เสด็จอาเก้าจากไปแล้ว แต่ดอกบัวก็ยังอยู่ที่เดิม นางจะไม่ยอมให้เสด็จอาเก้าทำให้ตนเสียอารมณ์ในการชมดอกบัว
นานๆทีจะได้ใช้ชีวิตว่างๆ เฟิ่งชิงเฉินทิ้งเรื่องที่เสด็จอาเก้าอาจโกรธเอาไว้ก่อน จากนั้นก็เริ่มชมดอกบัวอย่างสบาย เรือเล็กของเสด็จอาเก้ายังมิได้ไปไกล เฟิ่งชิงเฉินจึงได้ตามเรือกลับมาโดยไม่เกรงใจ
เรือร่องกลางสระบัว เฟิ่งชิงเฉินที่สวมชุดสีแดงสดดูเด่นยิ่งกว่าดอกบัวที่อยู่ในบึง รอยยิ้มที่สดใจ เสียงหัวเราะที่ไพเราะ ทำให้คนเห็นอยากเก็บและปกป้องมันเอาไว้ ให้นางได้มีความสุขและไร้ความกังวลเช่นนี้ไปตลอด
คนพายเรือหัวเราะตามนางไปด้วย เพราะเสียงหัวเราะของเฟิ่งชิงเฉินนั้นทำให้คนรอบตัวอยากหัวเราะไปด้วย
เสด็จอาเก้านั่งอยู่ที่จุดชมวิว และเขาเห็นภาพนี้ได้ชัด มือของจับแก้วเหล้าของเขาย่อนลง จากนั้นเขาก็อมยิ้ม แววตาส่งรอยยิ้มนั้นออกมาเช่นกัน
ขันทีที่รับใช้ก็หัวเราะเช่นกัน เขากระตือรือร้นในการรินสุราให้เสด็จอาเก้าอย่างมาก และอยากจะกล่าวเชยชมอย่างจริงจังสักสองสามคำ แต่สายตาของเสด็จอาเก้าจับจ้องไปที่ตัวเฟิ่งชิงเฉิน เขาก็ล้มเลิกความคิดนี้
“ไปสั่งให้คนเตรียมขนมเอาไว้ และตามคนโรงดนตรีมาด้วย” เสด็จอาเก้าแอบได้ยินเฟิ่งชิงเฉินกล่าวว่า “หากมีใครบรรเลงเพลงให้ฟัง พร้อมดื่มชาและกินขนมสักเล็กน้อยมันคงจะดีอย่างมาก”
“ขอรับ” ขันทีรีบลงไปเตรียมการ แต่แอบพูดในใจว่า “ว่าแล้ว คนที่เสด็จอาพอใจ ไม่ว่าทำกระไรก็ดูชอบใจทั้งสิ้น”
ดอกบัวในสระน้ำเป็นที่รักที่หวงของเสด็จอาเก้าอย่างมาก กลิ่นหอมของดอกบัวนี้เป็นหนึ่งในกลิ่นดอกไม้ที่เสด็จอาไม่แพ้ อีกทั้งดอกบัวถือว่าเป็น บุรุษแห่งดอกไม้ ฉะนั้นดอกไม้ที่เสด็จอาเก้าชอบก็คือดอกบัว
ดอกบัวในสระนี้ได้รับการดูแลอย่างดีจากคนของจวนอ๋องเก้า ในตงหลิงนี้ไม่มีดอกบัวที่ไหนงามไปกว่าดอกบัวของเสด็จอาเก้า
ปกติแล้วหากใครอยากจะมาชมดอกไม้ ทำได้แค่ยืนชมอยู่ที่จุดชมวิว เสด็จอาเก้าจะไม่มีวันยอมให้เข้าไปที่สระบัวอย่างแน่นอน แม้แต่จักรพรรดิหรือฮองเฮาก็ไม่ได้ แต่ตอนนี้…….
คุณหนูเฟิ่งไม่เพียงแต่สามารถล่องแพในสระบัวได้ อีกทั้งยังเด็ดดอกบัวได้อีกด้วย
ต้องยอมรับว่าคุณหนูเฟิ่งเป็นคนที่แปลกอย่างมาก เพราะคุณหนูที่ชมดอกไม้นั้น ไม่มีใครเด็ดดอกไม้เลย มีแต่คุณหนูเฟิ่งที่ทำเช่นนี้ นางดูเป็นตัวเองและเมื่อทำเช่นนี้ก็มิได้ทำให้ใครรู้สึกเกลียดชัง แต่ที่สำคัญคือเสด็จอาเก้าไม่เกลียดชังเขา คนอื่นก็ไม่กล้าเกลียดชังเช่นกัน
ผ่านไปครู่หนึ่ง เฟิ่งชิงเฉินได้ยินเสียงกู่เจิงดังมาก เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าเขาบรรเลงกระไร แต่เมื่อฟังเสียงดนตรีนี้ท่ามกลางบึงบัว ทำให้สบายใจและหายร้อนทันที…..
เฟิ่งชิงเฉินใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายแช่ในสระดอกบัวแห่งนี้ และเสด็จอาเก้าอยู่กับนางไปประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นเขาก็ลงไป
เขาไม่ใช่เฟิ่งชิงเฉิน เขาไม่ได้ว่างเช่นนี้ ในเมื่อคืนนี้เขาได้เชิญคนมากินข้าว เขาจึงต้องเตรียมการเอาไว้เสียก่อน แม้ว่าจะเป็นงานเลี้ยงที่เขาจัดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่เมื่อเสียเวลาไปแล้ว เขาจะต้องได้รับผลตอบแทน
ในเมื่อจักรพรรดิไม่ต้องการให้ซีหลิงเหยาหวาแต่งงานกับตงหลิงจื่อลั่ว ฉะนั้นเขาเป็นน้องชายที่ดี จึงต้องช่วยให้เสด็จพี่ได้สมดั่งหวัง
อาหารเขาไม่อร่อย!
ผู้คนในลานยุ่งอย่างมาก มีเพียงเฟิ่งชิงเฉินที่เอาใบบัวมาปิดหน้าอย่างเชื่องช้า และแอบนอนหลับอยู่ใต้ใบบัว จนเมื่อรอให้คนไข้มาปลุกนาง จึงพบว่าฟ้ามืดแล้ว
เมื่อมองไปที่เสื้อผ้ายับๆของตน เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกอาย ” สาวใช้ของฉันอยู่ที่ใด?” นางไม่รู้จะทำอย่างไรก็เสื้อนี้ ตอนนี้นางหวังพึ่งได้เพียงสาวใช้มากความสามารถทั้งสองของนาง เหมือนว่าบนรถม้าของนางจะมีเสื้อสำรองอยู่ ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังอยู่หรือไม่
คนรับใช้ของจวนเสด็จอาเก้า เข้มงวดเช่นเดียวกับเสด็จอาเก้า นางคำนับ ” คุณหนูเฟิ่งมิต้องเป็นห่วง เสื้อผ้าของท่านเตรียมเอาไว้แล้ว เชิญท่านไปเตรียมตัวได้เลย”
เสด็จอาเก้าจะปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินสวมเสื้อผ้าที่หวังจิ่นหลิงเตรียมไว้ตลอดทั้งวันได้อย่างไร การร่องเรือนั้นจะทำให้เสื้อสกปรก และเฟิ่งชิงเฉินก็ให้ความร่วมมืออย่างมาก นางหลับทำให้เสื้อผ้านี้ไม่มีสามารถไปเจอผู้คนได้เลย
ฉะนั้น ชุดเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่เสด็จอาเก้าเตรียมเอาไว้จึงได้ใช้ทันใจ
เฟิ่งชิงเฉินไม่คาดคิดว่าเมื่อเข้าร่วมงานต่างๆ หากว่าชุดของเราสกปรกดอกไม้ เจ้าของบ้านให้คนใช้เตรียมเสื้อผ้าให้ เพราะหากเสื้อผ้าของแขกสกปรก ไม่เพียงแต่แขกจะขายหน้า แม้แต่เจ้าบ้านเองก็ขายหน้าเช่นกัน
ส่วนปัญหารูปร่างที่เอ่ยถึงนั้นไม่ใช่ปัญหาเลย สมัยนั้นหญิงงามต้องผอม ฉะนั้นทุกคนจึงผอม จะสูงหรือตัวเล็กสักหน่อยก็ไม่เป็นกระไร เพราะความยาวของกระโปรงปรับได้ คนที่งามดั่งเฟิ่งชิงเฉินนั้นมีไม่มาก แต่เสื้อผ้าที่ธรรมดานางก็สวมได้ กระโปรงที่นางสวมก็มักจะใหญ่กว่าตัวนาง
เฟิ่งชิงเฉินยื่นดอกบัวในมือให้สาวใช้ “ช่วยข้าเลี้ยงมันเอาไว้ ประเดี๋ยวข้าจะเอากลับไป”
จวนเฟิ่งมีขนาดเล็ก อย่าว่าแต่สระเลย แม้แต่วิวภูเขาน้ำตกก็ไม่มี ตอนที่อยู่ในจวนเฟิ่ง นางไม่มีแม้แต่โอกาสชมดอกไว้ ฉะนั้นนางเตรียมเอาดอกบัวนี้กลับไป และเลี้ยงเอาไว้ นางจะได้ดูได้อีกหลายวัน
สองสาวใช้ชะงักไปชั่วขณะ พระเจ้า มีคนเด็ดดอกบัวของเสด็จอาเก้า จะทำอย่างไรดี?
เฟิ่งชิงเฉินเร่งพวกนาง สาวใช้รับดอกบัวมาด้วยความตะลึง และพยักหน้าตอบรับ จนนานก็ยังไม่ได้สติกลับมา
……….
เสื้อผ้าที่เสด็จอาเก้าเตรียมไว้สำหรับเฟิ่งชิงเฉินนั้นแตกต่างจากชุดที่นางสวมอย่างมาก
ชุดสีแดงที่หวังจิ่นหลิงเตรียมไว้นั้นเหมือนกับที่เฟิ่งชิงเฉินสวมในงานกวี มีแขนเสื้อที่ใหญ่ รอบเอวหลวม และชายกระโปรงรอยพัด ดูธรรมดา เมื่อเดินกระโปรงจะพลิ้วไหว ดูเป็นธรรมชาติ แอบคล้ายกับนางในยุคสมัยก่อน
ชุดที่เสด็จอาเก้าเตรียมไว้คือชุดวังสีฟ้า มีสิ่งประดับมากมาย ดูประณีตและงดงาม แค่แขนเสื้อก็ยังดูออกได้ว่าตั้งใจอย่างมาก
มีเสื้อใน เสื้อกลาง เสื้อนอก ใส่ซ้อนกันแล้วมีประมาณ7ชั้น เฟิ่งชิงเฉินเห็นแล้วปวดหัวอย่างมาก ในวันที่อากาศร้อนเช่นนี้ ใส่เสื้อผ้าเยอะขนาดนี้ ต้องร้อนตายเป็นแน่
แต่เมื่อนางสวมใส่แล้วพบว่า เนื้อผ้าของเสื้อผ้าชิ้นนี้เย็นและสดชื่น เมื่อสวมใส่บนร่างกายรู้สึกสบายกว่าอย่างมาก เฟิ่งชิงเฉินครุ่นคิด มิน่าล่ะใครๆก็อยากจะมียศมีศักดิ์ เมื่อมีอำนาจมีความมั่งคั่งมันดีเช่นนี้นี่เอง
เสื้อผ้าที่ต่างกันต้องคู่กับเครื่องประดับผมและการแต่งหน้าที่แตกต่างกัน เครื่องแต่งกายวังที่ดูซับซ้อน จะใส่เพียงปิ่นนั้นมิได้ เพราะปิ่นนั้นไม่สามารถงคู่ควรกับชุดที่ซับซ้อนนี้ได้ สาวใช้แกะเครื่องประดับบนหัวของเฟิ่งชิงเฉินออก ปล่อยผม และหวีขึ้นมาใหม่
ต้องยอมรับว่าความเป็นมืออาชีพของสาวใช้ในยุคนี้ เทียบได้กับมืออาชีพในยุคปัจจุบัน เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้รู้สึกว่าปวดหัวเพราะถูกดึงผม ไม่นานก็หวีเรียบร้อยแล้ว
เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าที่ประดับหัวนี้เรียกว่าอะไร นางรู้เพียงว่ามันงามอย่างมาก ประณีต และซับซ้อน เมื่อสาวใช้สวมเครื่องประดับผมนี้ให้นาง เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่าตนในกระจกนั้นแตกต่างจากตนในวันปกติอย่างมาก
สง่างาม สูงส่ง ชุดพระราชวังรัดเอวนั้นแสดงให้เห็นรูปร่างที่งดงามของนาง
นี่นางเองหรือ? นางงดงามเช่นนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
เฟิ่งชิงเฉินแทบไม่เชื่อสิ่งที่ตนเห็น จนกระทั่งสาวใช้ก้าวไปข้างหน้าและชมว่า “คุณหนูเฟิ่งงามแต่เดิมแล้ว ฉะนั้นไม่ว่าจะแต่งอย่างไรก็งาม คุณหนูเฟิ่งเปลี่ยนมาสวมรองเท้าที่มีพื้นนิ่มเถิด เดินไปมาในจวนหากใส่รองเท้านี้จะสบายเท้ายิ่งกว่า
สาวใช้คุกเข่ากับพื้นและเปลี่ยนรองเท้าให้เฟิ่งชิงเฉิน พวกนางเอาทุกสิ่งที่หวังจิ่นหลิงมอบให้นางออกจากตัวนางหมดจนไม่รู้ตัว จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นของจวนอ๋องเก้าทั้งหมด
จากหญิงสาวที่ดูธรรมดา กลายเป็นหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ในชั่วพริบตา เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกอึดอัดอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งสาวพยุงนางเดินเข้าไป ทันทีที่เจอเสด็จอาเก้าที่สวมชุดสีครามอยู่ใต้แสงเทียนนั้น นางจึงรู้สึกได้ว่า…………..
ไม่นะ … เสด็จอาเก้าเล่นงานนางอีกแล้ว คราวนี้ไม่ว่าจะพูดอย่างไรนางก็คงแก้ตัวไม่ได้แล้ว!