ชายชุดดำที่สวมหน้ากากสีเงินตามซีหลิงเทียนเหล่ยไป คนหนึ่งอยู่ข้างหน้าคนหนึ่งอยู่ข้างหลังตามไปจนถึงจวนสี่ประสานเล็กๆ แห่งหนึ่งในเมือง ชายชุดดำเลิกคิ้วขึ้นท่ามกลางเงามืด
ซีหลิงเทียนเหล่ยมาที่นี่เพื่อมาพบหวั่นอินสาวใช้ข้างกายเฟิ่งชิงเฉินเท่านั้นหรือ?
เมื่อมองดูสาวใช้ตัวน้อย บุรุษชุดดำก็มั่นใจว่าละครสนุกที่หน้าประตูเมืองนั้นต้องมีอ
ค์หญิงและองค์รัชทายาทซีหลิงเป็นผู้กำกับแน่
เพียงแต่สาวใช้ตัวเล็กๆ นี่สำคัญถึงขนาดที่ต้องให้ซีหลิงเทียนเหล่ยมาพบด้วยตนเองเชียวหรือ? สาวใช้ผู้นี้ช่างมีเกียรติเสียจริง หรือต้องบอกว่าเฟิ่งชิงเฉินช่างมีเกียรติเสียจริง
“คุณชาย ข้าน้อยทำเรื่องทุกอย่างตามที่คุณชายได้บอกมาแล้ว” หวั่นอินมองแผ่นหลังของซีหลิงเทียนเหล่ยด้วยแววตารักใคร่ สองแก้มของนางแดงปลั่งใบหน้าเต็มไปด้วยความเสน่หาราวกับกำลังออดอ้อนขอรางวัล
“เรียบร้อยหรือ? เจ้าแน่ใจหรือว่าเรียบร้อย? ของที่แม่ทัพเฟิ่งและฮูหยินทิ้งไว้ก็ยังหาไม่พบ ข้าก็ไม่ได้เอาเรื่องเจ้า แล้วเรื่องที่หน้าประตูเมืองเล่า? ทำไมเฟิ่งชิงเฉินยังไม่คิดจะไปตายอีก?” ซีหลิงเทียนเหล่ยหันกลับมามองหวั่นอินอย่างโกรธเกรี้ยว
“คุณชาย?” รอยยิ้มบนใบหน้าของหวั่นอินแข็งค้างไป
เหตุใดคุณชายจึงได้เปลี่ยนเป็นราวกับเป็นคนละกันเช่นนี้ เขาไม่ได้ใจกว้างอ่อนโยนหรอกหรือ?
“นังโง่” ซีหลิงเทียนเหล่ยสบถด่า ในขณะที่หวั่นอินยังไม่ได้ตั้งตัว เขาก็ถีบเข้าที่ท้องของนาง
ตึง… ร่างของหวั่นอินล้มลงกับพื้น หน้าของนางคว่ำลงเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นผง
การล้มลงคราวนี้เป็นไปอย่างกะทันหัน หวั่นอินไม่ได้ตั้งตัวเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยเลือดและความวิงเวียน ผ่านไปอยู่นานกว่าจะได้สติคืนมา
“คุณชาย คุณชาย…” หวั่นอินร้องเรียกเขาอย่างตกใจกลัว
“เฮอะ!” ซีหลิงเทียนเหล่ยแค่นเสียง
สัญชาตญาณของข้ารับใช้ทำให้นางรู้ว่านางถูกทิ้งแล้ว
นางลุกขึ้นโดยเพิกเฉยต่อความเจ็บปวด นางกอดขาของซีหลิงเทียนเหล่ยแน่นและร้องตะโกนว่า “คุณชายไว้ชีวิตข้าด้วย ไว้ชีวิตข้าด้วย”
“ไสหัวไป…” ซีหลิงเทียนเหล่ยถีบนางอีกครั้งอย่างรำคาญใจ
“ไว้ชีวิตงั้นหรือ? ข้าอยากจะไว้ชีวิตเจ้านักหรือ ไหนเจ้าบอกว่าคุณหนูของเจ้าอ่อนแอไร้ความสามารถ ขี้ขลาดขี้กลัว แต่ความเป็นจริงเล่า? คุณหนูของเจ้าที่หน้าประตูเมืองนั่นช่างโอหังยิ่งนัก!” ซีหลิงเทียนเหล่ยมองหวั่นอินอย่างรำคาญใจ
เฟิ่งชิงเฉิน ผู้หญิงที่น่าหลงใหลเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะต้องการรู้ความลับของนาง เขาย่อมไม่มาด้วยตนเอง
เขามีคนมากมายที่จะใช้ให้กำจัดสาวใช้ผู้นี้ได้
“คุณหนู… ฮือๆๆ ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ปกติคุณหนูไม่ได้เป็นเช่นนี้ คุณหนูขี้ขลาดขี้กลัว ยามอยู่ในเมืองหากถูกคนรังแกก็จะร้องไห้ นางไม่กล้าพูดเสียงดังด้วยซ้ำ คุณชาย ข้าน้อยไม่รู้จริงๆ …”
หวั่นอินสะอื้นไห้จนแทบหายใจไม่ทัน นางเจ็บปวดจนหายใจไม่ออก แต่ก็ไม่กล้าเมินเฉยต่อคำถามของซีหลิงเทียนเหล่ย
ระหว่างพูดนางก็กระอักเลือกออกมา ฟันสีขาวของนางก็หลุดออกมาตามเลือดนั้นทีละซี่
โฮๆๆ … นางผิดไปแล้ว นางไม่ควรละโมบโลภมาก ไม่ควรทรยศต่อผู้เป็นนาย
เจ็บเหลือเกิน นางเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส…
“ข้าถามเจ้าอีกครั้ง ท่าทางแต่ก่อนของเฟิ่งชิงเฉินเป็นการเสแสร้งใช่หรือไม่? ทำไม? วรยุทธ์ที่นางมีใครเป็นผู้สอน?”
นี่ต่างหากที่เป็นจุดสำคัญ เพียงแค่แวบเดียว ซีหลิงเทียนเหล่ยก็รู้แล้วว่ากระบวนท่าที่เฟิ่งชิงเฉินใช้เมื่อครู่เหมาะสำหรับทหาร
ทักษะเช่นนี้เขาต้องรู้ให้ได้ ดีที่สุดคือสืบกระบวนทั้งหมดของนางแล้วให้เหล่าทหารของซีหลิงได้เรียนรู้ไว้
“ข้าน้อยไม่รู้ วรยุทธ์งั้นหรือ? วรยุทธ์อะไรกัน ข้าไม่รู้เรื่อง คุณหนูทำไม่เป็นหรอก นางไม่มีวรยุทธ์อะไรเลย…” เลือดของหวั่นอินอยู่เต็มปาก ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
นางอยากจะหนีไปให้พ้น แต่กลับหนีไปไหนไม่ได้…
“ไม่รู้งั้นหรือ? เจ้าไม่รู้อะไรเอาเสียเลย เก็บเจ้าไว้จะไปมีประโยชน์อะไร” ซีหลิงเทียนเหล่ยถีบนางอีกครั้ง หวั่นอินกลิ้งไปอีกทางตามแรงถีบ
ซีหลิงเทียนเหล่ยมองท่าทางเช่นนี้ของหวั่นอินก็รู้ว่านางไม่ได้โกหก คนที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้จะเก็บนางไว้ทำไมอีก
“ทหาร…” ซีหลิงเทียนเหล่ยฉายแววโหดเหี้ยม
เฟิ่งชิงเฉิน วันนี้ข้าจะสั่งสอนขี้ข้าที่ทรยศนายเพื่อความร่ำรวยแทนเจ้าเอง เจ้าอย่าได้เป็นทุกข์เพราะคนเช่นนี้อีกเลย
“คุณชาย คุณชายปล่อยข้าไปเถิด หวั่นอินไม่กล้าแล้ว ไม่กล้าอีกแล้ว…” หวั่นอินยีนกายขึ้นมาเกาะซีหลิงเทียนเหล่ยอีกครั้ง
นางรู้สึกเสียใจเสียแล้ว นางเสียใจแล้วจริงๆ
นางไม่ควรทอดทิ้งคุณหนูของนางเลย
“ฝ่าบาท” ชายร่างใหญ่สี่คนพุ่งเข้ามาคุกเข่าลงด้านหน้าซีหลิงเทียนเหล่ย
“ปฏิบัติต่อนางดีๆ หน่อยก็แล้วกัน คิดจะเป็นผู้หญิงของข้าต้องเรียนรู้ที่จะปรนนิบัติผู้ชาย อย่าให้นางตายเอาง่ายๆ เสียล่ะ” ซีหลิงเทียนเหล่ยออกคำสั่งอย่างเลือดเย็น เมื่อพูดเสร็จก็หมุนตัวเดินออกไป
“พ่ะย่ะค่ะ” ชายทั้งสี่ท่าทางยินดี
ความหมายของฝ่าบาทไม่ใช่ว่าให้พวกเขาเล่นกับนางได้ตามใจชอบหรือ จะทำให้นางตายก็ไม่เป็นไร
“ไม่ ไม่เอา ไม่เอานะ” หวั่นอินร้องโวยวาย สัญชาตญาณเอาตัวรอดของนางปะทุขึ้นมาทันที นางรีบลุกขึ้นพุ่งตัวออกไปข้างนอก
นางจะอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้…
นี่เป็นผลกรรมของนางหรือ? นางใส่ร้ายคุณหนูให้เสียความบริสุทธิ์ไป ตอนนี้ถึงคราวของนางแล้วงั้นหรือ?
“คิดจะหนีหรือ? คิดจะหนีไปไหนหรือ?” ชายที่อยู่ตรงประตูเอื้อมมือออกมาขวางหวั่นอินไว้ เสียงฉีกขาดดังขึ้น ชุดกระโปรงที่อยู่บนร่างของหวั่นอินก็ถูกกระชากจนขาด
“ไม่ ไม่เอา ช่วยด้วย คุณหนูช่วยข้าด้วย!” หวั่นอินดิ้นรนขัดขืนสุดชีวิต เรียวขาขาวดุจหิมะเตะอากาศ
“ช่วย? แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว” ชายทั้งสี่มีรอยยิ้มชั่วร้าย เสียงตึงดังขึ้นหวั่นอินก็ล้มลงกับพื้น
“โอ๊ย…” หวั่นอินร้องอย่างเจ็บปวด
“ขาของนางขาวยิ่งนัก นางสวยเสียยิ่งกว่าหญิงในหอคณิกาเสียอีก” ในขณะที่พูดก็จับขาของหวั่นอินเอาไว้
“ไม่เอา…” หวั่นอินพยายามดิ้นรน
น่าขยะแขยงเสียจริง นางไม่ต้องการถูกคนพวกนี้แตะต้อง
“ไม่เอางั้นหรือ… เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน” ในขณะที่ชายเหล่านี้พูด พวกเขาก็ทั้งบีบทั้งคลึงไปทั่วเรือนร่างของนาง
ในไม่ช้าทั่วร่างของหวั่นอินก็เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ
“ทั้งขาว ทั้งใหญ่ ถูกใจข้ายิ่งนัก” ชายสองคนรุมล้อมอยู่ที่ร่างกายส่วนบนของหวั่นอิน
“ไม่ อย่ามาแตะต้องตัวข้า อย่าจับข้านะ คุณหนู คุณหนูช่วยข้าด้วย…” ร่างกายบอบบางถูกลวนลามจนสั่นสะท้าน หวั่นอินร้องไห้ด้วยหน้าตาซีดเผือด แต่ก็กลับถูกชายเหล่านี้กดไว้จนไม่อาจขยับเขยื้อนตัวได้ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ไม่มีใครมาช่วยนางหรอก คุณหนู…ก็คงไม่มาช่วยนางอีกแล้ว
“อย่าแตะต้อง? เจ้าคิดว่าพวกข้าอ่อนหัดงั้นหรือ?”
เพี๊ยะ… ชายคนหนึ่งสะบัดมือตบหน้านางอย่างโหดเหี้ยมจนทำให้นางมึนงง
เมื่อเห็นว่าหวั่นอินไม่ดิ้นรนขัดขืนแล้ว ชายผู้นั้นก็ลุกขึ้นยืนและปลดกางเกงหยิบสิ่งนั้นออกมา…
“สหาย ข้าขอก่อนล่ะ” ว่าแล้วก็ขึ้นคร่อมนาง
“เจ้าเล่นอันล่าง พวกเราจะเล่นข้างบน” ชายอีกสามคนยิ้มอย่างหื่นกระหายพลางปลดกางเกงของตนเองออก
หวั่นอินมีสีหน้าท้อแท้สิ้นหวังและไม่ได้ขยับตัวอีก
ชายคนหนึ่งขึ้นคร่อมบนตัวของหวั่นอิน นิ้วที่ทั้งดำและหยาบสอดใส่เข้าไปหยอกล้อกับหวั่นอินอย่างหยาบช้า
น้ำตา… หยดลงมาของหางตาของนาง นางคิดจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายแต่กลับพบว่าฟันของนางถูกซีหลิงเทียนเหล่ยทำให้หักไปหมดสิ้นแล้ว
วินาทีต่อมาปากของนางก็ถูกบางสิ่งบางอย่างที่น่าขยะแขยงยัดเข้ามา
ไม่เอา ไม่เอา…
ฮือๆ … ในปากของนางมีเสียงราวกับสัตว์เดรัจฉานดังออกมา
เสียงเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะไม่ทำให้ถูกสงสาร แต่กลับยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ของพวกเขาจนอดรนทนไม่ไหว
เสียงหัวเราะของเหล่าชายฉกรรจ์ดังขึ้นในห้องเล็กๆ
“น้องสาวผู้นี้เปียกเร็วเสียจริง เกิดมาถูกข่มขืนเสียโดยแท้”
เมื่อพูดจบเขาก็เล็งไปที่ปากถ้ำและสอดใส่เข้าไปอย่างหยาบช้า
“รู้สึกดีจริง…” ชายผู้นั้นคำรามอย่างพึงพอใจ
ผู้ที่เป็นทหารเช่นพวกเขา สองสามปีจึงมีโอกาสได้แตะต้องหญิงสาวสักครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ช่างโชคดีเสียจริง
“อือ…” หวั่นอินครางเสียงอู้อี้ นางอับอายและเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่งจนนางสลบไป
ชายเหล่านั้นหัวเราะอย่างพอใจและขยับเคลื่อนไหวบนร่างกายไม่หยุด เลือดของนางออกมาจากจุดที่เชื่อมต่อกันโดยไม่หยุดไหล
เสียงแห่งกามารมณ์ทำให้ชายอีกสามคนในห้องยิ่งเกิดอารมณ์จนน้ำลายไหล พวกเขารีบร้อนอยากทำจนดึงดันกันไปมา
“เร็วหน่อยซี่ พวกเรายังรออยู่นะ เจ้าอย่าเอาแต่เสพสุขอยู่คนเดียว”
“จะรีบไปไย… ฝ่าบาทบอกแล้วว่าอย่าให้นางตายง่ายๆ ฟ้ายังไม่มืดเลย ยังมีเวลาอีกมาก ให้ข้าได้เสพสมอารมณ์หมายสักหน่อย” เขายังไปไม่ถึงจุดสุดยอดเลย ยังคงต้องเคลื่อนไหวต่อไป
…
บนหลังคาบุรุษชุดดำที่สวมหน้ากากเงินได้แต่ส่ายหน้า
นี่เป็นสิ่งที่ต้องชดใช้จากการที่ทรยศนาย…
ไม่ได้ข่าวที่มีประโยชน์อันใด เงาของเขาไหววูบมุ่งหน้าไปทางวังหลวง
เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าจะรอดชีวิตออกมาจากวังหลวงได้หรือไม่หนอ?
บทที่ 003 ระบายอารมณ์ วันนี้เป็นวันแต่งงาน
บทที่ 005 ถูกหยามเกียรติ ทรยศนายเพื่อลาภยศ