นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 155 ฝูงหมาป่าเข้าจู่โจม

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 155 ฝูงหมาป่าเข้าจู่โจม

“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าอย่าทำมากเกินไป เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? เจ้ากล้าโยนเราเข้าไป เราก็กล้าที่จะฆ่าเจ้า” หญิงสาวในชุดผ้าสีชมพูลุกขึ้นจากพื้น จับท้องของตนเอาแล้ว และมองจ้องเฟิ่งชิงเฉินด้วยแววตาที่ดุร้าย แววตานั้นแหลมคมราวกับมีด

การเฆี่ยนตีของเฟิ่งชิงเฉินร้ายลึกนัก นางลงมือแต่จุดที่มองไม่เห็น

“งั้นหรือ? เช่นนั้นข้าอยากเห็นเสียจริง ว่าพวกเจ้าจะฆ่าข้าอย่างไร?” เฟิ่งชิงเฉินปล่อยเวินอี้ แล้วเดินกลับไปดึงหญิงชุดชมพู ไม่นานก็ลากไปถึงหน้าห้องสุขา

กลิ่นเหม็นโชยเต็มหน้า สีหน้าของหญิชุดชมพูนั้นแย่ลง แต่เฟิ่งชิงเฉินนั้นร้ายมาก เฟิ่งชิงเฉินผลักนางลงไปขณะที่นางยังไม่ทันตั้งตัว

“อ๊า อย่า” หญิงชุดชมพูนั้นตกใจจนร้องเสียดัง เมื่อเห็นว่ากำลังจะตกลงไปแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก้เร่งดึงนางกลับมา

สวรรค์นรกห่างแค่เพียงหนึ่งความคิดเท่านั้น

หลังจากเหตุการณ์นี้ หญิงชุดสีชมพูยังคงตกใจ ใบหน้าของนางซีดขาว นางตะลึงอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ

ความแกร่งกล้าของหญิงสาวตระกูลผู้ดี มีแค่นี้เองหรือ

เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากจะถือสาผู้หญิงเหล่านี้ นางกล่าวด้วยความเย็นชาว่า “เรื่องเมื่อสักครู่นี้ ข้าหวังว่าจะไม่มีใครพูดออกไป เพราะหากสิ่งไม่พึงประสงค์ถูกแพร่กระจายออกไป ต่อไปพวกเจ้าคงไม่โชคดีเช่นนี้แล้วล่ะ”

“ไม่ ไม่ เราสัญญาว่าจะไม่พูด” หญิงสาวหลายคนที่ยังล้มอยู่บนพื้นต่างก็พยักหน้า

คนป่าเถื่อนกลัวคนที่เถื่อนยิ่งกว่า คนที่เถื่อนยิ่งกว่ากลัวคนที่ไม่กลัวตาย ส่วนเฟิ่งชิงเฉินนั้นเป็นประเภทที่ไม่เอากระไรทั้งนั้น

เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจเมื่อนางหันหลังกลับเพื่อจากไป

“บรู้ว…”

เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากจะถือสาผู้หญิงเหล่านี้ นางกล่าวด้วยความเย็นชาว่า “เรื่องเมื่อสักครู่นี้ ข้าหวังว่าจะไม่มีใครพูดออกไป เพราะหากสิ่งไม่พึงประสงค์ถูกแพร่กระจายออกไป ต่อไปพวกเจ้าคงไม่โชคดีเช่นนี้แล้วล่ะ”

มีหมาป่าหอนตามด้วยเสียงสัตว์ “ดงดงดง” เป็นเสียงวิ่ง

“ฝูงหมาป่าหรือ? เป็นไปได้อย่างไร? แย่แล้ว หวังจิ่นหลิง” สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินเปลี่ยนไปทันที นางเร่งวิ่งออกไปโดยไม่สนใจหญิงสาวที่ล้มอยู่บนพื้น

“หมาป่าหรือ? อย่าทิ้งพวกเราไว้ เฟิ่งชิงเฉินรอพวกเราด้วย” เมื่อเวินอี้และคนอื่นได้ยินแบบนี้ สีหน้าของพวกเขาขาวซีดทันที ตัวสั่นและมันร้ายแรงกว่าที่พวกนางเคยเป็น พวกนางเร่งยืนขึ้นและวิ่งตามเฟิ่งชิงเฉินไป เพื่อให้เฟิ่งชิงเฉินพาพวกนางไปด้วย

“อย่าดึงข้า อย่าตามข้ามา พวกเจ้าวิ่งไปทางหอฮุ่ยเวิน” เฟิ่งชิงเฉินชหยุดครู่หนึ่ง จากนั้นวิ่งห่างจากพวกเวินอี้ไป นางสุ่มชี้ไปสักที่

นี่คือสวนป๋ายฉ่าว มิใช่สถานที่ล่าสัตว์ จู่ๆ ฝูงหมาป่าจะมาได้อย่างไร และฝูงหมาป่านี้ไม่ธรรมดา

เมื่อนึกได้ว่าหวังจิ่นหลิงอยู่ที่นี่ เฟิ่งชิงเฉินไม่ลังเล นางเร่งวิ่งไปทางที่อันตรายที่สุด

นางรู้ดีว่าตามนิสัยของหวังจิ่นหลิงแล้ว เวลานี้เขาไม่หนีอย่างแน่นอน

“ไม่ เราจะตามเจ้าไป”

เหล่าคุณหนูและเวินอี้ ถูกนางเล่นงานจนเชื่อมั่นในตัวนางแล้ว

“แล้วแต่พวกเจ้า”

เฟิ่งชิงเฉินไม่พูดอะไรมาก และวิ่งตรงไปยังทิศทางเสียงของหมาป่า นางวิ่งได้ไม่กี่ก้าว ก็เห็นภาพที่วุ่นวายปรากฏ

“ช่วยด้วย ช่วยด้วย มีหมาป่า มีหมาป่า”

สวนป๋ายฉ่าววุ่นวายอย่างมาก ฝูงหมาป่าเหมือนวิ่งเข้าฝูงแกะ พวกเขาวิ่งไปทั่วและกัดคนไปทั่ว

ทุกคนวิ่งหนีออกไปโดยไม่สนชีวิต แต่หมาป่ากระโดดและล้มคนลงไป

“ฟู้ว……”

“บรู้ว…”

เวินอี้เงยหน้าขึ้น นางเห็นหมาป่าตัวหนึ่งกัดคอของผู้หญิงคนหนึ่งขาดในทันที

“อา… ซู่หลิน ซู่หลิน” เวินอี้ร้องไห้

“หุบปาก” เฟิ่งชิงเฉินจ้องไปที่เวินอี้อย่างดุเดือด ทำให้จนเวินอี้กลัวจนเร่งเอามือปิดปาก และร้องไห้เบาๆ

เฟิ่งชิงเฉินเพิกเฉย นางเดินหน้าต่อไปและตะโกนเสียงดังว่า “หวังจิ่นหลิง หวังจิ้นหลิง เจ้าอยู่ที่ไหน?”

“คุณชายใหญ่อยู่ที่นั่น มีหมาป่าเยอะมาก เยอะมากมาก”

ดวงตาของเวินอี้เฉียบคม เฟิ่งชิงเฉินมองไปตามทางที่นางชี้….

ให้ตายเหอะ!

เฟิ่งชิงเฉินสาปแช่งด้วยเสียงต่ำ เท้าของนางตอบสนองได้เร็วกว่าสมอง และเมื่อนางได้สติ นางวิ่งไปถึงหน้าหวังจิ่นหลิงแล้ว

“คุณหนูเฟิ่ง มันอันตราย อย่าไป” เวินอี้และคนอื่นๆ ได้สติ เร่งตามนางไป

ในเวลานี้ เฟิ่งชิงเฉินเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกนาง พวกนางกลัวอย่างมาก

“อย่าตามมา” เฟิ่งชิงเฉินดุ แต่นางวิ่งต่อไป

หวังจิ่นหลิงและหวังชีถูกหมาป่าสามตัวรายล้อม โชคดีที่หวังจิ่นหลิงและหวังชีไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่วิ่งหนีทันทีเมื่อหมาป่ามา

แม้ว่าหวังจิ่นหลิงจะไม่มีศิลปะการต่อสู้ แต่กลิ่นอายที่เขาเผยออกมานั้นคนธรรมดามิอาจเทียบได้ การจ้องมองหน้ากับหมาป่าวามตัว เขาดูไม่ด้อยไปกว่าเลย ความแข็งแกร่งที่เขาเผยออกมานั้น ทำให้หมาป่าทั้งสามไม่กล้าที่จะขยับ

สัตว์ร้ายเหล่านี้ บอกว่ามันโง่ แต่พวกมันก็ไหวพริบดีและอันตรายอย่างมาก แต่หากว่าฉลาด มันก็ดันแยกไม่ออกว่าคนตรงหน้าเก่งจริงหรือหลอก

เมื่อเผชิญหน้ากับหวังจิ่นหลิงที่สงบเช่นนี้ หมาป่าทั้งสามไม่กล้าขยับ พวกเขาแค่เบิดตาสีเขียวกว้าง และมองไปที่หวังจิ่นหลิง

เฟิ่งชิงเฉินอยู่ห่างจากหวงัจิ่นหลิงประมาณสิบก้าว นางเห็นหลังของหวังจิ่นหลิงที่เปียกชุ่ม นางรู้ในทันทีว่า ชายคนนี้มิใช่เป็นคนที่ไร้ความกลัวอย่างที่ตนคิด เพียงแต่เขาใช้กลิ่นอายที่แข็งแกร่งของตน ข่มหมาป่าเอาไว้ได้

เมื่อมองดูคนอื่น ๆ พวกเขาโชคไม่ดีเท่าไหร่นัก เมื่อเจอกับหมาป่า ต่างก็กลัวอย่างมาก หมาป่าเหล่านั้นกัดพวกเขาอย่างไร้ความปราณี เลือดเย็นและโหดร้าย แต่เฟิ่งชิงเฉินทำได้เพียงเมินเฉย

ความใกล้ชิดมีความแตกต่างกัน ในกรณีนี้ นางต้องปกป้องตัวเองก่อนและปกป้องหวังจิ่นหลิง หวังชี ส่วนคนอื่นๆ นั้น คงต้องรอ

“บรู้ว…”

เมื่อเฟิ่งชิงเฉินคิดที่จะก้าวไปข้างหน้า หมาป่าก็ทนไม่ไหวแล้วจึงหอนออกมา

เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าหมาป่าทั้งสามหมดความอดทน และยืนกรานที่จะก้าวไปข้างหน้าโดยปล่อยเจตนาฆ่าของพวกมันออกมา แสงสีเขียวในดวงตาของหมาป่าทั้งสามจางลงมาก และดูเหมือนว่าพวกมันจะกลัว แต่ก็ยังลังเลใจ

เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนที่มือผ่านเลือดมาก่อน กลิ่นอายของความอาฆาตในตัวนางนั้นแตกต่างจากหวังจิ่นหลิงและหวังชีอย่างมาก

“ฮึ่ม สัตว์ร้ายก็คือสัตว์ร้าย เจ้ายอมสละชีวิตเพื่อกินทุกอย่าง ดังนั้นข้าจะทำให้เจ้าสมหวัง”

เฟิ่งชิงเฉินหยิบมีดผ่าตัดขนาดใหญ่ออกมาแล้วเฉือนแขนเสื้อและชายกระโปรง เห็นว่ากระโปรงที่ปลิวไสวมื่อสักครู่นี้กลายเป็นชุดสั้นที่มีใส่สะดวกแล้ว นางเผยแขนที่ขาวใสออกมา แต่ตอนนี้ไม่มีใครสนใจเรื่องเหล่านี้

เมื่อจัดการกับเสื้อผ้าที่เป็นปัญหาแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็เร่งอีกครั้ง “หวังจิ่นหลิง ทางขวา”

เฟิ่งชิงเฉินพุ่งไปข้างหน้า เมื่อเห็นเช่นนี้หมาป่าทั้งสามก็กระโดดไปข้างหน้า หวังจิ่นหลิงและหวังชีหลบเลี่ยงไปทางขวา เฟิ่งชิงเฉินและหมาป่าทั้งสามกำลังเผชิญหน้ากัน คนหนึ่งหยุดหมาป่าทั้งสามอันตรายอย่างมาก

“เฟิ่งชิงเฉิน ระวังตัวด้วย” หวังจิ่นหลิงและหวังชีเห็นเพียงหมาป่าสามตัวพุ่งเข้าหาเฟิ่งชิงเฉินทีละตัว ขณะที่เฟิงชิงเฉินยืนนิ่งนิ่ง

“บรู้ว…”

หมาป่าที่ยืนอยู่ตรงกลางอ้าปากกว้างและกัดไปที่คอของเฟิ่งชิงเฉิน หัวใจของเฟิ่งชิงเฉินเต้นแรง แต่นางคิดในใจว่า เลห่าทหารเก่าเคยเล่าวิธีฆ่าหมาป่าขณะพูดคุยกัน

“คริ๊ก…” มีดผ่าตัดในมือเลื่อนผ่านปากหมาป่า เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเจ็บที่ข้อมือเล็กน้อย จากนั้นกระแสความร้อนพุ่งเข้ามาหานาง

เฟิ่งชิงเฉินไม่กล้าหลบ เพราะหมาป่าทางด้านซ้ายและด้านขวาพุ่งเข้าหาเฟิ่งชิงเฉินในเวลาเดียวกันราวกับว่าพวกเขาได้นัดหมายกันไว้

เฟิ่งชิงเฉินหันมีดไปทางมือซ้าย และเมื่อหมาป่าสองตัวทั้งทางซ้ายและขวาพุ่งเข้าหาเขา นางฟันเข้าที่ท้องของหมาป่าตรงกลางนางลงมือหนักไป พวกเครื่องในของหมาป่าหลุดออกมาจนหมด หมาป่าตัวนั้นก็ทรุดตัวลงเช่นกัน

… เวินอี้และคนอื่นๆ หลบอยู่และอาเจียนออกมา ส่วนเฟิ่งชิงเฉินนั้นเป็นปกติ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท