“อนุญาต” จักรพรรดิพยักหน้า
เฟิ่งชิงเฉิน เดินไปที่ห้องด้านใน และหันไปด้านข้างเหลือบมองตงหลิงจิ่วเล็กน้อย แต่พบว่าตงหลิงจิ่วมักจะแสดงท่าทีสงบเย็นชาออกมาอยู่ตลอดเวลา
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินกำลังจะละสายตาไป แต่นางกลับไปเห็นรอยยิ้มที่มีเลศนัยขององครัชทายาท
เฟิ่งชิงเฉินตกใจและรีบก้มศีรษะลง และตามนางกำนัลไป……….
เมื่อก้าวเข้าไปในตำหนัก ขันทีและนางกำนัลต่างก้หลีกทางให้ หมอหลวงที่รอดชีวิตต่างก็หลักทางราวกับเจอผู้ช่วยชีวิตของตน
ตงหลิงชื่อลั่ว เราเจอกันอีกแล้ว!
เฟิ่งชิงเฉินมองดูตงหลิงจื่อลั่วที่น่าสมเพชและเกือบหมดลมหายใจ แต่ไม่มีแววตาที่พึงพอใจหรือมีความสุขปรากฏที่ดวงตาของนางเลย
เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าสถานการณ์ของตงหลิงจื่อลั่วแย่มาก มิเช่นนั้นฝ่าบาทคงไม่ออกราชโองการให้นางเข้าวังมารักษา
นอกจากรักษาโรคตาของหวังจิ่นหลิงได้แล้ว นางมิได้ทำสิ่งใดที่สามารถพิสูจน์ทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของนางได้เลย จักรพรรดิจะให้นางรักษาตงหลิ่งจื่อลั่วได้อย่างไร และอีกอย่างนางเป็นอดีตคู่หมั้นของตงหลิงจื่อลั่วอีกด้วย
เพราะชื่อเสียงของตงหลิงจื่อลั่วเสียหาย เพราะองค์หญิงอันผิงติดอยู่ในเรือนจำ
แม้ว่าจักรพรรดิจะไม่กลัวว่านางจะลงมือสังหาร แต่ฮองเฮากลัว
ชีวิตของนางไร้ค่า ตระกูลเฟิ่งก็มีนางเพียงคนเดียว
แต่หลังจากที่เห็นการเต้นของหัวใจของตงหลิงจื่อลั่วที่เริ่มอ่อนแอลง เฟิ่งชิงเฉินก็เข้าใจทันที
ฮองเฮาหมดหนทางจริงๆ จึงทำได้รักษาอย่างมีหวัง ทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางรักษาได้อย่างแน่นอน
ในสถานการณ์ของตงหลิงจื่อลั่ว แม้ว่าหมอหลวงใช้ยาชื่อดังที่ดีที่สุดมาช่วย ก็คงมีชีวิตอยู่ได้เพียงครึ่งวัน และเขาจะตายในครึ่งวัน
ลูกธนูแทงเข้าที่หลอดเลือดแดง ดึงก็มิได้ ปล่อยไว้ก็มิได้
ที่สำคัญ เขาพลาดโอกาสหยุดเลือดที่สำคัญไป หากห้ามเลือดไว้ทันแผลรักษาไม่ยาก แต่ดัน….
โชคดีที่หลอหลวงต่างก็ทราบว่าเสียเลือดไปมาก ตงหลิงจื่อลั่วจะตายเร็วขึ้น แม้ว่าจะมิได้ดึงลูกธนูออกมา แต่ว่าเลือดมิได้ไหลออกอย่างรวดเร็ว
เฟิ่งชิงเฉินยืนอยู่ข้างเตียง มิได้จะตรวจวินิจฉัย แต่นางขมวดคิ้วแน่นขึ้น
เสด็จอาเก้าช่างเห็นว่านางเก่งเสียจริง แผลนี้…….
มันไม่ใช่ปัญหาธรรมดาจริงๆ และนางเองก็ไม่มั่นใจเช่นกัน
แผลอยู่นานเกินไป ไม่ได้รับการรักษาทันที นางเป็นหมอมิใช่เทพ
ทั้งห้องเงียบกริบ ทุกคนต่างมองไปที่เฟิ่งชิงเฉิน รอคำตอบจากนาง แต่นางยังคงนิ่งเงียบ ในท้ายที่สุด ฮองเฮาไม่สามารถทนต่อได้จึงถามว่า “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ารักษาได้หรือไม่”
“มันสายเกินไปแล้ว หากตามข้ามาเร็วกว่านี้ ข้ามั่นใจอย่างมากว่าสามารถดึงลูกธนูออกมาได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตของลั่วอ๋อง แต่ตอนนี้…” เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจ ” ลั่วอ๋องเสียเลือดไปมาก ร่างกายอ่อนแออย่างมาก อีกอย่างเลือดไหลไม่หยุด เลือดไปเลี้ยงที่ขาไม่เพียงพอ มีโอกาสสูงอย่างมากที่เนื้อส่วนนั้นจะตาย”
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ดวงตาของฮองเฮาเกิดความตื่นตระหนกและหวาดกลัว เล็บของนางบีบเข้าที่ฝ่ามือ และความเจ็บปวดที่แทงทะลุหัวใจนี้เท่านั้นที่อาจทำให้นางยืนต่อได้
เฟิ่งชิงเฉินเพิกเฉยต่อฮองเฮา นางนั่งยองๆ แล้วกดน่องของตงหลิงจื่อลั่วด้วยมือทั้งสอง “มันไม่ง่ายเลย ข้าสามารถช่วยลั่วอ๋องได้ในตอนนี้ แต่มันยากที่จะบอกว่าขาข้างนี้จะอยู่รอดหรือไม่”
“เฟิ่งชิงเฉินกล้าดีเสียจริง เจ้ากำลังหนีความผิดหรือ? หากเจ้าไม่สามารถรักษาลั่วอ๋องได้ ข้าจะสังหารเจ้า” ฮองเฮาดุเสียงดัง ราวกับว่านี่เป็นวิธีเดียวที่จะระงับความเสียใจในใจของนางได้
“ฮองเฮาเพคะ การฆ่าข้าไม่มีประโยชน์อันใด และอาการบาดเจ็บของลั่วอ๋องก็จะไม่ดีขึ้น มันสายเกินไป หากมาตามข้าเร็วกว่านี้สองชั่วโมง ข้ารับประกันว่าสามารถรักษาลั่วอ๋องได้” เฟิ่งชิงเฉินแสดงท่าทีเฉยเมย
“ฮองเฮา หากท่านไม่เชื่อ สามารถถามหมอหลวงได้ ทุกคำที่เฟิ่งชิงเฉินพูดนั้นเป็นความจริง และไม่มีความเห็นแก่ตัว”
ฮองเอาก็เงียบ
การวินิจฉัยนี้ หมอหลวงกล่าวมาแต่เนิ่นแล้ว
เฟิ่งชิงเฉินคุกเข่าลงที่หน้าฮ่องเต้ ” ฝ่าบาทเพคะ โปรดยกโทษให้ชิงเฉินเพคะ ชิงเฉินไม่สามารถทำอะไรได้ หากฮ่องเต้ต้องการให้ชิงเฉินตาย ชิงเฉินน้อมรับเพคะ เพราะชิงเฉินไร้ความสามารถเองเพคะ”
ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินสงบ นางหวังว่าจะไม่ทำให้เสด็จอาเก้ามีปัญหา
เสื้อคลุมสีทองเหลือขยับเบา ๆ เครื่องประดับบนหัวของชนกัน จักรพรรดิโกรธ แต่ความโกรธนี้มุ่งเป้าไปที่ตงหลิงจิ่ว ” น้องเก้า เกิดอะไรขึ้น ในเมื่อคุณรู้ว่าทักษะทางการแพทย์ของเฟิ่งชิงเฉินยอดเยี่ยม เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ? เหตุใดจึงไม่เสนอนางแต่แรก?”
ออร่าแห่งการฆาตกรรมส่องประกายโดย ตงหลิงจิ่วมองเห็นได้ชัดเจน แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้ ” ท่านพี่ ก่อนหน้านี้น้องได้ทูลบอกฮองเฮาแล้ว แต่ท่านไม่เห็นด้วย”
ตงหลิงจิ่วกล่าวอย่างสงบ นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองฮองเฮา เขาไม่พูดกระไร แววตาก็มิได้เปลี่ยนไป แต่ดูเหมือนฮองเฮารู้สึกว่าเสด็จอาเก้ากำลังโทษนาง เพราะนางจึงทำให้การรักษาลั่วอ๋องนั้นล่าช้า
“ฝ่าบาท หม่อมฉัน….หม่อมฉัน” ฮองเฮาเดินโซเซราวกับจะยืนไม่ไหว
นางเสียใจกับมันอยู่ และเมื่อตงหลิงจิ่วพูดเช่นนี้ ดูเหมือนว่านางจะเป็นคนฆ่าตงหลิงจื่อลั่วเอง
“ฮองเฮา เจ้าไร้สติหรือ” แม้ว่าจักรพรรดิจะโกรธ แต่เขาไม่ได้ดุฮองเฮามากเกินไป เพราะฮองเฮาเป็นคนที่กังวลมากตงหลิงจื่อลั่วมากที่สุด
“ฝ่าบาท ช่วยลั่วเอ๋อร์ด้วย หม่อมฉันอยู่ไม่ได้หากไม่มีเขา” ดวงตาของฮองเฮาแดงก่ำ แต่นางกลั้นน้ำตาไว้
ความอ่อนโยนของแม่และความยิ่งใหญ่ของแม่แห่งแผ่นดิน ถูกนางควบคุมไว้ได้ดีอย่างยิ่ง
ฮ่องเต้ตบไหล่ฮองเฮาเบาๆ
“เฟิ่งชิงเฉิน ตอนนี้เจ้ามีความมั่นใจเท่าไหร่ที่จะสามารถรักษาลั่วอ๋องได้หายดี” ฮ่องเต้อึดอัดใจอย่างมาก แต่เขาทำได้เพียงกลั้นไว้
ในการลอบสังหารวันนี้ เขาเตรียมเพื่อทดสอบตงหลิงจิ่ว แต่ไม่คาดคิดว่า……
จู่ๆจะมีกลุ่มคนอีกกลุ่มปรากฏขึ้น ทำลายแผนของเขา และทำให้ลูกที่เขารักที่สุดมีอันตรายถึงแก่ชีวิต
เขามีเกียรติเป็นถึงจักรพรรดิ เขาเสียเปรียบเช่นนี้ แล้วจะยอมง่ายๆหรือ?
หากตงหลิงจื่อลั่วตาย เขาจะต้องให้ตงหลิงจิ่วตายไปพร้อมกับเขาอย่างแน่นอน
เฟิ่งชิงเฉินรู้เพียงว่าจักรพรรดิห่วงใยตงหลิงจื่อลั่ว และหลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย นางก็กล่าวว่า ” ฝ่าบาท หลังจากตัดขาขวาของเขาแล้ว ชิงเฉินมีความมั่นใจมากกว่าครึ่งที่จะรักษาลั่วอ๋องเพคะ…”
“ไม่” ก่อนที่เฟิ่งชิงเฉินจะพูดจบ จักรพรรดิก็ขัดจังหวะ
องค์ชายแห่งราชวงศ์ตงหลิง ยอมตายดีกว่าพิการ
ราชวงศ์ตงหลิงไม่สามารถสูญเสียเกียรติยศไปได้
เฟิ่งชิงเฉินก้มศีรษะลงด้วยความตื่นตระหนก ซ่อนความเสียดสีในดวงตาของนางเอาไว้
ในตระกูลนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกชายไม่มีค่าเท่าเกียรติ เรื่องนี้นางทราบดี
“เฟิ่งชิงเฉิน เจิ้นต้องการให้เจ้าช่วยชีวิตลั่วอ๋อง และต้องการให้รักษาขาของเขาให้ได้ด้วย” ฮ่องเต้กล่าวโดยไม่ปฏิเสธ
เฟิ่งชิงเฉินดูลำบากใจอย่างมาก ” ฝ่าบาท ชิงเฉินทำมิได้เพคะ อาการบาดเจ็บของลั่วอ๋องนั้น เสียเวลลาไปมากแล้ว”
นางโรยเกลือลงบนบาดแผลของฮองเฮาอย่างไร้ร่องรอย ทันทีที่คำพูดของเฟิ่งชิงเฉินจบลง นางเห็นฮองเฮาโซเซเล็กน้อย
“เฟิ่งชิงเฉิน ข้าไม่สน ตอนนี้เจิ้นสั่งให้เจ้าทำทุกอย่างเพื่อรักษาลั่วอ๋องโดยไม่ทำผิดพลาด” จักรพรรดิออกคำสั่งอย่างเข้มงวด ดวงตาของเขาจ้องไปที่ตงหลิงจิ่ว
เขาต้องการดูว่าน้องเก้าของเขาจะห่วงใยเฟิ่งชิงเฉินมากแค่ไหนและเขาจะออกหน้าเพื่อนางหรือไม่
น่าเสียดาย เขาผิดหวังแล้วล่ะ
ตงหลิงจิ่ว ยืนนิ่งเงียบราวกับมองไม่เห็น เขาอยู่ในโลกของตน ไม่เป็นที่สนใจ แต่ก็ไม่อาจละสายตาได้
เฟิ่งชิงเฉินก้มศีรษะลงไม่กล้าหายใจ
นางรู้ว่านางไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ แต่…
นางไม่มั่นใจเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของตงหลิงจื่อลั่วจริงๆ
ท่าทีของเสด็จอาเก้าชัดเจนมาก นั่นคือเขาจะไม่ช่วยนาง
เฟิ่งชิงเฉินคุกเข่าลงและโค้งคำนับ “ฝ่าบาท ชิงเฉินมีความมั่นใจไม่ถึงครึ่ง หากว่าฝ่าบาทตกลงให้ชิงเฉินรักษา ชิงเฉินขอร้องให้ฝ่าบาททรงอนุญาต ให้ในห้องนี้เหลือชิงเฉินเพียงผู้เดียวเพคะ”
แม้จะเป็นไปได้เพียงเล็กน้อย แต่นางก็จะไม่ยอมแพ้
ตงหลิงจื่อลั่วเป็นผู้ป่วย และนางเป็นหมอ นางรู้ดีอย่างมาก
เฟิ่งชิงเฉินไม่มีใจที่คิดจะทำร้ายใคร แต่ฮองเฮานั้นกลับมีใจระแวงอย่างมาก
” มิได้ เฟิ่งชิงเฉิน ข้าไม่เห็นด้วย” ฮองเฮาสงบลงและคืนท่าทีสง่าของฮองเอากลับมา
นางมองไปที่ตงหลิงจิ่วโดยปริยายยั่วยุ
นางกำลังรอให้ตงหลิงจิ่วออกหน้าแทนเฟิ่งชิงเฉิน