นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 47 หายกัน

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 47 หายกัน

แต่เดิมหลานจิ่วชิงก็มีบาดแผลตามร่างกายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อรวมไปถึงการโจมตีของซีหลิงเทียนเหล่ยที่เต็มไปด้วยความดุเดือดนั้น

ยามที่โอบกอดเฟิ่งชิงเฉินไว้ด้วย จึงไม่อาจลดทอนอาการบาดเจ็บของตนเองเอาไว้ได้เลย

เขาได้แต่กอดเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้ในอ้อมกอด อย่างน้อยก็ขอให้นางได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุด

หากจะช่วยคนแล้วอย่างไรก็ต้องช่วยให้จนถึงที่สุด

อย่างไรย่อมไม่อาจให้เฟิ่งชิงเฉินได้รับบาดเจ็บไปได้อีก

เขาหลานจิ่วชิง หากคิดช่วยผู้ใดแล้ว

ในยามที่กลิ้งตกเขาลงมานั้น เฟิ่งชิงเฉินอยากจะกรีดร้องออกมายิ่งนัก

ทว่า จะอย่างไรก็ได้แต่ต้องอดกลั้นเอาไว้ นางรู้ดีว่า

หากนางกรีดร้องออกมาในยามนี้ มันอาจจะไม่สามารถช่วยเหลือพวกนางได้แล้ว อีกทั้ง มันอาจจะส่งผลต่อการตัดสินใจของหลานจิ่วชิงอีกด้วย

จะเป็นจะตายอย่างไร เฟิ่งชิงเฉินก็ได้แต่อดกลั้นไม่ให้ส่งเสียงออกมา

หลานจิ่วชิงพลันรู้สึกว่า

สตรีที่อยู่ในอ้อมกอดของตนแลจะเงียบสงบแปลก ๆ จึงคิดไปว่านางอาจจะเป็นลมหมดสติไปแล้วก็เป็นได้ เมื่อก้มหน้ามาดู ก็พลันพบว่า

นางกำลังสะกดกลั้นความกลัวของตนเองเอาไว้อยู่

แววตาพลันฉายความชื่นชมออกมาในทันที

สตรีผู้นี้ไม่ธรรดาเลยจริง ๆ

บางทีนางก็จักให้ความรู้สึกเย็นชาออกมา

“สตรีโง่ เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้หนึ่งครั้ง

บุญคุณความแค้นของพวกเราหายกัน จากนี้ไป เจ้าอย่ามาตามหาข้าเพื่อทวงบุณคุณอีก”

ข้าในตอนนี้ก็ช่วยเจ้าไว้อีกหนึ่งครั้ง

หลานจิ่วชิงหาได้เอ่ยกับสตรีในอ้อมกอดดี ๆ

ทั้งยังตัดสินใจว่า งานเทศกาลดอกท้อปีนี้จะปล่อยให้นางเผชิญหน้ากับความเป็นความตายเพียงผู้เดียว

ไม่

ผู้ใดให้สตรีนางนี้ดูน่าสงสารยิ่งนัก นางไม่อาจหาความสงบให้กับชีวิตได้เลยแม้แต่น้อย

ไม่ว่าจะเป็นการไปปรากฏตัวที่บ้านตระกูลเซี่ย เข้าร่วมศึกระหว่างตระกูลเซี่ยกับหวัง

ทั้งยังมาพัวพันธ์กับคุณชายตระกูลหวังอีก

เหตุใด เหตุใดถึงไม่ว่านอนสอนง่ายเสียบ้าง

เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ามีความสามารถใช่หรือไม่

ที่สตรีพวกนั้นวางแผนรวมหัวใส่ร้ายเจ้าได้อย่างไร

ข้าอยากจะดูยิ่งนัก ว่าเจ้าจะจัดการกับเทศกาลดอกท้อ

แผนการที่พวกนางจะทำให้เจ้าอับอายเสียจนไม่มีหน้าไปพบผู้ใดได้อีก

ไม่ว่าจะอย่างไร หลานจิ่วชิงยิ่งคิดยิ่งโมโหยิ่งนัก

เพราะเฟิ่งชิงเฉินสตรีโง่เง่าผู้นี้

ถึงทำให้เขาต้องปล่อยมือออกจากซีหลิงเทียนเหล่ย ทั้งยังถูกเจ้าซีหลิงเทียนเหล่ยไล่ตีจนต้องกลิ้งตกภูเขาลงมาเช่นนี้

บัญชีแค้นในครานี้ ไม่ว่าอย่างไรหลานจิ่วชิงก็มีแต่ขาดทุน

แต่เดิมเฟิ่งชิงเฉินรู้สึกซาบซึ้งใจที่หลานจิ่วชิงช่วยเหลือนางยิ่งนัก ทั้งยังคิดกับตนเองอีกว่า ผู้คนในยุคโบราณยึดในหลักคุณธรรม

เขาถึงได้ชักดาบออกมาช่วยเหลือนาง จนทำให้นางอดคิดถึงผู้คนในยุคปัจจุบันไปไม่ได้

เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ดีเช่นนี้

ในยุคปัจจุบันนั้น ผู้ชายส่วนใหญ่สามารถนั่งมองผู้คนที่ใจคอโหดร้ายทุบตีสตรีที่อ่อนแอได้

ทั้งยังมิยื่นมือเข้าไปช่วยเหลืออีกด้วย มิต้องพูดถึงการเสี่ยงชีวิตของตนเองเข้าไปช่วยเหลือเลย ทว่า คำพูดของหลานจิ่วชิงที่เอ่ยออกมานั้น

ทำให้เรื่อง ๆ ดีที่นางคิดถึงปลิดปลิวราวกับผุยผงไปในทันที

หลักคุณธรรมบ้าบออันใดกัน

ก็เพราะว่านางช่วยเย็บแผลยามที่หลานจิ่วชิงบาดเจ็บสาหัสก็เท่านั้น

หลานจิ่วชิงช่วยเหลือนาง

การช่วยเหลือในครานี้

ทำได้ดียิ่งกว่าตระกูลพ่อค้าเช่นซูเหวินชิงเสียอีก

เขาได้ชดใช้ค่ายามาให้นางหมดแล้ว การวางแผนของหลานจิ่วชิงในครานี้

หากรู้ว่า

นาง เฟิ่งชิงเฉินกับอะไรเหล่ย ๆ นั่น มิได้มีความแค้นต่อกันแล้วละก็ อย่างไร นางก็ย่อมต้องถูกผู้อื่นมองว่า

ตนเองมีความเกี่ยวพันธ์กับหลานจิ่วชิงแล้วมิใช่หรือ

เฟิ่งชิงเฉินโมโหเสียจนได้แต่ขบฟันไปมา ในยามนี้ เฟิ่งชิงเฉินไม่อาจคิดอะไรไปมากกว่านี้ได้แล้ว แต่เดิม

นางอุตส่าห์ตั้งใจจะยื่นมือเข้าไปบังหัวของหลานจิ่วชิงให้ เพื่อป้องกันไม่ให้ระหว่างที่ตกเขา หัวของหลานจิ่วชิงไปกระทบโดนสิ่งใดเข้า ทว่า

ในยามนี้หรือ?

เฟิ่งชิงเฉินพลันหดกายแอบเข้าไปในอ้อมกอดของหลานจิ่วชิงให้ได้มากที่สุด

ตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตงั้นหรือ? ได้

พี่สาวจะให้โอกาสเจ้าเอง เจ้าก็อย่าลืมตอบแทนบุญคุณพี่สาวดี ๆ เล่า

อย่าได้ทำให้พี่สาวได้รับความเจ็บปวดเลยแม้แต่นิดเดียวเชียว

เฟิ่งชิงเฉินจึงปล่อยวางให้เพลิดเพลินไปการที่หลานจิ่วชิงปกป้องนาง

หลานจิ่วชิงหาได้เข้าใจความคิดของสตรีไม่ การเคลื่อนไหวของเฟิ่งชิงเฉินในครานี้

สร้างความลำบาให้กับเขายิ่งนัก

เนื่องจาก แม้แต่ตนเองก็ยังไม่มีปัญญาที่จะปกป้องตนเองได้เลย

มิรู้ว่า พวกเขาเดินออกมาไกลแล้วหรือว่าดวงซวยกันแน่ เพียงแค่กลิ้งตกลงมา

ก็พลันพบกับทางลาดยาว อีกทั้งทางลาดนี้ทั้งชันทั้งยาวไกลยิ่งนัก อย่าได้คิดว่าทั้งสองคนจะตกลงมาด้วยความราบรื่นเลย แม้แต่จะทำให้พวกเขาลดความเร็วในการไหลตกลงมานั้น

ก็ถือว่ายากยิ่งนัก อีกทั้งยังมีเจ้าซีหลิงเทียนเหล่ยไล่ตามมาเช่นนี้อีก อย่างไรเขาก็ไม่อาจตามหาเงาของฟิ่งชิงเฉินและหลานจิ่วชิงได้ทันแน่

เส้นทางที่ทั้งสองกลิ้งตกลงมานั้น เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่าโลกทั้งใบหมุนไปมาไม่มีวันหยุด อวัยวะตับไตไส้พุงทั้งห้าเสมือนกับมากองรวมกันเป็นจุดเดียวในร่างกาย หากแต่หลานจิ่วชิงพลันคิดว่า ตนเองที่ตกลงมานั้น ร่างกายของตนหาได้มีชิ้นส่วนไหน

หาได้มีหินหรือสิ่งของที่แหลมคมมาขวางทางไม่ มิเช่นนั้น เกรงว่าวันนี้ร่างกายของเขาคงจะได้รับแผลมากมายเลยทีเดียว

ที่มีดีเลยแม้แต่น้อย หากแต่ระหว่างทางที่ตกลงมา พื้นค่อนข้างดี

จนกระทั่ง “ปั้ง”

โชคไม่ดีที่หลานจิ่วชิงสลบไปแล้ว

ร่างของหลานจิ่วชิงพลันชนเข้ากับหินก้อนใหญ่ ร่างของทั้งสองคนจึงได้หยุดเคลื่อนไหวลง

เฟิ่งชิงเฉินที่ได้รับการปกป้องเป็นอย่างดี รู้สึกว่าตนเองโชคดียิ่งนัก

การชนเข้ากับหินก้อนใหญ่ในครานี้ ทำให้หลานจิ่วชิงได้รับบาดเจ็บภายใจ

ทว่า เขาจะสลบไปเพียงครู่หนึ่งเท่านั้น อีกไม่นานก็จะตื่นขึ้นมาเอง

เฟิ่งชิงเฉินรู้ตัวเองดีว่า

ตนเองหาได้เป็นสตรีที่เจ้าเสน่ห์อะไรเช่นนั้นไม่ หากแต่ในยามนี้ นางถูกหลานจิ่วชิงกอดเอาไว้แน่นยิ่งนัก

แน่นเสียจนทำให้นางมองไม่เห็นส่ิงใดเลย ผ่านไปครึ่งชั่วยาม นางก็ไม่อาจจะออกไปจาอ้อมกอดของเขาได้เลยแม้แต่น้อย

ไม่ง่ายเลยทีเดียว

เฟิ่งชิงเฉินถึงได้เป็นอิสระเสียที

เพียงแค่นิ้วเดียว ที่ค่อย ๆ ดันร่างกายของบุรุษร่างยักษ์ตรงหน้าให้ออกห่าง

ฮู้

เฟิ่งชิงเฉินถึงได้ยืนขึ้นมาด้วยท่าทีโซเซ พร้อมทั้งหายใจสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเฮือกใหญ่

ทั้งยังใช้ฝ่ามือที่เย็นเยียบของนางตบไปที่ใบหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็บีบแก้มไปมา

เพื่อปลุกตนเองให้ตื่นขึ้น นางถึงได้หยุดทำร้ายตนเองลง

บรรยากาศที่มืดมิด เฟิ่งชิงเฉินมองสิ่งใดไม่เห็นเลยแม้แต่น้อย

เมื่อใช้เท้าเตะออกไปสองสามรอบ ก็พลันพบว่ากล่องยาของตนเองหายไป

อีกทั้งยังไม่รู้ว่าหายไปตั้งแต่เมื่อใดอีกด้วย

เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกกังวลยิ่งนัก

ถึงแม้ว่าด้านในจักมิได้มีของอะไรแปลก ๆ ก็ตาม หากแต่ตกไปด้านนอกก็หาได้เป็นอันใดไม่

แต่ว่า

ยาและเครื่องใช้ที่อยู่ด้านใน ล้วนแต่เป็นสิ่งของล้ำค่าที่หายาก

หากทำหายไปมันน่าเสียดายยิ่งนัก อีกทั้งยาและเครื่องมือเครื่องใช้ที่อยู่ด้านใน

ล้วนแต่ไม่สามารถคัดลอกนำกลับมาได้อีก

ทว่า

สถานการณ์ในยามนี้

จะให้ออกไปตามหาก็คงเป็นไปมิได้

เมื่อยื่นมือออกไปลูบคลำข้อมือที่แขนซ้ายของตน เพื่อจะหากระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ

เฟิ่งชิงเฉินพลันรู้สึกว่าตนเองโชคดียิ่งนัก

ที่มิได้ทำมันหล่นหายไปที่ใด

เพื่อป้องกันไม่ให้กระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะตกไปอยู่ในมือของผู้ใด

เฟิ่งชิงเฉินหาได้สนใจคำเตือนของพวกนักวิจัยไม่

นางนำกระเป๋ากระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะไปฝังไว้ในแขนของตนเอง

ที่จริงแล้วกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะเป็นสิ่งที่ใช้กันโดยฌฉพาะภายในกองทัพของนางเท่านั้น ด้านในของกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะมีการฝังชิปเอาไว้

เสมือนกับคลื่นสมองของมนุษย์ที่สามารถส่งผ่านกันได้

นอกจากตนเองแล้ว ผู้ใดก็ไม่สามารถใช้เครื่องมือนี้ได้ทั้งนั้น

กระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ

หากว่านำมันฝังไปไว้ด้านในก้อนเนื้อแล้วนั้น ก็ยากที่จะสามารถดึงมันออกมาใช้การได้เช่นกัน

สามารถนำมันไปฝังไว้ในแขนได้

เนื่องจากว่า ชุดเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะยังอยู่ในขั้นตอนการทดลอง และยังจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมอีกมาก ผู้คนในสถาบันวิจัย

จึงกำชับกับนางว่า การทดลองนี้ยากที่จะเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์ ห้ามนางอย่าได้ฝังมันเข้าไปในแขน เพราะกลัวว่าจะมีปัญหาตามมาทีหลังได้

หากว่ายังอยู่ในยุคปัจจุบัน แน่นอนว่าเฟิ่งชิงเฉินย่อมต้องเชื่อฟังเป็นอย่างดี เนื่องจากว่า ยังมีรายละเอียดอีกมากมาย ที่ต้องแก้ไขในชุดเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะนี้

แต่ในเมื่อนางหลงมายุคโบราณแล้ว เฟิ่งชิงเฉินไม่คิดว่าตนเองจะมีโอกาสมากนัก

ที่จะขอให้พวกนักวิจัยปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานของมันให้นาง ฉะนั้น นางจึงตั้งใจฝังมันเข้าไปโดยตรง หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา นางย่อมต้องเป็นผู้รับผิดชอบด้วยตนเอง

เมื่อจัดการกับชุดเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะแล้วนั้น

พร้อมทั้งทำการตรวจร่างกายให้หลานจิ่วชิงในทันที

เฟิ่งชิงเฉินพลันนั่งลง

ติ๊ดติ๊ด

ใช้เวลาไม่นานชุดเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะก็ได้ทำการส่งผลตรวจออกมาให้ในทันที

เฟิ่งชิงเฉินจึงตรวจสอบด้วยความละเอียด

ไม่มีทางเลือก ถ้าหากเป็นเวลากลางวันละก็

นางยังพอใช้สายตาคาดคะแนนตรวจสอบร่างกายของเขาได้ หาได้จำเป็นต้องมาพึ่งพาชุดเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะพวกนี้ไม่

ทว่า เหตุการณ์ในตอนนี้เล่า?

สถานที่ที่รกร้างเช่นนี้ สภาพแวดล้อมยังย่ำแย่ยิ่งกว่าในสนามรบเสียอีก

ถึงแม้ในสนามรบ จะชอบเกิดการทิ้งระเบิดลงมาบ่อยครั้ง จึงทำให้ไฟฟ้าตัดบ่อย ๆ

ถึงแม้ว่าจะไม่มีไฟฟ้าให้ใช้

แต่อย่างไรก็ยังมีไฟสำรองฉุกเฉินเผื่อไว้อยู่ดี แม้จะไม่มีไฟสำรองฉุกเฉินก็ยังมีไฟหน้ารถที่คอยช่วยเอาไว้ได้ แต่ที่นี่เล่า?

นอกจากแสนจันทร์ที่สาดส่องลงมาด้วยความสลัว

พร้อมกับแสงของดวงดาวที่ส่องระยิบระยับ ก็หาได้มีสิ่งใดอีกไม่

แม้แต่จะพันแผลก็ยังต้องคลำหาทิศทางเอาเลย

เมื่อมองดูจอแสดงผลลัพธ์ของชุดเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะแล้วนั้น เฟิ่งชิงเฉินอดไม่ได้ที่จะนับถือ

สมรรถภาพร่างกายของหลานจิ่วชิงจัดว่าดีมาก

หากแต่ความสามารถในการป้องกันไม่ค่อยดีนัก

นอกจากแผลที่หัวใจถูกปริออกอีกครั้ง

ส่วนบาดแผลที่ร้ายแรงที่สุด ย่อมต้องเป็นยามที่ชนกับหินก้อนใหญ่เข้าเมื่อครู่ ทำให้เขากระดูกหักไปท่อนหนึ่ง

ก็มีเพียงบาดแผลถลอกเล็กน้อยเท่านั้น

นอกนั้นหาได้มีอันตรายถึงชีวิตไม่ แต่บาดแผลเหล่านี้ค่อนข้างยุ่งยากยิ่งนัก

เฮ้อ

เฟิ่งชิงเฉินพลันถอนหายใจออกมาเบา ๆ

เพื่อหยิบหยูกยาและเครื่องไม้เครื่องมืออกมา

พร้อมทั้งลูบคลำเข้าไปในชุดเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ

หากพูดถึงร่างกายของคนเราแล้วนั้น

เฟิ่งชิงเฉินคุ้นเคยกับพวกมันเป็นอย่างดี

ทว่าเสื้อผ้าอาภรณ์เล่า?

เฟิ่งชิงเฉินมิรู้ว่าตนเองควรจะเอ่ยออกมาเช่นไรดี ในยุคโบราณนั้น เสื้อผ้าอาภรณ์ของบุรุษ นางถอดออกไม่เป็นจริง ๆ อีกทั้งทั่วร่างของหลานจิ่วชิงนั้น

ล้วนแต่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย อีกทั้ง นางยังไม่กล้าพลิกตัวเขาไปมาอีก เกรงว่า หากนางพลิกไปมานั้น บางทีเขาอาจจะกระดูกหักไปสักท่อนก็เป็นได้ หรือบางทีอาาจะเผลอทำให้กระดูกเคลื่อนขึ้นมา ก็อาจจะเป็นเรื่องใหญ่ได้เช่นกัน

ฉะนั้น

หลานจิ่วชิง เจ้าอย่าหาว่าข้าลงมือโหดเหี้ยมไปนัก

ที่มาตกอยู่ในเงื้อมมือของข้าเช่นนี้

หากจะโทษ ก็โทษที่ตัวเจ้าเถอะ

ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา รอยยิ้มของเฟิ่งชิงเฉินเจ้าเล่ห์ดั่งพวกหมาป่ายิ่งนัก

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท