นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 108 ใส่ความว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นปิศาจ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

เฟิ่งชิงเฉินและหวังจิ่นหลิงเดินออกมาอย่างมาดมั่น

คนหนึ่งดูสุขุมเหมือนกับหยก อีกคนแน่นิ่งทระนง ทั้งคู่เดินออกมาพร้อมๆกัน ดูเข้ากันได้อย่างบอกไม่ถูก

เดิมทีพวกชาวบ้านก็กำลังส่งเสียงกันระเบ็งเซ็งแซ่ มาตอนนี้ก็ยิ่งดังขึ้นไปใหญ่

“นั่นเฟิ่งชิงเฉินนี่ นางไม่ได้หนี หรือว่านางจะรักษาดวงตาให้กับคุณชายหวังได้?”

“ไม่มีทาง คุณชายหวังตาบอด รักษาไม่ได้หรอก”

“รักษาไม่ได้ ถ้ารักษาไม่ได้แล้วคุณชายหวังจะเดินออกมาได้อย่างไร ข้ามั่นใจว่าดวงตาของคุณชายหวังต้องหายดีแล้วแน่ๆ”

“เลิกเถียงกันได้แล้ว นั่นไงคุณชายหวัง เขาเดินออกมาแล้ว รูปโฉมหล่อเหลาไม่เบาเลย แต่ไม่รู้ว่าเขาจะมองเห็นหรือไม่”

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ออกมาแล้ว ออกมาแล้ว”

“เมื่อก่อนข้าเคยเห็นดวงตาคุณชายหวัง ไม่ต่างจากน้ำหมึกเลยล่ะ”

คนทั้งสองเดินออกมาหน้าจวน หวังซู่ถอยไปรออยู่ด้านหลัง

ยิ่งเฟิ่งชิงเฉินและหวังจิ่นหลิงเดินออกมาใกล้ชาวบ้านมากเท่าไร แต่ละคนก็ยิ่งใจจดใจจ่อ โดยเฉพาะปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีที่มายืนดูใกล้ชิดกว่าผู้ใด

เมื่อหวังจิ่นหลิงเดินเข้ามาใกล้ เขาก็จ้องมองจนตาแทบถลน นัยน์ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความปิติ

“หายแล้ว รักษาหายจริงๆด้วย ดวงตาคุณชายหวังเป็นปกติแล้ว เฟิ่งชิงเฉินรักษาหายแล้ว คุณชายหวังมองเห็นแล้ว”

เขาพูดเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ ความคลางแคลงใจ และความมั่นใจ!

ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีกระโดดโลดเต้นอย่างดีอกดีใจ คนอายุ 60 กว่า รีบพุ่งเข้าไปหาเฟิ่งชิงเฉินและหวังจิ่นหลิงด้วยความเร็วที่คนหนุ่มสาวก็ไม่อาจจะสู้ได้

นายทหารอยากเข้าไปยืนขวาง แต่ถูกอวี่เหวินหยวนฮั่วห้ามไว้ คนอื่นๆเห็นแล้วก็เอาอย่าง แต่โชคหาได้เข้าข้างพวกเขาไม่

มีเพียงปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีมาช่วยเฟิ่งชิงเฉินพิสูจน์ก็พอแล้ว

“ดวงตาของคุณชายหวังกลับมามองเห็นแล้ว”

คำพูดประโยคนี้เปรียบเสมือนก้อนหินขนาดยักษ์ที่หล่นลงมาท่ามกลางกลุ่มฝูงชน

คำซุบซิบนินทาถูกทำลายโดยข้อเท็จจริงที่กระจ่างอยู่ตรงหน้า

“หา……”

“รักษาหายแล้วจริงๆด้วย”

ไม่รู้ว่าบรรยากาศในตอนนี้เต็มไปด้วยความแช่มชื่น งุนงง หรือคับแค้นมากกว่ากัน

“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ รักษาหายได้อย่างไร? หมอเก่งๆทั้งหลายต่างยืนยันหนักแน่นว่าคุณชายใหญ่แห่งตระกูลหวังไม่มีทางกลับมามองเห็นได้นี่นา” บางคนได้แต่บ่นพึมพำพร้อมส่ายหน้าอยู่นาน “รักษาหายได้อย่างไร? แล้วเงินของข้าล่ะ แล้วเงินของข้าล่ะ”

ชาวบ้านทั่วไปไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เท่าไรนัก ผู้คนที่มายืนมุงอยู่รอบๆจวนเฟิ่ง นอกจากคนของฮองเฮาแล้ว คนส่วนมากล้วนเข้าร่วมการพนัน ผู้ที่แทงพนันนั้นเกือบทั้งหมดต่างแทงว่าเฟิ่งชิงเฉินจะรักษาไม่ได้

ดังนั้น……วันนี้จึงมีผู้คนมากมายที่ต้องสิ้นเนื้อประดาตัว

การพนันครั้งนี้นำพาความอับจนมาเสียแล้ว!

อยากจะรวยทางลัดจากเฟิ่งชิงเฉินหรือ ฝันไปเถอะ!

ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีไม่เคยมองเฟิ่งชิงเฉินว่าเป็นคนลวงโลก และไม่เคยมองว่านางเป็นผู้น้อย ดังนั้น เมื่อเขาเดินมาหานางแล้ว ก็ได้กล่าวกับนางด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “ท่านหมอเฟิ่ง ข้าขอดูตาคุณชายหวังได้หรือไม่”

ด้วยความที่เป็นหมอ เขาไม่สนใจกระแสของสังคม เขาสนใจแต่เพียงว่าเฟิ่งชิงเฉินรักษาหวังจิ่นหลิงจนหายได้อย่างไร

ฝูงชนต่างส่งเสียงอื้ออึง พร้อมมองเฟิ่งชิงเฉินด้วยสีหน้ายกย่อง

คำว่าท่านหมอเฟิ่งที่เขาเปล่งออกมานั้น ถือเป็นการกำหนดสถานะของเฟิ่งชิงเฉินในแคว้นแห่งนี้แล้ว

“ได้สิค่ะ” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวพร้อมกับผายมือ

บ่าวไพร่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบนำเก้าอี้มา 2 ตัว ตัวหนึ่งให้หวังจิ่นหลิงนั่ง แต่ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีกลับไม่กล้านั่งลง เขาได้แต่เข้าไปตรวจชีพจรหวังจิ่นหลิง เพื่อดูว่าชีพจรปกติหรือไม่ ก่อนจะพยักหน้าแล้วลงมือตรวจสอบดวงตาหวังจิ่นหลิง

“มหัศจรรย์นัก ช่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ ดวงตาคุณชายหวังรักษาหายแล้วจริงๆ ขอแค่พักฟื้นสักระยะ อีกไม่เกิน 3 เดือนก็จะเป็นดังคนปกติทั่วไปแล้ว” ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพร้อมกับตัวสั่นไปทั้งตัว

อาการเช่นนี้เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจดี

หากเป็นในยุคปัจจุบัน นี่ถือเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับยุคที่การแพทย์ยังไม่เฟื่องฟูแล้ว นี่ถือเป็นปาฏิหาริย์ทางการแพทย์

นางเข้ามาเปลี่ยนชะตาชีวิตให้กับหวังจิ่นหลิง และไม่แน่ว่านางอาจจะเปลี่ยนชะตาชีวิตให้กับใครอีกหลายคน

นี่คือความสำเร็จของเส้นทางอาชีพแพทย์!

คำพูดของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีทำเอาหมอหลวงหยวนและใครหลายๆคนต้องสิ้นหวัง

“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ดวงตาคุณชายหวังไม่มีทางรักษาได้แน่นอน มนต์ดำ เจ้าจะต้องใช้มนต์ดำที่ชั่วร้ายแน่ๆ นางปิศาจร้าย เจ้ามันเป็นนางปิศาจ” ดูเหมือนว่าหมอหลวงหยวนจะไม่สามารถเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงได้ จึงลุกขึ้นมาชี้หน้าด่าเฟิ่งชิงเฉิน

ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีถึงกับขมวดคิ้ว เขาอ้าปากแต่กลับไม่ได้พูดสิ่งใดออกมา

หวังซู่และหวังจิ่นหลิงหน้าเปลี่ยนในทันที แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินทำการรักษาอย่างไร แต่ก็มั่นใจว่านี่ไม่ใช่มนต์ดำอย่างแน่นอน และต่อให้เป็นมนต์ดำก็ช่างเถอะ มนต์ดำที่รักษาคนได้ยังให้ผลดีกว่าฝีมือทางการแพทย์เสียอีก

และสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ หากเฟิ่งชิงเฉินถูกตราหน้าว่าเป็นนางปิศาจ ในภายภาคหน้านางจะต้องลำบากแน่

หวังจิ่นหลิงที่เป็นคนสุขุมและหนักแน่น ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตระกูลหวังจะถูกพูดถึงในด้านลบอย่างไรเขาก็ไม่เคยโกรธ แต่มาตอนนี้กลับโกรธจนตัวสั่นและกัดฟันจนแน่น

คนพวกนี้ทำเกินไปจริงๆ นี่จะบีบให้เฟิ่งชิงเฉินจนมุมเลยหรือนี่

ส่วนผู้ที่มาก่อความไม่สงบให้กับจวนเฟิ่งนั้นก็เห็นดีเห็นงามว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นปิศาจ พร้อมทั้งป่าวร้องว่าจะเผานางปิศาจ

ฝูงชนเริ่มเหิมเกริมหนักขึ้น ดีที่ทหารของอวี่เหวินหยวนฮั่วไม่ได้เป็นพ่อพระ

หวังจิ่นหลิงยืนขึ้นเพื่อเตรียมอธิบาย แต่กลับถูกเฟิ่งชิงเฉินสั่งให้นั่ง “ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ข้าไม่เป็นอะไรหรอก”

นางปิศาจอย่างนั้นหรือ?

บางที หากไม่เคยเกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย คำว่านางปิศาจอาจจะมีคนเชื่อก็เป็นได้ แต่ว่าตอนนี้ล่ะ?

เฟิ่งชิงเฉินแสยะยิ้ม นางไม่แยแสฝูงชนที่กำลังด่าทอนาง แล้วนางก็หันไปหาปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี “ท่านปรมาจารย์ วิชาการแพทย์ท่านล้ำเลิศ โรคที่รักษายากต่างๆคงเคยเห็นมาแล้ว ชิงเฉินขอให้ท่านช่วยให้คำตอบที โลกใบนี้สามารถใช้มนต์ดำรักษาคนได้ด้วยหรือ การที่ดวงตาคุณชายหวังหายดี เป็นเพราะมนต์ดำหรือว่าการแพทย์คะ?”

“เป็นเพราะการแพทย์” ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีพยักหน้าด้วยสีหน้าชื่นชม

“ขอบคุณท่านมากค่ะ” เฟิ่งชิงเฉินคำนับเขาแล้วก้าวเท้าไปด้านหน้า ก่อนจะประกาศกร้าวต่อหน้าทุกๆคน

“ข้าเข้าใจแล้วว่าเหตุใดท่านปรมาจารย์จึงถูกผู้คนขนานนามว่าหมอเทวดา ส่วนหมอหลวงหยวนจึงต้องอยู่แต่กับตระกูลเซี่ย ฝีมือการรักษาของหมอหลวงหยวนดีหรือไม่ข้าไม่รู้ แต่จรรยาบรรณการเป็นแพทย์ของหมอหลวงหยวนนั้น ในวันนี้ข้าเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว”

“คราก่อนกุเรื่องว่าชิงเฉินลวงโลก หมายจะมาทำลายชีวิตและทรัพย์สินตระกูลหวัง ตอนนี้ชิงเฉินรักษาคุณชายหวังได้แล้ว เป็นการพิสูจน์ว่าชิงเฉินไม่ใช่คนลวงโลก แต่หมอหลวงหยวนก็หาข้ออ้างใหม่ หาว่าชิงเฉินเป็นปิศาจ”

“ฮ่าๆๆ……หมอหลวงหยวนช่างรู้จักพูดจานัก คนไข้ที่ตัวเองไม่สามารถรักษาได้ พอคนอื่นรักษาได้ กลับถูกเรียกว่าปิศาจ”

“ปิศาจ? ปิศาจคืออะไรชิงเฉินก็ไม่รู้ แต่ฟังหมอหลวงหยวนพูดแล้ว ดูเหมือนหมอหลวงหยวนจะคุ้นเคยกับปิศาจเป็นพิเศษ? ขอหมอหลวงหยวนช่วยพูดให้กระจ่างทีเถิด”

เฟิ่งชิงเฉินโยนคำครหาไปให้หมอหลวงหยวนได้สำเร็จ เอาให้เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออกกันไปเลย

บุคคลที่ไม่มีสิทธิ์เอ่ยปาก

ทุกคนชอบบีบบังคับข้าให้ตกอยู่ในสถานะคนไม่มีสิทธิ์พูด มาวันนี้ข้าจะทำให้ทุกคนได้สัมผัสกับความรู้สึกของคนที่พูดไม่ได้บ้าง

เฟิ่งชิงเฉินมองด้วยสายตาเฉียบคม นางเชิดหน้าขึ้นด้วยท่าทางองอาจ

หมอหลวงหยวนมาหาเรื่องเฟิ่งชิงเฉิน ชั่วชีวิตนี้ อย่าหวังเลยว่าจะได้เงยหน้าอ้าปากขึ้นมาได้

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท