นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 202 ศัตรูบุก คนข้างถนนอย่าเอาเข้าบ้าน

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 202 ศัตรูบุก คนข้างถนนอย่าเอาเข้าบ้าน

ม้าหยุดลง เฟิ่งชิงเฉินยังไม่ทันได้สติ นางก็ถูกหิ้วตัวไปราวกับลูกสุนัข นางรู้สึกวกวนไปมาหาทิศทางไม่เจอ

เฟิ่งชิงเฉินรู้เพียงว่าตนกำลังเดินลงไปในที่ต่ำลงเรื่อยๆ หากว่าเดาไม่ผิด คนเหล่านี้อาจจะกำลังพานางลงไปที่สถานที่คล้ายวังใต้ดิน

“ปัง” พวกเขาโยนเฟิ่งชิงเฉินลงพื้นไปโดยไม่บอกกล่าวกระไรก่อน โชคดีที่เฟิ่งชิงเฉินไหวพริบดี นางเอามือปิดหัวเอาไว้ แล้วกลิ้งลงพื้นแทน

มันน่าอายอย่างมาก แต่ก็ดูดีกว่าหน้าทิ่มพื้น

“ฮ่าๆๆๆ ……”

ท่าทีตลกของนาง ทำให้คนในห้องนั้นหัวเราะเสียงดังออกมา

“เฟิ่งชิงเฉิน เจอกันครั้งแรก เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจยิ่งนัก” เสียงที่เย็นชาเล็กน้อยดังขึ้น และหยุดเสียงหัวเราะทุกคนเอาไว้

เฟิ่งชิงเฉินลุกขึ้น แล้วจับที่แขนของตนและกล่าวว่า “ขอบคุณสำหรับคำชม แต่ข้าไม่หวังว่าจะเจอเจ้า”

“ไม่เจอข้างั้นหรือ? เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถควบคุมได้หรือ?”

เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเจ็บที่ข้อมือ จากนั้นนางก็ล้มลงในอ้อมกอดของชายผู้หนึ่ง บนร่างกายของชายผู้นั้นมีกลิ่นหอมอำพัน

คนในราชวงศ์?

ไม่ใช่จูเซียงตั๋งวี่หรอกหรือ?

ขณะที่ครุ่นคิด ผ้าสีดำบนดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินก็ถูกเอาออกไป เฟิ่งชิงเฉินหลับตาแน่น เพราะนางไม่อยากทราบว่าเป็นผู้ใด

ชายคนนั้นกอดเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้ อีกมือหนึ่งถือผ้าที่ดึงออกมา

“เฟิ่งชิงเฉิน ผ้านี้ใช้ทำอะไร?” ชายคนนั้นตรวจสอบแล้วพบสิ่งผิดปกติในผ้าเช็ดหน้า

“ผ้าสีดำที่พวกเจ้าให้มาสกปรกเกินไปและทำให้เคืองตา” เฟิ่งตัวแข็งทื่อเล็กน้อย เพราะทั้งสองแนบชิดอิงกาย ท่าทีโง่เขลานี้ของนางทำให้ชายผู้นั้นมีความสุขอย่างมาก ชายผู้นั้นทิ้งผ้าสีดำและผ้าเช็ดหน้าลงพื้น เขาเอื้อมมือออกไปและบีบคางของเฟิ่งชิงหลิง

“ลืมตาแล้วมองมาที่ข้า”

“ไม่”

“ข้านับถึงสาม หากเจ้าไม่ลืมตา ข้าจะจูบเจ้า จูบจนกว่าเจ้าจะลืมตาขึ้นมา” ชายคนนั้นใช้ปลายนิ้วถูที่ริมฝีปากของเฟิ่งชิงเฉิน

เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเย็นชาและเกลียดชัง ไร้ยางอายมาจากไหนกันเป็นชายที่น่าขยะแขยงอย่างมาก นางกัดฟันและลืมตามองดูใบหน้าที่อยู่ตรงหน้า

เขามีผิวขาวราวกับไม่ได้เจอแสงแดดมานานหลายปี ดวงตาที่เรียวยาวของเขามีแววตาเย็นชา ใบหน้าของเขาอ่อนโยนเล็กน้อย แต่ไม่ดูเป็นหญิง

เฟิ่งชิงเฉินพบว่าข้อดีที่ได้มายุคโบราณก็คือ มีชายรูปงามมากมาย ในบรรดาผู้ชายที่ตนรู้จักนั้น ไม่มีใครที่หน้าตาขี้เหร่เลย แม้ว่าจะไม่ได้หล่อเหลามากมายแต่ก็มีบุคลิกที่ดูดีอย่างมาก

เพียงแต่ว่า เหตุใดชายตรงหน้านี้จึงคุ้นเคยนัก? เฟิ่งชิงเฉินครุ่นคิดอยู่นานทันใดนั้นดวงตาของนางเป็นประกาย และตะลึงจนปากเป็นรูปตัว O

ชายคนนี้ดูเหมือนโจวสิงอย่างมาก เมื่อตอนที่โจวสิงมาที่จวนเฟิ่งเป็นครั้งแรก ตอนที่เขาดูป่วยหน้าตาของเขาคล้ายกับชายคนนี้อย่างมาก เพียงแต่ว่าชายคนนี้รูปงามกว่าโจวสิง

” เจ้าเป็นใคร?” บนโลกนี้ไม่มีใครที่หน้าคล้ายกันโดยไร้เหตุ ชายคนนี้จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับโจวสิงอย่างแน่นอน

เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่าหัวใจของตนเต้นแรง

โจวสิงเป็นคนหนานหลิงหรือ?

บ้าจริง อย่างที่เขาว่าจริงว่า จะรับคนที่อยู่ข้างถนนเข้าบ้านมาง่ายๆ มิได้ หากว่าโจวสิงเป็นไส้ศึกของหนานหลิงที่แฝงตัวอยู่ในตงหลิงขึ้นมา นางแย่แน่เลย การซ่อนไส้ศึกเอาไว้โทษหนักเท่ากับทรยศบ้านเมือง หากว่าเรื่องแดงขึ้นมาไม่ว่าใครก็ช่วยนางไม่ได้

“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?” ชายคนนั้นไม่ตอบ แต่ถามนางกลับ และในขณะเดียวกันก็กอดเฟิ่งชิงเฉินไว้บนตักของตน

บ้าเอ๊ย เฟิ่งชิงเฉินไม่สบอารมณ์

ผู้ชายคนนี้คิดว่านางเป็นคนยังไงกัน เป็นเด็กนั่งดริ้งค์หรือว่านางโลมในหอนางโลม? เจอหน้ากันก็จะกอดจะจับต้องตัวอย่างเดียว แต่…เมื่ออยู่ใต้ชายคาของเขาแล้ว จำต้องยอมเขา

เฟิ่งชิงเฉินพยายามที่จะเพิกเฉยต่อกลิ่นอายที่มาจากร่างกายของชายคนนี้และท่านั่งที่น่าอึดอัดใจ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ากำลังคิดว่าโลกนี้มีคนที่งามเช่นนี้ด้วยหรือ งามเสียจนน่าตะลึง”

ไม่ต้องสงสัยในความงามของชายคนนี้เลย ชายคนนี้กอดนางไว้ในอ้อมกอด หากคนอื่นมาเห็นคงคิดว่าคนที่เสียเปรียบคือชายคนนี้ แต่มิใช่นาง

แน่นอนว่าความเหลื่อมล้ำและความไร้ยางอายนี้ก็น่าทึ่งเช่นกัน นางไม่เคยเห็นชายใดไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าช่างใจกล้าเสียจริง ข้าคิดว่าหญิงแคว้นตงหลิงทุกคนถูกสอนให้เป็นหญิงรักนวลสงวนตัว แค่มีใครมาแตะตัวเล็กน้อยก็จะร้องเอาเป็นเอาตาย ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะกล้าหยอกล้อกับข้าอีก” ชายรูปงามรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินมิได้คิดเรื่องนี้ แต่เขามิได้ถามต่อ

ดวงตาของที่เรียวยาวเปล่งประกายด้วยแสงที่แปลกประหลาดและคาดเดาไม่ได้

เฟิ่งชิงเฉินจ้องไปที่ชายคนนั้นด้วยความโกรธ ” หญิงรักนวลสงวนตัว? หากเป็นเช่นนั้น ข้าคงตายไปหลายหมื่นครั้งแล้ว หญิงแคว้นตงหลิงงั้นหรือ? คุณชายมิใช่คนตงหลิงหรือ?”

“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าสงสัยมากเกินไป” มือของชายคนนั้นลูปไหลไปที่ไหล่ของเฟิ่งชิงเฉินเบา ๆ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังหยอกล้อเฟิ่งชิงเฉิน และพยายามทำให้เฟิ่งชิงเฉินโกรธ

เฟิ่งชิงเฉินนิ่งเกินไป คนแบบนี้หลอกถามข้อมูลกระไรออกมาไม่ได้หรอก ชายรูปงามไม่เชื่อว่า บนโลกนี้จะมีหญิงใดที่ทนต่อการยั่วยวนของตนได้ มือของชายรูปงามลูบไล้ต่อไปแล้วจับไปที่มือของเฟิ่งชิงเฉิน

เมื่อมีคนจับมือตนไว้ เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่ากังวลอย่างมาก ขอร้องชายคนนี้อย่าหักนิ้วตนทิ้งโดย “บังเอิญ” เลย

โชคดีที่ชายรูปงามไม่มีความคิดนี้ เขาเพียงกระซิบข้างหูเฟิ่งชิงเฉินว่า “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าอยู่ที่นี่ต่อนอนอุ่นเตียงให้ข้า ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”

“อุ่นเตียง? คุณชาย ชิงเฉินอุ่นเตียงไม่เป็น ชิงเฉินทำได้แค่รักษาโรค ข้าคิดว่าคุณชายเหมือนจะได้รับบาดเจ็บ ให้ข้าช่วยทำแผลก่อนดีหรือไม่?” เฟิ่งชิงเฉินวางมือระหว่างตนและชายคนนี้ เพื่อหยุดชายคนนี้ไม่ให้เข้าใกล้ตน

ความบริสุทธิ์ไม่สำคัญเท่ากับชีวิต แต่จะเสียไปโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวมิได้

“ได้รับบาดเจ็บ? เจ้าดูอย่างไรจึงว่าข้าได้รับบาดเจ็บ” มือของชายรูปงามที่อยู่บนเอวของเฟิ่งชิงเฉินกดแรงขึ้น และเฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเพียงว่าตนหายใจ และตนได้เข้าใกล้ชายรูปงามมากขึ้น

“ข้าไหวต่อกลิ่นเลือดอย่างมาก คุณชายใช้กลิ่นหอมก็จริง แต่ก็ไม่สามารถกลบกลิ่นเลือดนั้นได้” อันที่จริงหากไม่เข้าใกล้ นางก็คงไม่ได้กลิ่น แต่ชายผู้นี้ดันเข้ามายั่วยวนนางเสียก่อน

ชายหนุ่มรูปงามมองไปที่เฟิ่งชิงเฉินและหลังจากยืนยันว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้โกหกแล้ว เขายิ้มและกล่าวว่า ” มีข่าวลือว่าเฟิ่งชิงเฉินเก่งในการรักษาบาดแผล และมันก็เป็นความจริง วันนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้า หากว่าเข้าจัดการบาดแผลของข้าเรียบร้อยได้ ข้าจะพาเจ้ากลับไปที่หนานหลิง”

“หนานหลิง พวกเจ้าไม่ใช่จูเซียงตั๋งอวี่หรือ? พวกเจ้าเป็นคนหนานหลิงหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินอ้าปากค้างและหายใจเข้าลึกๆ ทันทีที่พูดเช่นนี้นางก็รู้สึกเศร้าใจ

คราวนี้คนพวกนี้จะไม่ปล่อยตนไปอย่างแน่นอน

เป็นไปตามคาด ชายรูปงามบีบคอเฟิ่งชิงเฉินทันที “เจ้าฉลาดมาก แต่คนที่ฉลาดมักอยู่ได้ไม่นาน”

“เจ้าบอกกับข้าเอง” เฟิ่งชิงเฉินพยายามอธิบาย นางพนันว่าชายคนนี้จงใจเปิดเผยตัวตนของเขา

เฟิ่งชิงเฉินด่าทอตี๋ตงหมิงในใจ หากมิใช่เพราะไอ้สารเลวนั่น นางจะตกมาอยู่ในจุดนี้ได้อย่างไร?

คดีจูเซียงบ้าบอกระไรกัน หากเป็นจูเซียงเน่จริง นางก็ไม่มีกระไรจะพูด เพราะนางมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนั้น

แต่ คนกลุ่มนี้คือคนหนานหลิง คนที่ชนะสงครามหนานหลิงมิใช่นางสักหน่อย แต่เป็นอวี่เหวินหยวนฮั่ว ตอนนั้นเขาพวกยังไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ

อือ… เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เฟิ่งชิงเฉินน้ำตาแทบไหล อวี่เหวินหยวนฮั่วก็แค่ช่วยนางเอาไว้ไม่กี่ครั้ง นางต้องเอาชีวิตตัวเองมาคืนบุญคุณนี้เลยหรือ? และยังต้องคืนให้กับคนหนานหลิงอีก

“แล้วอย่างไร? เจ้าคิดว่าเข้ามาในนี้แล้ว ข้าจะปล่อยเจ้าไปอีกหรือ? เฟิ่งชิงเฉินเจ้าคิดว่าข้าสังหารเจ้าหรือพาเจ้ากลับหนานหลิงดี” ชายรูปงามตัดสินใจแต่แรกแล้วว่าจะไม่ปล่อยเฟิ่งชิงเฉินกลับไปตงหลิงอย่างแน่นอน

แกล้งนาง ก็แค่อยากจะได้ข้อมูลบางอย่างออกจากปากนาง แต่……

ผู้หญิงคนนี้ฉลาดในเวลาที่ไม่ควร ผ่านไปตั้งนานก็ยังไม่สามารถล่อนางได้ อย่าว่าแต่จะหลอกให้นางให้ข้อมูลเลย

“คุณชาย……”

นางยังไม่ทันได้กล่าว ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เป็นระเบียบดังขึ้น ในขณะเดียวกันมีชายชุดสีเทาวิ่งเข้ามา “องค์ชายสาม คนของตงหลิงบุกเข้ามาแล้วขอรับ”

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท