นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 278 คนบ้านเดียวกัน แทงข้างหลัง

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

เฟิ่งชิงเฉินลุกขึ้นเพื่อให้น้ำเกลือแก่หลานจิ่วชิง แต่เมื่อยืนขึ้นก็เหลือบไปเห็นยาที่หวังจิ่นหลิงนำมาให้วางอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง

“โธ่ เหตุใดข้าจึงได้ลืมยาดอกบัวหิมะซึ่งเจ้าเอามาให้ข้ากันได้นะ ยานี้มีกลิ่นหอมยิ่งนัก ไม่เพียงแต่ช่วยสมานแผลให้หายแต่ยังดับกลิ่นคาวเลือดได้อย่างดี” เฟิ่งชิงเฉินนำยาที่เหลือออกมา

เจ้าสิ่งนี้แม้จะค่อนข้างมีราคา แต่หากนำมาใช้กับหลานจิ่วชิง นางกลับไม่รู้สึกเสียดายแม้แต่น้อย จากข้อมูลที่ซูเหวินชิงมักจะเปิดเผยขึ้นเป็นครั้งคราว ทำให้นางรู้ว่ายานี้หลานจิ่วชิงเป็นคนมอบให้นาง

นี่เป็นครั้งแรกที่เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกดีใจถึงการได้เรียนรู้ทักษะการรักษาผู้คนและการใช้ยา นางเคยฝึกฝนตนอยู่ในสนาม แม้ว่าผลลัพธ์จะไม่ได้ดีสักเท่าไร แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ยังคงรักษาบาดแผลเขาได้เป็นอย่างดี นางนำเสื้อผ้าเปื้อนเลือดทั้งหมดยัดใส่ลงไปในกระเป๋ายาอัจฉริยะ แล้วหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่สะอาดออกมาเปลี่ยน

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น คนรับใช้ยืนอยู่ที่หน้าประตูด้วยความนอบน้อมว่า “คุณหนูเจ้าคะ ท่านซื่อจื่อเดินทางมากล่าวว่ามีเรื่องด่วนต้องการพบท่าน”

“อืม ข้ารู้แล้ว จะรีบไปเดี๋ยวนี้” เฟิ่งชิงเฉินแสร้งทำท่าทาเหมือนเพิ่งตื่นแล้วลุกขึ้นสวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ให้เหมาะสม ก่อนจะออกไปนั้นนางได้กำชับกับบ่าวรับใช้ว่า “จงเฝ้าห้องของข้าไว้ อย่าให้ผู้ใดเข้าไป”

“เจ้าค่ะ”

เมื่อเฟิ่งชิงเฉินเดินทางมาถึงห้องโถงก็ได้พบกับตี๋ตงหมิงที่กระวนกระวายใจ ยังไม่ทันรอให้เฟิ่งชิงเฉินเดินทางเข้ามาถึง ตี๋ตงหมิงก็รีบก้าวไปด้านหน้า คว้ามือเฟิ่งชิงเฉินแล้วจูงนางเดินออกไปด้านนอก “เร็วเข้า รีบเข้าวังไปพร้อมข้า”

“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?” เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกสับสนงุนงง นางรู้ว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับหลานจิ่วชิง แต่เกี่ยวกับเรื่องใดนั้นนางไม่แน่ใจ เพราะว่ามองดูท่าทางของตี๋ตงหมิงดูเหมือนว่าในวังจะเกิดเรื่องขึ้น

เมื่อตี๋ตงหมิงพบว่าเฟิ่งชิงเฉินเดินไม่ทันเขาจึงได้ลดความไวลง เดินพลางอธิบายว่า “จู่ๆ ตำหนักชิงเหยียนก็เกิดระเบิดขึ้น คนที่กล่าวว่าสามารถสร้างระเบิดขึ้นมาได้ถูกระเบิดเสียจนได้รับบาดเจ็บ มองจากภายนอกดูเหมือนไม่เป็นอะไรมาก แต่กลับกลายว่าไม่ฟื้นคืนสติ หมอหลวงเองก็ไร้ซึ่งปัญญาจึงได้นึกถึงเจ้า ฝ่าบาทส่งข้ามาเชิญให้เจ้าเข้าวังเพื่อรักษาชายผู้นั้น”

แม้ว่าตี๋ตงหมิงจะไม่ชื่นชอบกับการกระทำขององค์จักรพรรดิ แต่ในครั้งนี้เขาฐานะคนของราชวงศ์ตงหลิง เขาก็หวังว่าราชวงศ์ตงหลิงจะยิ่งใหญ่ขึ้น ดังนั้นจึงให้ความสำคัญกับหลี่เซี่ยงค่อนข้างมาก อันที่จริงกล่าวได้ว่าคนในราชวงศ์ตงหลิงให้ความสำคัญไม่ใช่ ชายหนุ่มที่นามว่าหลี่เซี่ยง แต่เป็นเพราะระเบิดที่เขาสร้างขึ้นต่างหาก

“ตำหนักชิงเหยียนระเบิดหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกซับซ้อนยุ่งเหยิง

ช่างบังเอิญเหลือเกิน หลานจิ่วชิงก็เดินทางมาพร้อมบาดแผลเกี่ยวกับระเบิด หรือว่าการระเบิดที่ตำหนักชิงเหยียนจะเกี่ยวข้องกับเขากัน? หรือว่าจะเป็นฝีมือของเขา?

หลานจิ่วชิง เจ้าช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก

“ใช่แล้ว ข้าได้ยินจากนางในและขันทีซึ่งรอดชีวิตมาได้กล่าวว่าเขากำลังทดสอบดินปืนอยู่ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจู่ๆ ถึงได้บังเอิญเจอเข้ากับไฟ ตามคำร้องขอของเขา ในตำหนักชิงเหยียนล้วนใช้ไข่มุกราตรีในการให้แสงสว่าง ดังนั้นด้านในจึงไม่มีสิ่งที่เรียกว่าไฟเลย” ดูจากคำพูดของตี๋ตงหมิงแล้วเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ค่อยพอใจกับชายที่นามว่าหลี่เซี่ยงเท่าไหร่

เขาไม่ได้ทำเรื่องใดด้วยซ้ำแต่กลับร้องขอนู่นนี่นั่นมากมาย อีกทั้งยังร้องขอให้ฝ่าบาทรับบุตรสาวของเจิ้นกั๋วกงเข้าไปในวัง กล่าวว่านางผู้นั้นคือภรรยาของเขา ยังไม่ได้มีเเม่สื่อเเม่ชักแต่งงานกันสักหน่อย จะเป็นภรรยาได้อย่างไร?

เรื่องเช่นนี้ไม่ใช่ว่าใครๆ ก็สามารถทำได้ คนเช่นนี้เห็นแก่การที่เขายังสามารถทำประโยชน์ให้ได้จึงยังเก็บเอาไว้อยู่ หลังจากที่เขาเชี่ยวชาญวิธีการผลิตระเบิดได้แล้ว แน่นอนว่าคนแรกที่อยากฆ่าเขาคงจะเป็นองค์จักรพรรดิ

เฟิ่งชิงเฉินจึงพอจะเดาได้บ้างว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น นางรู้ดีว่าหลี่เซี่ยงคงจะตายเข้าสักวันไม่ช้าก็เร็ว แต่คิดไม่ถึงว่าจะรวดเร็วเพียงนี้

“ตี๋ตงหมิง การที่เจ้าให้ข้าเข้าไปรักษาเข้าในพระราชวัง เจ้าต้องให้ข้าเอากล่องยาไปด้วยสิ ข้าไปมือเปล่าจะตรวจอาการรักษาเขาได้เช่นไร?” เฟิ่งชิงเฉินสะบัดมือของตี๋ตงหมิงออกอย่างแรง

ข้อมือของนางเป็นรอยแดงช้ำ เห็นได้ว่าเมื่อครู่ตี๋ตงหมิงใช้แรงมากเพียงใด หรือบางทีอาจกล่าวได้ว่าเขาไม่เห็นเฟิ่งชิงเฉินเป็นสตรีด้วยซ้ำ

“ข้าจะให้คนไปเอาให้ เจ้าเดินช้าเหลือเกิน” ตี๋ตงหมิงกล่าวจบก็หันไปกำชับคนรับใช้ แต่ว่าเขาถูกเฟิ่งชิงเฉินกล่าวขัดขึ้น “ไม่ได้ กล่องยาของข้าอยู่ในห้องส่วนตัว ไม่ใช่ว่าผู้ใดจะเข้าไปได้ทุกคน อีกอย่างคนของเจ้าก็ไม่รู้หรอกว่าข้าต้องการนำสิ่งใดไปบ้าง อีกอย่างเราก็คงไม่ขาดแคลนเวลาเพียงชั่วครู่นี้ ข้าจะไปหยิบมันมาเอง”

ล้อเล่นหรืออย่างไร หลานจิ่วชิงยังอยู่ในห้องของนาง แต่ต่อให้หลานจิ่วชิงไม่อยู่ นางก็จะไม่ให้ผู้ใดเข้าไปในห้องซี้ซั้ว

“วุ่นวายจริง รีบไปรีบมา ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่!” ตี๋ตงหมิงมองจ้องมาที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยท่าทางโมโห

สตรีผู้นี้เมื่อเห็นนางเป็นสตรีก็ดูเหมือนว่านางจะแข็งแกร่งกว่าชายหนุ่มเสียอีก แต่เมื่อไม่เห็นนางเป็นสตรีนางก็มักจะหยิบยกตัวตนสตรีของนางออกมา

เฟิ่งชิงเฉินรีบหันหลังกลับไปที่ห้องแล้วหยิบกระเป๋ายาออกมา ทุกสิ่งอย่างที่อาจจะเห็นตัวตนนางได้เก็บไว้อย่างดี และกระเป๋ายานั้นก็เป็นเพียงกระเป๋ายาซึ่งแพทย์แผนจีนใช้ทั่วไป

มีดผ่าตัดและผ้าพันแผลที่ผูกไว้ตรงต้นขานางก็เก็บลงไปเช่นกัน ทั้งร่างกายของนอกจากกระเป๋าแพทย์อัจฉริยะแล้ว ไม่มีสิ่งใดซึ่งทำให้ผู้อื่นรู้สึกสงสัยนางได้ ส่วนกระเป๋าแพทย์อัจฉริยะนางได้ใช้โหมดซ่อน นอกจากนางแล้วไม่มีใครสามารถเปิดมันออกได้

ชายที่ชื่อว่าหลี่เซี่ยงไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน นางจะไม่ให้อีกฝ่ายจับพิรุธตนเองได้เด็ดขาด เพราะเนื่องจากหากตัวตนของนางถูกเปิดเผยออกมา คาดว่าอีกไม่นานนางก็ต้องจากไป

หลังจากจัดของอย่างรวดเร็ว เฟิ่งชิงเฉินก็ค่อยๆ เดินไปที่เตียงแล้วเปิดผ้าห่มออกเพื่อฉีดยาปฏิชีวนะเข้าไปในร่างกายของหลานจิ่วชิง

“หลานจิ่วชิง เรื่องการระเบิดที่ตำหนักชิงเหยียน ฝ่าบาทเรียกข้าไปเข้าเฝ้า หากเจ้าสามารถเดินทางออกจากที่นี่รวดเร็วที่สุดก็คงดี จวนเฟิ่งไม่ได้ปลอดภัยดั่งที่เจ้าคิด”

เนื่องจากหลานจิ่วชิงไม่ค่อยได้ใช้ยาปฏิชีวนะในการฟื้นฟูร่างกาย ดังนั้นเมื่อยาปฏิชีวนะเข้าไปในร่างกายของเขาจึงได้ผลอย่างชัดเจน อีกอย่างก่อนหน้านี้นางได้รักษาบาดแผลให้เขา หลานจิ่วชิงจึงมีกำลังมากพอที่จะจากไป

“อืม เจ้าเดินทางเข้าวางจงระวังด้วย คนผู้นั้นไม่ได้รับบาดเจ็บ” หลานจิ่วชิงหลับตาพูด เนื่องจากมีหน้ากากสวมใส่อยู่ ดังนั้นจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา แต่วินาทีนี้เฟิ่งชิงเฉินเพิ่งจะค้นพบว่าใบหน้าอีกครึ่งซึ่งโผล่ออกมาของหลานจิ่วชิงดูแปลกไป

เฟิ่งชิงเฉินก้มหน้าลง แล้วพบว่าใบหน้าอีกครึ่งหนึ่งของหลานจิ่วชิงดูเหมือนจะมีชั้นบางๆ อยู่ชั้นหนึ่ง

นี่คือสิ่งที่เรียกว่า หน้ากากผิวมนุษย์งั้นหรือ?

หน้ากากผิวมนุษย์? นั่นหมายความว่าใบหน้าที่ถูกเปิดเผยออกไม่ใช่หน้าจริง

ดวงตาทั้งคู่ของเฟิ่งชิงเฉินเบิกกว้าง หัวใจของนางเต้นแรง นางดูเหมือนจะรู้เรื่องอีกเรื่องที่ไม่ควรรู้เข้าเสียแล้ว

หากไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ระเบิดและไฟที่ลุกลาม หน้ากากผิวมนุษย์บนใบหน้าของหลานจิ่วชิงคงจะไม่หลุดออก นางโชคดีจริงๆ ที่ได้พบเข้ากับเรื่องเช่นนี้

“มีอะไรหรือ?” หลานจิ่วชิงลืมตาขึ้น แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บอยู่แต่แววตาของเขายังคงแหลมคม สายตาซึ่งว่องไวดุจสัตว์ ทรงอำนาจ เมื่อพบเข้ากับเรื่องผิดปกติเพียงแค่เขายังมีลมหายใจเฮือกหนึ่ง ก็ดูเหมือนจะสามารถทำลายอีกฝ่ายหนึ่งได้ อย่างสิ้นเชิง

“เอ่อไม่มีอะไร ข้าเพียงกำลังคิดว่าเหตุใดเจ้าจึงรู้ถึงเรื่องที่คนผู้นั้นไม่ได้รับบาดเจ็บ?” เฟิ่งชิงเฉินกลืนน้ำลายลงคอแล้วเบิกตากว้างยิ่งกว่าปกติ เมื่อสบตากับหลานจิ่วชิง นางก็ไม่กล้าที่จะหลีกเลี่ยง

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท