นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 68 กลยุทธ์

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

แน่นอนว่า อวี่เหวินหยวนฮั่วไม่ตกลง นอกเสียจากว่าเขาจะเป็นคนโง่ เขาจึงจะตกลงกับคำขอของเฟิ่งชิงเฉินได้

เขาส่งกองกำลังไปที่ชานเมือง ถือเป็นการให้เกียรติตระกูลหวังอย่างมากแล้ว หากว่าเขาคุ้มกันเฟิ่งชิงเฉินไปที่เรือนนอกพระราชวังอีก ก็เท่ากับว่าเขาสนับสนุนเฟิ่งชิงเฉิน

ในเมืองหลวงนี้ ทุกคนล้วนทราบว่า เทศกาลดอกท้อขององค์หญิงอันผิงจัดขึ้นเพื่อจัดการเฟิ่งชิงเฉิน เขาจะไม่ไปทำให้ใครโกรธแค้นอย่างแน่นอน

เขาเป็นแม่ทัพทหาร และเขาไม่สนใจที่จะมีส่วนร่วมในการต่อสู้เหล่านี้

อวี่เหวินหยวนฮั่วกำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธ แต่เฟิ่งชิงเฉินเตรียมการมาแล้ว ก่อนที่อวี่เหวินหยวนฮั่วจะเอ่ยปาก นางกล่าวว่า ” เดิมคิดว่าจะพูดคุยเรื่องที่มาที่ไปของโจรนั่น แต่เหมือนว่าแม่ทัพอวี่เหวินจะไม่ว่างซะงั้น น่าเสียดายจัง…..”

สามคำสุดท้ายนางลากเสียงยาวๆ

กับดัก เห็นได้ชัดว่านี่เป็นกับดัก แต่เขาก็ต้องการมัน

อวี่เหวินหยวนฮั่วมองไปที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยความโกรธ ผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนผู้หญิงแม้แต่น้อย ไม่มีความอ่อนโยนและอบอุ่นที่ผู้หญิงควรจะมีเลย

อวี่เหวินหยวนฮั่วแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินและไม่ตอบรับคำพูดของเฟิ่งชิงเฉิน

เฟิ่งชิงเฉินไม่รีบร้อน แน่นอนนางรู้ดีว่าของต่อรองแค่นี้มันๆ ไม่พอ หากว่าอยากให้อวี่เหวินหยวนฮั่วสนับสนุนนาง นางจะต้องเพิ่มตัวต่อรอง

เฟิ่งชิงเฉินไม่เกี่ยงที่จะใช้กลอุบาย เพราะนางมักจะใช้กลอุบาย นางต้องการให้อวี่เหวินหยวนฮั่วรู้ว่านี่เป็นกับดัก แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธนางได้

อา… เฟิ่งชิงเฉินส่งเสียงร้องอย่างตกใจ ดึงความสนใจของทุกคนมาที่ด้านหลังนาง และพูดเสียงดังว่า “คุณชายเจ็ด ครั้งที่แล้วที่บอกว่าใช้ “ยุทธวิธีทางทหาร หากเรามีกำลังมากกว่าศัตรูสิบเท่า จงล้อมพวกเขาและโจมตี หากเรามีกำลังมากกว่าศัตรูห้าเท่า จงว่างแผนโจมตี หากเรามีกำลังมากกว่าศัตรูสองเท่า จงพยายามที่จะโจมตี หากว่าเรามีกำลังเท่าศัตรู จงแยกตัวและหาจุดโจมตี แค่หากเรามีกำลังน้อยกว่าศัตรู จงหลีกเลี่ยงที่จะต่อสู้… ” ต่อด้วยกระไรข้าจำได้แล้ว”

“อา ว่าอย่างไรนะ?” luหน้าของหวังชีมึนงง เฟิ่งชิงเฉินพูดเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน เหมือนว่านี่จะเป็นยุทธวิธีทางทหารใช่หรือไม่?

เฟิ่งชิงเฉินทำเหมือนว่าไม่เห็นปฏิกิริยาของเขา นางยิ้มและกล่าวว่า “คุณชายเจ็ดอย่าได้ใจร้อน คราวนี้ชิงเฉินจะไม่ลืม เมื่อข้ากลับไปถึงจวนเฟิ่งแล้ว ข้าจะบอกส่วนที่เหลือให้เจ้า”

เฟิ่งชิงเฉินเรียกหวังชีก็จริง แต่ว่าแววตาของเฟิ่งชิงเฉินมองไปที่อวี่เหวินหยวนฮั่วตั้งแต่ต้น หวังชีไม่เข้าใจไม่เป็นกระไร อวี่เหวินหยวนฮั่วเข้าใจก็เพียงพอแล้ว

นางไม่เชื่อว่าตำราพิชัยสงครามซุนจื่อ ไม่สามารถดึงดูดอวี่เหวินหยวนฮั่วได้

“หากเรามีกำลังมากกว่าศัตรูสิบเท่า จงล้อมพวกเขาและโจมตี หากเรามีกำลังมากกว่าศัตรูห้าเท่า จงว่างแผนโจมตี หากเรามีกำลังมากกว่าศัตรูสองเท่า จงพยายามที่จะโจมตี หากว่าเรามีกำลังเท่าศัตรู จงแยกตัวและหาจุดโจมตี แค่หากเรามีกำลังน้อยกว่าศัตรู จงหลีกเลี่ยงที่จะต่อสู้…… แล้วต่อมาว่าอย่างไร ต่อมาคือกระไร? เฟิ่งชิงเฉินเจ้าเร่งพูดมาสิ”

อวี่เหวินหยวนฮั่วไม่สามารถหยุดนิ่งได้จริงๆ เขามองไปที่เฟิ่งชิงเฉินอย่างกระตือรือร้น หากมิใช่เพราะว่านางเป็นหญิงสาว ตอนนี้เขาคงเกาะแขนเฟิ่งชิงเฉินอยู่

เฟิ่งชิงเฉินแอบหัวเราะในใจ แต่ภายนอกนางทำท่าทีเหมือนลำบากใจ ” แม่ทัพอวี่เหวินอย่างได้ใจร้อน ชิงเฉินก็อยากกล่าวเช่นกัน แต่เสียดายที่วันนี้ไม่มีเวลา ชิงเฉินเร่งไปร่วมงานเทศกาลดอกท้อ หากว่าไปสาย องค์หญิงอันผิงกล่าวโทษขึ้นมา ชิงเฉินคงรับไว้ไม่ไหว”

“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าอย่าได้คืบจะเอาศอก” อวี่เหวินหยวนฮั่วเข้าใจแล้วว่าเหตุใดตงหลิงจื่อลั่วถึงเกลียดผู้หญิงคนนี้ เพราะเมื่อผู้หญิงคนนี้ต่อต้านเจ้าขึ้นมา เจ้าจะบ้าตายอย่างแน่นอน

“แม่ทัพอวี่เหวินจริงจังมากไป หากไม่มีเรื่องกระไรแล้ว ชิงเฉินขอตัว ทางไปเรือนนอกพระราชวังค่อนข้างเดินทางยาก” เฟิ่งชิงเฉินไม่ให้ไว้หน้าอวี่เหวินหยวนฮั่วเลยแม้แต่น้อย

ตอนนี้ไม่ใช่เฟิ่งชิงเฉินกำลังขอร้องเขา แต่เป็นอวี่เหวินหยวนฮั่วที่ขอร้องเฟิ่งชิงเฉินแทน มาทำท่าทีสีหน้าเช่นนี้ต่อตน คิดว่าตนเป็นหญิงสาวตัวน้อยที่คอยยอมหรือไง

หากจะทำก็ต้องทำให้สุด เฟิ่งชิงเฉินหันไปยืมม้ากับหวังชี

“เจ้าขี่ม้าเป็นหรือ?” หวังชีประหลาดใจ หากเฟิ่งชิงเฉินขี่ม้าเป็น เช่นนั้นตอนอยู่ในงานเทศกาลดอกท้อ นางก็จะไม่อนาถเท่าไหร่นัก

“ขี่ม้าจะไปยากกระไร ข้าเป็นถึงลูกสาวของแม่ทัพเชียวนะ” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ตอบไปตรงๆ เจ้าของร่างนี้ขี่ม้าไม่เป็น แต่ว่าตัวนางขี่เป็นและเก่งด้วย

ในชาติที่แล้ว การขี่ม้าถือเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และแน่นอนว่ามีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และรายได้ของนางไม่ใช่ปัญหาในการเล่นกีฬาประเภทนี้

“แต่จวนเฟิ่ง…” หวังชีรู้สึกสงสัยเล็กน้อย

เขาทราบดีเกี่ยวกับสถานการณ์ของจวนเฟิ่ง นางจะมีเงินที่ไหนมาเลี้ยงม้า อีกอย่างแถมไม่มีสถานที่เหมาะสำหรับให้ม้าวิ่งอีกด้วย

อวี่เหวินหยวนฮั่วเองก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินใช้กลวิธีเพื่อให้เขาช่วย แม้ว่าเขาจะอยากทราบกลยุทธ์ทางทหารของเฟิ่งชิงเฉิน แต่เขาก็มิใช่คนที่ใจร้อนขาดสติแต่อย่างไร

เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ามีเรื่องที่ต้องขอความช่วยเหลือจากข้า ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะไม่เอ่ยปากขอความช่วยเหลือ

อวี่เหวินหยวนฮั่วกำลังรอให้เฟิ่งชิงเฉินขอความช่วยเหลือ เช่นนี้เขาจึงจะสามารถเอ่ยปากขอแลกเปลี่ยนมากเท่าที่ตนอยากได้

เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีว่าอวี่เหวินหยวนฮั่วกำลังคิดกระไรอยู่ แต่เสียดายที่อวี่เหวินหยวนฮั่วจะต้องเสียใจ นางเข้าใจอย่างมากว่า หากต้องการให้ใครเชื่อใจตัวเจ้า เจ้าจะต้องมีความสามารถที่น่าเชื่อถือเสียก่อน

“หากไม่เชื่อ ข้าจะขี่ให้เจ้าดู”

เฟิ่งชิงเฉินคว้าบังเหียนแล้วเหยียบโกลน ขณะที่หวังชีกำลังตะลึง กระโดดขึ้นหลังม้า และนั่งอย่างสง่า

“เจ้าขี่ม้าเป็นจริงๆ” หวังชีเชื่อแล้ว

คนตงหลิงเก่งเรื่องขี่ม้า และเหล่าสตรีก็เก่งในด้านนี้เช่นกัน แต่เวลาพวกนางขึ้นม้าจะต้องมีคนคอยช่วย เพราะม้าสูงมาก หญิงสาวปกติไม่มีแรงมากขนาดนั้น ที่จะขึ้นม้าด้วยการใช้แรงจากการเหยียบโกลนและดึงบังเหียน

เฟิ่งชิงเฉินไม่เพียงทำได้ แต่ทำออกมาได้สวยงามอย่างมาก

“ข้าไปก่อนนะ มิต้องเป็นห่วงข้า มันไม่ง่ายหรอกที่ผู้หญิงพวกนั้นจะสังหารข้าได้” เฟิ่งชิงเฉินดึงบังเหียน กางขาของนางออกเล็กน้อย และเตรียมที่จะขี่ม้าจากไป

เอาเถอะ อวี่เหวินหยวนฮั่วถอนหายใจ และเมื่อเฟิ่งชิงเฉินดึงบังเหียน เขาก็ก้าวออกมาและยืนอยู่ขวางหน้าม้าของเฟิ่งชิงเฉิน กล่าวโดยไม่ปฏิเสธว่า

“ระหว่างขี่ม้าถนนเต็มไปด้วยฝุ่น คุณหนูเฟิ่ง ให้ข้าไปส่งเจ้าที่เรือนนอกพระราชวังเถิด ทหาร มาซ่อมรถม้าให้ที”

นี่เป็นสิ่งที่เขาพูดให้ทุกคนได้ยิน และสิ่งที่อวี่เหวินหยวนฮั่วต้องการบอกเฟิ่งชิงเฉินจริงๆ คือ เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าชนะแล้ว

“ขอบคุณแม่ทัพอวี่เหวินอย่างมาก แม่ทัพอวี่เหวินทำเพื่อประชาชน ชิงเฉินชื่นชมอย่างมาก มีแม่ทัพอวี่เหวินอยู่ทั้งคน ประชาชนของตงหลิงจะไม่ต้องกังวลกระไรอีกต่อไป”

แน่นอนนี่คือสิ่งที่นางพูดให้คนนอกฟัง นัยน์ตาแห่งความหวังของเฟิ่งชิงเฉินบอกกับเขาว่า ” ต่อรองกันได้ แม่ทัพอวี่เหวินก็มิได้แพ้หรอก เจ้าชนะข้าเสียมากกว่า”

แม้แต่ในยุคของนาง “ตำราพิชัยสงครามซุนจื่อ” ยังคงเป็นหนังสือที่มหัศจรรย์ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการในวงการการเมืองหรือคนรวยที่ทำเงินได้หลายพันล้านต่างก็ชื่นชมความมหัศจรรย์ของ “ตำราพิชัยสงครามซุนจื่อ”

วันนี้ อวี่เหวินหยวนฮั่วได้มันไป ถือเป็นความโชคดีของเขา

ประเด็นนี้ อวี่เหวินหยวนฮั่วปฏิเสธมิได้ หากไม่มีผลประโยชน์มากพอ เขาคงไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้ เขาสนใจสิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินกล่าวมาจริงๆ “ไม่ทราบว่าสิ่งที่คุณหนูเฟิ่งกล่าวมาเมื่อสักครู่นั้น อ่านมาจากตำราเล่มไหนหรือ?”

“พ่อของข้าเป็นทหาร” เป็นคำตอบเช่นนี้อีกแล้ว ฝีมือของเฟิ่งชิงเฉินช่างพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ

หวังชียืนอยู่ข้าง ๆ และจากนั้นเขาจึงเข้าใจการแข่งขันระหว่างเฟิ่งชิงเฉินและอวี่เหวินหยวนฮั่ว เขาคิดในใจว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ เขาจะนำไปบอกพี่ชายเมื่อเขากลับไป

มีเพียงไม่กี่คนในโลกนี้ที่สามารถทำให้อวี่เหวินหยวนฮั่วยอมเสียเปรียบแต่ไม่เอ่ยปากโต้แย้งใดๆ

หากเฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าหวังชีคิดเช่นนี้อยู่ในใจ นางคงจะ มึนงงจนกระอักเลือดออกมา

เสียเปรียบหรือ? อวี่เหวินหยวนฮั่วไม่ได้สูญเสียอะไรเลย แม้ว่าเขาจะเสียเปรียบ แต่เขาก็สูญเสียอย่างมีความสุข

อวี่เหวินหยวนฮั่วพยายามหลอกถามอยู่นาน แต่กลับไม่ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์ อวี่เหวินหยวนฮั่วผู้ซึ่งมึนงงอย่างมากจึงนึกขึ้นได้ว่า ตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินยังนั่งอยู่บนหลังม้า และเขาก็เงยหน้าจนปวดคอไปหมด

“คุณหนูเฟิ่ง รถม้ากำลังจะซ่อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณหนูเฟิ่งเชิญลงจากม้าเถิด”

เมื่อเห็นภาพที่อวี่เหวินหยวนฮั่วมึนงง เฟิ่งชิงเฉินแอบอมยิ้มเล็กน้อย แววตาของนางเจ้าเล่ห์อย่างมาก และนางกำลังคิดที่จะแกล้งเขา

แน่นอนเฟิ่งชิงเฉินไม่มีวันยอมรับว่าตนกำลังพยายามแกล้งเขาอย่างแน่นอน นางกำลังสอนด้วยความสนุกต่างหาก ให้อวี่เหวินหยวนฮั่วรับรู้ถึงพลังที่มหัศจรรย์ของพิชัยสงคราม…

บทที่ 067 ตอบแทนบุญคุณ

บทที่ 069 พิชัยสงคราม

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท