ช่วงนี้หวังจิ่นหลิงไม่อยู่ในเมือง แต่ความสง่างามของเขานั้นทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ว่าจะไปถึงเมืองใดก็ตาม เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งได้ยินว่าเขาคือคุณชายใหญ่แห่งตระกูลหวัง ล้วนพากันเคารพยกย่องยินดีและอยากจะสมานฉันท์ด้วย หรือกระทั่งสนับสนุนเขา ดังนั้นต่อให้ตระกูลหวังอยู่ในเมืองอื่นๆ ก็ได้รับการสนับสนุนมากมาย
เนื่องจากเรื่องที่หวังจิ่นหลิงช่วยให้เฟิ่งชิงเฉินไปพบกับเซียวชินอ๋องทำให้องค์จักรพรรดิไม่พอใจตระกูลหวังเป็นที่สุด ช่วงนี้ขุนนางในตระกูลหวังที่มีส่วนเกี่ยวข้องล้วนถูกลดตำแหน่งทีละคนๆ
น่าเสียดายที่องค์จักรพรรดิไม่อาจแข็งข้อได้ เมื่อเขาลดตำแหน่งของขุนนางตระกูลหวัง ก็จำเป็นจะต้องส่งเสริมตระกูลเซี่ย ตระกูลเจิ้งและตระกูลอื่นๆ
ไม่ใช่ว่าองค์จักรพรรดิประนีประนอมกับตระกูลขุนนาง แต่นั่นเป็นเพราะองค์จักรพรรดิไม่มีใครเลยที่สามารถใช้ได้ จึงจำเป็นต้องใช้บุตรหลานของตระกูลขุนนางเท่านั้น
จะให้ใช้บุตรหลานของตระกูลยากจนหรือ?
ที่จริงแล้วองค์จักรพรรดิก็อยากจะใช้พวกเขา แต่น่าเสียดายที่ใช่ไม่ได้เลย เนื่องจากตระกูลยากจนเหล่านั้นน้อยคนนักที่จะรู้หนังสือ ผู้ที่พออ่านออกเขียนได้ก็มีความสามารถระดับกลาง อีกอย่างการที่บุตรหลานของตระกูลยากจนต้องการจะโดดเด่นขึ้นมา ต้องการที่จะได้สอบเข้าเป็นขุนนางก็จำเป็นจะต้องได้รับการสนับสนุนจากตระกูลใหญ่และมีอำนาจ
สอบจอหงวนหรือ บัดนี้ยังไม่มีระบบการสอบจอหงวน แต่ต่อให้มีระบบสอบจอหงวนแล้วอย่างไรเล่า บุตรหลานของตระกูลยากจนที่ต้องพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดในแต่ละวันจะแข่งขันสู้กับบุตรของขุนนางซึ่งได้รับการศึกษามาอย่างดีตั้งแต่เล็กได้หรือ?
มังกรให้กำเนิดมังกร ฟินิกซ์ให้กำเนิดฟินิกซ์ ลูกหนูเกิดมาก็ต้องขุดรูเป็น ประโยคนี้ว่าไว้ไม่ผิดเลย บุตรหลานจากตระกูลยากจนน้อยนักที่จะมีโอกาสสอบเข้าได้ หากว่าพอจะมีบ้างเล็กน้อยก็ล้วนต้องพึ่งพาอำนาจบารมีของตระกูลใหญ่
หากไม่มีคำแนะนำจากตระกูลใหญ่ บุตรหลานของตระกูลยากจนเหล่านั้นจะมีโอกาสปรากฏกายต่อหน้าพระพักตร์องค์จักรพรรดิได้อย่างไร องค์จักรพรรดิจะรู้ได้อย่างไรว่าผู้ใดมีความสามารถผู้ใดไม่มีความสามารถ
ดังนั้นเรื่องของตระกูลใหญ่เป็นสิ่งที่ทำให้องค์จักรพรรดิปวดศีรษะยิ่งนัก เขาต้องการจะกดขี่ตระกูลเหล่านี้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้หากไม่ใช้พวกเขา เพราะถึงอย่างไรต่อให้เขาเป็นจักรพรรดิที่มีความสามารถก็ไม่อาจทำทุกสิ่งอย่างได้ด้วยตนเอง
ก่อนหน้านี้องค์จักรพรรดิได้ส่งคนจะไปสืบหาผู้มีความสามารถในบรรดากลุ่มยากจน แน่นอนว่ามีผู้ที่มีความรู้มากมายอยู่บ้าง แต่โดยมาก……
เฮ้อ…… บุตรหลานของตระกูลขุนนางผู้สูงศักดิ์เกิดมาพร้อมกับความร่ำรวย นั่นหมายความว่าพวกเขาไม่ขาดแคลนเงินทอง ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน โดยมากมักเป็นญาติกัน ต้องการจะเลื่อนขั้นก็เป็นเรื่องง่าย
สิ่งที่บุตรหลานตระกูลมั่งคั่งต้องการนั่นคืออำนาจ พวกเขาต้องการอำนาจในตระกูลเพื่อกำไร ต้องการชื่อเสียงจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ และต้องการการพัฒนาในระยะยาว
อย่างมากบุตรหลานตระกูลขุนนางเหล่านั้นก็จะใช้อำนาจในมือให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อประโยชน์ของตระกูล พวกเขาจะไม่ไปจัดการกับสามัญชนคนธรรมดา พวกเขาจะใช้อำนาจในการหาเงิน สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นจะต้องเผชิญหน้ากับอันตรายเลย
อีกอย่างต่อให้พวกเขาต้องการจะยักยอก ก็ไม่มีความกล้าพอ หากคนในตระกูลพบว่ามีผู้ยักยอกเงินทองจะถูกลงโทษอย่างแน่นอน อีกทั้งลูกหลานของเขาก็ยังถูกลงโทษอย่างรุนแรง
ในสายตาของตระกูลขุนนางเหล่านี้นี่เป็นเรื่องทำลายชื่อเสียงของตน ตระกูลที่สืบทอดมานับพันๆ ปีให้ความใส่ใจในเรื่องของชื่อเสียงเป็นที่สุด
แต่บรรดา บุตรหลานตระกูลยากจนเล่า?
เมื่อปลากระโดดข้ามกำแพงก็จะกลายเป็นมังกร คนที่มีเครือญาติสนิทสนมล้วนพากันปีนขึ้นไป คนนั้นต้องการผลประโยชน์ คนนี้ก็ต้องการผลประโยชน์ หากว่าจิตใจมั่นคงจึงจะสามารถทนทานต่อความยากจนได้ ไม่เช่นนั้นเพียงแค่คนๆ เดียวจะทำเรื่องทุจริตติดสินบนได้อย่างไร
เพราะถึงอย่างไรบรรดาตระกูลขุนนางในราชสำนักทุกคนก็ล้วนร่ำรวย คนใดบ้างที่ไม่ได้มั่งคั่ง เพราะหากว่าทรุดโทรมหรือยากจนล่ะก็อย่าว่าแต่คนอื่นจะดูถูก ต่อให้คนอื่นไม่ดูถูกเวลาผ่านไปนานวันเข้าก็จะรู้สึกต่ำต้อยด้วยตนเอง
การทำเงินจำนวนมากในราชวงศ์ตงหลิงแล้วย้ายไปอยู่ที่ประเทศอื่น หรือบริจาคเงินเพื่อซื้อสถานภาพทางสังคมกลายเป็นมหาเศรษฐี เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ขุนนางหลายคนที่มาจากตระกูลยากจนทำกัน
โดยทั่วไปแล้วบุตรหลานจากตระกูลมั่งคั่งจะไม่ทำเช่นนี้ เพราะว่ารากฐานของพวกเขาอยู่ที่นี่ พวกเขามีตัวตนอันทรงเกียรติและฐานะร่ำรวย ไม่จำเป็นจะต้องหนีออกไปจากตระกูลเดิมเพื่อไปยังประเทศอื่น ซึ่งไม่รู้ว่าจะถูกเห็นความสำคัญหรือไม่
เเล้วก็อีกอย่าง คนในตระกูลจะไม่ยอมให้คนเช่นนี้มาทำลายชื่อเสียงในตระกูลของตนอย่างแน่นอน อีกอย่างก่อนหน้านี้จิ่วโจวรวมกันเป็นหนึ่ง แต่ละตระกูลกระจายออกไปทั่ว บัดนี้จิ่วโจวถูกแบ่งแยกออกไป บุคคลเหล่านั้นยังคงอยู่ที่เดิมและดำรงชีวิตเป็นประชาชนในท้องถิ่น
เช่นเดียวกับตระกูลหวัง นอกเหนือจากดำรงตั้งหลักปักฐานอยู่ในตงหลิงแล้ว ที่หนานหลิงซีหลิงเย่เฉิงล้วนมีคนของตระกูลหวังอยู่ เพียงแต่ว่าตระกูลหวังที่ราชวงศ์ตงหลิงเป็นรากฐานของพวกเขา ตระกูลหลักอยู่ที่เมืองตงหลิงก็เท่านั้น
ปกติแล้วสมาชิกในตระกูลหวังเหล่านี้จะไม่ค่อยติดต่อคบหาสมาคมกันเท่าไหร่ และไม่ค่อยแลกเปลี่ยนข่าวสารกัน แม้ว่าพวกเขาจะใช้แซ่หวัง แต่ก็มีหัวหน้าของตนเอง ทว่าเมื่อได้รับคำสั่งจากหัวหน้าตระกูลให้ทำลายทุกคนที่ต้องการจะทำลายชื่อเสียงของตระกูลหวัง แน่นอนว่าพวกเขาจะร่วมมือรวมแรง
พลังอำนาจของตระกูลสำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุด เมื่อใดที่บุตรหลานของตระกูลมั่งคั่งเหล่านี้ถูกขับไล่ออกไป ก็จะไม่ได้รับการคุ้มครองจากตระกูล ไม่ได้รับการเลี้ยงดูจากตระกูล ในอนาคตพวกเขาจึงเป็นได้เพียงเช่นบุตรหลานของผู้ยากจน ต้องได้รับการสนับสนุนจากตระกูลใหญ่จึงจะสามารถเป็นขุนนางได้
นี่คือสิ่งที่ตระกูลซุนบังคับให้ซุนอี้ออกจากตระกูล
ระบบของตระกูลขุนนางเหล่านี้มีข้อดีแต่ก็มีข้อเสียไม่น้อย เพราะอย่างไรจิตใจคนก็ยากจะหยั่งถึง นอกจากนี้สมาชิกของตระกูลเหล่านี้ก็มีมาก การใช้จ่ายเลี้ยงดูคนในตระกูลต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อย มีการแข่งขันกันในตระกูลค่อนข้างดุเดือด
แม้ว่าบุตรหลานในตระกูลจะมีจำนวนมาก เเต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นคนดี บุตรหลานตระกูลขุนนางไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกิน ดังนั้นพวกเขาจึงอบรมเลี้ยงดูบุตรหลานออกมาเป็นคนเกเร เอาแต่ใจ จึงทำให้ตระกูลค่อยๆ เสื่อมถอย
ในฐานะหัวหน้าตระกูลหวัง เรื่องนี้เป็นจุดที่ชัดเจนและสำคัญที่สุด หวังเซียวหัวหน้าตระกูลหวังต้องทำการเลี้ยงดูคนในตระกูล เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามอย่างหนัก โชคดีเหลือเกินที่ดวงตาของหวังจิ่นหลิงกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง เพราะความสามารถของหวังจิ่นหลิงเหนือกว่าบิดาของตนมาก และเป็นผู้ที่ทางตระกูลยินดียิ่งนักซึ่งจะเลือกขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูลคนต่อไป
หวังจิ่นหลิง บุคคลผู้นี้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดล้วนเป็นที่ยอมรับนับถือ ก่อนหน้านี้ไม่นานองค์จักรพรรดิต้องการจะบีบบังคับตระกูลหวัง หวังจิ่นหลิงจึงถูกส่งออกไปข้างนอก แต่ก็ไม่ได้รับผลกระทบจากการข่มขู่ขององค์จักรพรรดิ
ท่านกดขี่ข่มเหงตระกูลหวังของเรา เช่นนั้นเราก็จะทำให้ท่านเห็นว่าตระกูลหวังได้รับความนิยมชมชอบมากเท่าไหร่ในจิ่วโจว หากทำให้ตระกูลหวังของเราไม่พอใจล่ะก็ เราจะทำการอพยพย้ายไปอยู่ที่อื่น เมื่อถึงเวลานั้นมาดูกันว่าผู้ใดจะขาดทุนทนทุกข์มากกว่ากัน
ตระกูลหวังจงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิและราชวงศ์ ไม่ใช่เพียงแค่ราชวงศ์ตงหลิงเท่านั้น ในสายตาของพวกเขาไม่ว่าผู้ใดขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิล้วนไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาเลย เพียงแค่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิทธิและอำนาจของตระกูลพวกเขา ไม่ว่าใครขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิพวกเขาก็จะจงรักภักดีต่อผู้นั้น
ราชวงศ์หลานซึ่งเป็นราชวงศ์ก่อนหรือราชวงศ์ตงหลิงในบัดนี้ ตระกูลหวังไม่เคยสนใจต่ออำนาจการเปลี่ยนแปลงของจักรพรรดิ พวกเขายังคงอยู่ในตำแหน่งของตนเองและทำในสิ่งที่ตนควรทำ
การทำเช่นนี้ของตระกูลหวังอาจทำให้ใครบางคนรู้สึกอับอายขายหน้า คิดว่าพวกเขาไม่มีที่ยึดเหนี่ยว แต่หากมองจากอีกมุมหนึ่ง นี่คือการยึดเหนี่ยวที่แสดงออกมา พวกเขาจงรักภักดีต่อผืนแผ่นดินนี้ จงรักภักดีต่อประชาชนทั่วโลก ผู้ใดเป็นจักรพรรดิจะสำคัญหรืออย่างไร?
แน่นอนว่าหวังจิ่นหลิงเพียงแค่ข่มขู่ตระกูลหวัง เป็นไปไม่ได้ที่จะโยกย้ายไปอยู่ที่อื่น เพียงแต่นี่เป็นการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจเท่านั้น
ในการต่อสู้เพื่อสิทธิและอำนาจ หากไม่ก้าวหน้าก็ต้องถอยหลัง บัดนี้ตระกูลหวังกำลังโต้ตอบกลับ ซึ่งองค์จักรพรรดิจำเป็นต้องประนีประนอม แต่ก็ได้รู้สึกไม่พอใจตระกูลหวังขึ้นอีกครั้ง
แม้จะไม่พอใจก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะองค์จักรพรรดิไม่อาจจำกำจัดตระกูลเช่นนี้ไปได้ ก่อนที่จะรวมโลกเป็นหนึ่งเดียว องค์จักรพรรดิจะไม่ย้ายโยกย้ายตระกูลใหญ่ไปง่ายๆ เพราะหากว่าไม่มีตระกูลหวังหรือตระกูลเซี่ยเหล่านี้ ก็ยังมีตระกูลอื่นๆ องค์จักรพรรดิจำเป็นต้องใช้คน ตราบใดที่เขายังมีอำนาจควบคุม ก็จำเป็นต้องใช้……