หนานหว่านเยียนในที่สุดก็อยู่ไม่สุขแล้ว บนใบหน้าที่เย็นชาราวน้ำแข็งของนางก็เริ่มปรากฏความร้อนรน นางรีบถามขึ้นมาทันใดว่า “ลานคัดเลือกอยู่ที่ไหนเพคะ หม่อมฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
ฝ่าบาทแววพระเนตรเป็นประกายฉับพลัน ร้องทักเฉียนซีว่า “เจ้านำหว่านเยียนไปดูสักหน่อย”
“เพคะ ฝ่าบาท” เฉียนซีพยักหน้าตอบรับคำ ส่งสัญญาณให้หว่านเยียนเดินตามนางไป หนานหว่านเยียนยกชายกระโปรงขึ้น รีบเร่งเดินออกไปประหนึ่งมีลมหอบเท้า
ยามนี้ฝ่าบาทที่ประทับอยู่ที่บนกลับตรัสเสริมแย้มพระสรวลร่า “หว่านเยียนเจ้าไม่ต้องรีบหรอก ตอนนี้ก็ดำเนินการไปกว่าครึ่งแล้ว ถึงเจ้าจะไป ก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว”
เมื่อก่อนตอนอยู่ที่ซีเหย่ หนานหว่านเยียนได้รับความเจ็บปวดสาหัสจากเรื่องความรัก ต่อมาหลังจากนั้นก็หลีกหนีเรื่องความรักมาโดยตลอด
วันนี้ พระองค์จะต้องเลือกชายหนุ่มที่วาดหวังไว้ให้แก่หนานหว่านเยียนให้จงได้
สิ้นเสียงตรัส หนานหว่านเยียนหันกลับมามองฝ่าบาทเต็มตาของนาง แล้วเดินไปอย่างเร่งด่วน
นางจะต้องรีบไปยังลานคัดเลือก หยุดยั้งความเสียหายให้ทันกาล
นอกวัง ลานคัดเลือกสวามี
อย่าเรียกว่าลานคัดเลือกเลย เรียกว่าเวทีที่ถูกคนสร้างไว้ชั่วคราวหน้าประตูวังจะดีกว่า
ระหว่างเวทีและประตูวังนั้นถูกกั้นไว้ด้วยผืนฉากยาว ๆ ด้านหนึ่งคือกลุ่มคนที่รอคัดเลือก อีกด้านหนึ่งก็คือคนที่เข้าแข่งขัน คัดเลือกเสร็จสิ้นแล้วเตรียมเข้าวัง
ที่นี่มีเสียงผู้คนดังอื้ออึง ไม่ว่าที่ไหน ๆ ก็เห็นแต่ชายหนุ่มรูปงามจับกลุ่มยืนกันอยู่
สีหน้าของทุกคนต่างตื่นเต้นยินดี ต่างก็มาด้วยจุดประสงค์เดียวกัน นั่นคือกางเลือกสวามีขององค์หญิงหมิงหวง
ในมุมหนึ่งที่ดูไม่สะดุดตา ร่างสูงใหญ่ดูสง่าในชุดดำ ใบหน้าหล่อเหลาขาวใสเกลี้ยงเกลาปรากฏสีโทนเย็น ดวงตาลุ่มลึกที่ดำสนิทราวกับหมึกนั้นสอดส่ายไปยังชายหนุ่มที่อยากเข้าร่วมการคัดเลือกสวามีองค์หญิงทุกคน สายตาดูแอบแฝงและเย็นเยือก
เขาแนบอกพิงเสา รอบกายเต็มไปด้วยไอเย็นชวนให้คนหวาดเสียว เขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าคัดเลือก ทว่าในลานคัดเลือกนั้นมีคนเข้าร่วมกว่าร้อยคน สิบคนเข้าคัดต่อหนึ่งรอบ เขาคือคนที่อยู่ในรอบสุดท้าย
อีกเก้าคนที่เหลือนั้นกำลังจับกลุ่มถกความเห็นอะไรกันอยู่ ทันใดก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหววุ่นวายมาจากทางด้านล่างของเวทีดังไปทั่ว ตามมาด้วยเสียงเด็กน้อยร้องไห้ทำลายความคึกคักในตอนแรก
เห็นแต่เพียงด้านล่างเวทีเด็กชายตัวน้อยอายุราว ๆ สองขวบปี เจ้าเด็กน้อยสวมเสื้อครุยตัวโคร่งขนาดไม่พอดีตัว เสื้อผ้าดูแล้วทั้งเก่าและยับยู่ยี่ แขนเสื้อย้อยลงพื้น ส่วนเอวที่อ้วนฉุยิ่งทำให้เจ้าเด็กน้อยตัวเตี้ยลงไปอีก
เบื้องหน้าของเขามีชายทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด ตาทั้งสองปิดสนิท ดูไปแล้วดูเหมือนจะตายมาสักพักแล้ว
เจ้าเด็กน้อยร้องดังออกมาอย่างไร้เดียงสาหมดหนทาง “ท่านพ่อ ท่าน ท่านตายอย่างอนาถ”
แม้ว่าจะอายุน้อย แต่ดวงตาดำขลับเต็มดวงทั้งคู่นั้นเผยให้เห็นแววฉลาด ใบหน้ากลมตุ่ยเต็มไปด้วยรอบเปื้อน แต่กลับยังมีความน่ารักอ่อนโยนแจ่มชัดจนสังเกตได้
พอเขาเปล่งเสียงร้อง บรรดาคุณชายมีตระกูลในลานคัดเลือกต่างค่อย ๆ นิ่วหน้าขมวดคิ้ว เริ่มเดินถอยออกห่าง ต่างคิดว่าพิธีเลือกสวามีที่ยิ่งใหญ่ในวันนี้กลายเป็นงานศพจะต้องเกิดเรื่องไม่เป็นมงคลไปตลอด
ตอนที่ชายในเสื้อครุยดำที่ยืนแนบอกพิงเสาเพียงลำพังได้มองเห็นเจ้าเด็กน้อยนั่น กลับกลายเป็นว่าตัวสั่นขึ้นมาในทันใด เขายืนยืดตัวจนสุดกาย นิ้วมือที่แนบติดลำตัวค่อย ๆ กำแน่น เดินไปทางเจ้าเด็กน้อยที่กำลังเศร้าสลด
เจ้าเด็กน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้น แอบใช้มือหยิกตรงเนื้อตักของตัวเอง บีบให้ตัวเองร้องออกมาหนักกว่าเก่า “พี่ ๆ ทุกท่าน พ่อข้า พ่อข้าตายไปแล้ว ตัวข้าไม่มีเงิน ได้แต่ ได้แต่ต้องขายตัวเอง พวกท่านมีเมตตา ซื้อตัวข้าเถอะนะ”
พูดจบ เรียวนิ้วกลมป้อมบิดเสื้อมาเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าบ่อยๆ น่าสงสารทีเดียว
เจ้าเด็กน้อยแสร้งร้อง กลับแอบสังเกตกลุ่มคน คนพวกนี้ไม่ว่าใครก็ตามที่ช่วยเขา จะต้องเสียเวลาในช่วงการคัดเลือก แต่ถ้าหากไม่ช่วยเขา แม้แต่ด่านนี้ของตัวเขาก็ไม่ผ่านไปได้ ยิ่งด่านของพี่ ๆ ก็ไม่ต้องพูดถึง
ถึงอย่างไรเสียท่านแม่ก็มีลูกถึงสี่คน ถ้าหากคนพวกนี้ไม่มีความเห็นใจเด็กได้ถึงกึ่งล่ะก็ จะมีคุณสมบัติอยู่ข้างกายท่านแม่ได้อย่างไร
จนถึงตอนนี้คัดกรองไปแล้วเก้าสิบคน มีเพียงสามสิบคนเท่านั้นที่แข็งแกร่งผ่านด่านมาได้ แต่ไม่มีสักคนที่โดดเด่นในสายตา
ไม่ไกลนัก หยุนเหิงที่ซ่อนตัวในฝูงชนคอยเฝ้าดูเด็กน้อยมาโดยตลอดอดไม่ได้ที่จะต้องกุมขมับ
เจ้าเด็กน้อยที่อยู่เยื้องหน้าเขาก็คือน่าวน่าว บุตรชายของหนานหว่านเยียน เป็นเด็กที่สมองคิดเร็วกว่าปากพูด แม้จะยังเล็กแต่กลับมีสายตาความคิดที่เฉียบคม
วันนี้ก็อยากจะลองทดสอบคุณสมบัติประจำตัวของผู้เข้าคัดเลือกสนมชายด้วยตัวเอง จึงได้หาองครักษ์มาคนหนึ่งปลอมตัวเป็นบิดาที่ตายไป ทำหน้าตาให้มอมแมม ขายตัวเองเพื่อฝังศพพ่อ
แค่ฉากนี้ฉากเดียว เขาเองก็ดูมาตลอดทั้งช่วงสาย ดูจนเอียนแล้วจริง ๆ แต่ว่าเสี่ยวซื่อจือก็ยังแสดงได้ไม่มากพอ ทุกครั้งเวลาที่พูดถึงพ่อที่ตายไป ใจของเขานั้นก็ถูกบีบคั้นอย่างแรง เกรงแต่เพียงว่าบิดาบังเกิดเกล้าของเสี่ยวซื่อจือจะปรากฏตัวขึ้นมากลางสถานที่แห่งนี้ เช่นนั้นคงอึดอัดเป็นแน่แล้วทีเดียว
พอใคร่ครวญเสร็จ หยุนเหิงเงยหน้ามองผู้ชายที่รอการคัดเลือกในลานคัดเลือก สายตาไปหยุดอยู่ตรงตัวของชายหนุ่มในชุดดำที่มีลักษณะผิดแผกพิเศษกว่าใคร กลับต้องรีบไหวตัวออกมาอย่างรวดเร็ว
ในลานแห่งนั้นไม่มีสักคนเลยที่คุ้นหน้า เขาเม้มริมฝีปากในใจก็แอบพึมพำขึ้นมา หรือว่า คนนั้นยังไม่มากันนะ
ถ้ายังไม่มาอีก ก็จะมาไม่ทันฮองเฮาเลือกสวามีแล้ว…
ด้านล่างของเวที เสียงร้องของน่าวน่าวดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก ต่างคนต่างก็ค่อย ๆ เริ่มวิพากษ์วิจารณ์
คุณชายเสื้อสีครามเข้มมองน่าวน่าวด้วยอาการนิ่วหน้า เอ่ยเสียงกล่าวออกไปอย่างไม่พอใจว่า “เจ้าเด็กนี่ วันดี ๆ แบบนี้ เหตุใดต้องมาก่อเรื่องในวันงานคัดเลือกสวามีนี้ด้วย”
สิ้นเสียงพูดนั้น ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างเริ่มคิดเข้าด้วยฝ่ายของคุณชายเสื้อครามเข้ม
โดยรวมก็คือ พวกเขาต่างก็ไม่ยอมที่จะมาเสียเวลากับเจ้าเด็กสกปรกมอมแมมนี่ จึงทำให้บรรดาองครักษ์รีบดึงตัวฝูงชนเหล่านั้นออกไป
คนอื่น ๆ ก็คิดเห็นเช่นเดียวกัน ต่างก็ไม่ได้ใส่ใจในตัวน่าวน่าวและ “ท่านพ่อที่ตายไป”
ขณะที่น่าวน่าวได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดนั้น ในช่วงที่ดวงตาบีบน้ำตาออกมาแต่ในใจกลับคิดว่าคนเหล่านี้ควรต้องตกรอบนั้น ก็มีชายในชุดครุยดำเดินปรากฏตัวออกมาเบื้องหน้าของตัวเขา
ชายผู้นั้นก้มลงมองดูน่าวน่าว นิ้วมืออันเรียวยาวเช็ดน้ำตาที่บีบเค้นออกมาจากมุมขอบตาของเจ้าหนุ่มน้อย ลึกลงไปในดวงตานั้นซ่อนความเจ็บปวดหัวใจและความตื่นเต้นที่ไม่อาจสังเกตได้โดยง่าย ถึงขั้นที่เรียกว่าหนักอึ้ง
“เจ้าหนู” เจ้าชื่ออะไร แม่เจ้าล่ะ นางอยู่ที่ไหน”