม่สามารถสงบสติอารมณ์กับไท่หวงไท่โฮ่วที่พูดปาวๆอยู่ตรงนี้ได้
ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่ต้าเซี่ยในอดีต แคว้นเทียนเซิ่งและแคว้นซีเหย่ร่วมมือโจมตีก็ยังไม่สามารถโจมตีได้ นับประสาอะไรกับต้าเซี่ยในตอนนี้ที่เปลี่ยนแปลงเป็นต้าเชี่ยรูปแบบใหม่แล้ว หากเจรจาไม่ได้ ก็แย่งชิงกลับมาด้วยกำลัง!
เมื่อเห็นเช่นนั้น องครักษ์หลายนายพูดขึ้นว่า “หวยซื่ออ๋องไม่เคยพูดล้อเล่น หากพวกเจ้าไม่ผ่อนปรน เช่นนั้นก็รอพวกข้าสั่งกองกำลังมา!”
หลิวช่างชูและคนอื่นๆ เห็นว่าบรรยากาศเริ่มตึงเครียด จึงก้าวไปด้านหน้าทันทีเพื่อเกลี้ยกล่อมว่า “หวยซื่ออ๋องได้โปรดใจเย็นๆ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับทายาทของฮ่องเต้ ขอย่ารีบร้อน ”
เขาหันไปมองไท่หวงไท่โฮ่วด้วยความลำบากใจ “ไท่หวงไท่โฮ่ว ท่านอย่าหุนหันพลันแล่น หากทั้งสองแคว้นเกิดทำสงครามกัน ย่อมจะ…”
“หุบปาก!” ไท่หวงไท่โฮ่วโกรธจัด มองไปที่หลิวช่างชูอย่างดุร้าย
นางไม่รู้หรอกว่า การที่สองแคว้นทำสงครามกันหมายความว่าอย่างไร? !
อีกทั้งยังมีแคว้นเทียนเซิ่งคอยจ้องมองตาเป็นมัน
แคว้นซีเหย่ไม่กลัวการทำสงคราม เพราะความสามารถด้านสงครามของพวกเขาก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน สิ่งที่ต้องเกรงก็คือการที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน จะเปิดโอกาสให้มีคนมาฉกฉวยเอาผลประโยชน์
หลี่หมัวหมัวที่อยู่ด้านข้างตกตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นไท่หวงไท่โฮ่วอารมณ์เสียขนาดนี้ ทรวงอกของเหล่าไท่ไท่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่านางโกรธมากแค่ไหน
ลู่ยวนหลีมองไปที่ไท่หวงไท่โฮ่ว “ไท่หวงไท่โฮ่วคิดดีแล้วหรือ?”
ไท่หวงไท่โฮ่วกัดฟัน “เจ้าในฐานะราชวงศ์ ไม่ใช่ว่าควรทำเพื่อความผาสุกของประชาชนเจ้าหรือ ต้าเซี่ยทำสงครามกับซีเหย่แล้วมันมีประโยชน์อะไร? ”
“ไม่มีประโยชน์อะไร ” ลู่ยวนหลีกล่าวอย่างเฉยชา “อย่างไรก็ตามหากราชวงศ์ต้าเซี่ยไม่สามารถเอาคืนเลือดเนื้อของต้าเซี่ย นักโทษของต้าเซี่ยได้ ประชาชนนับล้านของต้าเซี่ยก็ยิ่งไม่ยินยอม!”
เขาไม่ชอบการทำสงคราม แต่แบ่งแยกเรื่องราวต่างๆ
ไท่หวงไท่โฮ่วกำหมัด นางรู้ว่าทัศนคติของลู่ยวนหลีนั้นมั่นคง น่ากลัวว่าจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
นางกำมือแน่น “ข้าก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี แต่ว่าข้อเรียกร้องของเจ้ามันมากเกินไป! ซีเหย่ไม่มีทางยอมรับได้!”
“แต่มันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาสำหรับเจ้าและข้าถกเถียงไม่หยุด สู้ให้ทั้งสองฝ่ายผ่อนปรนกัน ท่านคิดเห็นอย่างไร?”
ลู่ยวนหลีหมุนแหวนบนนิ้ว ทัศนคติของเขายังคงเดิม “ขอคำชี้แนะด้วย”
ไท่หวงไท่โฮ่วสีหน้าเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก ราวกับว่านางได้ตัดสินใจแล้ว
“เยียนเอ๋อร์เป็นจวิ้นจู่แห่งต้าเซี่ย เจ้าสามารถพานางกลับไปได้ สำหรับองค์หญิงน้อยทั้งสอง…พวกนางเป็นสายเลือดของเยียนเอ๋อร์ ข้าไม่ต้องการให้พวกนางแยกจากไป ดังนั้นให้พวกนางกลับต้าเซี่ยไปกับเยียนเอ๋อร์เถิด ส่วนสำหรับท่านทูตกาว–”
นางจ้องไปที่พ่อบ้านกาวอย่างดุร้าย “เขาเป็นคนที่ทำให้เรื่องราววุ่นวาย วันนี้แคว้นซีเหย่ของพวกข้าอยู่ในสภาพโกลาหล ข้าหวังว่าเจ้าจะจัดการกับเขาได้!”
“แต่หยุนอี่ว์โหรว พวกเจ้าต้องให้นางอยู่กับข้าและห้าแตะต้องนาง”
จู่ๆ พ่อบ้านกาวก็กำหมัดแน่นอย่างประหม่า สีหน้าของลู่ยวนหลีนั้นเย็นชาเป็นการยากที่จะแยกแยะ
ไท่หวงไท่โฮ่วเห็นว่าลู่ยวนหลียังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองมากนัก จึงอธิบายต่อไปว่า “หยุนอี่ว์โหรวนั้นร้ายกาจ แต่ถึงอย่างไรในท้องของนางก็ยังมีลูกของฮ่องเต้ เจ้าพาเยียนเอ๋อร์กับองค์หญิงน้องทั้งสองไปแล้ว ถึงอย่างไรก็ต้องไว้ทายาทสักคนให้ฮ่องเต้ไม่ใช่หรือ!”
“เจ้าวางใจเถอะ ข้าก็รับนางไม่ได้ หลังจากนางให้กำเนิดทายาทของฮ่องเต้ ข้าจะให้คนจัดการนาง!”
นางไม่ได้ต้องการหยุนอี่ว์โหรว แต่รู้ว่าการที่หนานหว่านเยียนต้องจากไปเป็นเรื่องที่แน่นอน
ยังเข้าใจอีกด้วยว่า หากไม่ต้องการเริ่มสงคราม องค์หญิงน้อยทั้งสองก็ไม่อาจอยู่ที่นี่ได้ ท้ายที่สุดซีเหย่ขาดเหตุผลจริงๆ แทนที่จะต่อสู้เพื่อสิ่งที่ไม่สามารถเป็นไปได้ สู้เพิ่มผลประโยชน์ให้สูงสุดและไปเอาคืนมาง่ายที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเยียนเอ๋อร์จากไปแล้ว เด็กโม่หานคนนั้นยังไม่รู้ว่าจะพังทลายลงอย่างไร สองเดือนก่อนหน้านี้เป็นข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุด
ดังนั้นไม่ว่าจะพิจารณาจากมุมไหน นางก็ต้องเก็บเด็กในท้องของหยุนอี่ว์โหรวไว้ ท้ายที่สุดแล้วมันก็คือเลือดเนื้อของโม่หาน และอาจสามารถระงับความเจ็บปวดในใจของโม่หานได้ มันก็ยากที่จะพูด
เมื่อได้ยินเช่นนี้หลิวช่างชูและคนอื่นๆ ต่างประหลาดใจ
ตอนนี้เรื่องมีความซับซ้อนมากขึ้นอย่างสิ้นเชิงและทุกคนไม่กล้ารับประกันว่าการตัดสินใจของไท่หวงไท่โฮ่ว ลู่หยวนหลีจะยอมรับได้หรือไม่ แต่ซีเหย่ไม่สามารถผ่อนปรนได้มากนัก
ในฐานะข้าราชบริพาร พวกเขารักษาความสงบสุขของบ้านเมือง ไม่ต้องการทำสงคราม สิ้นเปลืองทั้งทรัพยากรและกำลังคน แต่อานุภาพแคว้นซีเหย่กว้งใหญ่ไพศาล ไม่จำเป็นต้องทำสิ่งที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมต่อตนเอง
ลู่ยวนหลีลู่คิ้วลง นัยน์ตาสีทองเข้มขึ้น
เขารู้ว่าไท่หวงไท่โฮ่วเองก็เป็นหญิงชราที่ดื้อรั้นเช่นกัน และหากนางยอมผ่อนปรนเช่นนี้ คงต้องเป็นเพราะว่านางไม่ต้องการยั่วยุให้ทั้งสองแคว้นต่อสู้กัน แต่นางไม่มีวันยอมให้เขาเรียกร้องมากเกินไป
จุดประสงค์ของเขาในครั้งนี้ สิ่งที่สําคัญที่สุดคือการนําหว่านเยียนและเด็กหญิงตัวน้อยทั้งสองกลับไปที่ต้าเซี่ย สําหรับหยุนอี่ว์โหรว…
หากพาไปไม่ได้ เช่นนั้นก็หาวิธีกำจัด มีตั้งหลายวิธี ไม่จำเป็นต้องยึดติด
ดวงตาสีเข้มของลู่ยวนหลี ฉายแววอำมหิต “”เนื่องจากไท่หวงไท่โฮ่วตรัสด้วยความจริงใจแล้ว ข้าก็ไม่จําเป็นต้องทำให้เรื่องมันยุ่งยาก”
“ข้าผ่อนปรนได้”
“ข้าจะพาหว่านเยียน องค์หญิงน้อยทั้งสอง และกาวม่านหย่วน ขุนนางที่มีความผิดไป ส่วนหยุนอี่ว์โหรวทิ้งไว้ให้แคว้นซีเหย่ของพวกเจ้าจัดการ—“