เซี่ยซานวางถ้วยน้ำชาลงและถอนหายใจอย่างแรง “ชิงเฉิน เรารู้จักกันมาสักพักแล้ว เราทั้งสองถือว่ารู้จักกันและกันอย่างมากแล้ว
วันนี้ข้ามามิได้มีจุดประสงค์กระไร แต่ข้าจำต้องมาเพราะเป็นคำสั่งของตระกูล ข้าเพียงแค่มาแจ้ง จะตกลงหรือไม่นั้นอยู่ที่เจ้า หวังเพียงแค่ว่าอย่าปล่อยให้เรื่องตระกูลเซี่ยมาทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเรา”
“เจ้าเป็นเจ้า ตระกูลเซี่ยคือตระกูลเซี่ย” อันที่จริงเฟิ่งชิงเฉินต้องการบอกว่า เดิมพวกเขาก็มิได้สนิท จะมีความสัมพันธ์กระไรกัน แต่เมื่อนึกแล้วว่าประโยคนี้มันแทงใจมากจนเกินไป อีกอย่างเซี่ยซานถือเป็นคนที่ดี ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องพูดแทงใจกันเช่นนี้
เซี่ยซานถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เช่นนี้ก็ดี ข้าไม่อยากให้เจ้าเกลียดทุกคนในตระกูลเซี่ยเพียงเพราะเรื่องที่ตระกูลเซี่ยทำ”
เฟิ่งชิงเฉินยิ้มโดยไม่พูดอะไร ที่จริงเกลียดทุกคนในตระกูลเซี่ย และความคิดที่ตัดสินโดยภาพจำแรกที่เห็น ทำให้นางไม่สามารถมีความรู้สึกดีๆ จากตระกูลเซี่ยได้เลย
เพียงเพราะนางเข้าใจดีว่าหากว่านางแข็งมากจนเกินไป มันอาจอันตราย ฉะนั้นนางจึงไม่แสดงออกมาง่ายๆ ว่าตนชอบหรือไม่ชอบอะไร
“ชิงเฉิน ตระกูลเซี่ยได้รู้เกี่ยวกับเรื่องของเซี่ยกู้ยเฟยมาบ้าง เพียงแต่ไม่แน่ใจเท่าไหร่ หลังจากขอให้เจ้ายืนยันเมื่อวานนี้แล้ว ตระกูลเซี่ยก็รู้วิธีที่จะทำแล้วเช่นกัน เรื่องนี้จะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ และจะไม่เอาเจ้าเข้าไปเกี่ยวข้อง”
เฟิ่ง ชิงเฉิน พยักหน้าและไม่พูดอะไร นางครุ่นคิดอยู่คนเดียว ในเมื่อมิใช่เรื่องนี้ แล้วตระกูลเซี่ยมีเรื่องกระไรมาขอร้องนาง?
“ชิงเฉิน เจ้าเองก็รู้เช่นกันว่าถึงแม้ตระกูลเซี่ย จะเป็นตระกูลที่มีอายุนับร้อยปี แต่รากฐานในพระราชวังนั้นยังไม่หนักแน่นเท่าไหร่ และตระกูล เซี่ยไม่มีหมอหลวงที่มีความสัมพันธ์ที่ดี
ฉะนั้นหมอหลวงเหล่านั้นรู้ว่าร่างของกุ้ยเฟยนั้นผิดปกติ แต่พวกเขาไม่เอ่ยกระไรสักคำ ตระกูลเซี่ย ได้ยินมาว่าเจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับหมอหลวงซุน หวังว่าหมอหลวงซุนจะสามารถคอยช่วยเซี่ยกุ้ยเฟยเล็กน้อย” เซี่ยซานพูดทุกอย่างที่เขารู้
“หากเป็นเช่นนี้แสดงว่าไม่นานเซี่ยกุ้ยเฟยก็จะตั้งครรภ์แล้วหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินเริ่มเข้าใจเล็กน้อย แล้วว่าตระกูลเซี่ยมีหนทางแล้ว แต่ระหว่างตั้งครรภ์จนให้กำเนิดลูก ยังมีเวลาอีก10เดือน และใน10เดือนนี้เซี่ยกุ้ยเฟยต้องการความช่วยเหลือจากหมอหลวง จึงจะสามารถให้กำเนิดลูกออกมาอย่างราบรื่นได้
“อาจจะใกล้แล้ว” เซี่ยซานไม่ทราบสถานการณ์ที่แน่ชัด เพราะอย่างไรแล้วเขามิใช่หัวหน้าตระกูลเซี่ยหรือผู้ถูกเลือก จึงไม่สามารถมีส่วนร่วมในเรื่องสำคัญเหล่านี้
เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว ข้าจะไปคุยกับหมอหลวงซุน ส่วนจะสำเร็จหรือไม่นั้น ข้าไม่สามารถรับประกันได้”
หากมองในจุดยืนของนาง นางหวังว่าเซี่ยกุ้ยเฟยจะให้กำเนิดองค์ชาย เช่นนี้ฮองเฮาจะได้มีคู่แข่ง จะไม่มีเวลามายุ่งกับตน…..
เมื่อเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินเต็มใจที่จะช่วยเหลือ รอยยิ้มบนใบหน้าของเซี่ยซานก็ปรากฏขึ้น
“ชิงเฉิน หากเจ้าเต็มใจจะช่วย ตระกูลเซี่ยจะซาบซึ้งอย่างมาก ชิงเฉินวางใจได้ ตระกูลเซี่ยจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ เพียงแค่เจ้าและหมอหลวงซุนไปกล่าวว่า ท่านฮูหยินตระกูลเซี่ยร่างหายไม่ดี ตระกูลเซี่ยขอเชิญให้ท่านมารักษา ส่วนเรื่องต่อๆ ไปตระกูลเซี่ยจะจัดการเอง”
เฟิ่งชิงเฉินเต็มใจที่จะตกลง หมายความว่านางไม่ถือว่าตระกูลเซี่ยเป็นศัตรูใช่หรือไม่? เซี่ยซานคิดถึงเรื่องนี้จึงยิ้มกว้างขึ้น เขาไม่อยากเป็นศัตรูกับเฟิ่งชิงเฉินจริงๆ
“เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้ดี อีกอย่างหากองค์ชายสามเห็นกุ้ยฟย ก็ขอให้ท่านช่วยถามกุ้ยเฟยให้ทีว่า ลั่วอ๋องอย่างเป็นอย่างไรบ้าง” นางไม่จำเป็นต้องพูดให้ชัดเจนเกินไป นางเชื่อว่าเซี่ยกุ้ยเฟยเป็นคนฉลาด นางจะเข้าใจความหมายนี้เอง
“เจ้าหมายถึง?” เซี่ยซานก็เข้าใจทันที เฟิ่งชิงเฉินพูดถึงลั่วอ๋อง และถามความเห็นของเซี่ยกุ้ยเฟย แสดงว่าเบื้องบนนั้นหวังอยากจับคู่เฟิ่งชิงเฉินและตงหลิงจื่อลั่ว
เมื่อชิงเฉินแต่งเข้าจวนลั่วอ๋อง ไม่ว่าจะด้วยสถานะอะไร เฟิ่งชิงเฉินถือเป็นลูกสะใภ้ของฮองเฮา และนางจะต้องเข้าข้างฮองเฮาอย่างแน่นอน
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินกล่าวเช่นนี้ออกมา หนึ่งคือหวังว่าเซี่ยกุ้ยเฟยจะทำลายงานแต่งงานนี้ และอีกหนึ่งคือบอกเซี่ยกุ้ยเฟยว่า ตนไม่ยอม ไม่อยากแต่งเข้าจวนลั่วอ๋อง ไม่อยากอยู่ข้างฮองเฮา
เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้า บ่งบอกว่าสิ่งที่เซี่ยซานคาดเดานั้นถูกต้อง
“ข้าเข้าใจแล้ว ไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้ ข้าจะบอกเซี่ยกุ้ยเฟย เจ้ารอฟังข่าวดีจากข้าได้เลย” เซี่ยซานไม่หยุดต่อ และเร่งกลับไปที่ตระกูลเซี่ยทันที
ตระกูลเซี่ยต้องการใช้เฟิ่งชิงเฉินเพื่อติดต่อกับซุนเจิ้งเต้า แต่เมื่อนางแต่งเจ้าจวนลั่วอ๋อง นางจะไม่สามารถช่วยเซี่ยกุ้ยเฟยได้อีก เฟิ่งชิงเฉินไม่เท่าไหร่ แต่ซุนเจิ้งเต้านั้นแตกต่างกับนางอย่างมาก
ซุนเจิ้งเต้าเป็นหัวหน้าสำนักหมอหลวง หากเขาอยากจะช่วยให้เซี่ยกุ้ยเฟยให้กำเนิดบุตรออกมาอย่างปลอดภัย มิใช่เรื่องยาก
ก่อนที่ยังจับซุนเจิ้งเต้าไว้แน่นได้ เซี่ยกุ้ยเฟยไม่มีทางปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินอยู่ข้างฮองเฮาอย่างแน่นอน หลังจากที่ให้กำเนิดเด็กแล้ว การเติบโตในอนาคตก็ห่างจากหมอหลวงมิได้ เซี่ยกุ้ยเฟยไม่มีวันพลาดโอกาสที่จะได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับซุนเจิ้งเต้าอย่างแน่นอน
เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง เซี่ยกุ้ยเฟยจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้เฟิ่งชิงเฉินแต่งเข้าจวนลั่วอ๋อง
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต การแต่งงานระหว่างเฟิ่งชิงเฉินและตงหลิงจื่อลั่วไม่มีทางเกิดขึ้นในเวลาระยะสั้น หลังจากแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นนี้แล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็อารมณ์ดีอย่างมาก ส่วนตงหลิงจื่อลั่วนั้นคิดอย่างไรน่ะหรือ? ก็เรื่องของมัน
แม้ว่าผู้ชายทุกคนในโลกจะเสียชีวิตไป เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่มีทางแต่งงานกับตงหลิงจื่อลั่วอย่างแน่นอน และแม้ว่านางจะต้องเป็นนางสนมคนอื่น เฟิ่งชิงเฉินก็จะไม่มีทางแต่งงานกับตงหลิงจื่อลั่ว
เฟิ่งชิงเฉินกลับมาที่ห้องละพบว่าห้องนั้นได้ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ผ้าปูที่นอนและผ้าห่มทั้งหมดเปลี่ยนใหม่ และไม่มีร่องรอยของหลานจิ่วชิงเลย
“ไม่ใช่คนธรรมดาเสียจริง อาการหนักเช่นนั้นจะไปก็ไปได้ทันที ยอดฝีมือ” เฟิ่งชิงเฉินชื่นชม และหลังจากตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำอีกพบว่าไม่มีคราบเลือดหรือสิ่งใด เฟิ่งชิงเฉินเดินไปที่ห้องพักซึ่งซุนฮูหยินอาศัยอยู่
เฟิ่งชิงเฉินไม่ทราบว่าเมื่อนางตรวจสอบห้องขอตน ห้องผ่าตัด รวมถึงห้องผ่าตัดที่สร้างใหม่นั้น มีคนแอบเข้าไป แต่ไม่พบกระไรเลย
ด้วยการดูแลของซุนซือสิง แผลของซุนฮูหยินนับวันก็ดียิ่งขึ้น ตามหลักแล้วท่านฮูหยินจะต้องพักอีกหลายวันจึงจะหายดี แต่ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมานี้จวนเฟิ่งวุ่นวายอย่างมาก ไม่เหมาะที่จะให้ซุนฮูหยินพักฟื้นที่นี่ เฟิ่งชิงเฉินจึงไม่ขอให้ฮูหยินอยู่ต่อ
“ซือสิง กลับไปแล้วดูแลแม่ของเจ้าดีๆ สองสามวันนี้ยังไม่ต้องมาที่นี่” เฟิ่งชิงเฉินกำชับอีกครั้งหลังจากส่งพวกเขาขึ้นรถม้าไป
เป็นเพราะตระกูลซุนไม่มีปัญหาด้านหมอ ถึงให้ซุนฮูหยินกลับไป มีซุนเจิ้งเต้าและซุนซือสิงดูแล มิต้องเป็นห่วงสุขภาพของซุนฮูหยิน
“อาจารย์ ไม่ต้องห่วง ข้าจะดูแลแม่อย่างดี และหากมีเรื่องกระไรข้าจะมาหาอาจารย์ทันที” ซุนซือสิง พยักหน้าอย่างแรง เหมือนเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเฟิ่งชิงเฉิน แต่เขาไม่ได้ถาม
“ได้ อย่าลืมเก็บของที่ข้าให้เจ้าไว้ให้ดี และอย่าให้คนนอกเห็น” เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่าโชคดีที่สุดในชีวิตนี้คือการรับซุนซือสิงมาเป็นลูกศิษย์
แม้ว่าซุนซือสิงจะอายุมากกว่านาง แต่ในสายตานาง ซุนซือสิงเป็นเหมือนเด็ก เป็นเด็กที่นิสัยดีจิตใจดี
“ซือสิงเข้าใจ” ซุนซือสิงไม่ใช่คนโง่ เพียงแต่เขาทุ่มเทแรงใจให้กับทักษะทางการแพทย์ แม้ว่าสิ่งของที่เฟิ่งชิงเฉินให้เขานั้นจะแปลกอย่างมาก แต่เขามิได้คิดมาก เพียงแต่คิดว่านี่คือยาวิเศษที่สืบถอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นของอาจารย์ และห้ามเปิดเผย และอุปนิสัยเช่นนี้แหละเป็นสิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินต้องการ
มันเหนื่อยมากที่จะอยู่ร่วมกันกับคนฉลาด เช่นเสด็จอาเก้า หวังจิ่นหลิงหรือหลานจิ่วชิง