นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 203 ล้อมรอบและจู่โจม คำสั่งของเสด็จอาเก้า

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 203 ล้อมรอบและจู่โจม คำสั่งของเสด็จอาเก้า

“คนของตงหลิง? ทหารของใคร?” ชายรูปงามบีบคอเฟิ่งชิงเฉินแรงขึ้น ตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินไม่สามารถหายใจได้ เห็นแต่ตาขาวของนาง

นางซวยจริงๆ เลย นางพยายามเกลี้ยกล่อมให้ชายรูปงามให้โอกาสนาง แต่กลับมาเจอเรื่องนี้อีก

“ข้าน้อยไร้ความสามารถเองขอรับ มองไม่ชัด” ชายชุดเทาก้มหน้าลง

ตอนนี้เสียงตะโกนขู่ฆ่ามาจากด้านนอกดังขึ้นเรื่อยๆ เสียฝีเท้าก็ชัดขึ้นเรื่อยๆ คนที่มานั้นแข็งแกร่งอย่างมาก คนในวังใต้ดินไม่มีความสามารถพอที่จะต่อต้านเอาไว้ได้

“แย่แล้ว องค์ชายสาม พวกเขากำลังจะบุกเข้ามา องค์ชายสามเร่งหนีไปเถิด” คนที่เป็นหัวหน้านำคนไปจับตัวเฟิ่งชิงเฉินได้ยินเสียงนี้ จึงเดินออกไปดู ขณะที่กลับเข้ามานั้น สีหน้าของเขาแย่ลงอย่างมาก

“เจ้าใช่หรือไม่? เฟิ่งชิงเฉินเจ้าเป็นคนที่พาคนเหล่านั้นมาที่นี่ใช่หรือไม่?” องค์ชายสามแห่งหนานหลิง นั่นก็คือชายรูปงาม เขาบีบคอเฟิ่งชิงเฉินไว้แน่น แล้วหิ้วนางขึ้นมา

เท้าของเฟิ่งชิงเฉินลอยอยู่กลางอากาศ สีหน้าของนางเขียวม่วง นางเอาแต่ส่ายหน้า

ไม่ใช่นาง ไม่ใช่นางจริงๆ

นางถูกหลอกใช้

ฮ่าๆๆๆ ……

มีความโศกเศร้าในดวงตาของเฟิ่งชิงเฉิน แม้ว่านางไม่รู้ว่าใครเป็นคนหลอกใช้นาง แต่ทำให้นางได้รู้คุณค่าของตัวเอง

นางเป็นแค่หมากตัวเดียว และพร้อมที่จะเสียสละถ้าจำเป็น

“ไม่ใช่เจ้าหรือ? หึ หากมิใช่เจ้า คนเหล่านั้นจะตามมาเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร สถานที่แห่งนี้อยู่ตงหลิงมาหลายสิบปี มิเคยมีใครพบ พอเจ้าเข้ามาคนตงหลิงก็ค้นเจอพอดี เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ หากว่ามิใช่เจ้า แต่ก็ต้องเกี่ยวข้องกับเจ้าอย่างแน่นอน”องค์ชายสามออกแรงอีกครั้งเฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่าภาพตรงหน้ามืดไปทั้งหมด แม้แต่แรงจะส่ายหัวก็ไม่มี

“องค์ชายสาม ฆ่าผู้หญิงคนนี้เสีย แล้วท่านเร่งหนีไป เราจะสกัดเอาไว้ก่อน” ชายร่างใหญ่ผู้นำคนไปจับตัวเฟิ่งชิงเฉินกล่าวอย่างเด็ดขาด

“ฆ่านางหรือ? ข้าจะพานางไป นางเป็นตัวคุ้มครองชีวิตข้า คนเหล่านั้นมาเร็วเช่นนี้ แสดงว่าคงกลัวนางตายอยู่ที่นี่” องค์ชายสามยิ้มอย่างชั่วร้ายแล้วปล่อยมือ…

เฟิ่งชิงเฉินล้มลงกับพื้นอย่างแรงและไออย่างรุนแรง

เพียงผู้ที่กำลังจะตายจากการขาดอากาศหายใจเท่านั้นที่จะรู้ว่า การได้หายใจอย่างอิสระนั้นเป็นเรื่องที่สุขเช่นไร ตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้คิดอะไรมาก นางเพียงอยากหายใจลึกๆ เท่านั้น

คนบ้า องค์ชายสามของหนานหลิงเป็นคนบ้าอย่างแน่นอน เขาทำอะไรไม่มีการวางแผนหรือกฎเกณฑ์ใดๆ เลย

เฟิ่งชิงเฉินก้มหน้าลงอย่างครุ่นคิด นางพยายามจะฉวยโอกาสเปิดกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ เพื่อหาโอกาสเอาของข้างในออกมา

ก่อนหน้านี้ไม่กล้าเอาออกมา เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะค้นตัว หากตอนนี้ไม่เร่งเอาออกมา นางคงจะต้องตายที่นี่อย่างแน่นอน

แต่ องค์ชายสามแห่งหนานหลิงไม่ให้โอกาสเฟิ่งชิงเฉินเลยแม้แต่น้อย เขาออกคำสั่งกับลูกน้อง จากนั้นก็ดึงเฟิ่งชิงเฉินวิ่งเข้าไปที่ทางลับ

“เฟิ่งชิงเฉิน ข้าหวังว่าคนที่มาจะเป็นห่วงเจ้า มิเช่นนั้นเจ้าคงต้องตายไปพร้อมข้า” องค์ชายสามพาเฟิ่งชิงเฉินไปที่ริมสระ และก่อนที่เฟิ่งชิงเฉินจะรู้ตัว เขาได้กดหน้าเฟิ่งชิงเฉินลงน้ำ

เสียงสำลักน้ำดังขึ้น ทุกอย่างเร็วเกินไป เฟิ่งชิงเฉินสำลักน้ำไปหลายครั้ง และเมื่อนางถูกดึงขึ้นมาจากน้ำ ทั้งตัวนางเปียกราวกับลูกหมาตกน้ำ

ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินขาวซีด

มันเกิดจากการตกใจอย่างแน่นอน นางรู้ดีว่าหากชายคนนี้จะฆ่าตน คงง่ายยิ่งกว่ากระไร

“เจ้านี่รู้งานเชื่อฟังเสียจริง” องค์ชายสามแห่งหนานหลิงดึงเฟิ่งชิงเฉินขึ้นและฉีกเสื้อคลุมของนาง

ร่างกายของนางเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ เสื้อผ้าและผมของนางเกาะติดกับร่างกาย ซึ่งน่าอึดอัดอย่างมาก ขณะเดียวกัน ยังได้เผยโครงร่างที่งดงามของนางออกมาด้วย

“ไม่คิดว่าเจ้าจะงามเหมือนกัน” แสงที่เย็นเยียบปรากฏในดวงตาขององค์ชายสามแห่งหนานหลิง เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกได้เพียงว่าตนตัวสั่นอย่างแรง วินาทีนั้นรู้สึกว่าวังใต้ดินนี้หนาวเย็นอย่างมาก

องค์ชายสามแห่งหนานหลิงไม่มีความคิดที่จะสงสารเป็นห่วงนางเลย เขาอุ้มเฟิ่งชิงเฉินและเดินต่อไป

“เฟิ่งชิงเฉิน อย่าเล่นตุกติกกับข้า มิเช่นนั้นข้าจะทรมานเจ้าให้เจ้าทุกข์ยิ่งกว่าตาย”

มือของเขามิได้หยาบแข็งแรงเท่าไหร่ แต่ก็มีแรงมากเหมือนคีมเหล็ก ดูเหมือนว่าจะรัดเอวนางจนหัก

เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกหดหู่ใจมากจนเกือบจะร้องไห้ออกมา วันนี้นางซวยมากจริงๆ นางมีแผลบาดเจ็บทั่วร่างกาย และเมื่อถูกทรมานเล่นงานเช่นนี้อีก นางเกือบจะตายแล้ว

เมื่อถูกองค์ชายสามพาตัวไป เฟิ่งชิงเฉินลังเลว่าจะเอาปืนออกมา แล้วยิงไอสารเลวนี้เสียดีหรือไม่?

คิดไปคิดมานางล้มเลิกความคิดนี้ ฆ่าเขาน่ะง่าย แต่หากฆ่าเขาไปแล้ว ตนจะออกไปยังไง?

วังใต้ดินนี้เหมือนเขาวงกต และทางขึ้นเขาซับซ้อนอย่างมาก นางไม่สามารถเดินออกไปได้เลย แถมยังมีทหารจากตงหลิงอยู่ข้างนอกอีก จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการทำสงคราม หากว่าในขณะที่สถานการณ์วุ่นวายอย่างมาก แล้วนางถูกฆ่าเช่นนั้นจะไม่คุ้มกับการเสี่ยง

ในเมื่อองค์ชายสามกำลังจะออกจากวังใต้ดินนี้ เช่นนั้นนางก็จะตามเขาไป และหาทางหนีอีกที ตนไม่เชื่อหรอกว่าจะจัดการชายที่ได้รับบาดเจ็บนี้มิได้

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เฟิ่งชิงเฉินก็ให้ความร่วมมือมากขึ้นไปอีก

องค์ชายสามพาเฟิ่งชิงเฉินเดินวนไปมาในห้องลับ จนไปถึงคอกม้า เขาจูงม้าสีดำตัวหนึ่งออกมา และโยนเฟิ่งชิงเฉินขึ้นไป จากนั้นเขาเองก็ปีนขึ้นหลังม้าเช่นกัน

องค์ชายสามไม่สนใจว่าเฟิ่งชิงเฉินเปียกน้ำ เขาอุ้มนางเอาไว้ในอ้อมแขน “เฟิ่งชิงเฉิน ทางที่ดีเจ้าควรให้ความร่วมมือดีๆ หากว่าข้าตายไป เจ้าเองก็ไม่มีทางรอดหรอก คนของข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่ หากว่าเจ้าสามารถทำให้เราทั้งสองหนีออกไปโดยยังมีชีวิตอยู่ได้ เช่นนั้นข้าจะไม่ถือสาเรื่องในวันนี้ และจะปล่อยเจ้าไป”

ต้องบอกว่าองค์ชายสามเป็นคนฉลาด และเขาไม่ได้ดูถูกเฟิ่งชิงเฉิน

แน่นอน เหตุผลหลักคือเขาได้รับบาดเจ็บ หากเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาคงไม่ให้ความสำคัญกับผู้หญิงอย่างเฟิ่งชิงเฉินหรอก

“คำไหนคำนั้น?” ไม่ว่ายอมหรือไม่ เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจดีว่าตนต้องแสดงความเห็น มิเช่นนั้นนางไม่มีทางออกจากตรงนี้ไปได้

“ข้าหนานหลิงจิ่นฝานคำไหนคำนั้น”

“ข้าเฟิ่งชิงเฉินไม่ใช่คนที่ชอบกลืนคำพูดตัวเอง ไปกันเถิดองค์ชายสาม” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวตามน้ำไป

นางเป็นคนคำไหนคำนั้น แต่นางมิได้กล่าวกระไร เพราะนางไม่เชื่อชายคนนั้น ชายคนนี้จะปล่อยนางไปได้อย่างไร เพราะนางตอนนี้เขาจึงต้องหนีเอาตัวรอดอย่างน่าสมเพชเช่นนี้

“แม้ว่าข้าจะถือสาเจ้า แต่เจ้าคงไม่กล้าหรอก หากข้ากลับไปที่หนานหลิงโดยไม่ตาย เราถือเสียว่าเรื่องเหล่านี้มิเคยเกิดขึ้น หากว่าข้าตายอยู่ที่นี่ เจ้าก็เตรียมรับความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟของหนานหลิงได้เลย ข้าจะคอยดูว่าราชวงศ์ตงหลิงจะเป็นศัตรูกับราชวงศ์หนานหลิงของเรา เพียงเพื่อเจ้าคนเดียวหรือไม่”

เช่นเดียวกับเฟิ่งชิงเฉิน หนานหลิงจิ่นฝานไม่เชื่อในเฟิ่งชิงเฉินเช่นกัน แต่เขาไม่จำเป็นต้องเชื่อใน เฟิ่งชิงเฉินเพราะเฟิ่งชิงเฉินไม่กล้าฆ่าเขา

“องค์ชายสาม เจ้าวางใจเถอะ เจ้าสามารถเดินออกจากตงหลิงไปโดยยังมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน” เฟิ่งชิงเฉินกัดฟันพูด ในเวลาเดียวกัน นางรู้สึกโชคดีที่ตนมิได้ลงมือ

คนที่อยู่ตรงหน้านางคือองค์ชายแห่งแคว้นหนานหนิง มิใช่คนเช่นตน

หากเฟิ่งชิงเฉินเสียชีวิตไป คนเหล่านั้นแค่จะหลั่งน้ำตาและเศร้าโศกอยู่เพียงไม่กี่วัน แต่หากหนานหลิงจิ่นฝานเสียชีวิต ราชวงศ์หนานหลิงจะต้องแก้แค้นให้เขาอย่างแน่นอน ไม่เพื่อกระไรแต่ก็ต้องเพื่อเกียรติของราชวงศ์

“เจ้าเป็นคนที่ยอดเยี่ยมเสียจริง หากว่าเป็นไปได้ข้าอยากพาเจ้ากลับไปที่หนานหลิงจริงๆ ความเด็ดขาดและชาญฉลาดของเจ้าไม่ด้อยไปกว่าผู้ชายเลย”

หนานหลิงจิ่นฝานขี่ม้าลงดอยไป ส่วนเฟิ่งชิงเฉินมิได้กล่าวกระไร

จะให้นางตอบกลับกระไร? ให้กล่าวว่าตนยอมไปหนานหลิง? หรือว่าตอบว่าชายหญิงเท่าเทียมกัน? ชายหญิงเดิมก็ฉลาดเช่นกันอยู่แล้ว นางมิใช่คนโง่เขลา…….

ม้าที่หนานหลิงจิ่นฝานขี่นั้นต้องม้าชั้นยอดอย่างแน่นอน ไม่นานพวกเขาก็ออกมาจากวังใต้ดินได้

ทางขึ้นภูเขาอยู่ข้างหน้าและทางลงภูเขาอยู่ข้างหลัง หนานหลิงจิ่นฝานมาจากทางเข้าตรงตีนเขา แต่พบว่าคนของตงหลิงพบทางออกนั้นแล้ว ทั้งสองเผชิญหน้ากัน มิได้มองไปข้างหน้า หนานหลิงจิ่นฝานเองก็เข้าใจว่า คนของตงหลิงได้เปรียบกว่าอย่างแน่นอน………

ดูเหมือนว่าหากเขาอยากออกไป เขาต้องพึ่งหญิงที่อยู่ในอ้อมแขนตนแล้วล่ะ……

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท