บทที่ 081 เป็นตาย
เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้คิดจะคว้าที่หนึ่ง ดังนั้นในห้าร้อยเมตรสุดท้ายนางจึงจงใจลดความเร็วลง
เกียรติยศในเทศกาลชมดอกท้อ สำหรับนางแล้วหากจะมีเพิ่มมาอีกก็ไม่มีประโยชน์ หากจะต้องตกอยู่ในมือนาง มิสู้ให้ตำแหน่งชนะเลิศนี้แก่คนที่ต้องการมันเสียจะดีกว่า
ในขณะที่เฟิ่งชิงเฉินชะลอความเร็วลง ซุนยี่จิ่นและองค์หญิงอู่เถาก็ควบม้าขณะตามมาทั้งซ้ายและขวา
“อ๊า…”
ทั้งสองร้องอย่างตกใจ ดวงตาทั้งสองแดงก่ำ
เมื่อเข้ามาใกล้พวกนางจึงพบว่าบาดแผลด้านหลังของเฟิ่งชิงเฉินร้ายแรงกว่าที่พวกนางคิดไว้มาก
ผิวหนังทั้งหลังแทบจะไม่เหลือแล้ว โคลนทั้งหมดแปดเปื้อนไปด้วยเลือดเนื้อ ในขณะที่ควบม้าไปดินโคลนที่ผสมปนเปไปกับเลือดเนื้อเหล่านี้ก็หยดลง น่าสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง
พวกเขาเห็นแล้วก็รู้สึกเสียววาบที่กลางหลัง
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าไม่เป็นไรนะ!” องค์หญิงอู่เถาที่ไม่คิดจะเสวนากับเฟิ่งชิงเฉินก็ยังอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมา
“ต้องเจ็บมากแน่!” ซุนยี่จิ่นพูดพึมพำ
นี่คือราคาของอิสรภาพ
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถจ่ายได้ ดังนั้นนางจึงเห็นเพียงเฟิ่งชิงเฉินที่ท้าทายจารีตประเพณีและอำนาจของราชวงศ์
เฟิ่งชิงเฉินอึ้งงัน จากนั้นจึงได้เข้าใจขึ้นมา นางยิ้มและกล่าวว่า “ไม่เจ็บหรอก มันดูเหมือนจะร้ายแรงแต่ความจริงแล้วไม่ได้บาดเจ็บสาหัสนัก เดี๋ยวก็ดีขึ้น”
“จะไม่เจ็บได้อย่างไร แทบจะไม่มีผิวหนังเหลืออยู่แล้ว เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปจะแต่งงานกับใครได้ คนของบ้านสามีจะต้องใช้รอยแผลเป็นที่หลังของเจ้าเป็นข้ออ้างทำให้เจ้าลำบากใจแน่” อย่ากล่าวโทษที่องค์หญิงอู่เถาเอ่ยเช่นนี้สตรีในยุคนี้มาร์คเอาชีวิตของตัวเองผูกติดไว้กับบ้านของสามี
“องค์หญิงล้อเล่นไปได้ อย่าว่าแต่ในแผ่นดินตงหลิงเลย แม้ว่าจะเป็นทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ เกรงว่าจะหาใครที่กล้าแต่งกับข้านั้นไม่มี” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองน่าสงสารแม้แต่น้อย นางกลับพูดความจริงออกมาได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้คนรู้สึกปวดใจ
“เฟิ่งชิงเฉิน ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” องค์หญิงอู่เถากล่าวออกมาด้วยสีหน้าอึดอัดใจ
“ไม่เป็นไรหรอกเพคะ ยังมีอีกสามร้อยเมตรสุดท้าย องค์หญิงไม่รีบมุ่งหน้าไปหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากจะพูดมากไปกว่านี้จึงได้เตือนนาง
“อ๊ะ ตกลง ข้าไปก่อนล่ะ เจ้าเองก็เร็วหน่อยเล่า” องค์หญิงอู่เถาใช้สองขาหนีบกระชับเข้าที่ท้องม้า บอกแทรกขึ้นเตรียมที่จะพุ่งไปข้างหน้า
ในเวลานี้เองนางก็เห็นแสงเย็นว่า ความเคยชินทำให้เดือนหน้าไปมองก็พบว่าบนทางด้านขวา จู่ๆ ก็มีธนูเล่มหนึ่งมุ่งหน้าเข้าหาเฟิ่งชิงเฉิน
“เฟิ่งชิงเฉิน ระวัง” องค์หญิงอู่เถาร้องตะโกนอย่างร้อนรน
เฟิ่งชิงเฉินก็พบแล้วเช่นกัน นางเบือนหน้าไปมองด้วยสายตาเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง
นางแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าองค์หญิงอันผิงยังจะสร้อยมือธนูไว้ในสามร้อยเมตรสุดท้าย
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็อย่าหาว่านางไม่เกรงใจ
เฟิ่งชิงเฉินถือเชือกไว้ในมือซ้าย มือขวาหยิบปืนออกมาจากอก แต่ตอนที่นางเตรียมจะยิงปืน ซุนยี่จิ่นกลับสะบัดแส้ขึ้นฟาดลงที่ม้าของนางอย่างกะทันหันพร้อมทั้งควบม้ามาขวางไว้ที่ด้านหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน
“เฟิ่งชิงเฉิน รักษาชีวิตเจ้าไว้ให้ดี”
“ซุนยี่จิ่น” เฟิ่งชิงเฉินจับบังเหียนพลางตะโกนเรียกชื่อนางอย่างตื่นตกใจ
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันทำให้เฟิ่งชิงเฉิน นางได้แต่มองซุนยี่จิ่นรับลูกธนูแทนนางและล้มลงไปกับพื้น
เฟิ่งชิงเฉินตกใจมาก นางคิดไม่ถึงเลยว่าวันหนึ่งจะมีคนเป็นอะไรไปเพราะช่วยนาง
โดยไม่สนใจว่าม้าจะยังควบทะยานอยู่ เฟิ่งชิงเฉินใช้แรงดึงบังเหียน ม้าร้องกู่ก้อง คราวหน้าของมันยกขึ้นบนอากาศ ในขณะที่ม้ายังทรงตัวได้ไม่มั่นคง เฟิ่งชิงเฉินก็ไถลตัวลงมาจากม้าและรีบวิ่งไปยังซุนยี่จิ่นที่ล้มลงไปกับพื้น
องค์หญิงอู่เถาก็ตกใจมากเช่นกัน
แม้ว่าเทศกาลดอกท้อในทุกปีจะมีอุบัติเหตุเช่นนี้เกิดขึ้น แต่เรื่องไม่คาดฝันในปีนี้มากมายเหลือเกิน
“ซุนยี่จิ่น เจ้าอย่าทำให้ข้าตกใจ” เฟิ่งชิงเฉินคุกเข่าอยู่บนพื้นและสำรวจชีพจรของซุนยี่จิ่นอย่างระมัดระวังเมื่อเห็นว่านางยังมีลมหายใจอยู่ก็ค่อยโล่งใจ
“ท่านพี่ ท่านพี่…” จากที่ไกลๆ ซอสเพิ่งเข้ามาราวกับบ้าคลั่ง แต่ในยามนี้เฟิ่งชิงเฉินกลับไม่มีกะใจสนใจอะไรพวกนี้อีก
นางรู้แต่ว่าซุนยี่จิ่นจะตายไม่ได้เด็ดขาด อย่างน้อยก็จะตายเพราะนางไม่ได้ มิฉะนั้นนางคงจะรู้สึกไม่สบายใจไปตลอดชีวิต
แม้ว่านางจะไม่ได้ต้องการให้ซุนยี่จิ่นมาช่วยชีวิตนาง แต่ซุนยี่จิ่นก็บาดเจ็บเพราะช่วยนางไว้
“เฟิ่งชิงเฉิน ยังจะนิ่งอยู่อีก เร็วเข้า รีบพยุงคนขึ้นมา” องค์หญิงอู่เถาเห็นเฟิ่งชิงเฉินเอาแต่จับนู่นจับนี่บนตัวซุนยี่จิ่นแต่กลับไม่ได้ทำอะไรจึงคิดไปว่านางคงจะตกใจจนโง่ไปเสียแล้ว ถึงได้รีบพูดออกมา ในขณะเดียวกันนางก็เอื้อมแขนออกมาคิดจะอุ้มซุนยี่จิ่นขึ้น
“หยุดเดี๋ยวนี้ อย่าขยับตามใจชอบ” เฟิ่งชิงเฉินตกใจและรีบห้ามนาง
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าเป็นบ้าอะไรไป ซุนยี่จิ่นต้องการหมอ พวกเราต้องส่งนางหาหมอ”องค์หญิงอู่เถาถูกเฟิ่งชิงเฉินดุข้าวก็ไม่กล้าขยับแต่ก็ยังคงมีสีหน้าสงสัย
“ข้านี่แหละที่เป็นหมอ องค์หญิงอู่เถา ท่านอย่าเพิ่งขยับตัวนาง ให้ข้าได้ตรวจเสียก่อน ถ้าต้องการให้แน่ใจว่าอาการบาดเจ็บของนางเหมาะสมที่จะเคลื่อนย้ายหรือไม่ หากเคลื่อนย้ายอย่างไม่เหมาะสมแล้วทำให้บาดเจ็บซ้ำซ้อน ความรับผิดชอบนี้ผู้ใดจะรับผิดชอบ?”
เมื่อแน่ใจว่าซุนยี่จิ่นไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต เฟิ่งชิงเฉินก็ฟื้นคืนความเยือกเย็นกลับมาได้อีกครั้ง
ความมอมแมมทั่วสรรพางค์กายไม่อาจปิดบังความเฉลียวฉลาดในดวงตาของนางได้
เมื่อองค์หญิงอู่เถาถูกเฟิ่งชิงเฉินถามเช่นนี้ก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวอย่างเชื่อฟัง
เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่สนใจนางเช่นกัน นางเก็บปืนเข้าไปและเปิดกล่องยาอัจฉริยะ ผลการวินิจฉัยกำลังจะออกมาแล้ว
ด้านหลังมีแผลบาดเจ็บภายนอก เลือดคั่งภายในช่องอก ปอดได้รับความเสียหาย กระดูกซี่โครงหัก บนใบหน้ามีแผล นางเสียเลือดมากเกินไป จะต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนมิฉะนั้นจะเป็นอันตรายถึงชีวิต
เฟิ่งชิงเฉินพ่นลมหายใจออกมา ไม่รู้ว่านางหยิบมีดผ่าตัดเล่มเล็กออกมาจากที่ใดมาตัดลูกศรนั้นและเหลือไว้เพียงหัวลูกศรอยู่ในร่างของซุนยี่จิ่น
องค์หญิงอู่เถายืนตกตะลึงอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงไม่กล้ากล่าวอันใดออกมา
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินเก็บมีดผ่าตัดเรียบร้อยแล้วและทำแผลให้ซุนยี่จิ่นอย่างง่ายๆ จากนั้นก็พลิกตัวนาง
“อ๊าา…” องค์หญิงอู่เถาเอามือทั้งสองปิดปากและร้องไห้ออกมา
ใบหน้าของซุนยี่จิ่นเต็มไปด้วยเลือด ที่หน้าผากมีรอยแตก และผู้ที่ทำก็คือหินก้อนหนึ่ง
ซุนยี่จิ่นหมดสภาพไปเสียแล้ว!
“ท่านพี่!” ยามที่ซุนยี่สือวิ่งมาถึงก็พบเฟิ่งชิงเฉินพลิกตัวซุนยี่จิ่นกลับมาพอดี นางจึงล้มลงร้องไห้อยู่บนพื้น
“เกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ท่านพี่…”
เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้กล่าวปลอบโยนนาง เพียงแต่อุ้มคนขึ้นมา “องค์หญิงอู่เถา ขอยืมม้าของท่านหน่อยเถิด”
เมื่อนางพูดจบ นางก็อุ้มซุนยี่จิ่นและขึ้นหลังม้า ในขณะที่กำลังจะควบม้าออกไป องค์หญิงอันผิงก็ขี่ม้าเข้ามาล้อมนางไว้พร้อมกับเหล่าทหาร
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ากำลังทำอะไร?” องค์หญิงอันผิงตวาด ดวงตาฉายแสงเย็นวาบ
“ข้ากำลังช่วยคน” สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินสงบนิ่ง นางไม่มีเจตนายอมถอยให้กับองค์หญิงอันผิงเลยแม้แต่น้อย
“ช่วยคนงั้นหรือ? ข้าว่าเป็นการฆาตกรรมมากกว่า เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าว่าแม่นางซุนลงเดี๋ยวนี้นะ” องค์หญิงอันผิงออกคำสั่ง ทหารหันดาบใหญ่เข้าใส่เฟิ่งชิงเฉิน
“องค์หญิงอันผิง คำพูดเดิมๆ ข้าไม่ต้องการกล่าวซ้ำ โปรดหลีกทางด้วย มิฉะนั้นอย่าหาว่าข้าเสียมารยาท” เฟิ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยความโอหังโดยไม่ไว้หน้าองค์หญิงอันผิง
ในขณะนี้ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการช่วยเหลือซุนยี่จิ่นอีกแล้ว
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าบังอาจนัก กล้าดีอย่างไรมาพูดกับข้าเช่นนี้ ทหาร จับตัวเฟิ่งชิงเฉินไว้”
องค์หญิงอันผิงยกมือขึ้น เหล่าทหารก็รีบรุดเข้ามาข้างหน้า
“อย่าขยับ” เฟิ่งชิงเฉินตวาดก้อง พร้อมกันนั้นก็หยิบปืนออกมาจากอก เล็งยิงไปม้าขององค์หญิงอันผิง…
เสียงดังก็ไม่มีประโยชน์ ความแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะตัดสินทุกสิ่ง