นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 95 ออกจากคุก

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 95 ออกจากคุก

หลังจากที่เสด็จอาเก้าและองค์หญิงอันผิงกลับไปแล้ว องครักษ์เสื้อโลหิตก็กลับมาอยู่ในความสงบอีกครั้ง แต่เป็นความสงบที่ไม่ได้สงบอย่างที่เห็น

คำพูดที่องค์หญิงอันผิงทิ้งท้ายไว้ก่อนไป ทำให้ลู่เส้าหลินหวั่นวิตกยิ่งนัก

ในขณะที่เขากำลังกลัดกลุ้มเรื่องความอยู่รอดของตนเองอยู่นั้น เฟิ่งชิงเฉินก็มาขัดจังหวะ

“ใต้เท้าลู่ ข้าต้องการพานักโทษที่อยู่ในห้องขังห้อง 96 ออกไป พวกเขาบอกว่าต้องได้รับการอนุมัติจากท่าน”

ทำอย่างไรได้ล่ะ คำตอบของเสด็จอาเก้าคลุมเครือขนาดนั้น นางจึงต้องยอมเสี่ยงดูสักตั้ง

ในยามที่อำนาจในมือไม่มากพอ ก็ต้องรู้จักแอบอ้างอำนาจของผู้อื่น เสด็จอาเก้านี่แหละคือที่พึ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้

ลู่เส้าหลินหันมาหาเจ้าของเสียงด้วยสีหน้าขุ่นเคือง

ผู้ใดกันนะที่บังอาจมาขัดจังหวะการใช้ความคิดของเขาได้

เมื่อเห็นว่าเป็นเฟิ่งชิงเฉิน สีหน้าอันขุ่นเคืองก็ค่อยๆจางหาย ตอนนี้เขาปั้นสีหน้าปกติ

มัวคิดอะไรอยู่อีกล่ะ ที่พึ่งมายืนอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว หากโน้มน้าวเฟิ่งชิงเฉินได้สำเร็จ เฟิ่งชิงเฉินก็จะสามารถนำเรื่องราวด้านดีเลิศของเขาไปพูดให้เสด็จอาเก้าฟังได้

“เฟิ่งซิ่ว ยังไม่กลับอีกหรือ?”

การเรียกอย่างสนิทสนม ทำเอาเฟิ่งชิงเฉินขกลุกอย่างบอกไม่ถูก แต่แล้วนางก็มองออกว่าลู่เส้าหลินกำลังคิดสิ่งใดอยู่

ความเข้มแข็ง

เสด็จอาเก้าว่าไว้ไม่มีผิด ความเข้มแข็งเท่านั้นที่จะเป็นตัวชี้วัดทุกอย่างได้

เฟิ่งชิงเฉินยิ้มให้เขาเล็กน้อย เป็นการรักษาระยะห่าง หากนางพูดมากในตอนนี้ก็เกรงว่าจะเป็นผลเสียเอาได้

“ใต้เท้าลู่ ข้าต้องการพาตัวนักโทษที่อยู่ในห้องขังห้อง 96 ออกไปค่ะ”

“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวข้าจะสั่งคนของข้าให้ไปนำตัวเขามาให้” ลู่เส้าหลินตอบกลับ

“ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวข้าไปเอง ท่านช่วยไปเตรียมเสื้อคลุมมาให้ข้าสักตัวก็พอแล้ว” เฟิ่งชิงเฉินกล่าว

นางไม่ต้องการให้องครักษ์เสื้อโลหิตได้เข้าใกล้เสี่ยวจื้อ

แม้ว่านางจะไม่ได้รู้สึกต่อต้านองครักษ์เสื้อโลหิต แต่ในสถานที่เช่นนี้ นางเปิดใจยอมรับไม่ได้เลยจริงๆ

ที่นี่คือถ้ำเสือ ถ้าเลือกได้นางก็ไม่ขอมาเหยียบที่นี่อีก

แต่ว่านางกำลังข้องใจ ว่าแม่ของนางถูกองครักษ์เสื้อโลหิตนำตัวมาที่นี่ได้อย่างไร แน่นอนว่า……

นางไม่มีทางนำเรื่องนี้ไปถามลู่เส้าหลินแน่นอน ลู่เส้าหลินในตอนนั้นยังเป็นเพียงนายทหารชั้นผู้น้อย ถามไปเขาคงไม่รู้หรอก

“ได้ เฟิ่งซิ่ว ให้ข้าไปกับเจ้าไหม?” ลู่เส้าหลินแม้จะเอ่ยปากถาม แต่เท้าของเขาก็ได้ก้าวเดินนำหน้านางไปแล้ว

ห้องขังแดนนี้ ตั้งแต่ลู่เส้าหลินรับตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการมา เขาเองก็ยังไม่เคยเดินมาถึงที่นี่เลย

ดีที่เขตห้องขังถูกสร้างเรียงรายไม่ซับซ้อน จึงหาห้องขังดังกล่าวได้โดยง่าย

ตลอดทางที่เดินมา ลู่เส้าหลินก็พยายามตีสนิทเฟิ่งชิงเฉิน เขาต้องการหาจุดอ่อนของนาง เพื่อหลอกใช้นางให้หมั่นเพ็ดทูลคุณงามความดีของเขาต่อหน้าเสด็จอาเก้า

เฟิ่งชิงเฉินบางครั้งก็มองเขา บางครั้งก็เมินเขา นางคิดในใจว่าชายคนนี้ปรับตัวเก่งจริงๆ

เมื่อ 5 วันก่อน ตัวนางเองก็ไม่ได้ต่างจากลู่เส้าหลินผู้นี้เลย นางเองก็มองหาจุดอ่อนบนตัวเขา เพราะนางต้องการให้องครักษ์เสื้อโลหิตปฏิบัติต่อนางดีขึ้น แล้วมาตอนนี้ล่ะ?

สองคนนี้เมื่อเทียบกับเมื่อ 5 วันก่อนแล้ว บทบาทกลับกันโดยสิ้นเชิง

เดินมาไม่ไกลมากก็มาถึงห้องขังหมายเลข 96 เฟิ่งชิงเฉินจำต้องขัดจังหวะการสนทนาของลู่เส้าหลิน “ใต้เท้าลู่ ช่วยหาคนเข้าไปตรวจสอบทีว่านักโทษเสียชีวิตแล้วหรือยัง”

นี่แหละคือดินแดนขององครักษ์เสื้อโลหิต ต่อให้มีนักโทษตายพวกเขาก็ไม่รู้ ต้องรอจนศพส่งกลิ่นเหม็นเน่า จึงจะมีคนไปพบศพ

“ไม่ต้องหรอก คำพูดแม่นางเฟิ่ง มีหรือที่ข้าจะไม่เชื่อ” ลู่เส้าหลินโบกมือปฏิเสธ

น่าเสียดายที่เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ซาบซึ้งในความเชื่อใจของเขาเลย “ใต้เท้าลู่ อย่างไรก็ตรวจสอบสักหน่อยเถอะนะ เสด็จอาเก้าตรัสแล้วว่า ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการขององครักษ์เสื้อโลหิต ห้ามผู้ใดละเมิดกฎ”

เฟิ่งชิงเฉินยกเสด็จอาเก้ามาอ้างอีกตามเคย

ลู่เส้าหลินผู้ซึ่งมองการณ์ไกล เขารู้ดีว่าหากทำตามที่เฟิ่งชิงเฉินขอ ก็จะช่วยให้ชีวิตที่ร่อแร่ของเขาอยู่รอดต่อไปได้

เห็นเฟิ่งชิงเฉินยืนกรานอย่างหนักแน่น ลู่เส้าหลินก็ไม่พูดอะไรมาก เขาเรียกตัวเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพมาพบในทันที

ไม่รู้เป็นเพราะเสด็จอาเก้ากับองค์หญิงอันผิงมาที่นี่หรือเป็นเพราะลู่เส้าหลินใจร้อน ประสิทธิภาพการทำงานขององครักษ์เสื้อโลหิตในวันนี้จึงสูงเป็นพิเศษ

ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพก็มาถึง เขารีบวิ่งมาจนหายใจแทบไม่ทัน เมื่อเข้าไปภายในห้องขังและตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าเสี่ยวจื้อตายแล้วจริงๆก็ออกใบรับรองการตายให้ ส่วนลู่เส้าหลินก็ออกหนังสือทำเรื่องการรับศพให้กับนาง

ทุกอย่างดำเนินการตามกระบวนการแล้ว

วันถัดมา องค์หญิงอันผิงอยากนำเรื่องนี้มาจัดการ แต่กลับพบว่าไม่มีสิ่งใดให้นางหยิบฉวยได้เลย

ศพของเสี่ยวจื้อไม่มีชิ้นดี ร่างกายท่อนบนมีแต่รอยแผดเผา ร่างกายท่อนล่างก็เน่าเฟะ แต่ดีที่วันนี้ไม่ร้อนมาก กลิ่นศพจึงไม่แย่มากนัก

ลู่เส้าหลินแสดงความเอื้อเฟื้อ เขาสั่งให้คนออกไปส่งเฟิ่งชิงเฉิน แต่กลับถูกเฟิ่งชิงเฉินปฏิเสธ

เมื่อเฟิ่งชิงเฉินรับเสื้อคลุมจากองครักษ์เสื้อโลหิตมาแล้วก็นำมาคลุมร่างของเสี่ยวจื้อ นางโน้มตัวลงไปพยุงร่างของเสี่ยวจื้อขึ้นมา

ท่านี้ทำให้บาดแผลที่แผ่นหลังของนางฉีกขาด และมีเลือดพุ่งกระเซ็นออกมา

เฟิ่งชิงเฉินกัดฟันทนไว้ นางพยายามลืมความเจ็บปวดในครั้งนี้

ร่างของเสี่ยวจื้อเบาหวิว ทั่วร่างของเสี่ยวจื้อนอกจากกระดูกแล้ว ก็แทบไม่มีหนังห่อหุ้มเลย

“เสี่ยวจื้อ พี่มารับเจ้าไปข้างนอกแล้วนะ”

เฟิ่งชิงเฉินก้มหน้าพึมพำ

แล้วนางก็กลับหลังหันเพื่อจะเดินออกไปนอกคุกองครักษ์เสื้อโลหิต

หากไม่ใช่เพราะเสี่ยวจื้อแล้วล่ะก็ นางคงไปจากที่นี่นานแล้ว

ยิ่งนางเดินใกล้จะถึงประตูทางออกมากเท่าไร ลู่เส้าหลินก็มีเหงื่อออกที่หน้าผากมากขึ้นตามไปด้วย

เฟิ่งชิงเฉินช่างหนักแน่นจริงๆ เขาอุตส่าห์พูดปากเปียกปากแฉะ แต่นางก็ไม่หวั่นไหวเลย ลู่เส้าหลินอยากจะกระอักเลือด

เมื่อเฟิ่งชิงเฉินเดินมาถึงประตูทางออกแล้วก็หยุดสักพักหนึ่ง นางอุ้มร่างของเสี่ยวจื้อ แล้วหันมาโค้งคำนับให้กับลู่เส้าหลิน เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ

นางรู้ดีว่าการจะขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่บางคนเป็นเรื่องที่ยากมาก ลู่เส้าหลินก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง เมื่อนางยกเสด็จอาเก้ามาอ้าง เขาจึงไม่ปฏิเสธนาง

ลู่เส้าหลินรีบเข้าไปประคองนางให้ลุกขึ้น “อย่าทำแบบนี้สิ”

เฟิ่งชิงเฉินลุกขึ้นยืน แล้วกล่าวด้วยสีหน้าจริงใจ “ท่านอาลู่โปรดรับการคำนับจากข้าเถอะ องครักษ์เสื้อโลหิตมีท่านคอยดูแล หากไม่ได้ท่านอาลู่ช่วยไว้ ชิงเฉินมีหรือจะสมปรารถนา”

“ท่านอาลู่วางใจเถอะ เรื่องของท่านข้าจะจำใส่ใจ ข้าจะนำเรื่องของท่านไปกราบทูลให้เสด็จอาเก้าฟัง แต่ท้ายที่สุดแล้ว ฮ่องเต้จะทรงมีพระราชวินิจฉัยอย่างไรนั้น ชิงเฉินคงจะบอกไม่ได้”

“แล้วอีกเรื่องหนึ่ง ข้าได้ส่งคนสนิทไปหาท่านเรียบร้อยแล้ว เขาจะบอกทุกอย่างกับท่านเอง”

“ท่านอาลู่วางใจได้เลย ชิงเฉินเป็นทั้งหมอ และยังเป็นรุ่นหลานท่านอาลู่ ชิงเฉินรู้ดีว่าควรทำอย่างไร ข้าจะไม่ให้เกิดเรื่องเดือดร้อนขึ้นกับท่านโดยเด็ดขาด”

“เมื่อครู่นี้ที่อยู่ภายในคุก หลายคนก็หลายปาก ชิงเฉินไม่ขอพูดอะไรมาก ขอให้ท่านอาลู่โปรดเข้าใจ”

นางพูดมายาวเหยียด ตอนนี้ทั้งสองมีท่าทีสบายใจ เฟิ่งชิงเฉินทำได้ไม่เลวเลย

ส่วนเรื่องความอยู่รอดของลู่เส้าหลินนั้น?

ก็ยังคงเหมือนเดิม ขึ้นอยู่กับพระราชวินิจฉัยของฮ่องเต้

ลู่เส้าหลินมีสีหน้าแช่มชื่น เขาเรียกเฟิ่งชิงเฉินว่าหลานสาว เรียกได้สนิทชิดเชื้อเสียจริงๆ แถมยังเตรียมรถม้าไว้ให้นาง 1 คัน เพราะเห็นว่าไม่มีใครมารับเฟิ่งชิงเฉิน

เฟิ่งชิงเฉินไม่ปฏิเสธ นางกล่าวคำขอบคุณเขาอีกครั้ง

มารับนาง? จะมีใครมารับนางอีกล่ะ เมื่อเข้ามาในดินแดนขององครักษ์เสื้อโลหิตแล้ว จะมีคนรอดออกไปสักกี่คน แม้จะออกไปได้ก็คงไม่มีลมหายใจแล้ว

รถม้ามาถึงแล้ว เฟิ่งชิงเฉินประคองร่างของเสี่ยวจื้อขึ้นไป ตอนแรกนางอยากจะกลับไปพักใจที่จวนเฟิ่งเสียก่อน แต่ว่า……

การที่เสด็จอาเก้าออกหน้าให้นางนั้น คนพวกนั้นคงจะรู้กันแล้ว นางจึงเดินทางออกนอกเมือง แล้วจัดการเรื่องเสี่ยวจื้อให้แล้วเสร็จ เพราะเรื่องนี้จะปล่อยไว้นานๆไม่ได้……

แต่เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าหลังจากที่นางเดินออกมาจากดินแดนองครักษ์เสื้อโลหิตแล้ว ด้านหลังนางจะมีคนจากในวังตามมาด้วย

แผนร้ายที่มีต่อเฟิ่งชิงเฉิน เนื่องจากเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้มาปรากฏตัวตามเวลา เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่โตในวังหลวง……

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท