คราวนี้ เฟิ่งชิงเฉินได้รับการต้อนรับจากจวนเฟิ่งเป็นอย่างดี ทันทีที่นางมาถึงจวนเฟิ่ง ก็มีเกี้ยวเล็กๆมาพานางไปส่งยังที่พำนักฮูหยินรอง
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินมาถึง ก็มีน้ำชาเอามาเลี้ยงต้อนรับ สาวใช้ของฮูหยินรองคอยดูแลเฟิ่งชิงเฉินเป็นอย่างดี
เพราะหากไม่มีเฟิ่งชิงเฉิน ฮูหยินรองจะต้องแย่แน่ๆ และสาวใช้ที่อยู่กับฮูหยินรองก็ต้องพลอยลำบากไปด้วย
อาจจะถูกขับไล่ออกจากจวนเซี่ย ถ้าสาหัสกว่านั้นก็อาจจะถูกขายให้กับหอนางโลม
สำหรับการต้อนรับอย่างแข็งขัน เฟิ่งชิงเฉินพอใจเป็นอย่างมาก
ไม่ว่าจะยุคใดสมัยใด หมอที่มีฝีมือยอดเยี่ยมมักจะได้รับความเคารพและการต้อนรับจากสังคมเป็นอย่างดี
แน่นอนว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่เสียเวลากับตรงนี้นานนัก นางนั่งพักสักครู่ แล้วจึงมาที่ห้องฮูหยินรอง
“แม่นางเฟิ่ง” ฮูหยินรองรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะมา ต่อให้นางรู้สึกไม่สบาย แต่ก็อุตส่าห์มาต้อนรับขับสู้ นางนั่งลงแล้วกล่าวทักทายเฟิ่งชิงเฉิน
ฮูหยินรองซาบซึ้งในน้ำใจเฟิ่งชิงเฉิน แม้นางจะไม่กล่าวคำขอบคุณ แต่ก็แสดงออกว่านางซาบซึ้งใจอยู่เสมอ
ฮูหยินรองเป็นคนตระกูลหวัง กิริยามารยาทคงไม่ต้องพูดถึง นางสุภาพและอ่อนหวานยิ่งนัก
ดูไม่ออกเลยจริงๆ ว่าหญิงสาวที่อ่อนหวานเช่นนี้ จะต้องแบกรับความทุกข์ทรมานอันใหญ่หลวง
อ่อนนอกแข็งใน ผู้หญิงแบบนี้เป็นผู้หญิงที่เฟิ่งชิงเฉินยกย่อง ฮูหยินรองคนนี้หากเจ้าเล่ห์และมีชั้นเชิงสักนิด มีหรือจะตกมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้
เฟิ่งชิงเฉินไม่พูดพร่ำทำเพลง นางกล่าวทักทายและถามไถ่ไปตามมารยาท ก่อนจะทำการเปลี่ยนยาให้ฮูหยินรอง
การที่ผู้ป่วยจะซาบซึ้งในบุญคุณของหมอนั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนเป็นหมอจะยึดถือเรื่องบุญคุณไม่ได้
หลายวันมานี้ ฮูหยินรองสุขภาพดีขึ้น บาดแผลของนางก็ดูเรียบขึ้นแล้ว ไม่เหมือนคนบางคน เพียงกะพริบตา ปากแผลก็ฉีกออกจนเลือดไหลเลอะเทอะ
การเปลี่ยนยาใช้เวลาไม่นานนัก ไม่ถึงครึ่งชั่วยามเสียด้วยซ้ำ เฟิ่งชิงเฉินกำลังเตรียมตัวกลับ แต่ฮูหยินรองแสดงออกอย่างชัดเจนว่ายังไม่ต้องการให้เฟิ่งชิงเฉินรีบกลับ
ฮูหยินรองมองเฟิ่งชิงเฉิน นางเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่แล้วก็เงียบไป
“ฮูหยินรอง มีอะไรอยากบอกข้าหรือเปล่าคะ?” เฟิ่งชิงเฉินไม่ชอบเห็นคนลังเล นางหยุดเก็บของแล้วมองหน้าฮูหยินรอง
ฮูหยินรองหน้าแดง นางกัดริมฝีปากพลางพยักหน้าเบาๆ “ใช่ มีเรื่องบางเรื่อง ข้าอยากจะพูดกับแม่นางเฟิ่งตามลำพัง ไม่ทราบว่าจะสะดวกหรือไม่?”
“หากฮูหยินรองสะดวก ข้าก็สะดวกค่ะ” เฟิ่งชิงเฉินมองฮูหยินรองอย่างตั้งใจ นางพอจะเดาออกแล้วว่าฮูหยินรองต้องการพูดเรื่องอะไร
สิ่งที่ฮูหยินรองพึงพอใจ ก็คือฝีมือทางการแพทย์ของนาง
เมื่อสาวใช้ของฮูหยินรองออกไปแล้ว ฮูหยินรองก็เกริ่นพอเป็นพิธี แล้วจึงเข้าประเด็นสำคัญ นั่นก็คือเรื่องที่นางไม่ตั้งครรภ์
คนไข้ที่อายหมอ เหตุการณ์ทำนองนี้มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง
การที่ฮูหยินรองกล้าเอ่ยปากพูดออกมา เฟิ่งชิงเฉินเองก็ตกใจไม่น้อย แต่นางก็เข้าใจ ฮูหยินรองคงหมดหนทางแล้วจริงๆ
เฟิ่งชิงเฉินครุ่นคิด นางคำนึงถึงความปลอดภัยในการผ่าตัดให้กับฮูหยินรอง และเรื่องเวลาที่ต้องใช้
สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือผลลัพธ์ที่ตามมาหลังจากนั้น
การผ่าตัดนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่ในใจเฟิ่งชิงเฉินกลับต้องเลือกระหว่างทำกับไม่ทำ นางไม่อยากให้การผ่าตัดเล็กๆในครั้งนี้สร้างความปัญหาและความวุ่นวายให้กับนาง
ในเมื่อนางอยู่ในยุคโบราณ นางไม่สามารถปรับเปลี่ยนมุมมองของคนที่นี่ได้ นางจะต้องทำตัวให้เข้ากับแนวทางปฏิบัติของที่นี่ให้ได้มากที่สุด
นอกเสียจากว่านางจะเป็นผู้ทรงอิทธิพล จนสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆได้ มิฉะนั้นแล้ว นางก็ต้องเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม
ฮูหยินรองมองเฟิ่งชิงเฉินด้วยความหวัง สำหรับนางแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่เฟิ่งชิงเฉินทำไม่ได้ แม้แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นหน้าประตูเมืองในตอนนั้น ฮูหยินรองก็มองว่านางเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว ทั้งๆที่นางเพิ่งจะถูกย่ำยีศักดิ์ศรีลูกผู้หญิง
แต่รอมาสักพัก เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่พูดอะไรเลย ฮูหยินรองเริ่มหน้าถอดสี แม้สีหน้านางจะแสดงให้เห็นถึงความผิดหวัง แต่นางก็ยังคงฝืนยิ้มเพื่อไม่ให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกแย่จนเกินไป
“แม่นางเฟิ่งอย่าเก็บไปคิดมากเลยนะ ข้าก็พูดไปเรื่อยเปื่อย หากแม่นางเฟิ่งรักษาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แม่นางเฟิ่งช่วยข้ามาเยอะแล้ว หากไม่ได้แม่นางเฟิ่ง ข้าอาจจะตายไปนานแล้วก็ได้”
แต่สีหน้าฮูหยินรองไม่อาจเก็บซ่อนความผิดหวังเอาไว้ได้ แต่นางก็ไม่กระฟัดกระเฟียด ส่วนเฟิ่งชิงเฉินก็ได้แต่ถอนหายใจอยู่ในใจ
“ฮูหยินรอง ท่านเข้าใจผิดแล้ว อาการของท่านข้าสามารถรักษาได้ เพียงแต่ข้ากำลังคิดว่าจะเริ่มรักษาช่วงเวลาไหนดี” การผ่าตัดเล็กๆ แต่สิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินต้องคำนึงถึงกลับมีไม่น้อยเลย
แต่ว่า สำหรับคนไข่อย่างฮูหยินรองแล้ว เฟิ่งชิงเฉินจะทำให้เต็มที่
ขึ้นชื่อว่าเป็นการผ่าตัดก็มักมีความเสี่ยงอยู่เสมอ เรื่องบางเรื่อง นางจะต้องเตรียมการไว้ล่วงหน้า อุปกรณ์ฆ่าเชื้อของที่นี่ไม่ครบครัน แสงสว่างก็ไม่เอื้ออำนวยต่อการผ่าตัดเลย
จะหาห้องที่พร้อมสำหรับการผ่าตัดไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
เฟิ่งชิงเฉินปวดศีรษะเล็กน้อย นางลูบไปที่กระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ พลางคิดในใจว่าถ้าหากเจ้ากระเป๋าใบนี้มีห้องผ่าตัดด้วยคงจะดีไม่น้อยเลย
เมื่อเจอผู้ป่วยที่บาดเจ็บสาหัส ก็จะได้ส่งตัวเข้าห้องไอซียู ให้ผู้ป่วยได้อยู่ในสภาวะที่เหมาะกับการพักฟื้น ช่างน่าเสียดายจริงๆเลย……
“ท่านว่าอย่างไรนะ?” ฮูหยินรองเอ่ยด้วยความดีใจ
“โป๊ก……” เสียงศีรษะกระแทกเข้ากับเสาเตียง
“แขวก……”
แผลฉีกขาดเสียแล้ว ฮูหยินรองเจ็บปวดเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังจ้องมองเฟิ่งชิงเฉินตาไม่กะพริบ แววตาแห่งความปลื้มปีติไม่ต่างจากแววตาซูเหวินชิงในวันที่ได้รู้ว่าซูเหวินหางยังไม่ตาย
เฟิ่งชิงเฉินบอกกับตัวเองว่า เพื่อแววตาเช่นนี้ นางจะคอยยืนเคียงข้างไม่ไปไหน
นางเป็นหมอ การรักษาคนคือหน้าที่ของนาง ต่อให้ต้องเจออุปสรรคขวากหนามสักเพียงใด ก็ต้องฟันฝ่าทุกอย่างไปให้ได้
“ใช่แล้วล่ะค่ะ ฮูหยินรอง ท่านได้ยินไม่ผิดหรอก ข้าสามารถรักษาได้” เฟิ่งชิงเฉินเดินเข้ามาประคองฮูหยินรอง แล้วตรวจสอบสภาพร่างกายเบื้องต้น
“ฮูหยินรอง ไม่ต้องตื่นเต้นนะ ถ้าแผลฉีกอีกเดี๋ยวจะแย่กว่าเดิม” เฟิ่งชิงเฉินพาฮูหยินรองไปนั่ง
เห็นอาการดีใจของฮูหยินรองแล้ว เฟิ่งชิงเฉินจึงต้องพิจารณาว่าจะให้ยาระงับประสาทแก่นางดีหรือไม่?
แต่แล้วเฟิ่งชิงเฉินก็ส่ายหน้า
อย่าเลย เปลืองยาเปล่าๆ
“แม่นางเฟิ่ง ท่านพูดจริงๆหรือ? รักษาได้จริงๆหรือ?” ฮูหยินรองเอ่ยถาม พร้อมกุมมือเฟิ่งชิงเฉินอย่างแน่น นางถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
เวลาล่วงเลยมาได้ 10 ปีแล้ว ตอนนางอายุ 15 ปีก็ได้แต่งงานมาอยู่ในจวนเซี่ย นางต่อสู้กับโรคภัยต่างๆมาได้ 10 ปีแล้ว
ในที่สุด ตอนนี้นางก็ยังพอมีความหวัง?
ฮูหยินรองกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้ว
เฟิ่งชิงเฉินไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับมือนาง โดยเฉพาะมืออุ่นๆที่มีเหงื่อของฮูหยินรอง มันทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัว
แถมเล็บฮูหยินรองก็ยังยาวเสียด้วย ทำให้นางเป็นกังวลเหลือเกินว่าฮูหยินรองจะเผลอข่วนมือตนหรือไม่
เฟิ่งชิงเฉินจึงดึงมือออกมาอย่างสุภาพ และเก็บซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ “ฮูหยินรอง ท่านอย่าทำเช่นนี้สิ ใจเย็นๆก่อนนะคะ เรื่องที่ท่านไม่ตั้งครรภ์นั้น ก่อนหน้านี้ข้าก็พอมองออก ข้าจะช่วยวางแผนการรักษาให้ท่านก่อน แต่ข้าไม่รับประกันเต็มร้อยหรอกนะคะ”
ไม่มีหมอคนไหนจะมั่นใจเต็มร้อยกับการรักษาคนไข้ เฟิ่งชิงเฉินก็เป็นหนึ่งในนั้น
การผ่าตัดย่อมมีความเสี่ยง ขึ้นอยู่กับว่าจะเสี่ยงมากหรือเสี่ยงน้อย
“ข้ารู้ๆ ขอแค่มีความหวังเพียงน้อยนิด ข้าก็พอใจแล้วล่ะ” ฮูหยินรองพยักหน้าแล้วสูดลมหายใจเข้าออกตามคำชี้นำของเฟิ่งชิงเฉิน
“ฮูหยินรองเข้าใจก็ดีแล้ว ช่วงนี้ท่านต้องพักผ่อนเยอะๆนะ ทำจิตใจให้แจ่มใส อย่ากดดันตัวเองมาก รอให้ร่างกายท่านฟื้นฟูดีกว่านี้ แล้วข้าจะมาตรวจอีกทีเพื่อดูว่าร่างกายของท่านจะสามารถรองรับผลข้างเคียงที่เกิดจากการรักษาได้หรือไม่ หลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกทีค่ะ”
เฟิ่งชิงเฉินอธิบายเรื่องการเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดให้นางฟังคร่าวๆ อาหารการกินของฮูหยินรองก็ต้องมีการปรับเปลี่ยน โดยเน้นอาหารจืดเป็นหลัก
แม้จะเป็นการผ่าตัดเพียงเล็กน้อย แต่ก่อนผ่าตัดต้องมีการเตรียมการหลายๆด้าน
นี่อาจจะเป็นการผ่าตัดครั้งแรกที่มีความหมายสำหรับเฟิ่งชิงเฉินในยุคนี้ นางไม่อยากทำพลาด และไม่สามารถทำพลาดได้
ฮูหยินรองพยักหน้า แถมยังจดเอาไว้อย่างตั้งใจ นางทบทวนเรื่องรายละเอียดด้านการฟื้นฟูแผล เพราะเกรงว่าแผลจะเกิดปัญหา
เฟิ่งชิงเฉินมีความอดทนสูง คำถามซ้ำๆกัน นางก็เพียรพยายามอธิบายจนกระจ่าง และยังมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มอยู่เสมอ นี่เป็นสิ่งที่แพทย์พึงกระทำ
แม้นางจะอายุยังน้อย แต่ก็เข้าใจหัวอกของผู้หญิงว่ามีความปรารถนาที่จะได้เป็นแม่คนมากเพียงใด ไม่อย่างนั้นแล้วในโทรทัศน์คงไม่มีโฆษณาเรื่องช่วยให้ตั้งครรภ์ได้มากมายถึงเพียงนั้น
ตัดเรื่องการแก่งแย่งชิงดีในจวนไปได้เลย การที่ฮูหยินรองอยากจะมีทายาท นางไม่ได้ถามเฟิ่งชิงเฉินว่าทำอย่างไรจึงจะได้ลูกชาย สิ่งที่นางปรารถนาก็มีเพียงได้มีลูกสักคน
อยู่คุยกับฮูหยินรองมานานแล้ว เผลอแวบเดียวก็เป็นเวลาอาหารเที่ยง ฮูหยินรองชวนนางมาทานข้าวด้วยกัน เฟิ่งชิงเฉินจึงอยู่ทานมื้อเที่ยงที่จวนเซี่ย เมื่อนางเดินออกมาก็พบกับหวังชีหรือว่าหวังจิ่นหาน เขายืนอิงรถม้ารอนางอยู่หน้าจวน……
บทที่ 38 ขอให้ช่วยรักษา
บทที่ 40 ตาบอด