นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 48 การแสดงที่ยากลำบาก

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 48 การแสดงที่ยากลำบาก

ฮึฮึ

เฟิ่งชิงเฉินพลันหยุดหัวเราะลง พร้อมก้มตัวลงพูดคุยกับหลานจิ่วชิงที่นอนไม่ได้สติอยู่ว่า “หลานจิ่วชิง ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ได้ยินข้า แต่ข้ารู้สึกว่า อย่างไรข้าก็ต้องอธิบายกับเจ้า

ในยามนี้ข้าคือหมอ ข้าจะทำสิ่งใดล้วนไม่ผิด ต่อหน้าหมอมีเพียงผู้ป่วยเท่านั้น ไม่ว่าจะชายและหญิงล้วนไม่มีความแตกต่างกัน ในยามนี้ ทั้งเจ้าและข้าเป็นแค่ความสัมพันธ์หมอกับคนไข้

ดังนั้น ได้โปรดยกโทษให้กับความไร้มารยาทของข้าด้วย”

พูดจบ พลันใช้มือลูบคลำไปที่อาภรณ์ของหลานจิ่วชิงในทันที

กรรไกรทางการแพทย์ที่อยู่มือ ให้ความรู้สึกเชี่ยวชาญและความรู้สึกปลอดภัยยิ่งนัก

แควกแควก

เพียงแค่ลงมือตัดออกมา เสื้อผ้าอาภรณ์ของหลานจิ่วชิงก็ถูกตัดขาดออกจากกันในทันที

มันเป็นเพราะเสื้อผ้าของเจ้าที่ถอดยากถอดเย็นนัก

อย่างไรก็ตาม

เฟิ่งชิงเฉินย่อมไม่มีวันใช้ประโยชน์จากอันตรายที่ผู้อื่นต้องเผชิญอยู่ เพื่อมาหาความสุขให้ตนเองอย่างแน่นอน นางเป็นหมอ นางย่อมยึดถือในจรรยาบรรณวิชาชีพของตนเอง

นางย่อมไม่เหมือนแพทย์ในโรงพยาบาลบางแห่งที่ดูถูกคนไข้

บาดแผลอาการบาดเจ็บส่วนใหญ่ของหลานจิ่วชิงล้วนแต่อยู่ข้างบนร่างกาย

ฉะนั้นแล้ว เฟิ่งชิงเฉินจึงตัดเพียงแค่เสื้อผ้าอาภรร์บางส่วนที่อยู่ด้านบนเท่านั้น

ส่วนด้านล่าง ?

เฟิ่งชิงเฉินไว้หน้าเขาด้วยการหลงเหลือเพียงแค่กางเกงเอาไว้ให้ก็แล้วกัน

ที่จริงแล้ว

หลานจิ่วชิงก็ได้สติฟื้นคืนขึ้นมาในทันที

ยามที่หยวนชิงหลิงจับกรรไกรขึ้นมานั้น พร้อมกับแตะไปที่ลำตัวของหลานจิ่วชิง

เขามีสันชาตญาติในการระวังตัวตนสูงมาก เมื่อสัมผัสได้ถึงไอเย็นเข้ามาสัมผัสร่างกายของตนนั้น

เกรงว่า แม้แต่เขาที่สลบไม่ได้สติไป

อย่างไรร่างกายก็ย่อมต้องแสดงสัญชาตญาณในการระแวดระวังภัยออกมา

หากมิใช่ว่า

เขาเชื่อใจในเฟิ่งชิงเฉิน

ในยามที่เฟิ่งชิงเฉินลงมือพร้อมกับกรรไกรนั้น นางคงได้ตายไปแล้ว

เพราะความเชื่อใจ หลานจิ่วชิงจึงมิได้เคลื่อนไหวร่างกายออกมา

อีกทั้งยังแสร้งหมดสติไปตามเดิม เขาอยากจะรู้นัก

ว่าสตรีตรงหน้าคิดจะทำเช่นไรต่อไป

หากว่าใช้โอกาสเช่นนี้ ในการลอบทำร้ายเขา

เช่นนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็ย่อมไม่โอกาสเห็นเดือนเห็นตะวันในวันพรุ่งนี้แล้ว แต่หากนางกล้าที่จะแตะต้องหน้ากากสีเงินของเขา

นางก็ย่อมไม่โอกาสรอดไปเห็นดวงอาทิตย์ในวันรุ่งขึ้นอีกเช่นกัน

สุดท้ายแล้ว

เขาพลันรู้สึกได้ว่า เสื้อผ้าอาภรณ์ของตนกำลังถูกเฟิ่งชิงเฉินตัดออกจนหมดเลย

ฟึบ สีหน้าของเขาพลันรู้สึกเห่อร้อนขึ้นมาในทันที แม้แต่ใบหูก็ยังขึ้นสีแดงระเรื่อ

โดยไม่สามารถสะกดกลั้นความอับอายลงไปได้ หลานจิ่วชิงจึงได้แต่ปลอบใจกับตนเองไปว่า หากมิได้รับอันตรายใด

ๆ เขาก็จะแสร้งหมดสติไปเช่นเดิม

“เอ๋?

ทำไมอุณภูมิสูงขึ้นได้เล่า ไข้ขึ้นหรือ เมื่อครู่อาการยังดี

ๆ อยู่เลยมิใช่หรือ?”

เมื่อเฟิ่งชิงเฉินตัดเสื้อผ้าอาภรณ์ของหลานจิ่วชิงเสร็จแล้วนั้น

ก็พลันพบว่าหลานจิ่วชิงมีอาการไข้ขึ้น แววตาของนางพลันฉายความกังวลออกมา

พร้อมทั้งค่อย ๆ อังไปที่หน้าผากของหลานจิ่วชิงด้วยความเป็นห่วง

เฮอะเฮอะ เฟิ่งชิงเฉินนะหรือจะไปคิดได้

หลานจิ่วชิงก็กำลังเป็นไข้เนื่องพิษที่เกิดจากบาดแผลเช่นกัน

ว่าหลานจิ่วชิงในยามนี้กำลังเขินอายอยู่ ทว่า ที่จริงแล้ว

เฟิ่งชิงเฉินพลันรีบร้อนนำยาลดไข้ออกมาจากกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ

ด้วยทักษะอันเชี่ยวชาญของนาง แม้จะหลับตาอยู่

นางก็สามารถหยิบเข็มฉีดยาออกมาได้ ทั้งยังเตรียมตัวที่จะฉีดยาลดไข้ให้กับหลานจิ่วชิงอีกด้วย

แต่เดิมนางอยากจะฉีดยาที่ก้นของหลานจิ่วชิง ทว่า

เมื่อคิดไปคิดมา นางพลันรู้สึกว่าฉีดที่มือแกรงว่าจะเหมาะสมกว่า หากบุรุษผู้นี้ล่วงรู้เข้า ว่านางเลิกกางเกงเขาขึ้นมาเพื่อจะฉีดยาที่ก้นของเขาละก็

เกรงว่ากำแพงจวนขอขิงนางคงได้ถล่มลงมาแน่นอน

หลังจากที่ฉีดยาลดไข้ให้เขาแล้วนั้น

เฟิ่งชิงเฉินก็พลันนำแอกกอฮอล์ออกมา เพื่อจัดการกับบาดแผลตามตัวต่าง ๆ ให้กับหลานจิ่วชิง

ถึงแม้ว่านางจะไม่สามารถมองเห็นได้ชัดมากนัก เฟิ่งชิงเฉินจึงได้แต่เร่งรีบจัดการกับบาดแผลให้เขาแทน

แอลกอฮอล์ขวดใหญ่ถูกเทลงบนบาดแผลของหลานจิ่วชิงในทันที เฟิ่งชิงเฉินค่อย ๆ นำก้านสำลีทางการแพทย์ เช็ดไปรอบ ๆ

บาดแผลอย่างง่าย ๆ พยายามที่จะทำให้รอบบาดแผลของเขาสะอาดมากที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้บาดแผลเกิดการติดเชื้อ

อีกทั้งการใส่ยาลงไปในบาดแผลนั้น เกรงว่าอาจจะต้องรอจนถึงวันพรุ่งนี้เช้า

อีกทั้งบาดแผลตรงทรวงอกก็เกิดการฉีกออกจากกัน

เฟิ่งชิงเฉินจึงได้ช่วยเขาจัดการมันไปเล็กน้อย ใส่ยาเข้าไป พร้อมทั้งทำการเย็บแผลและช่วยพันแผลใหม่อีกครั้ง แต่ทำมันในยามนี้ อย่างไรก็ไม่ค่อยสะดวกนัก

อย่าวไรคงตอนรุ่งฟ้าสาง

สิ่งที่ยากลำบากที่สุด

ก็คือกระดูกที่หัก เฟิ่งชิงเฉินสามารถต่อมันกลับเข้าไปตามเดิมได้ แต่ทว่า สถานการณ์ในยามนี้ เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่อยากจะลงมือด้วยความประหมาด หากนางทำแล้วเกิดข้อผิดพลาดอันใดขึ้นมา

ย่อมต้องถูกหลานจิ่วชิงโกรธแค้นมากเป็นแน่

หลังจากที่นางเมินเฉยต่ออาการกระดูกของหลานจิ่วชิงนั้น

เฟิ่งชิงเฉินก็ทำการเก็บข้าวของของตนเอง พร้อมทั้งถอดเสื้อตัวนอกของตนมาคลุมไว้บนร่างของหลานจิ่วชิง

“หลานจิ่วชิง สิ่งที่ข้าทำได้ก็มีเพียงเท่านี้

อดทนผ่านวันพรุ่งนี้ไปให้ได้ ข้าจักได้ทำแผลให้เจ้าใหม่อีกครั้ง”

เจ้าก็เข้มแข็งหน่อยเถิด

พูดจบ เฟิ่งชิงเฉินพลันหาวออกมา พร้อมทั้งขยี้ตาไปมาด้วยความงัวเงียครู่หนึ่ง

แต่เดิมนางอยากจะนั่งลงพักผ่อน ทว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ อย่างไรนางก็ต้องยืนขึ้น

พร้อมทั้งเดินไปมาไม่หยุด

“นอนไม่ได้ ข้านอนไม่ได้

หากมานอนข้างนอกในยามนี้ อย่างไรคงไม่พ้นเป็นหวัดไปแน่ หมออย่างไรก็ไม่อาจทำการรักษาตนเองได้

เฟิ่งชิงเฉิน อดทนเอาไว้ หากเจ้ากลายเป็นคนป่วยไป เรื่องทุกอย่างต้องยุ่งยากขึ้นแน่ ๆ ”

หลานจิ่วชิงที่ยังคงแสร้งทำเป็นหมดสติไปนั้น

แต่เดิมเขาอยากจะนอนอย่างสงบ ๆ ทว่า กลับได้ยินแต่เสียงเฟิ่งชิงเฉินบ่นพึมพำไม่มีหยุด ก็อดรู้สึกรำคาญขึ้นมาไม่ได้ ทว่า เขาก็ไม่อาจพูดสิ่งใดออกไปได้อีก

จึงได้แต่หลับตาลง พร้อมเอ่ยปลอบใจตนเอง ไม่ให้หันไปมองเฟิ่งชิงเฉิน ห้ามหันไปมองเฟิ่งชิงเฉิน

หลังจากนั้น หลังจากนั้น

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาการบาดเจ็บที่รุนแรงหรือไม่

หรืออะไรก็ตาม หลานจิ่วชิงพลันหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนกลับกัน

มีเพียงเฟิ่งชิงเฉินกระโดดโลดเต้นไปมาไปทั้งคืนไม่มีหยุด เพื่อถ่างตาคอยเฝ้าหลานจิ่วชิงเอาไว้

ทุก ๆ

อีกทั้งยังได้ให้น้ำเกลือของเขาในตอกลางคืนอีกด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้บาดแผลของเขาได้รับการติดเชื้อและขวดอื่น ๆที่ได้ให้ไปก็คือกลูโคส เพื่อเอาไว้เติมพลังงานและเติมน้ำตาลเข้าไปในร่างกาย

ครึ่งชั่วยาม เฟิ่งชิงเฉินจะมาตรวจดูอาการของหลานจิ่วชิง เพื่อให้แน่ใจว่าไข้ของเขาลดลงแล้ว

เมื่อพูดถึงการให้น้ำเกลือนั้น หลานจิ่วชิงน่าสงสารยิ่งนัก

ในยามกลางคืนที่มืดมิด

หยวนชิงหลิงพยามที่จะเจาะเลือดเพื่อให้น้ำเกลือให้เขา แต่ทว่า นางเจาะไปหลายรอบแล้ว ก็ยังไม่เห็นเส้นเลือดของหลานจิ่วชิงเลยแม้แต่น้อย

เจาะเสียจนหลานจิ่วชิงต้องสะดุ้งตื่น

สำหรับการเจาะเลือดนั้น

หาใช่เรื่องแปลกสำหรับหลานจิ่วชิงไม่ ในห้องหินเมื่อคราวที่แล้ว เขาก็เห็นกระบวนการทั้งหมดแล้วเช่นกัน

มันเป็นอุปกรณ์ที่แปลกประหลาดมากนัก เขารู้ดีว่าเฟิ่งชิงเฉินมิอยากให้ผู้ใดเห็นของพวกนี้ เช่นนั้น นี่ก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมให้เขาต้องแสร้งหมดสติต่อไป

หลังจากที่ให้น้ำเกลือหลานจิ่วชิงเสร็จ หยวนชิงหลิงก็ทำการเก็บข้าวของของตนเอง

เฟิ่งชิงเฉินพลันลุกยืนขึ้นมา เพื่อที่จะทำการบิดขี้เกียจ

เมื่อท้องฟ้าใกล้จะสว่าง

สำหรับหมอแล้ว

การนอนดึกเช่นนี้ถือเป็นเรื่องปกติยิ่งนัก แม้จะรู้ดีว่าการนอนดึกไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ในฐานะหมอหาได้มีทางเลือกมากมายนัก

อาชีพแพทย์จะเป็นตัวกำหนดให้ต้องตื่นตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

แม้ว่านางจะเหนื่อยมากนัก

แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ยังอดทนต่อไป ทว่า ในยามที่นางเพิ่งจะบิดกล้ามเนื้อเสร็จ หินก้อนเล็กๆ

ก็พลันเข้ามากระแทกไปที่จุดฝังเข็มบนท้ายทอยของเฟิ่งชิงเฉินในทันที

“หลาน”

เฟิงชิงเฉินที่ยืนกร่านอยู่ทั้งคืน พลันล้มลงอย่างนุ่มนวล ในยามช่วงเวลาที่ร่างจะตกถึงพื้น หลานจิ่วชิงก็หันกลับมารับร่างเฟิ่งชิงเฉินไว้ได้พอดิบพอดี

ทั้งยังวางลงบนพื้นอย่างดีอีกด้วย

ในขณะที่

“แครก” หลานจิ่วชิงได้ทำการเชื่อมต่อกระดูกของตนเองให้เข้าที่เรียบร้อยแล้ว

หลานจิ่วชิงกำลังพลิกตัวเพื่อลุกขึ้นยืนนนั้น พลันได้ยินเสียง

“เฟิ่งชิงเฉิน

หลังจากที่หลานจิ่วชิงวางเฟิ่งชิงเฉินลงและหันกายกลับไปนั้น เขาหาได้คืนเสื้อคลุมตัวนอกให้กับเฟิ่งชิงเฉินไม่

หนี้ของเราสองคนหายกัน”

ไม่มีทางเลือก

จะให้เขาใส่เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งออกไปได้อย่างไร

ต้องขอบคุณเฟิ่งชิงเฉินที่ให้มา

ในยามที่หลานจิ่วชิงก้าวขาออกไปนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็พลันตื่นขึ้นมาพอดี

หลานจิ่วชิงหาได้เหมือนซีหลิงเทียนเหล่ยไม่

เขาได้คำนวณทุกอย่างเอาไว้แล้ว ทั้งยังตรวจสอบให้แน่ใจว่า

การจากไปของเขา จะไม่ทำให้เฟิ่งชิงเฉินได้รับอันตรายใด ๆ อีก

ในเมื่อเขาลงมือเองเช่นนี้

หรือต้องการให้เขาไปส่งเฟิ่งชิงเฉินกลับไปที่เมือง

เขาย่อมไม่ต้องการให้เ่ฟิงชิงเฉินมารบกวนตนเองได้

ด้วยตัวตนของเขาในยามนี้ไม่สะดวกนัก

เฟิ่งชิงเฉินพลันลุกขึ้นมาจากพื้น

ก็รับรู้ได้ว่าเป็นหลานจิ่วชิงที่ชิงโจมตีนาง

พร้อมทั้งลูบไปยังต้นคอที่ปวดเมื่อยของตน และกวาดตามองไปรอบ ๆ

“เจ้าสารเลวนี่

เฟิ่งชิงเฉินได้แต่กัดฟันของนางด้วยความโกรธแค้น ทั้งยังกระทืบเท้าไปบนรอยเลือด

กล้าทิ้งข้าไว้ที่นี่คนเดียวเลยหรือ เมื่อคืนที่ข้าคอยดูแลเจ้า ช่างไร้ประโยชน์เสียจริงๆ”

“ไอ้เจ้าบุรุษตัวเหม็น

เจ้าคิดว่าพี่สาวเช่นข้า จะตามรังควานเจ้าหรืออย่างไร

เจ้าคิดมากไปแล้ว”

ยิ่งนางกระทืบเท้ามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากเท่านั้น

“อะไรคือมีบุญคุณต้องทดแทน มีแค้นต้องชำระ ข้าช่วยเจ้ามากกว่าหนึ่งครั้ง

แล้วเจ้าเล่า เจ้าช่วยข้าเพียงแค่ครั้งเดียวเอง จะมาหักล้างค่ายาข้าได้อย่างไร”

“เจ้าขี้งก

ขี้เหนียว

ข้าไม่เคยเห็นผู้ชายขี้เหนียวอย่างเจ้ามาก่อนเลย”

ยิ่งเฟิ่งชิงเฉินกระทืบเท้ามากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นเท่านั้น

นอกจากนี้ นางยังไม่ได้นอนมาทั้งคืนอีก พลังงานในร่างกายของนางยิ่งร่อยหรอลง นางจึงรู้สึกเหนื่อยและหอบหายใจออกมาหลังจากกระทืบเท้าเสร็จ

พร้อมทั้งนั่งพักลงบนเก้าหิน

ทว่า เมื่อก้มหน้ามองลงบนตัวนั้น

พลันพบว่า ตนเองมีอาภรณ์ติดตัวเพียงตัวเดียวเท่านั้น เสื้อตัวนอกของนางถูกหลานจิ่วชิงเอาไปแล้ว เฟิ่งชิงหลิงพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตบเข้าลงบนหน้าผากของตนเอง

พร้อมกับส่งเสียงร้องออกมาด้วยความโอดครวญ

“พระเจ้าต้องการจะฆ่าข้า หากข่าวลือแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงตงหลิงอีกครั้งเล่า

เหตุใดข้าถือไม่มีโชคเช่นนี้ หลานจิ่วชิง เจ้ามันเป็นดาวแห่งความหายนะของข้าจริงๆ เลย

เจอเจ้าทีไรมีแต่เรื่องให้ข้าทุกที”

เฟิ่งชิงเฉินกำลังจะร่ำไห้ออกมา

เป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่นางตื่นขึ้นมาในแถบชานเมืองด้วยเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อย

ดูเหมือนว่า ข่าวลือที่เพิ่งจะเงียบสงบลงไปแล้ว

กำลังจะปะทุขึ้นมาอีกครั้ง

เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกหงุดหงิดยิ่งนัก

หรือหลานจิ่วชิงเอาได้ จึงได้แต่นั่งโทษตนเองแทน

แต่นางก็รู้ดีว่าไม่ควรไปโทษหวังฉี

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท