“เฟิ่งชิงเฉิน?”
ตงหลิงจื่อลั่วเรียกนาง แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ยังไม่ขยับและหลับตาแน่น
“อย่าบอกนะว่าตายแล้ว?”
ตงหลิงจื่อลั่วเป็นกังวล และไม่ว่าขันทีจะห้ามอย่างไร เขาก็จะเข้าไปเช็คดูด้วยตนเอง
ตงหลิงจื่อลั่วก้มลงและไปตรวจสอบการหายใจของเฟิ่งชิงเฉิน ทันใดนั้นเอง
เฟิ่งชิงเฉินลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน และมองจ้องไปที่ตงหลิงจื่อลั่ว……….
“เจ้า…” ตงหลิงจื่อลั่วตกใจ เขาเคยเห็นแววตาแบบนี้มาก่อน เมื่อตอนที่เสด็จแม่ของเขาอยากจะสังหารใคร ก็จะแสดงแววตาเช่นนี้ออกมา
มันคือสายตาอาฆาต
“ข้าเอง!” เฟิ่งชิงเฉินเยาะเย้ย และเมื่อตงหลิงจื่อลั่วยังไม่ทันตอบสนอง นางก็คว้าปลอกคอของตงหลิงจื่อลั่วเอาไว้และยืนขึ้น
“นางผู้หญิงบ้า ปล่อยข้า!” ตงหลิงจื่อลั่วตกใจและเตะนางไปโดยไม่รู้ตัว
เฟิ่งชิงเฉินหันข้าง เท้าของตงหลิงจื่อลั่วเตะไปที่น่องของเฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินร้องออกเสียง แต่นางก็ไม่นยอมปล่อยเขา และนางก็ทรุดตัวล้มลงที่อ้อมกอดของตงหลิงจื่อลั่ว …
นางสอดขาขวาเข้าไปที่ระหว่างขาของตงหลิงจื่อลั่ว และเข่าของนางหยุดไว้ที่ระหว่างขาของตงหลิงจื่อลั่ว การเคลื่อนไหวนี้เสร็จสิ้นในครั้งเดียว…
เฟิ่งชิงเฉินถือโอกาสเกาะที่ตัวของตงหลิงจื่อลั่ว และแนบไปที่ข้างหูของเขา พร้อมกล่าวโดยใช้เสียงที่เบาจนมีแค่เขาสองคนได้ยินว่า
“ใช่แล้วข้าบ้า และที่ข้าเป็นบ้าก็เพราะเจ้านั่นแหละ ลั่วอ๋อง!”
ท่าทางนี้ดูคลุมเครืออย่างยิ่งในสายตาของคนภายนอก ไม่มีใครเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังข่มขู่ตงหลิงจื่อลั่ว
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ามันไร้ยางอาย” ตงหลิงจื่อลั่วกล่าวเบาๆ
ตรงนั้นของเขาถูกนางกดเอาไว้ เดิมตงหลิงจื่อลั่วตกตะลึง จากนั้นเขาก็หน้าแดงแววตาที่เขามองเฟิ่งชิงเฉินนอกจากจะดูถูกแล้ว ยังมีความรังเกียจเล็กน้อย
เขาได้ยินราชองครักษ์เข้ามารายงานว่า เฟิ่งชิงเฉินเตะตรงนั้นของคุณชายเหยียนจนเละ เดิมเขาคิดว่านั่นคืออุบัติเหตุ
แต่ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะตั้งใจทำมัน และเมื่อเห็นท่าทีที่ชำนาญและเป็นธรรมชาติของนางแล้ว เขาคิดว่านี่คงมิใช่ครั้งแรก
เดิมเขารู้สึกผิด แต่ตอนนี้เขาไม่สงสารนางแม้แต่น้อย เพราะทุกอย่างเป็นเพราะตัวเองนาง นางเองต่างหากที่ไม่มีความละอายใจ
หญิงสาวที่มาจากตระกูลผู้ดี จะเป็นเหมือนเฟิ่งชิงเฉินหรือ?
อีกอย่าง มีผู้ชายมากมายในโลกนี้ เหตุใดผู้หญิงคนนี้ถึงมารังควานตัวเองไม่เลิก
“ข้าจะไร้ยางอายหรือไม่นั้น เกี่ยวข้องกระไรกับเจ้าหรือ? อย่าลืมไปว่าตอนนี้เจ้ามิได้เป็นกระไรกับข้าแล้ว” เฟิ่งชิงเฉินหายใจออกเบาๆ ที่คอของตงหลิงจื่อลั่ว
เป็นไปตามคาด ช่วงล่างของชายคนนี้เกิดปฏิกิริยาขึ้นมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า ลั่วอ๋อง เจ้าบอกว่าข้าไร้ยางอายมิใช่หรือ? แล้วเจ้ามีปฏิกิริยาเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวอย่างเยาะเย้ย
ตงหลิงจื่อลั่วตัวแข็งทื่อ เขาจ้องไปที่เฟิ่งชิงเฉินอย่างชั่วร้าย
เขาไม่ใช่คนที่ตายไปแล้วสักหน่อย มีผู้หญิงมาทำเช่นนี้กับเขา ไม่มีปฏิกิริยากระไรเลยนั่นสิแปลกยิ่งกว่า
แต่ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงคนใดก็ทำได้ แต่กับเฟิ่งชิงเฉินนั้นห้ามเด็ดขาด
“เฟิ่งชิงเฉิน ไปให้พ้น!” ทันทีที่ตงหลิงจื่อลั่วยื่นมือออกไป เขาเตรียมผลักเฟิ่งชิงเฉินออกไป
องครักษ์ที่อยู่ข้างหลังจึงสังเกตเห็นความผิดปกติ และพวกเขากำลังจะก้าวเข้าไป ตงหลิงจื่อลั่วกลับสั่งให้พวกเขาถอยไป ” ถอยออกไปให้หมด หากว่าไม่มีคำสั่งข้า ห้ามเข้ามาเด็ดขาด”
“ขอรับ” องครักษ์หมดความสงสัย จึงถอยกลับไป
เฟิ่งชิงเฉินถือโอกาสนี้เข้าใกล้เขามากขึ้น นางทิ้งน้ำหนักไปที่ตงหลิงจื่อลั่ว และเอามือคล้องรอบคอเขาเอาไว้ จากนั้นเข่าของนางก็ขยับเข้าใกล้มากขึ้น ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังกระซิบอย่างสนิทสนม แต่อันที่จริงนางกำลังข่มขู่ว่า
“ลั่วอ๋องเจ้าลองดูได้นะ ว่าเจ้าจะฆ่าข้าได้ก่อนหรือข้าจะทำลายเจ้าได้เสียก่อน”
เมื่อรู้ว่าตงหลิงจื่อลั่วมิกล้าพูดเรื่องที่น่าอายเช่นนี้ต่อภายนอก ฉะนั้นเฟิ่งชิงเฉินจึงไม่มีความกังวลใดๆ นางข่มขู่เขาอย่างไม่เกรงกลัว
ผู้ชายมักจะรักศักดิ์ศรียิ่งกว่าใดๆ!
ทำลายหรือ? นางทำลายได้จริงๆ เพียงแค่เฟิ่งชิงเฉินออกแรงอีกนิด สิ่งที่ตงหลิงจื่อลั่วจะเสียไปมิได้มีเพียงศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย เขาจะเสียอนาคตของตนไปด้วย
ราชวงศ์ตงหลิงจะไม่ปล่อยให้ชายไร้ประโยชน์เป็นจักรพรรดิเด็ดขาด!
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ากล้ามาก! เจ้าไม่กลัวตายหรือ?” ใบหน้าของตงหลิงจื่อลั่วมืดลง เขาอยากฆ่าเฟิ่งชิงเฉินตอนนี้เลย
ไม่คาดคิดว่าวันหนึ่งตงหลิงจื่อลั่วจะถูกผู้หญิงรังแกและข่มขู่เช่นนี้
“ฮ่าฮ่าฮ่า กลัวตายงั้นรึ? ลั่วอ๋องชั่งน่ารักเสียจริง เฟิ่งชิงเฉินในตอนนี้จะดีไปกว่าตอนนี้ตายไปแล้วซะเท่าไหร่รึ?” ความดุร้ายในดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินปรากฏต่อหน้าตงหลิงจื่อลั่ว
ตงหลิงจื่อลั่วเชื่อว่าแม้ว่าตนเป็นองค์ชายของราชวงศ์ปัจจุบัน แต่เฟิ่งชิงเฉินก็กล้าที่จะลงมือกับตน
ตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินไม่มีกระไรเลย แล้วนางจะกลัวกระไรหรือ? นอกจากชีวิตที่ห่วยๆ นี้แล้ว นางก็ไม่เหลือกระไรแล้ว
ในสายตาของตงหลิงจื่อลั่วนั้น ชีวิตของเฟิ่งชิงเฉินมิได้มีค่าไปกว่าสิ่งที่อยู่ระหว่างขาของเขาเลย….
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าต้องการกระไร?” ตงหลิงจื่อลั่วถามอย่างใจเย็น แต่แววตาของเขาไม่พอใจอย่างมาก
เขาอาจต้องทำความรู้จักกับเฟิ่งชิงเฉินใหม่ รู้จักหญิงสาวที่เขาลืมว่าขี้ขลาดไร้ความสามารถคนนี้
“ลั่วอ๋องไม่ทราบจริงหรือว่าข้าต้องการกระไร? สิ่งที่ชิงเฉินต้องการนั้นเรียบง่ายมาตลอด ก็แค่ขอให้มีชีวิตอยู่ต่อเท่านั้น”
มีคนจำนวนมากที่ต้องการให้นางตาย หนึ่งในคือฮองเฮา ตงหลิงจื่อลั่วก็เช่นกัน และคุณชายเหยียนที่นางทำร้ายจนบาดเจ็บก็เช่นกัน
คนเหล่านี้ต่างก็มีอำนาจอันยิ่งใหญ่อยู่ในมือ หากว่าไม่มีใครช่วยออกหน้าแทนนาง นางจะต้องตายอย่างแน่นอน
ฮ่องเต้พูดออกมาได้อย่างง่ายดายว่าไม่ลงโทษนาง เพราะฮ่องเต้ทราบดีว่า ไม่ช้าก็เร็วเฟิ่งชิงเฉินก็คงต้องตาย
หญิงสาวที่ไม่มีใครให้พึ่งพิง จะเอากระไรไปสู้กับอำนาจเหล่านั้น!
“เจ้าต้องการให้ข้าจัดการเรื่องหน้าประตูเมืองหลวงให้เจ้าหรือ?” ตงหลิงจื่อลั่วรู้สึกยอมนางอย่างเงียบๆ อยู่ในใจ
เฟิ่งชิงเฉินนางตัวดี เวลาแบบนี้นางยังไม่ลืมเรื่องเหล่านั้นอีก นางรอบคอบเสียจริง
ใช่แล้ว เดิมทีเขาวางแผนไว้ว่าหากการเสียความบริสุทธิ์ก่อนแต่งงานไม่สามารถล้มเฟิ่งชิงเฉินได้ เขาจะให้ตระกูลเหยียนออกมาจัดการเฟิ่งชิงเฉินแทน
ผู้หญิงอย่างเฟิ่งชิงเฉิน ไม่มีภูมิหลังไม่มีที่พึ่งพิง หากว่านางตายไปอย่างเงียบๆก็ไม่มีใครไปตรวจสอบอย่างแน่นอน และไม่มีใครกล้าที่จะตรวจสอบหรอก
พวกคนที่ตั้งตนว่าชอบธรรมเป็นเพียงเบี้ยที่อยู่ในมือของผู้มีอำนาจเท่านั้น
เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้า “คุยกับคนฉลาดก็ง่ายเช่นนี้แหละ ลั่วอ๋อง ข้าขอให้เจ้ารับปากว่า ในอีกครึ่งปีถัดไปนี้ ข้าจะต้องมีชีวิตอยู่”
เวลาครึ่งปี นางมิได้พูดออกมาโดยไม่คิด แต่เฟิ่งชิงเฉินคำนวณแล้ว นี่เป็นช่วงเวลาที่ตงหลิงจื่อลั่วจะอดทนต่อนางได้
นอกจากตระกูลเหยียนแล้ว คนที่อยากให้นางตายมีไม่น้อย!
ไม่ว่าจะเท่าที่นางทราบหรือว่าส่วนที่นางไม่ทราบ ต่างก็มีส่วนเกี่ยวข้องต่อตงหลิงจื่อลั่ว
ในเวลานี้ มีเพียงตงหลิงจื่อลั่วเท่านั้นที่สามารถปกป้องนางมิให้เสียชีวิตได้
ครึ่งปี คือขีดจำกัดของผู้ชายคนนี้ ถ้านานเกินไป เขาจะไม่มีทางตกลงอย่างแน่ แต่หากสั้นไป นางไม่มีเวลาวางแผนกระไร
“หึ ศัตรูของเจ้าข้าต้องรับผิดชอบด้วยรึ? ปกป้องเจ้าให้มีชีวิตอยู่ครึ่งปี เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร เหตุใดข้าจึงต้องสนใจเรื่องเป็นอยู่ของเจ้า!”
“ลั่วอ๋อง เจ้ากำลังแสร้งทำเป็นสับสนหรือ? คนที่จ้องจะฆ่าข้า เขาทำเพื่อกระไร ลั่วอ๋องมิทราบหรือ? เวลาแค่ครึ่งปี หรือว่าชีวิตต่อจากนี้ลั่วอ๋องอยากจะเป็นเหมือนขันทีในพระราชวัง?” เฟิ่งชิงเฉินยิ้ม ในสายตาของคนอื่น ภาพนี้มีความหมายอย่างอื่น
ที่แท้ลั่วอ๋องและแม่หญิงชิงเฉินนั้นมีความสัมพันธ์ต่อกันนี่เอง เพียงแต่….
เห้อ ชะตากรรมช่างไม่เป็นธรรมเสียจริง!
แต่ความจริงมีเพียงสองคนเท่านั้นที่ทราบ
ตงหลิงจื่อลั่วกัดฟันและพูดว่า “เจ้าขู่ข้ารึ?”
“ไม่ใช่ครั้งแรกแล้ว หากจะมีอีกสักครั้งจะเป็นกระไรไป?” เฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจกลิ่นอายของความอาฆาตที่ปรากฏบนตัวตงหลิงจื่อลั่วเลย
ทั้งสองผิดใจกันเช่นนี้แล้ว จะกังวลกระไรอีก…
เฟิ่งชิงเฉินก็มีบิดามารดา มีชีวิตเดียวเช่นกัน ตงหลิงจื่อลั่วกลัวตาย เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ต่างกัน
ตงหลิงจื่อลั่วมองไปที่เฟิ่งชิงเฉิน ราวกับว่าจะจ้องนางให้ทะลุไป
เฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจ เลือดบนหน้าผากของนางยังคงไหลลงมาที่แก้ม แต่ดูเหมือนว่านางไม่ได้สังเกต และให้ตงหลิงจื่อลั่วดูไปเช่นนี้
น่าสมเพชก็ช่าง!
น่าอับอายก็ช่าง!
ต่ำต้อยก็ช่าง!
ไร้ยางอายก็ช่าง!
เฟิ่งชิงเฉินก็คือเฟิ่งชิงเฉิน อย่าไปสนว่าใครจะมองอย่างไร
ทั้งสองสบตากันแบบนี้ เมื่อมองจากที่ไกลๆ เหมือนเป็นคู่รัก…
ในเวลานี้ในสายตาของพวกเขามีแค่กันและกันเท่านั้น!
บทที่ 006 ตัดสินคู่หมั้น ลั่วอ๋อง
บทที่ 008 ผ้าข้าว ข้าจะไม่ตาย