นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 177 เขาไม่เชื่อใจนาง!

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 177 เขาไม่เชื่อใจนาง!

หากเฟิ่งชิงเฉินไม่รู้อาการของเสด็จอาเก้า นางจะต้องโดนหลอกอย่างแน่นอน ชายคนนี้แสร้งเก่งเหลือเกิน

ซุนเจิ้งเต้ารู้สถานการณ์ของเสด็จอาเก้าทันทีที่เขาตรวจชีพจร มันหนักกว่าที่คิด แต่ดูจากท่าทีของเสด็จอาเก้าแล้ว เขาไม่ต้องการให้ใครทราบเรื่องนี้

“เสด็จอาเป็นไข้หวัด ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจะให้ยาขอรับ”เสด็จอาเก้าตัวร้อนอย่างมาก คนธรรมดาแต่แตะตัวเขาก็รู้แล้ว

“อืม” ตงหลิงจิ่วพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ และโบกมือส่งสัญญาณให้ซุนเจิ้งเต้าอยู่ห่างจากเขา เมื่อดูจากแรงโบกมือของเขา ดูไม่เหมือนคนที่ป่วยเลยแม้แต่น้อย

“มานี่สิ” เสด็จอาเก้าเอ่ยปาก แววตาของเขาจับจ้องไปที่เฟิ่งชิงเฉิน ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยรอยยิ้ม

เขาไม่คาดคิดว่า คนที่มาพบเขาคนแรกจะเป็นเฟิ่งชิงเฉิน

หญิงคนนี้ไม่ทำให้เขาผิดหวังจริงๆ และนางสมควรได้รับคำชมจากเขา

“เจ้าค่ะ” เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก และถือกระบอกฉีดยาและยาไว้ในมืออย่างลับๆ พร้อมทั้งยาลดไข้และยาแก้ผื่นคัน นอกเหนือจากนี้ยังมียาขวดครีมและถุงหอมบางๆ

“ข้ากระหายน้ำ เจ้านำน้ำมาให้ข้าหนึ่งแก้ว” เสด็จอาเก้าสั่งการขึ้นมา และดูธรรมชาติอย่างมาก

นี่เป็นกลิ่นอายความสูงส่งที่มีมาตั้งแต่กำเนิด กลิ่นอายที่เกิดจากฐานะการเลี้ยงดู เกิดจากการมีคนใช้คอยรับใช้ เป็นสิ่งที่เจ้าอิจฉาอย่างไรก็ไม่มีทางได้มา

ในความเป็นจริง เฟิ่งชิงเฉินควรดีใจ ตงหลิงจิ่วไม่เคยใกล้ชิดกับผู้คน แม้ว่าอาจไม่ถึงขนาดที่เขาทำเองทุกอย่าง แต่ว่าคนรอบข้างเขา ล้วนเป็นคนที่ภักดีต่อเขาทั้งสิ้น

เฟิ่งชิงเฉินเทชาหนึ่งแก้ว นางดำและพบว่าไม่มีกลิ่นแปลก จึงยกแก้วน้ำชามา โดยคิดในใจว่าจักรพรรดิคงไม้ใช้วิธีสกปรกเช่นนี้หรอก

“ป้อนข้า”

นี่เป็นกลิ่นอายความสูงส่งที่มีมาตั้งแต่กำเนิด กลิ่นอายที่เกิดจากฐานะการเลี้ยงดู เกิดจากการมีคนใช้คอยรับใช้ เป็นสิ่งที่เจ้าอิจฉาอย่างไรก็ไม่มีทางได้มา

คนที่ไม่รู้เรื่องคงคิดว่าเสด็จอาเก้ากำลังแกล้งหมอหญิงน้อย แต่คนที่รู้ว่าจะเข้าใจว่าเสด็จอาเก้ากำลังหาโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับเฟิ่งชิงเฉิน

ทันทีที่เฟิ่งชิงเฉินเข้ามา เขาก็ทราบแล้วว่านางคือใคร

เฟิ่งชิงเฉินมีกลิ่นที่พิเศษเป็นเอกลักษณ์มาก เมื่อได้กลิ่นที่โชยมาจากตัวเฟิ่งชิงเฉิน ทำให้กลิ่นหอมของดอกไม้ในอากาศจางหายไปอย่างมาก

เฟิ่งชิงเฉินคิดเพียงแต่ว่าตงหลิงจิ่วอ่อนแอ นางจึงไม่กล่าวกระไรมาก แต่ทันทีที่นางเข้าใกล้ ตงหลิงจิ่วก็ยื่นมือไปแล้วดึงเฟิ่งชิงเฉินเข้าอ้อมกอดของตน แรงนี้ไม่เหมือนคนป่วยเลยสักนิด

เฟิ่งชิงเฉินตกใจ นางไม่คาดคิด ว่าเสด็จอาเก้ายังมีแรงมากเช่นนี้อยู่

“เสด็จอาเก้า?”

น้ำในถ้วยส่วนใหญ่กระเด็นใส่ตัวเสด็จอาเก้า

“อย่าขยับ ให้ข้ากอดเจ้าสักหน่อย”

กลิ่นหอมไผ่อันเป็นเอกลักษณ์ของเสด็จอาเก้าโชยเข้ามา เสด็จอาเก้าก้มหน้าลงระหว่างคอของเฟิ่งชิงเฉิน และสูดลมหายใจเจ้าอย่างกระหาย เฟิ่งชิงเฉินสัมผัสได้ถึงความร้อนที่คอของตน นางตะลึงอย่างมาก และทำกระไรไม่ถูก ดวงตาของนางเบิกกว้างราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้จะเป็นเสด็จอาเก้าที่เกลียดชังการใกล้ชิดกับผู้อื่น

ซุนเจิ้งเต้าเป็นคนที่รู้งานอย่างมาก เมื่อเห็นสถานการณ์นี้เขาหันข้าง และเขียนจัดยาอย่างช้าๆ ท่าทีเหมือนว่าเขาไม่เห็นกระไร

ซุนเจิ้งเต้าเป็นคนของเสด็จอาเก้า คราวนี้เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจแล้วล่ะ

“เฟิ่งชิงเฉิน ข้าเชื่อเจ้าได้หรือไม่?” ผ่านไปอยู่นาน ตงหลิงจิ่วจึงเงยหน้าขึ้น และกระซิบข้างหูเฟิ่งชิงเฉิน

เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกคันที่หูเล็กน้อย ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาถามนั้นไม่สมจริงเท่าไหร่นัก นางจึงพยักหน้า “ชิงเฉินจะไม่ทำให้เสด็จอาเก้าผิดหวังอย่างแน่นอน”

เอาเถอะ เป็นลูกน้องก็ยังดี ขอแค่ได้เข้าใกล้ชายคนนี้ นางจะต้องมีโอกาสอย่างแน่นอน

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฟิ่งชิงเฉินก็สบายใจลงอย่างน่าแปลกใจ นางวางแก้วในมือบนเตียงหิน

“เสด็จอาเก้าอย่าขยับเลย ชิงเฉินรู้เรื่องอาการป่วยของเสด็จอาเก้า จึงนำยามา หวังว่าจะใช้ได้ผลกับเสด็จอาเก้า” หลังจากพูดเสร็จ นางก็ขยับร่างกายส่งสัญญาณให้เสด็จอาเก้าปล่อยตน

“อย่าขยับ ให้ข้ากอดอีกสักพัก ตัวเจ้าหอมยิ่งนัก”

เฟิ่งชิงเฉินใจสั่นเมื่อได้ยินประโยคแรก แต่เมื่อประโยคที่สองกล่าวออกมาเฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเห็นใจเขา

ที่แท้แล้วเสด็จอากอดนาง เพื่อบรรเทาอาการของตน คิดไปแล้วก็ใช่ หากมิใช่เหตุนี้ เสด็จอาเก้าจะมากอดนางเพื่อการใด?

นางยิ้มด้วยความขมขื่น เฟิ่งชิงเฉินให้ความร่วมมือกับเสด็จอาเก้า ปล่อยให้เขากอดต่อไป

“เสด็จอาเก้า ยื่นมือข้างซ้ายมาให้ชิงเฉิน”

“เอ๊ะ?” ตงหลิงจิ่วมองขึ้นไปที่เฟิ่งชิงเฉิน ทั้งสองอยู่ใกล้กันมากและดูเหมือนว่าจะมีเพียงเส้นผมเท่านั้นที่กั้นระหว่างจมูกของทั้งสอง ลมหายใจของพวกเขาผสมกัน

ชายนั้นสง่างดงาม เย็นชาและสูงส่ง ส่วนหญิงสาวนั้นงามสะดุดตา ดูดีและใจกว้าง ดวงตาที่เป็นประกายของทั้งสอง มีเพียงแต่อีกฝ่าย แสดงไฟจางๆ ส่งเข้าที่ทั้งสอง วินาทีนั้นเขาทั้งสองดูเข้ากันได้ดีอย่างบอกไม่ถูก……….

แม้ว่าจะมารักษาเสด็จอาเก้า แต่ซุนเจิ้งเต้าและเฟิ่งชิงเฉินก็อยู่ที่นี่นานไม่ได้ หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินฉีดยาให้เสด็จอาเก้า มอบครีมและถุงหอมกลิ่นสาระแน่ให้กับตงหลิงจิ่ว

“เจ้าเอาเข้ามาได้อย่างไร? ” ตงหลิงจิ่วมองของในมือด้วยความประหลาดใจ

หมอหลวงเข้าออกพระราชวังจะต้องผ่านมาตรวจค้น เฟิ่งชิงเฉินเองก็คงต้องผ่านการตรวจค้นนั้นด้วย จักรพรรดิอยากให้เขาตายที่นี่ ไม่มีทางยอมให้สิ่งที่ช่วยเขาได้เข้ามาในนี้ได้อย่างแน่นอน

“ชายร่างใหญ่มีวิถีของชายร่างใหญ่ และเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก็มีความระแวดระวังของผู้หญิงตัวเล็กเช่นกัน เสด็จอาเก้ากำลังดูถูกคนอื่น” เฟิ่งชิงเฉินไม่ตอบโดยตรงและเปลี่ยนเรื่องทันที “แม่ทัพอวี่เหวินเป็นห่วงเสด็จอาเก้าอย่างมาก ตอนนี้เขาเป็นไร้ทิศทาง ไม่รู้จะทำอย่างไรดี? และเขาทำกระไรได้บ้าง?”

นางกำลังเตือนเสด็จอาเก้าว่าหากมีสิ่งใดที่อยากให้อวี่เหวินหยวนฮั่วทำ ให้เร่งสั่งการ หรือหากมีบางสิ่งที่อวี่เหวินหยวนฮั่วไม่ควรแตะต้อง ก็เร่งกล่าวว่า เผื่อว่าพวกเขาช่วยได้

เสด็จอาเก้าแตะไปที่ตาเข็มที่ข้อมือซ้ายของตน แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินเจาะอะไรให้เขา แต่เขายอมรับว่าเฟิ่งชิงเฉินมีความสามารถจริงๆ

ตอนนี้เขารู้สึกดีขึ้นอย่างมาก และถุงหอมสาระแน่ได้ระงับกลิ่นหอมที่ฉุนมากนี้เอาไว้ แม้ว่าจะยังมีอาการภูมิแพ้อยู่ แต่ว่าไม่ได้ร้ายแรงกว่าเดิม

แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินทำอะไรค่อนข้างประมาท แต่นางไม่ใช่คนโง่เขลา แทนที่จะเสี่ยงเช่นนั้นก็เชื่อใจผู้หญิงคนนี้สักครั้งดีกว่า

ตงหลิงจิ่วหลับตาลงและมอบสิ่งที่เขาได้รับจากซูหว่านมาเมื่อคืนให้เฟิ่งชิงเฉิน ” เจ้าเอายาเข้ามาอย่างไร ก็เอามันออกไปเช่นนั้นเอาไปให้อวี่เหวินหยวนฮั่วเขาจะรู้วิธีดำเนินการเอง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเจ้าห้ามดูมัน”

สามคำสุดท้ายเขากล่าวด้วยความเคร่งขรึม เป็นการเตือน

“ข้าจะทำตามคำสั่งของเสด็จอาเก้าไม่ทำให้ท่านผิดหวัง” เฟิ่งชิงเฉินตอบและระงับความเจ็บในแววตาเอาไว้

เขาไม่เชื่อตน!

ชายคนนั้นยังคงไม่เชื่อนางและกีดกันนาง

เฟิ่งชิงเฉินกัดริมฝีปากและระงับความขมขื่นในใจเอาไว้

ช่างเถอะ นางได้ตัดสินใจที่จะอยู่ให้ห่างจากชายลึกลับคนนี้แล้ว เช่นนั้นจะคิดเรื่องเหล่านี้เพื่อการใด ช่วยเขาครั้งนี้ ถือว่าเป็นการคืนบุญคุณที่เขาเคยให้เสื้อคลุมกับตนในพระราชวังแล้วกัน

เฟิ่งชิงเฉินรับของไป หันหลังเดินกลับไปที่มุมห้อง ซุนเจิ้งเต้าเดินเข้าไปและพูดคุยเรื่องอาการกับตงหลิงจิ่ว

เฟิ่งชิงเฉินใช้มุมอับตา แล้วหันหลังใส่เสด็จอาเก้า นางถกแขนเสื้อขึ้น เปิดใช้กระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ เสียงบี๊บๆ ดังขึ้น เสด็จอาเก้าและซุนเจิ้งเต้าตะลึงแต่พวกเขาทำเหมือนว่าไม่ได้ยิน

เฟิ่งชิงเฉินใส่ของเข้าไป และเอามือสัมผัสกระเป๋าเครื่องเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะที่ติดอยู่บนแขนของตน ตระหนักว่าหากไม่มีของสิ่งนี้ หลายสิ่งหลายอย่างคงจะไม่สะดวกอย่าง

หลังจากดูอาการเรียบร้อย ซุนเจิ้งเต้าและเฟิ่งชิงเฉินก็จะจากไป ก่อนที่จะจากไปเฟิ่งชิงเฉินมองไปที่ตงหลิงจิ่ว นางเหมือนจะกล่าวกระไร แต่ก็มิได้เอ่ยปาก

ตงหลิงจิ่วดูเหมือนจะรู้สึกถึงความกังวลของเฟิ่งชิงเฉิน เขาเอ่ยปาก “ข้าไม่ตายอยู่ในนี้หรอก”

คนที่เย็นชาเช่นนี้ กลับสังเกตเห็นถึงความกังวลของเฟิ่งชิงเฉิน และกล่าวประโยคนั้นออกมา

เมื่อพูดออกมา ไม่เพียงแต่เฟิ่งชิงเฉินเท่านั้น แต่ตงหลิงจิ่วเองก็ตกตะลึงเช่นกัน

เขาเริ่มสนใจผู้อื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท