บทที่ 201 ตัวหมาก เสด็จอาเก้าลงมือแล้ว
จูเซียงตั๋งอวี่ คงมีคนบาดเจ็บอยู่บ้าง อีกอย่างหากว่าคนเหล่านี้จะฆ่านางจริงๆ เขาจะพูดมากเสียเวลาเพื่อการมด เขาคงลงมือทันที
นี่เป็นคำแนะนำที่เมตตาอย่างมาก ประกอบกับความร่วมมือของเฟิ่งชิงเฉิน ต้องยอมรับว่าคนเหล่านี้หวั่นไหว ที่สำคัญก็คือเจ้านายเองก็บอกแล้วว่า จับเป็นไว้ก่อน หากว่าจับไม่ได้ก็ฆ่าเสีย
“เฟิ่งชิงเฉินสมกับที่เป็นเฟิ่งชิงเฉินจริงๆ เจ้าแตกต่างจากคนอื่นเสียจริง เห็นแก่ที่เจ้าเชื่อฟังเช่นนี้ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ เจ้าปิดตาตัวเองเสีย” หัวหน้าโยนผ้าสีดำให้เฟิ่งชิงเฉิน
เฟิ่งชิงเฉินไม่ทันได้ตั้งตัว ผ้าสีดำนั้นก็หล่นไปที่พื้น เฟิ่งชิงเฉินหยิบผ้าสีดำขึ้นมาอย่างใจเย็นภายใต้สายตาที่จับจ้องของผู้ชายร่างใหญ่สิบแปดคน นางปัดฝุ่นบนผ้าและหยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากแขนเสื้ออีกหนึ่งผืน แล้วเอามัดปิดตาไว้
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ากำลังทำอะไร?” หัวหน้าไม่เข้าใจอย่างมาก ผูกผ้าชั้นเดียวก็มองไม่เห็นแล้ว นางผูกสองชั้นเชียวหรือ เชื่อฟังกันเกินไปหรือไม่
“สกปรก เคืองตา” เฟิ่งชิงเฉินยื่นผ้าสีดำและผ้าเช็ดหน้าให้หัวหน้า เพื่อแสดงว่าตนมิได้มีเจตนาอื่น
ด้วยความกลัวว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเล่นกลอุบาย หัวหน้าจึงตรวจสอบผ้าเช็ดหน้าอย่างละเอียด เพื่อแน่ใจว่าไม่มีปัญหาใดๆ จากนั้นคืนให้เฟิ่งชิงเฉิน “ผู้หญิงเรื่องมากเสียจริง จะตายอยู่แล้วยังห่วงเรื่องสกปรกหรือไม่อีก”
เฟิ่งชิงเฉินแค่ยิ้มและไม่พูดอะไร นางเอาผ้าของตนและผ้าดำวางทับกันสองผืนแล้วปิดตรงที่ตา เมื่อชายร่างใหญ่ทั้งสิบแปดคนเผลอ เฟิ่งชิงเฉินก็ได้ขยับผ้าลงมาใกล้จมูกอย่างเงียบๆ
เฟิ่งชิงเฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ…
กลิ่นเหม็นมาก แต่สดชื่นจริงๆ
นางได้แช่ผ้าเช็ดนี้ในน้ำยามาก่อนแล้ว ยานี้มีผลในการป้องกันฤทธิ์ยาสลบ
ช่วยไม่ได้ เพราะนางดูทีวีมากเกินไป เฟิ่งชิงเฉินรู้มาตลอดว่ายาสลบของโบราณนั้นแรงอย่างมาก ในฐานะที่เป็นหมอ นางคิดเสมอว่ากันไว้ดีกว่าแก่ หากว่าป้องกันตัวเองให้ดีได้ก็จงทำ หากว่าต้องยาสลบขึ้นมาจริงๆ แล้วร้องไห้คงไม่ทันแล้วล่ะ
แต่ไม่คาดคิดว่า จะได้ใช้ประโยชน์จริง ๆ แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะวางยานางหรือไม่ แต่ว่าเตรียมการไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย
ทันทีที่มัดตัวนางเรียบร้อย เฟิ่งชิงเฉินถูกคนสองคนแบกเอาไว้ จากนั้นพวกเขาก็วิ่งอย่างไม่คิดชีวิตไปตลอดนาง และมีกิ่งไม้ใบไม้กระแทกเข้าตัวนางบ้างครั้งคราว
หากว่าเดาไม่ผิด พวกเขาอาจจะกำลังวิ่งเข้าป่า มิน่าล่ะที่ไม่ใช้ม้า ทางอาจไม่เหมาะกับม้าเท่าไหร่ นางแบกอยู่ตรงกลาง แต่ก็ยังถูกกิ่งไม้และหนามไม้กระแทกจนปวด
ขณะที่เฟิ่งชิงเฉินคิดว่าพวกเขาจะวิ่งเข้าไปในภูเขาลึกเรื่อยๆ ทันใดนั้นนางก็ถูกโยนขึ้นหลังม้า
ใช่ โยนขึ้นไป
ตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินเป็นเหมือนกระสอบสิ่งของ นางนอนขวางอยู่บนหลังม้า อานม้าดันตรงหน้าอกของนางเอาไว้ ส่วนเท่านั้นห้อยอยู่กลางอากาศ ซึ่งรู้สึกลำบากอย่างมาก ทางดันเป็นหลุมเป็นบ่อกระแทกแรงอย่างมาก เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกปวดตัวไปหมด จังหวะนี้แม้ว่าไม่ใช้ยาสลบนางก็หมดสติได้
กระแทกไปตลอดทาง นางเกือบจะตกลงหลังม้าอยู่หลายครั้ง แต่คนที่นำตัวนางไปก็ดึงนางขึ้นมา
อือ…นี่เป็นการทรมานเชลยศึกชัดๆ
พวกเจ้าควรอธิษฐานเอาไว้ อย่าให้ข้าได้มีชีวิตรอดออกไปได้ และอธิษฐานว่าวันหนึ่งพวกเจ้าจะไม่ตกอยู่ในมือข้า เพราะหากตกมาอยู่ในมือข้าได้ ข้าจะเฆี่ยนพวกเจ้าให้หลังลาย จากนั้นก็ทาน้ำผึ้งให้ทั่วตัว แล้วให้พวกเจ้าได้ริมรสความรู้สึกของการที่มีมดมากัดตามร่างกายเป็นหมื่นๆล้านๆตัว
แน่นอนว่า เฟิ่งชิงเฉินแค่รู้สึกขุ่นเคืองในใจ สีหน้าของนางยังคงดูเหมือนไม่แยแสใดๆ แม้ว่าแขนขาของนางจะไม่ถูกมัด แต่นางก็ไม่มีโอกาสที่จะดึงผ้าสีดำออกหรือวิ่งหนีไป
นางรู้ดีว่าด้วยความสามารถของนาง นางทำไม่ได้ หากว่านางทำได้ นางคงจะชักปืนออกมาตั้งแต่ที่พวกเขาปรากฏตัวแล้ว
สิบแปดคนนี้ดูสงบสุขุม และเมื่อพวกเขาลงมือก็จะล้อมนางเอาไว้ ถึงแม้นางจะยิงแม่นหรือสามารถยิงปืนคู่ได้ แต่ในสถานการณ์นั้น นางหนีไปไม่ได้หรอก แล้วนางมีแค่ปืนพกที่ยิงได้ทีละนัดเท่านั้น
บางทีนางยังไม่ทันได้ยิงนัดที่สอง ก็อาจถูกกระทืบตายแล้วก็ได้
“เจ้าให้ความร่วมมือดีจริงๆ” คนที่นำตัวเฟิ่งชิงเฉินไปส่งรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก หลังจากขึ้นม้าแล้ว เขาได้จงใจสร้างโอกาสมากมายให้เฟิ่งชิงเฉินได้หลบหนี แต่นางกลับไม่คิดที่จะหนีเลย
นี่เป็นเฟิ่งชิงเฉินที่ที่เขาลือกันว่าฉลาดหลักแหลม เด็ดขาด และไม่ยอมเสียเปรียบต่อใครจริงหรือ?
ข่าวลือผิดพลาดรึเปล่า!
“ข้าเป็นคนรู้งานมาตลอด” เฟิ่งชิงเฉินถูกกระแทกจนแทบจะอาเจียนออกมา แต่นางก็ยังสามารถตอบคำถามเขาได้
นางไม่ใช่คนโง่เขลา อีกฝ่ายออกตัวคนแกร่งสิบแปดคนเพื่อจับตัวนาง แต่กลับมีพิรุธออกมาเห็นได้ชัดเช่นนี้ คิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่นางโดนจับหรือไง?
“เจ้ารู้งานดีเสียจริง หวังว่าเจ้าจะเชื่อฟังเช่นนี้ไปตลอด เช่นนั้นนายท่านของเราอาจจะไม่ฆ่าเจ้า เพราะเห็นแค่คุณค่าของเจ้าก็เป็นได้” ชายคนนั้นเตือนอย่างใจดี
อันที่จริงแล้ว หากเฟิ่งชิงเฉินหลบหนีไป พวกเขาจะไม่พยายามจับนางอย่างแน่นอน
เฟิ่งชิงเฉินถูกปิดตาเอาไว้ นางมองไม่เห็น แต่พวกเขานั้นรู้ดี ทางเส้นนี้วิ่งรอบภูเขา ด้านขวาเป็นภูเขาสูง ด้านซ้ายเป็นหน้าผา มีความกว้างแค่พอให้ม้าเดินได้เพียงตัวเดียว
แน่นอนว่าไม่ใช่ม้าทุกตัวที่กล้าเดินทางเส้นนี้ ม้าของพวกเขาล้วนได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษ และม้าธรรมดาก็ไม่กล้าเดินบนถนนเส้นนี้อย่างแน่นอน
หากเฟิ่งชิงเฉินเตรียมที่จะหลบหนี นางกระโดดไปทางขวาก็จะชนเข้ากับภูเขา โดดออกทางซ้ายก็จะตกหน้าผาตาย
ที่จริงแล้ว เชลยที่พวกเขาจับมานั้น มีเกิดครึ่งที่ตายอยู่ที่นี่
แต่ละคนหวังที่จะหนี แต่สุดท้ายพบว่าการหนีต่างหากที่เป็นเส้นทางสู่ความตายที่แท้จริง
………
จวนอ๋องเก้า
“ท่านอ๋อง ผู้คุมลับส่งข่าวมาว่า คุณหนูเฟิ่งถูกคนของหนานหลิงจับตัวไป คนของเราตามมาตลอดทาง ระหว่างทางนั้นได้ทิ้งสัญลักษณ์เอาไว้ อีกอย่างเราได้โรยเครื่องเทศพิเศษบนตัวคุณหนูเฟิ่งเอาไว้ นกฮัมมิ่งเบิร์ดจะบินตามพวกมันไปตลอดทาง ครั้งนี้เราจะเจอถิ่นฐานขององค์ชายสามแคว้นหนานหลิงอย่างแน่นอน”
คนรายงานนั้นรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก และถึงแม้จะก้มหน้าไว้ แต่เขาก็ไม่สามารถซ่อนความชื่นชมยินดีที่มีต่อเสด็จอาเก้าได้
ใช้เฟิ่งชิงเฉินเพียงคนเดียว สามารถหาถิ่นฐานของหนานหลิงที่ตั้งอยู่ในตงหลิงจนเจอ เสด็จอาเก้านั้นเก่งกาจเสียจริง
พวกเขาใช้เวลาสิบปีตามหาสถานที่นั้น แต่ก็ไม่พบ คราวนี้ท่านอ๋องวางหมากได้ดีอย่างมากจริงๆ
“ลงมือได้ และต้องปกป้องเฟิ่งชิงเฉินให้ปลอดภัย ข้าต้องการเห็นนางกลับมาโดยไม่มีบาดแผลใดๆทั้งสิ้น” ตงหลิงจิ่วออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา แววตาของเขาเผยความกังวลออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็กลับมาเย็นชาเช่นเดิม
เฟิ่งชิงเฉิน อย่าโทษข้าเลย! ข้าจะปกป้องเจ้าให้ดีอย่างแน่นอน!