แน่นอนว่า อวี่เหวินหยวนฮั่วไม่ตกลง นอกเสียจากว่าเขาจะเป็นคนโง่ เขาจึงจะตกลงกับคำขอของเฟิ่งชิงเฉินได้
เขาส่งกองกำลังไปที่ชานเมือง ถือเป็นการให้เกียรติตระกูลหวังอย่างมากแล้ว หากว่าเขาคุ้มกันเฟิ่งชิงเฉินไปที่เรือนนอกพระราชวังอีก ก็เท่ากับว่าเขาสนับสนุนเฟิ่งชิงเฉิน
ในเมืองหลวงนี้ ทุกคนล้วนทราบว่า เทศกาลดอกท้อขององค์หญิงอันผิงจัดขึ้นเพื่อจัดการเฟิ่งชิงเฉิน เขาจะไม่ไปทำให้ใครโกรธแค้นอย่างแน่นอน
เขาเป็นแม่ทัพทหาร และเขาไม่สนใจที่จะมีส่วนร่วมในการต่อสู้เหล่านี้
อวี่เหวินหยวนฮั่วกำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธ แต่เฟิ่งชิงเฉินเตรียมการมาแล้ว ก่อนที่อวี่เหวินหยวนฮั่วจะเอ่ยปาก นางกล่าวว่า ” เดิมคิดว่าจะพูดคุยเรื่องที่มาที่ไปของโจรนั่น แต่เหมือนว่าแม่ทัพอวี่เหวินจะไม่ว่างซะงั้น น่าเสียดายจัง…..”
สามคำสุดท้ายนางลากเสียงยาวๆ
กับดัก เห็นได้ชัดว่านี่เป็นกับดัก แต่เขาก็ต้องการมัน
อวี่เหวินหยวนฮั่วมองไปที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยความโกรธ ผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนผู้หญิงแม้แต่น้อย ไม่มีความอ่อนโยนและอบอุ่นที่ผู้หญิงควรจะมีเลย
อวี่เหวินหยวนฮั่วแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินและไม่ตอบรับคำพูดของเฟิ่งชิงเฉิน
เฟิ่งชิงเฉินไม่รีบร้อน แน่นอนนางรู้ดีว่าของต่อรองแค่นี้มันๆ ไม่พอ หากว่าอยากให้อวี่เหวินหยวนฮั่วสนับสนุนนาง นางจะต้องเพิ่มตัวต่อรอง
เฟิ่งชิงเฉินไม่เกี่ยงที่จะใช้กลอุบาย เพราะนางมักจะใช้กลอุบาย นางต้องการให้อวี่เหวินหยวนฮั่วรู้ว่านี่เป็นกับดัก แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธนางได้
อา… เฟิ่งชิงเฉินส่งเสียงร้องอย่างตกใจ ดึงความสนใจของทุกคนมาที่ด้านหลังนาง และพูดเสียงดังว่า “คุณชายเจ็ด ครั้งที่แล้วที่บอกว่าใช้ “ยุทธวิธีทางทหาร หากเรามีกำลังมากกว่าศัตรูสิบเท่า จงล้อมพวกเขาและโจมตี หากเรามีกำลังมากกว่าศัตรูห้าเท่า จงว่างแผนโจมตี หากเรามีกำลังมากกว่าศัตรูสองเท่า จงพยายามที่จะโจมตี หากว่าเรามีกำลังเท่าศัตรู จงแยกตัวและหาจุดโจมตี แค่หากเรามีกำลังน้อยกว่าศัตรู จงหลีกเลี่ยงที่จะต่อสู้… ” ต่อด้วยกระไรข้าจำได้แล้ว”
“อา ว่าอย่างไรนะ?” luหน้าของหวังชีมึนงง เฟิ่งชิงเฉินพูดเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน เหมือนว่านี่จะเป็นยุทธวิธีทางทหารใช่หรือไม่?
เฟิ่งชิงเฉินทำเหมือนว่าไม่เห็นปฏิกิริยาของเขา นางยิ้มและกล่าวว่า “คุณชายเจ็ดอย่าได้ใจร้อน คราวนี้ชิงเฉินจะไม่ลืม เมื่อข้ากลับไปถึงจวนเฟิ่งแล้ว ข้าจะบอกส่วนที่เหลือให้เจ้า”
เฟิ่งชิงเฉินเรียกหวังชีก็จริง แต่ว่าแววตาของเฟิ่งชิงเฉินมองไปที่อวี่เหวินหยวนฮั่วตั้งแต่ต้น หวังชีไม่เข้าใจไม่เป็นกระไร อวี่เหวินหยวนฮั่วเข้าใจก็เพียงพอแล้ว
นางไม่เชื่อว่าตำราพิชัยสงครามซุนจื่อ ไม่สามารถดึงดูดอวี่เหวินหยวนฮั่วได้
“หากเรามีกำลังมากกว่าศัตรูสิบเท่า จงล้อมพวกเขาและโจมตี หากเรามีกำลังมากกว่าศัตรูห้าเท่า จงว่างแผนโจมตี หากเรามีกำลังมากกว่าศัตรูสองเท่า จงพยายามที่จะโจมตี หากว่าเรามีกำลังเท่าศัตรู จงแยกตัวและหาจุดโจมตี แค่หากเรามีกำลังน้อยกว่าศัตรู จงหลีกเลี่ยงที่จะต่อสู้…… แล้วต่อมาว่าอย่างไร ต่อมาคือกระไร? เฟิ่งชิงเฉินเจ้าเร่งพูดมาสิ”
อวี่เหวินหยวนฮั่วไม่สามารถหยุดนิ่งได้จริงๆ เขามองไปที่เฟิ่งชิงเฉินอย่างกระตือรือร้น หากมิใช่เพราะว่านางเป็นหญิงสาว ตอนนี้เขาคงเกาะแขนเฟิ่งชิงเฉินอยู่
เฟิ่งชิงเฉินแอบหัวเราะในใจ แต่ภายนอกนางทำท่าทีเหมือนลำบากใจ ” แม่ทัพอวี่เหวินอย่างได้ใจร้อน ชิงเฉินก็อยากกล่าวเช่นกัน แต่เสียดายที่วันนี้ไม่มีเวลา ชิงเฉินเร่งไปร่วมงานเทศกาลดอกท้อ หากว่าไปสาย องค์หญิงอันผิงกล่าวโทษขึ้นมา ชิงเฉินคงรับไว้ไม่ไหว”
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าอย่าได้คืบจะเอาศอก” อวี่เหวินหยวนฮั่วเข้าใจแล้วว่าเหตุใดตงหลิงจื่อลั่วถึงเกลียดผู้หญิงคนนี้ เพราะเมื่อผู้หญิงคนนี้ต่อต้านเจ้าขึ้นมา เจ้าจะบ้าตายอย่างแน่นอน
“แม่ทัพอวี่เหวินจริงจังมากไป หากไม่มีเรื่องกระไรแล้ว ชิงเฉินขอตัว ทางไปเรือนนอกพระราชวังค่อนข้างเดินทางยาก” เฟิ่งชิงเฉินไม่ให้ไว้หน้าอวี่เหวินหยวนฮั่วเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้ไม่ใช่เฟิ่งชิงเฉินกำลังขอร้องเขา แต่เป็นอวี่เหวินหยวนฮั่วที่ขอร้องเฟิ่งชิงเฉินแทน มาทำท่าทีสีหน้าเช่นนี้ต่อตน คิดว่าตนเป็นหญิงสาวตัวน้อยที่คอยยอมหรือไง
หากจะทำก็ต้องทำให้สุด เฟิ่งชิงเฉินหันไปยืมม้ากับหวังชี
“เจ้าขี่ม้าเป็นหรือ?” หวังชีประหลาดใจ หากเฟิ่งชิงเฉินขี่ม้าเป็น เช่นนั้นตอนอยู่ในงานเทศกาลดอกท้อ นางก็จะไม่อนาถเท่าไหร่นัก
“ขี่ม้าจะไปยากกระไร ข้าเป็นถึงลูกสาวของแม่ทัพเชียวนะ” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ตอบไปตรงๆ เจ้าของร่างนี้ขี่ม้าไม่เป็น แต่ว่าตัวนางขี่เป็นและเก่งด้วย
ในชาติที่แล้ว การขี่ม้าถือเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และแน่นอนว่ามีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และรายได้ของนางไม่ใช่ปัญหาในการเล่นกีฬาประเภทนี้
“แต่จวนเฟิ่ง…” หวังชีรู้สึกสงสัยเล็กน้อย
เขาทราบดีเกี่ยวกับสถานการณ์ของจวนเฟิ่ง นางจะมีเงินที่ไหนมาเลี้ยงม้า อีกอย่างแถมไม่มีสถานที่เหมาะสำหรับให้ม้าวิ่งอีกด้วย
อวี่เหวินหยวนฮั่วเองก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินใช้กลวิธีเพื่อให้เขาช่วย แม้ว่าเขาจะอยากทราบกลยุทธ์ทางทหารของเฟิ่งชิงเฉิน แต่เขาก็มิใช่คนที่ใจร้อนขาดสติแต่อย่างไร
เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ามีเรื่องที่ต้องขอความช่วยเหลือจากข้า ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะไม่เอ่ยปากขอความช่วยเหลือ
อวี่เหวินหยวนฮั่วกำลังรอให้เฟิ่งชิงเฉินขอความช่วยเหลือ เช่นนี้เขาจึงจะสามารถเอ่ยปากขอแลกเปลี่ยนมากเท่าที่ตนอยากได้
เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีว่าอวี่เหวินหยวนฮั่วกำลังคิดกระไรอยู่ แต่เสียดายที่อวี่เหวินหยวนฮั่วจะต้องเสียใจ นางเข้าใจอย่างมากว่า หากต้องการให้ใครเชื่อใจตัวเจ้า เจ้าจะต้องมีความสามารถที่น่าเชื่อถือเสียก่อน
“หากไม่เชื่อ ข้าจะขี่ให้เจ้าดู”
เฟิ่งชิงเฉินคว้าบังเหียนแล้วเหยียบโกลน ขณะที่หวังชีกำลังตะลึง กระโดดขึ้นหลังม้า และนั่งอย่างสง่า
“เจ้าขี่ม้าเป็นจริงๆ” หวังชีเชื่อแล้ว
คนตงหลิงเก่งเรื่องขี่ม้า และเหล่าสตรีก็เก่งในด้านนี้เช่นกัน แต่เวลาพวกนางขึ้นม้าจะต้องมีคนคอยช่วย เพราะม้าสูงมาก หญิงสาวปกติไม่มีแรงมากขนาดนั้น ที่จะขึ้นม้าด้วยการใช้แรงจากการเหยียบโกลนและดึงบังเหียน
เฟิ่งชิงเฉินไม่เพียงทำได้ แต่ทำออกมาได้สวยงามอย่างมาก
“ข้าไปก่อนนะ มิต้องเป็นห่วงข้า มันไม่ง่ายหรอกที่ผู้หญิงพวกนั้นจะสังหารข้าได้” เฟิ่งชิงเฉินดึงบังเหียน กางขาของนางออกเล็กน้อย และเตรียมที่จะขี่ม้าจากไป
เอาเถอะ อวี่เหวินหยวนฮั่วถอนหายใจ และเมื่อเฟิ่งชิงเฉินดึงบังเหียน เขาก็ก้าวออกมาและยืนอยู่ขวางหน้าม้าของเฟิ่งชิงเฉิน กล่าวโดยไม่ปฏิเสธว่า
“ระหว่างขี่ม้าถนนเต็มไปด้วยฝุ่น คุณหนูเฟิ่ง ให้ข้าไปส่งเจ้าที่เรือนนอกพระราชวังเถิด ทหาร มาซ่อมรถม้าให้ที”
นี่เป็นสิ่งที่เขาพูดให้ทุกคนได้ยิน และสิ่งที่อวี่เหวินหยวนฮั่วต้องการบอกเฟิ่งชิงเฉินจริงๆ คือ เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าชนะแล้ว
“ขอบคุณแม่ทัพอวี่เหวินอย่างมาก แม่ทัพอวี่เหวินทำเพื่อประชาชน ชิงเฉินชื่นชมอย่างมาก มีแม่ทัพอวี่เหวินอยู่ทั้งคน ประชาชนของตงหลิงจะไม่ต้องกังวลกระไรอีกต่อไป”
แน่นอนนี่คือสิ่งที่นางพูดให้คนนอกฟัง นัยน์ตาแห่งความหวังของเฟิ่งชิงเฉินบอกกับเขาว่า ” ต่อรองกันได้ แม่ทัพอวี่เหวินก็มิได้แพ้หรอก เจ้าชนะข้าเสียมากกว่า”
แม้แต่ในยุคของนาง “ตำราพิชัยสงครามซุนจื่อ” ยังคงเป็นหนังสือที่มหัศจรรย์ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการในวงการการเมืองหรือคนรวยที่ทำเงินได้หลายพันล้านต่างก็ชื่นชมความมหัศจรรย์ของ “ตำราพิชัยสงครามซุนจื่อ”
วันนี้ อวี่เหวินหยวนฮั่วได้มันไป ถือเป็นความโชคดีของเขา
ประเด็นนี้ อวี่เหวินหยวนฮั่วปฏิเสธมิได้ หากไม่มีผลประโยชน์มากพอ เขาคงไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้ เขาสนใจสิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินกล่าวมาจริงๆ “ไม่ทราบว่าสิ่งที่คุณหนูเฟิ่งกล่าวมาเมื่อสักครู่นั้น อ่านมาจากตำราเล่มไหนหรือ?”
“พ่อของข้าเป็นทหาร” เป็นคำตอบเช่นนี้อีกแล้ว ฝีมือของเฟิ่งชิงเฉินช่างพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
หวังชียืนอยู่ข้าง ๆ และจากนั้นเขาจึงเข้าใจการแข่งขันระหว่างเฟิ่งชิงเฉินและอวี่เหวินหยวนฮั่ว เขาคิดในใจว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ เขาจะนำไปบอกพี่ชายเมื่อเขากลับไป
มีเพียงไม่กี่คนในโลกนี้ที่สามารถทำให้อวี่เหวินหยวนฮั่วยอมเสียเปรียบแต่ไม่เอ่ยปากโต้แย้งใดๆ
หากเฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าหวังชีคิดเช่นนี้อยู่ในใจ นางคงจะ มึนงงจนกระอักเลือดออกมา
เสียเปรียบหรือ? อวี่เหวินหยวนฮั่วไม่ได้สูญเสียอะไรเลย แม้ว่าเขาจะเสียเปรียบ แต่เขาก็สูญเสียอย่างมีความสุข
อวี่เหวินหยวนฮั่วพยายามหลอกถามอยู่นาน แต่กลับไม่ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์ อวี่เหวินหยวนฮั่วผู้ซึ่งมึนงงอย่างมากจึงนึกขึ้นได้ว่า ตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินยังนั่งอยู่บนหลังม้า และเขาก็เงยหน้าจนปวดคอไปหมด
“คุณหนูเฟิ่ง รถม้ากำลังจะซ่อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณหนูเฟิ่งเชิญลงจากม้าเถิด”
เมื่อเห็นภาพที่อวี่เหวินหยวนฮั่วมึนงง เฟิ่งชิงเฉินแอบอมยิ้มเล็กน้อย แววตาของนางเจ้าเล่ห์อย่างมาก และนางกำลังคิดที่จะแกล้งเขา
แน่นอนเฟิ่งชิงเฉินไม่มีวันยอมรับว่าตนกำลังพยายามแกล้งเขาอย่างแน่นอน นางกำลังสอนด้วยความสนุกต่างหาก ให้อวี่เหวินหยวนฮั่วรับรู้ถึงพลังที่มหัศจรรย์ของพิชัยสงคราม…
บทที่ 067 ตอบแทนบุญคุณ
บทที่ 069 พิชัยสงคราม