นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 282 เจ้าเล่ห์ ค้างคืนที่พระราชวัง

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

เมื่อเห็นว่าซุนเจิ้งเต้ายังคงไม่เข้าใจ เฟิ่งชิงเฉินจึงไม่รีบร้อนและอธิบายอย่างช้าๆ ว่า “หมอหลวงซุน ข้าแทงลงไป มันอาจดูอันตราย แต่ไม่อันตรายถึงแก่ชีวิต อย่างมากก็แค่ทรมานเล็กน้อยเท่านั้นเอง ต้องให้บทเรียนแก่เขา ให้เขาเข้าใจว่าทำให้หมอเสียเวลาในการช่วยชีวิตคนนั้น เป็นการกระทำที่โง่เขลาอย่างมาก”

“เหตุใดเจ้าถึงทำเช่นนี้?” ซุนเจิ้งเต้าไม่เชื่อว่าเฟิ่งชิงเฉินจะลงมือกับหลี่เซี่ยงอย่างไร้ความปรานีด้วยเหตุนี้ นี่ไม่ใช่ตัวตนของเฟิ่งชิงเฉินเลย

“หมอหลวงซุน ข้าขอกล่าวตามความจริงว่า ข้าไม่ต้องการให้คนเลวร้ายที่ทำร้ายผู้คนปรากฏตัวอีก เจ้าคงเข้าใจดีว่าระเบิดในวันนั้นทรงพลังเพียงใด หากจักรพรรดิใช้ของแบบนี้ คนที่ต้องลำบากทรมานก็มีแต่ชาวบ้านทั้งนั้น คนเช่นนี้อยู่ต่อก็มีแต่จะทำร้ายผู้คน” คำพูดของเฟิ่งชิงเฉินมิได้เป็นความจริงทั้งหมด ซุนเจิ้งเต้าเองก็ไม่สามารถมั่นใจได้ในขณะนั้น

แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของเฟิ่งชิงเฉิน นึกถึงโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นหน้าประตูเมืองในวันนี้ ซุนเจิ้งเต้าก็เงียบไป

เขาเห็นเหตุการณ์โศกนาฏกรรมในตอนกลางวันแล้ว ชาวบ้านจำนวนมากเสียชีวิตอย่างอนาถ ครอบครัวหลายครอบครัวแตกแยก แต่ฆาตกรที่สร้างเรื่องทั้งหมดนี้กลับได้รับการปฏิบัติด้วยความสุภาพและโปรดปรานจากจักรพรรดิ อยู่อย่างสุขสบายในพระราชวัง มันเป็นเรื่องที่น่าเจ็บใจเสียจริง

ซุนเจิ้งเต้าปล่อยมือของเฟิ่งชิงเฉิน “เร็วเข้า อย่าให้ใครเห็นร่องรอย” เขารู้ว่าเหตุผลของเฟิ่งชิงเฉินไม่ใช่สิ่งนี้แน่นอน และเขาจะไม่ถามคำถามใดๆ อีก เขาสามารถช่วยเฟิ่งชิงเฉินได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าหมอหลวงคนอื่นๆ จะช่วยได้

เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้าอย่างเร่งรีบ ” หมอหลวงซุนวางใจได้ ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร ข้าไม่ทำให้เขาถึงแก่ชีวิตอย่างแน่นอน ข้าจะให้เขามีชีวิตต่อไป อยู่อย่างสุขสบาย”

ไม่ว่าจะเป็นการช่วยชีวิตหรือสังหาร ฝีมือของเฟิ่งชิงเฉินนั้นเยี่ยมยอดอย่างมาก นางไม่มีความกังวลหรือรู้สึกผิดแม้แต่น้อย นางปักมีดลงไป จากนั้นร่างกายของหลี่เซี่ยงกระตุกและสงบลงอีกครั้ง

มุมปากของเฟิ่งชิงเฉินมีรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ “หมอหลวงซุน รบกวนท่านเอาเข็มเงินออกมาที ข้าจะทำแผลให้เขา” เขาเสียเลือดไปมากเช่นนี้ ต้องใช้เวลาสิบวันหรือครึ่งเดือนในการฟื้นตัว และบาดแผลที่คอและข้อมือใช้เวลาพักฟื้นอย่างน้อยก็ครึ่งปี

ครึ่งปีก็เพียงพอที่จะทำสิ่งต่างๆ มากมาย

เฟิ่ง ชิงเฉินค่อยๆ พันผ้าพันแผลที่บาดแผลของหลี่เซี่ยงอย่างสุภาพ โดยไม่มีความกระตือรือร้นที่อยากจะช่วยชีวิตผู้คนเลย ราวกับว่านางกำลังปักผ้าอย่างสบายๆ

ซุนเจิ้งเต้าหัวเราะเมื่อเห็นเช่นนี้ แต่เขาต้องยอมรับว่า เฟิ่งชิงเฉินนั้นเข้าใจยากจริงๆ

ความดีหรือความชั่ว ตราบใดที่นางคิดว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง นางก็จะมองข้ามเรื่องศีลธรรมและกฎหมายไป

หลังจากทำความสะอาดเลือดและพันแผลแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็ขอเข็มเงินจากซุนเจิ้งเต้า

“ทำไมหรือ? เจ้าฝังเข็มเป็นหรือ?” ซุนเจิ้งเต้าสงสัยอย่างมาก

“ไม่เป็น ข้าทำเป็นแต่สิ่งเลวร้าย” เรื่องเลวร้ายนางก็ทำมาแล้ว เฟิ่งชิงเฉินไม่จำเป็นต้องแสร้งต่อหน้า ซุนเจิ้งเต้า เฟิ่งชิงเฉินหยิบเข็มเงินแล้วคว้ามือซ้ายของหลี่เซี่ยงขึ้นมา และฝังเข็มเงินลงในเส้นเอ็นของเขา จากนั้นก็ตวัดมือเบาๆ ใช้ตาเปล่าเรามองไม่เห็น แต่หากว่าเอาเครื่องมือมาตรวจเช็คจะพบว่าเส้นเอ็นของเขานั้นขาดเละไปหมด

“เจ้าทำกระไรหรือ?” มือทั้งสองข้างพิการและพูดไม่ได้ เฟิ่งชิงเฉินโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว

เฟิ่งชิงเฉินทำต่อไปเรื่อย ๆ และนางก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้ม ” หากว่าเจอคนที่ถนัดมือซ้ายฉันก็แย่น่ะสิ ไม่ว่าอย่างไรเราทำไปเยอะแล้ว หากทำอีกสักนิดก็คงไม่เป็นกระไร”

เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ มือทั้งสองข้างของเขาพิการแล้ว และเปล่งเสียงไม่ได้ “หมอหลวงซุน เจ้าช่วยเจาะสักเข็มสองเข็มให้เขาฟื้นตัวขึ้นมาโดยไวได้หรือไม่ เช่นนั้นเราก็จะสามารถส่งงานได้”

“ได้ แค่ว่าถ้าหากฝังเข็มนี้ลงไป เขาอาจชีวิตสั้นลงหลายปีอย่างมาก” แม้ว่าเขาจะกล่าวเช่นนี้ แต่ว่าซุนเจิ้งเต้าลงมืออย่างรวดเร็ว คนเช่นนี้ไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ

“เช่นนี้ ข้าจะไปเชิญหมอหลวงทั้งหมดเข้ามา และบอกฮ่องเต้ว่าเขาฟื้นแล้ว” นับตั้งแต่ที่รู้ว่ามีคนอย่างหลี่เซี่ยงอยู่ เฟิ่งชิงเฉินก็ตึงเครียดตลอดเวลาราวกับว่ามีก้อนหินกดทับอยู่ที่หัวใจ ตอนตอนนี้นางถึงจะผ่อนคลายลง

นางลงมือเองและนางทราบดีว่า หลี่เซี่ยงพิการแล้วแน่นอน แม้แต่เทพเจ้าก็ไม่สามารถช่วยเขาได้ หวังว่าฮ่องเต้จะมีความอดทนมากพอกับบุคคลนี้ มิเช่นนั้นจุดจบของเขาจะอนาถอย่างมาก

เฟิ่งชิงเฉินปัดมือและเดินออกไปอย่างสบายใจ

ซุนเจิ้งเต้ามองไปที่แผ่นหลังของเฟิ่งชิงเฉิน และเตือนตัวเองอย่างเงียบๆ ว่า อย่าทำให้หมอขุ่นเคือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมอที่ชื่อว่าเฟิ่งชิงเฉิน คนที่สามารถลงมืออย่างเปิดเผยในนามของการรักษาคนนั้น คงมีเพียงเพิ่งชิงเฉินที่ทำได้

เมื่อจักรพรรดิ องค์รัชทายาท และคนอื่นๆ เข้ามา หลี่เซียงก็ฟื้นขึ้นมาพอดี หลังจากที่เขารู้สึก ปฏิกิริยาแรกของเขาคือตะโกน แต่เขาพบว่าตนไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้ เขามองไปที่คนตรงหน้าด้วยความตื่นตระหนก หลี่เซี่ยงไม่เข้าใจว่านี่มันเกิดเรื่องกระไรขึ้นกันแน่

จักรพรรดิกลับคิดว่าหลี่เซี่ยงตะลึงฟื้นจากความตาย จึงเร่งเอ่ยปากปลอบโยนเขาว่า “เจ้ามิต้องกังวล รักษาตัวให้ดี เจิ้นรอเจ้ารับใช้ชาติอยู่”

หลี่เซี่ยงยังมีชีวิตอยู่ จักรพรรดิก็โล่งใจอย่างมาก เขายังมีประโยชน์ ส่วนเขาบาดเจ็บสาหัสแค่ไหนนั้น ฮ่องเต้ไม่สนใจเท่าไหร่ เขาหันหลังกลับและกล่าวต่อซุนเจิ้งเต้าว่า “หมอหลวงซุน รักษาคุณชายหลี่ให้ดี จะต้องให้เขาหายดีในเร็ววัน”

“ฝ่าบาทโปรดวางใจ ตราบใดที่คุณชายหลี่ฟื้นขึ้นมา เขาจะไม่เป็นกระไร อาการบาดเจ็บของเขาจะหายเป็นปกติหลังจากพักฟื้นช่วงระยะเวลาหนึ่ง” ซุนเจิ้งเต้ากล่าวตามความจริง ส่วนหมอหลวงคนอื่นๆ ก็กล่าวตามเช่นนี้ อีกทั้งฝีมือของเฟิ่งชิงเฉินดีอย่างมาก เมื่อมองจากภายนอกดูเหมือนว่าหลี่เซี่ยงได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่ไม่คาดคิดว่าข้างในของเขานั้นเละไม่เป็นท่า

“ฝ่าบาทโปรดวางใจ คุณหนูเฟิ่งเชี่ยวชาญเรื่องบาดแผลภายนอกอย่างมาก คุณชายหลี่ดูเหมือนจะเสียเลือดมาก แต่มันเป็นแค่บาดแผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มิได้สาหัสเท่าไหร่นัก” หมอหนวดขาวผู้สั่งการเฟิ่งชิงเฉินก่อนหน้านี้ก็ออกมากล่าวเข้าข้างเฟิ่งชิงเฉิน

จักรพรรดิไม่เข้าใจเรื่องการแพทย์ และเมื่อเห็นหมอหลวงกล่าวเช่นนี้ เขาจึงต้องเชื่อ และเขาจึงอยากตามตัวเฟิ่งชิงเฉินมา แต่กลับพบว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่อยู่ที่นี่แล้ว “เฟิ่งชิงเฉินไปไหนแล้วหรือ? ”

“ทูลฝ่าบาท หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินได้ข่าวว่าคุณชายหลี่ฟื้นตัวแล้ว นางก็หมดสติไป หมอหลวงกล่าวว่านางเหนื่อยล้ามากจนเกินไป จะต้องพักรักษา” นางกำนัลสวมชุดเขียวทะเลเดินเข้ามา และกล่าวด้วยความเคารพ

คราวนี้จักรพรรดิพอใจอย่างมาก “เอาล่ะ ชิงเฉินเหนื่อยมามากแล้ว ประกาศพระราชโองการของเจิ้นไป ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว ให้ชิงเฉินพักผ่อนที่ตำหนักหย่งเหอ เมื่อฟ้าสว่างแล้วค่อยออกจากพระราชวัง”

ท่านจะให้เฟิ่งชิงเฉินอยู่ในพระราชวังต่อ นี่ถือเป็นความโปรดปรานอย่างยิ่ง ซุนเจิ้งเต้าแอบทำหน้าบึ้ง

เฟิ่งชิงเฉินเลวมาก ทั้งๆ ที่นางทำเรื่องไม่ดีมา แต่กลับให้ทุกคนชื่นชมนางว่าดี ช่างเป็นกลวิธีที่เจ้เล่ห์เสียจริง

แต่จักรพรรดิไม่ทราบ ในขณะที่ทุกคนพูดถึงชื่อเฟิ่งชิงเฉิน ดวงตาของหลี่เซี่ยงเต็มไปด้วยแววตาที่ชั่วร้ายอย่างมาก

หลี่เซียงครุ่นคิดก็เข้าใจว่า สภาพในตอนนี้ของเขา เป็นน้ำมือของเฟิ่งชิงเฉินอย่างแน่นอน…….

ทำร้ายผู้อื่นไม่สำเร็จสุดท้ายย้อนเข้ามาตน!

แสร้งทำเป็นป่วยเหมือนกัน แต่เฟิ่งชิงเฉินฉลาดกว่าหลี่เซี่ยงหลายเท่า หลังจากที่ดื่มซุปผ่อนคลายแล้ว เฟิ่งชิงเฉินหลับสบายอย่าง หลับลึกยิ่งกว่าอยู่จวนของตนเสียอีก

เมื่อใกล้รุ่ง ตงหลิงจื่อลั่วก็มาเยี่ยม แต่เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ตัว ใบหน้าที่หลับใหลดูมีเสน่ห์ของนาง ไม่ระแวงกระไรเลยแม้แต่น้อย แค่มองดูก็ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจ

ตงหลิงจื่อลั่วยุ่งทั้งวัน แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้าที่กำลังหลับใหลของเฟิ่งชิงเฉิน เขาก็อดยิ้มไม่ได้ “เจ้ากล้าที่จะนอนหลับอย่างสนิทใจเช่นนี้ในวัง ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าฉลาดหรือโง่กันแน่ แต่อย่างว่า เจ้ามีวาสหนาอย่างมาก”

ตงหลิงจื่อลั่วกำชับนางกำนัลที่ดูแลเฟิ่งชิงเฉินว่า ให้ดูแลนางให้ดี จากนั้นเขาก็ไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท

“ท่านพ่อ เฟิ่งชิงเฉินหลับลึกมาก ลูกเข้าไปแล้วนางก็ยังไม่ตื่น สงสัยว่านางจะเหนื่อยล้าอย่างมาก” ตงหลิงจื่อลั่วบอกความจริง แม้ว่าเขาจะปกปิดไร้ประโยชน์ พระราชวังแห่งนี้ เต็มไปด้วยเส้นสายของจักรพรรดิ หากว่าฝ่าบาทอยากทราบทุกการกระทำของเฟิ่งชิงเฉิน ท่านก็สามารถทราบได้ในทันที

จักรพรรดิพยักหน้า “ดึกมากแล้ว ลงไปพักผ่อนเสีย วันพรุ่งนี้ไปส่งเฟิ่งชิงเฉินออกวังแทนเจิ้นที”

“เสด็จพ่อ?” ตงหลิงจื่อลั่วไม่เข้าใจ ฝ่าบาทกล่าวเช่นนี้แปลว่าอย่างไร? ท่านอยากจะให้เฟิ่งชิงเฉินแต่งงานกับตนหรือ เป็นไปได้อย่างไร?

หึ……

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท