เฟิ่งชิงเฉินและหวังจิ่นหลิงเดินออกมาอย่างมาดมั่น
คนหนึ่งดูสุขุมเหมือนกับหยก อีกคนแน่นิ่งทระนง ทั้งคู่เดินออกมาพร้อมๆกัน ดูเข้ากันได้อย่างบอกไม่ถูก
เดิมทีพวกชาวบ้านก็กำลังส่งเสียงกันระเบ็งเซ็งแซ่ มาตอนนี้ก็ยิ่งดังขึ้นไปใหญ่
“นั่นเฟิ่งชิงเฉินนี่ นางไม่ได้หนี หรือว่านางจะรักษาดวงตาให้กับคุณชายหวังได้?”
“ไม่มีทาง คุณชายหวังตาบอด รักษาไม่ได้หรอก”
“รักษาไม่ได้ ถ้ารักษาไม่ได้แล้วคุณชายหวังจะเดินออกมาได้อย่างไร ข้ามั่นใจว่าดวงตาของคุณชายหวังต้องหายดีแล้วแน่ๆ”
“เลิกเถียงกันได้แล้ว นั่นไงคุณชายหวัง เขาเดินออกมาแล้ว รูปโฉมหล่อเหลาไม่เบาเลย แต่ไม่รู้ว่าเขาจะมองเห็นหรือไม่”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ออกมาแล้ว ออกมาแล้ว”
“เมื่อก่อนข้าเคยเห็นดวงตาคุณชายหวัง ไม่ต่างจากน้ำหมึกเลยล่ะ”
คนทั้งสองเดินออกมาหน้าจวน หวังซู่ถอยไปรออยู่ด้านหลัง
ยิ่งเฟิ่งชิงเฉินและหวังจิ่นหลิงเดินออกมาใกล้ชาวบ้านมากเท่าไร แต่ละคนก็ยิ่งใจจดใจจ่อ โดยเฉพาะปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีที่มายืนดูใกล้ชิดกว่าผู้ใด
เมื่อหวังจิ่นหลิงเดินเข้ามาใกล้ เขาก็จ้องมองจนตาแทบถลน นัยน์ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความปิติ
“หายแล้ว รักษาหายจริงๆด้วย ดวงตาคุณชายหวังเป็นปกติแล้ว เฟิ่งชิงเฉินรักษาหายแล้ว คุณชายหวังมองเห็นแล้ว”
เขาพูดเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ ความคลางแคลงใจ และความมั่นใจ!
ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีกระโดดโลดเต้นอย่างดีอกดีใจ คนอายุ 60 กว่า รีบพุ่งเข้าไปหาเฟิ่งชิงเฉินและหวังจิ่นหลิงด้วยความเร็วที่คนหนุ่มสาวก็ไม่อาจจะสู้ได้
นายทหารอยากเข้าไปยืนขวาง แต่ถูกอวี่เหวินหยวนฮั่วห้ามไว้ คนอื่นๆเห็นแล้วก็เอาอย่าง แต่โชคหาได้เข้าข้างพวกเขาไม่
มีเพียงปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีมาช่วยเฟิ่งชิงเฉินพิสูจน์ก็พอแล้ว
“ดวงตาของคุณชายหวังกลับมามองเห็นแล้ว”
คำพูดประโยคนี้เปรียบเสมือนก้อนหินขนาดยักษ์ที่หล่นลงมาท่ามกลางกลุ่มฝูงชน
คำซุบซิบนินทาถูกทำลายโดยข้อเท็จจริงที่กระจ่างอยู่ตรงหน้า
“หา……”
“รักษาหายแล้วจริงๆด้วย”
ไม่รู้ว่าบรรยากาศในตอนนี้เต็มไปด้วยความแช่มชื่น งุนงง หรือคับแค้นมากกว่ากัน
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ รักษาหายได้อย่างไร? หมอเก่งๆทั้งหลายต่างยืนยันหนักแน่นว่าคุณชายใหญ่แห่งตระกูลหวังไม่มีทางกลับมามองเห็นได้นี่นา” บางคนได้แต่บ่นพึมพำพร้อมส่ายหน้าอยู่นาน “รักษาหายได้อย่างไร? แล้วเงินของข้าล่ะ แล้วเงินของข้าล่ะ”
ชาวบ้านทั่วไปไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เท่าไรนัก ผู้คนที่มายืนมุงอยู่รอบๆจวนเฟิ่ง นอกจากคนของฮองเฮาแล้ว คนส่วนมากล้วนเข้าร่วมการพนัน ผู้ที่แทงพนันนั้นเกือบทั้งหมดต่างแทงว่าเฟิ่งชิงเฉินจะรักษาไม่ได้
ดังนั้น……วันนี้จึงมีผู้คนมากมายที่ต้องสิ้นเนื้อประดาตัว
การพนันครั้งนี้นำพาความอับจนมาเสียแล้ว!
อยากจะรวยทางลัดจากเฟิ่งชิงเฉินหรือ ฝันไปเถอะ!
ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีไม่เคยมองเฟิ่งชิงเฉินว่าเป็นคนลวงโลก และไม่เคยมองว่านางเป็นผู้น้อย ดังนั้น เมื่อเขาเดินมาหานางแล้ว ก็ได้กล่าวกับนางด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “ท่านหมอเฟิ่ง ข้าขอดูตาคุณชายหวังได้หรือไม่”
ด้วยความที่เป็นหมอ เขาไม่สนใจกระแสของสังคม เขาสนใจแต่เพียงว่าเฟิ่งชิงเฉินรักษาหวังจิ่นหลิงจนหายได้อย่างไร
ฝูงชนต่างส่งเสียงอื้ออึง พร้อมมองเฟิ่งชิงเฉินด้วยสีหน้ายกย่อง
คำว่าท่านหมอเฟิ่งที่เขาเปล่งออกมานั้น ถือเป็นการกำหนดสถานะของเฟิ่งชิงเฉินในแคว้นแห่งนี้แล้ว
“ได้สิค่ะ” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวพร้อมกับผายมือ
บ่าวไพร่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบนำเก้าอี้มา 2 ตัว ตัวหนึ่งให้หวังจิ่นหลิงนั่ง แต่ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีกลับไม่กล้านั่งลง เขาได้แต่เข้าไปตรวจชีพจรหวังจิ่นหลิง เพื่อดูว่าชีพจรปกติหรือไม่ ก่อนจะพยักหน้าแล้วลงมือตรวจสอบดวงตาหวังจิ่นหลิง
“มหัศจรรย์นัก ช่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ ดวงตาคุณชายหวังรักษาหายแล้วจริงๆ ขอแค่พักฟื้นสักระยะ อีกไม่เกิน 3 เดือนก็จะเป็นดังคนปกติทั่วไปแล้ว” ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพร้อมกับตัวสั่นไปทั้งตัว
อาการเช่นนี้เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจดี
หากเป็นในยุคปัจจุบัน นี่ถือเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับยุคที่การแพทย์ยังไม่เฟื่องฟูแล้ว นี่ถือเป็นปาฏิหาริย์ทางการแพทย์
นางเข้ามาเปลี่ยนชะตาชีวิตให้กับหวังจิ่นหลิง และไม่แน่ว่านางอาจจะเปลี่ยนชะตาชีวิตให้กับใครอีกหลายคน
นี่คือความสำเร็จของเส้นทางอาชีพแพทย์!
คำพูดของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีทำเอาหมอหลวงหยวนและใครหลายๆคนต้องสิ้นหวัง
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ดวงตาคุณชายหวังไม่มีทางรักษาได้แน่นอน มนต์ดำ เจ้าจะต้องใช้มนต์ดำที่ชั่วร้ายแน่ๆ นางปิศาจร้าย เจ้ามันเป็นนางปิศาจ” ดูเหมือนว่าหมอหลวงหยวนจะไม่สามารถเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงได้ จึงลุกขึ้นมาชี้หน้าด่าเฟิ่งชิงเฉิน
ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีถึงกับขมวดคิ้ว เขาอ้าปากแต่กลับไม่ได้พูดสิ่งใดออกมา
หวังซู่และหวังจิ่นหลิงหน้าเปลี่ยนในทันที แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินทำการรักษาอย่างไร แต่ก็มั่นใจว่านี่ไม่ใช่มนต์ดำอย่างแน่นอน และต่อให้เป็นมนต์ดำก็ช่างเถอะ มนต์ดำที่รักษาคนได้ยังให้ผลดีกว่าฝีมือทางการแพทย์เสียอีก
และสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ หากเฟิ่งชิงเฉินถูกตราหน้าว่าเป็นนางปิศาจ ในภายภาคหน้านางจะต้องลำบากแน่
หวังจิ่นหลิงที่เป็นคนสุขุมและหนักแน่น ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตระกูลหวังจะถูกพูดถึงในด้านลบอย่างไรเขาก็ไม่เคยโกรธ แต่มาตอนนี้กลับโกรธจนตัวสั่นและกัดฟันจนแน่น
คนพวกนี้ทำเกินไปจริงๆ นี่จะบีบให้เฟิ่งชิงเฉินจนมุมเลยหรือนี่
ส่วนผู้ที่มาก่อความไม่สงบให้กับจวนเฟิ่งนั้นก็เห็นดีเห็นงามว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นปิศาจ พร้อมทั้งป่าวร้องว่าจะเผานางปิศาจ
ฝูงชนเริ่มเหิมเกริมหนักขึ้น ดีที่ทหารของอวี่เหวินหยวนฮั่วไม่ได้เป็นพ่อพระ
หวังจิ่นหลิงยืนขึ้นเพื่อเตรียมอธิบาย แต่กลับถูกเฟิ่งชิงเฉินสั่งให้นั่ง “ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ข้าไม่เป็นอะไรหรอก”
นางปิศาจอย่างนั้นหรือ?
บางที หากไม่เคยเกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย คำว่านางปิศาจอาจจะมีคนเชื่อก็เป็นได้ แต่ว่าตอนนี้ล่ะ?
เฟิ่งชิงเฉินแสยะยิ้ม นางไม่แยแสฝูงชนที่กำลังด่าทอนาง แล้วนางก็หันไปหาปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี “ท่านปรมาจารย์ วิชาการแพทย์ท่านล้ำเลิศ โรคที่รักษายากต่างๆคงเคยเห็นมาแล้ว ชิงเฉินขอให้ท่านช่วยให้คำตอบที โลกใบนี้สามารถใช้มนต์ดำรักษาคนได้ด้วยหรือ การที่ดวงตาคุณชายหวังหายดี เป็นเพราะมนต์ดำหรือว่าการแพทย์คะ?”
“เป็นเพราะการแพทย์” ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีพยักหน้าด้วยสีหน้าชื่นชม
“ขอบคุณท่านมากค่ะ” เฟิ่งชิงเฉินคำนับเขาแล้วก้าวเท้าไปด้านหน้า ก่อนจะประกาศกร้าวต่อหน้าทุกๆคน
“ข้าเข้าใจแล้วว่าเหตุใดท่านปรมาจารย์จึงถูกผู้คนขนานนามว่าหมอเทวดา ส่วนหมอหลวงหยวนจึงต้องอยู่แต่กับตระกูลเซี่ย ฝีมือการรักษาของหมอหลวงหยวนดีหรือไม่ข้าไม่รู้ แต่จรรยาบรรณการเป็นแพทย์ของหมอหลวงหยวนนั้น ในวันนี้ข้าเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว”
“คราก่อนกุเรื่องว่าชิงเฉินลวงโลก หมายจะมาทำลายชีวิตและทรัพย์สินตระกูลหวัง ตอนนี้ชิงเฉินรักษาคุณชายหวังได้แล้ว เป็นการพิสูจน์ว่าชิงเฉินไม่ใช่คนลวงโลก แต่หมอหลวงหยวนก็หาข้ออ้างใหม่ หาว่าชิงเฉินเป็นปิศาจ”
“ฮ่าๆๆ……หมอหลวงหยวนช่างรู้จักพูดจานัก คนไข้ที่ตัวเองไม่สามารถรักษาได้ พอคนอื่นรักษาได้ กลับถูกเรียกว่าปิศาจ”
“ปิศาจ? ปิศาจคืออะไรชิงเฉินก็ไม่รู้ แต่ฟังหมอหลวงหยวนพูดแล้ว ดูเหมือนหมอหลวงหยวนจะคุ้นเคยกับปิศาจเป็นพิเศษ? ขอหมอหลวงหยวนช่วยพูดให้กระจ่างทีเถิด”
เฟิ่งชิงเฉินโยนคำครหาไปให้หมอหลวงหยวนได้สำเร็จ เอาให้เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออกกันไปเลย
บุคคลที่ไม่มีสิทธิ์เอ่ยปาก
ทุกคนชอบบีบบังคับข้าให้ตกอยู่ในสถานะคนไม่มีสิทธิ์พูด มาวันนี้ข้าจะทำให้ทุกคนได้สัมผัสกับความรู้สึกของคนที่พูดไม่ได้บ้าง
เฟิ่งชิงเฉินมองด้วยสายตาเฉียบคม นางเชิดหน้าขึ้นด้วยท่าทางองอาจ
หมอหลวงหยวนมาหาเรื่องเฟิ่งชิงเฉิน ชั่วชีวิตนี้ อย่าหวังเลยว่าจะได้เงยหน้าอ้าปากขึ้นมาได้