นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 234 หมอ มิใช่บุคคลที่สามารถไปเที่ยวเล่นได้

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ



ซุนซือสิงหมดหนทางในทันที เขาอยากจะแอบดูก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากว่าตระกูลเซี่ยได้จัดหาองครักษ์มาด้วย ทั้งยังเอาออกมาคุมกันด้านนอกห้องผ่าตัดอีก เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใดเข้าไปรบกวน

นี่เป็นสิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินร้องขอ เนื่องจากว่า ช่วงนี้มีผู้สูงศักดิ์มาเยือนมากเกินไปแล้ว นางไม่อาจต้านทานพวกเขาได้ จึงได้ปล่อยให้ผู้ที่มีอำนาจเหล่านี้เป็นคนจัดการให้แทน

เมื่อเข้ามาในห้องผ่าตัด เฟิ่งชิงเฉินก็ทำการเทกัญชาต้มทิ้งในทันที พร้อมทั้งฉีดยาชาให้กับเซี่ยฮูหยินแทน

ยาชา ย่อมต้องเป็นยาชาทั่วร่าง อีกทั้ง เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่อาจควบคุมปริมาณได้มากเช่นกัน หากว่าปริมาณยาชาเข้าร่างเซี่ยฮูหยินมากจนเกินไปนั้น นางเกรงว่า ร่างกายของเซี่ยฮูหยินจักไม่อาจรับได้ไหว

แม้ว่าการผ่าตัดของเซี่ยฮูหยินจักมิได้ยากเย็นมากนัก แต่ทว่า

เมื่อไม่มีผู้ช่วย ก็เป็นเรื่องที่ลำบากมากเช่นกัน เฟิ่งชิงเฉินจึงตัดสินใจว่า นางจักต้องหาผู้ช่วยที่เป็นสตรีเข้ามาอีกคนหนึ่ง หากฮูหยินรองตั้งครรภ์ขึ้นมานั้น ต่อไปในภายภาคหน้า อาชีพของนางย่อมมั่นคงขึ้นอย่างแน่นอน

อีกทั้ง สตรีในยุคโบราณเอง ผู้ที่ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ก็มีมากเช่นกัน น่าเสียดายนัก หากเป็นคนธรรมดานางย่อมไม่อาจวางใจได้ เมื่อคิดเรื่องนี้ เฟิ่งชิงเฉินพลันรู้สึกปวดหัวขึ้นมาในทันที

หลังจากทำการผ่าตัดให้เซี่ยฮูหยินเสร็จนั้น ก็เข้าสู่ช่วงพระอาทิตย์ตกดินพอดี เฟิ่งชิงเฉินจึงได้พาคนออกมาจากห้องผ่าตัด หลังจากที่กำชับกับสาวใช้เรียบร้อยแล้ว พลางกล่วอีกว่า หากเกิดเรื่องอันใดขึ้น ให้มาแจ้งนางในทันที

“ซือสิง มาจัดการทำความสะอาดห้องพักเสีย อย่าลืมทำการฆ่าเชื้อด้วย” เฟิ่งชิงเฉินในยามนี้ เหนื่อยยิ่งนัก นางไม่มีแรงที่จะจัดเก็บห้องผ่าตัดด้วยตนเองแล้ว ภายในใจรู้สึกดีใจยิ่งนัก ที่นางรับซุนซือสิงเข้ามาเป็นศิษย์

“ขอรับ อาจารย์” ซุนซือสิงหาได้เอ่ยถามอันใดไม่ เขาเพียงกล่าวกับอาจารย์ของเขาว่า เขาได้ตระเตรียมน้ำร้อนและสำรับกับข้าวไว้ให้นางแล้ว พร้อมทั้งบอกให้เฟิ่งชิงไปพักผ่อนได้เลย

“ซือสิงใส่ใจยิ่งนัก” เฟิ่งชิงเฉินหาได้รีบร้อนไปอาบน้ำชำระกายไม่ นางยังคงสวมใส่อาภรณ์ของหมอพร้อมทั้งเดินไปยังห้องพักฟื้น

ซุนฮูหยินตื่นขึ้นมาแล้ว เนื่องจากว่า นางได้ทานแต่อาหารเหลว ร่างกายจึงยังอ่อนแรงอยู่บ้าง เมื่อเฟิ่งชิงเฉินตรวจดูบาดแผล ก็พลันพบว่าบาดแผลของนางได้รับการฟื้นฟูเป็นอย่างดี นางจึงรู้สึกดีใจยิ่งนัก ซุนฮูหยินนับว่าเป็นคนไข้คนแรก ที่ได้รับการผ่าตัดที่นี่ โดยปลอดภัยไร้รอยขีดข่วย เฟิ่งชิงเฉินจึงรู้สึกมีความสุขยิ่งนัก

จากนั้นก็ไปหาเซี่ยฮูหยิน เมื่อได้ยินเสียงสาวใช้บ่นว่า จวนเฟิ่งของนางมีสภาพผุพังยิ่งนัก เมื่อพวกนางเห็นเฟิ่งชิงเฉินเดินเข้ามา ก็พลันรู้สึกอับอายขึ้นมาในทันที

เฟิ่งชิงเฉินแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย นางหาได้สนใจอันใดไม่ เมื่อตรวจดูร่างกายของคนไข้ พร้อมกับลงบนทึกแล้วนั้น ก็พลันเดินออกมา ยามที่เฟิ่งชิงเฉินเดินออกมาจากห้องพัก นางมิเห็นบุรุษคนใดของตระกูลเซี่ยมาเยี่ยมเยียนเซี่ยฮูหยินเลยสักนาง

เมื่อเห็นสภาพฮูหยินรองที่เป็นเช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินพลันรู้สึกว่า สตรีในยุคโบราณช่างหน้าสงสารยิ่งนัก หากเฟิ่งชิงเฉินมิอาจแต่งออกไปได้ นับว่าเป็นเรื่องดี ด้วยนิสัยของนางแล้ว ให้นางขลุกตัวอยู่แต่ในบ้าน ยังจะดีกว่าให้นางไปสู้รบตบตีกับผู้อื่นอีก

เมื่อท้องฟ้าเข้าสู่ยามราตรี หลังจากที่นางรับสับรับมื้อเย็นเสร็จ นางจึงเข้ามานอนหลับ คนเป็นหมอ ไม่อาจมีเวลาพักผ่อนที่แน่นอนได้ ถึงแม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจักรู้สึกคุ้นชินบ้างแล้ว ทว่า

กลางดึก กลับมีคนกระชากผ้าห่มของนางออกจากที่นอน เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก

“ซูเหวินชิง เจ้าอยากตายหรืออย่างไร” ทุกคนรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินหาใช่คนขี้เซาไม่ แต่ทว่าในยามนี้ นางเหนื่อยเกินไป อีกทั้งคนพวกนี้ยังมากระชากนางออกจากที่นอนเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ใดย่อมรู้สึกหงุดหงิดเป็นธรรมดา

“เฟิ่งชิงเฉิน ข้ามาหาเจ้า เพราะต้องการให้เจ้าไปช่วยคน” สีหน้าของซูเหวนชิงยับยู่ยี่ราวกับผักดองก็ไม่ปาน หนวดเคราพลันผุดขึ้นมาเต็มไปหมด พร้อมกับดวงตาที่ดำคล้ำ ราวกับถูกคนทรมานมา

“เจ้าได้รับบาดเจ็บงั้นหรือ?”

“มิใช่ข้า แต่เป็นปู้จิงหยุน เขาไข้ขึ้นมิหยุดเลย อีกทั้งบาดแผลที่หลังยังบวมแดง และมีเลือดซึมออกมาอีกด้วย” เสมือนว่าเขาใกล้จะตายแล้ว ซูเหวินชิงอดทนอยู่วันหนึ่ง เนื่องจากเขาก็ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดี เมื่อเฟิ่งชิงเฉินให้ยามานั้น เขาแทบจะนำมันกรอกปากปู้จิงหยุนในทันทีเสียด้วยซ้ำ ทว่าก็ไม่อาจทำได้

“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ก่อนหน้านั้น บาดแผลของเขาได้รับการจัดการเป็นอย่างดี หากว่ากันตามจริงแล้ว ไม่อาจเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้” ยามที่เฟิ่งชิงเฉินได้ยินว่าคนไข้ของตนเองมีอาการเช่นนี้ หาได้รู้สึกรำคาญใจไม่ พลางหยิบอาภรณ์ที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาสวมใส่ต่อหน้าซูเหวินชิงในทันที

ซูเหวินชิงที่เป็นสุภาพบุรุษนั้น ก็พลันหันกายหนีอย่างไว เฟิ่งชิงเฉินเพียงแค่สงเสียงหัวเราะออกมาเท่านั้น

เจ้าบ้า ห้องของสตรีที่ไม่ออกเรือนเช่นนาง ยังกล้าบุกเข้ามาแล้ว จักมาทำตัวเป็นสุภาพบุรุษไปไย กลางดึกเช่นนี้ พวกเขายังกล้าบุกเข้ามา คนพวกนี้เห็นนางเป็นตัวอะไรกัน แม้แต่พวกหมอเถื่อนที่อยู่ใต้ดิน ยังไม่เคยพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้

เมื่อมาถึงห้องลับในจวนตระกูลซู เฟิ่งชิงเฉินยังมิทันจะเอ่ยสิ่งใดออกมา ซูเหวินชิงก็รีบร้อนจากไป พร้อมกับทิ้งให้นางอยู่กับปู้จิงหยุน

ส่วนบนของปู้จิงหยุนล้วนเปลือยเปล่า ทว่าสีผิวกลับแดงคล้ายกุ้งต้มยิ่งนัก เมื่อเฟิ่งชิงเฉินได้เห็นเช่นนั้น ก็พลันขมวดคิ้วในทันที พลางครุ่นคิดภายในใจว่า หลานจิ่วชิงดูแลเขาเช่นไรกัน ถึงได้ทำให้อาการของปู้จิงหยุนเป็นเช่นนี้ได้ นับว่ามีพรสวรรค์เสียจริง

เมื่อฉีดยาแก้ไข้ให้กับปู้จิงหยุนแล้วนั้น ก็ได้ฉีดยาชาเฉพาะจุดตามไปในทันที หลังจากนั้นก็ทำความสะอาดแผล

บาดแผลที่ด้านหลังนั้น เพียงผ่านไปได้แค่วันเดียว กลับเกิดหนองขึ้นมาแล้ว

“อาวุธชนิดใดที่ทำร้ายเจ้ากัน ถึงได้มีอานุภาพร้ายแรงเช่นนี้? แต่เดิมข้ายังคิดว่ามันเป็นกระบองเหล็กเสียอีก ในยามนี้คงจะมิใช่กระมัง อีกทั้ง บรรยากาศในห้องลับก็ไม่ดี เจ้าคงจะทรมานจริง ๆ ” เฟิ่งชิงเฉิน ค่อย ๆ ทำการขูดหนองที่อยู่บนแผ่นหลังของปู้จิงหยุนออกมา

บางทีอาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ของยาชาที่มีไม่มากพอ หรือเป็นเพราะว่า ปู้จิงหยุนเจ็บปวดมากเกินไป ปู้จิงหยุนได้แต่บ่นพึมพำออกมาด้วยความเจ็บปวด เสมือนกับว่า เขาไม่อาจทนได้

“บาดแผลของเจ้า หาใช่บาดแผลธรรมดาไม่ การที่เจ้าได้พบข้าถือเป็นความโชคดีแล้ว ฉะนั้น เชื่อฟังข้าเสียดี ๆ อย่าได้คิดขยับไปมาเป็นอันขาด ข้าให้สัญญา ว่าข้าจะรักษาบาดแผลของเจ้าให้หายได้” เฟิ่งชิงเฉินหาใช่สตรีอ่อนหวานไม่ ฉะนั้นแล้ว คำพูดขงนางค่อยข้างที่จะแข็งทื่ยิ่งนัก

แต่ทว่า คำพูดของเฟิ่งชิงเฉินในทุก ๆ ครั้ง กลับทำให้ผู้คนรู้สึกสงบจิตใจได้ แม้แต่ปู้จิงหยุนเอง ก็หาได้ร้องโอดครวญออกมาไม่ ทั้งยังไม่ขยับกายไปมาอีกด้วย

เฟิ่งชิงเฉินจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก พร้อมกับจัดการเย็บบาดแผลให้เขาอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งให้ยาแก้อักแสบและให้กลูโคสเพิ่ม เพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดของคนไข้

“ซูเหวินชิง เจ้าเข้ามาได้แล้ว” หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น นางก็พลันหยิบยาลดไข้ออกมา

“ห่อยาที่แล้ว กินตามปริมาณและต่อครั้งตามที่ข้าเขียนไว้ พร้อมกับยาห่อนี้ หนึ่งวันกินสามครั้ง หนึ่งครั้งกินสามเม็ด หากเขามีอาการอันใดขึ้นมา รีบไปตามข้าได้ทันที วันพรุ่งยามกลางคืน ค่อยรับข้ามาดูอาการเขาอีกครั้ง สุดท้ายแล้ว เจ้าต้องทำตามที่ข้าบอกทุกอย่าง อย่าได้เทยากรอกปากเขาเป็นอันขาด ขึ้นชื่อว่ายา หากกินมากไปอาจเป็นพิษต่อร่างกายได้” เฟิ่งชิงเฉินพลันตรวจสอบดูห่อยาที่นางให้หลานจิ่วชิงไปอีกครั้ง ผ่านไปเพียงคืนเดียว ยาพวกนั้นปริมาณลดลงไปตั้งสามวัน

ยาหาใช่ลูกกวาดไม่ ไม่อาจกินซี้ซั้วได้

“ก็ ได้” ซูเหวินชิงพลันทำท่าว่า เขาดูแลคนป่วยไม่เป็น ทุกครั้งที่หลานจิ่วชิงได้รับบาดเจ็บมานั้น ไม่ว่าจะสาหัสหรือไม่ เพียงทำแผลให้เสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น เขาก็จักจากไปเอง

แต่ปู้จิงหยุนที่น่าสงสารนั้น เจ้าไม่อาจแข็งแกร่งไปมากกว่านี้หรือ เสียดายนักที่ได้ชื่อว่าเป็นปรมาจารย์อันดับที่สองในด้านการต่อสู้

“ช่วงนี้ ตระเตรียมอาหารบำรุงให้เขามากหน่อย แล้วก็ พาเขาไปพักตัวอยู่ในห้องที่มีการระบายอากาศที่ดีด้วย หากต้องอยู่ในห้องลับนี้ต่อไป อาการเขาย่อมไม่อาจดีขึ้นมาได้” ถึงแม้ว่าภายในห้องจักไม่มีเทียนไข ทว่า มันกลับเต็มไปด้วยไข่มุกราตรี แต่บรรยากาศภายในห้องก็ยังอบอ้าวยิ่งนัก

“ข้าจักจัดการเอง” ซูเหวินชิงพลันจดจำข้อบังคับเอาไว้ เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินหยิบกล่องยาขึ้นมานั้น ซูเหวินชิงไม่อาจไม่พูดได้เลยว่า สตรีนางนี้ฉลาดเฉลียวยิ่งกว่าผู้ใด แม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองจักมิได้แย่นัก แต่สิ่งใดที่ไม่ควรถาม นางก็ไม่เอ่ยปากถาม ซ้ำยังไม่เอ่ยถามความเป็นมาของเรื่องราวอีกด้วย แม้แต่ตาก็ไม่มองมา

“ชิงเฉิน น้องของข้ารู้สึกมีอาการจุกเสียดที่ท้องนัก ข้าอยากจะเชิญเจ้าไปดูอาการให้น้องข้าที่จวนหน่อยเถิด” ซูเหวินชิงหาได้เหลือหนทางให้เฟิ่งชิงเฉินปฏิเสธไม่ พลางพานางไปหาในทันที

มือของซูเหวินชิงยังร้อนเช่นเดิม!

แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจักไม่ชอบนัก แต่ก็ได้แต่เก็บอาการไว้

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท