นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 317 ร้องไห้ ก็แค่ฟันต่อฟัน

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

เสด็จอาเก้าไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ที่แท้เมื่อคืนที่เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกกระสับกระส่ายตลอดทั้งคืนเป็นเพราะเรื่องนี้นี่เอง เขาคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินและหวังจิ่นหลิงมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นเสียอีก ทำให้เฟิ่งชิงเฉินไม่สามารถนอนหลับได้ตลอดทั้งคืน

เมื่อเห็นใบหน้าเล็กๆ ของเฟิ่งชิงเฉินมีรอยเหี่ยวย่นด้วยความเจ็บปวด เสด็จอาเก้าก็เอื้อมมือมานวดให้แก่เฟิ่งชิงเฉินเบาๆ ด้วยความรู้สึกปวดใจแทน “เจ้ามันช่างโง่เง่าเหลือเกิน ทำให้ตนเองตกใจเสียได้ เจ้าเลือกที่จะเชื่อหวังจิ่นหลิงแต่กลับไม่เชื่อข้า แต่งงานกับเจ้าหรือ? หากข้าไม่พยักหน้าตอบรับ โลกนี้ไม่ว่าใครก็อย่าคิดจะได้แต่งงานกับเจ้า เรื่องแต่งงานเจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป ข้าจะจัดการแก้ปัญหาให้เจ้าเอง ไม่เพียงเท่านี้ในวันพรุ่งนี้ข้าจะแสดงฉากเด็ดให้เจ้าเห็น”

มุมปากของเสด็จอาเก้าเผยอขึ้นอย่างชั่วร้าย ดูเหมือนเขาเป็นมัจจุราชจากขุมนรก รังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกไปทั่ว เขาไม่ได้ปิดบังความตั้งใจของตนเอาไว้แม้แต่น้อย

เขาไม่ใช่ผู้ที่จิตใจงดงามและไม่เคยเป็นคนใจดี ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ใดก็ตามเขาจะนำมันมาใช้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายโดยไม่เลือก

เฟิ่งชิงเฉินกำลังกระวนกระวายใจ แต่เมื่อนางได้สติกลับคืนมาก็ทำได้เพียงภาวนาอย่างเงียบๆ ให้กับผู้ที่กำลังจะถูกเสด็จอาเก้าจัดการ ขณะเดียวกันก็ตั้งตารอว่าผู้โชคร้ายในวันพรุ่งนี้จะเป็นใคร

ซูหว่านหรือเหยาหวา? หรือว่าอันผิง? ไม่ใช่สิ ไม่น่าจะเป็นอันผิง เพราะถึงอย่างไรอันผิงก็เป็นหลานของเสด็จอาเก้า ไม่น่าเป็นไปได้……หากว่าเสด็จอาเก้าให้ความใส่ใจกับหลานสาวคนนี้ล่ะก็คงจะไม่ผลักไสนางไปให้เป่ยหลิงเฟิ่งเฉียนหรอก

นางรู้ดีว่าอาหารและสุราของเสด็จอาเก้าไม่ใช่ว่าจะดื่มกันได้ง่ายหรือมีรสดี ดังนั้นเฟิ่งชิงเฉินจึงได้ยิ้มขึ้นเช่นกัน หากมีคนนอกอยู่ด้วยในบัดนี้ล่ะก็ คงจะพบได้ว่ารอยยิ้มของทั้งสองคนนั้นเหมือนกันโดยสิ้นเชิง

“เอาล่ะอย่าได้เป็นกังวลใจในเรื่องนี้ไปเลย ไม่ว่าจะมีเรื่องใดข้าก็ยังอยู่ที่นี่ เจ้าต้องการจะตอบแทนข้าไม่ใช่หรือ ไปเถอะ บัดนี้ข้าจะให้โอกาสในการตอบแทน” เขาจูงมือเฟิ่งชิงเฉินเดินไปข้างหน้า ย่างก้าวของเขาช้าลงอย่างไม่ได้เต็มใจนัก

เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกงุนงงเล็กน้อย การเปลี่ยนแปลงไปของเสด็จอาเก้าค่อนข้างมาก ทำให้นางไม่อาจตามได้ทัน

เสด็จอาเก้าไม่ได้ให้เวลาแก่เฟิ่งชิงเฉินมากมายเท่าไรนัก เขาพานางเข้าไปที่ห้องลับใต้ดินแล้วเปิดกล่องระเบิดเทียนเหล่ยออก

“ให้ตายสิ!” เมื่อมองเห็นระเบิดเทียนเหล่ยวางเรียงราย เฟิ่งชิงเฉินไม่มีอารมณ์อื่นใดอีกต่อไป นางสงบอารมณ์ลงอย่างรวดเร็วแล้วหันไปเอ่ยถามเสด็จอาเก้าด้วยความสงสัยว่า “เหตุใดเจ้าจึงมีระเบิดเทียนเหล่ยมากมายเพียงนี้?”

ของเหล่านี้เป็นอันตรายถึงชีวิตของผู้คน เสด็จอาเก้ามีพวกมันมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร?

“เช่นนั้นคงต้องถามเจ้าแล้ว” เสด็จอาเก้าเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินมองเขาผิดไปแต่ก็ไม่ได้ตั้งใจอธิบาย กลับกล่าวขึ้นอย่างคลุมเครือ

“ถามข้าหรือ เกี่ยวอันใดกับข้าเล่า?” ในโลกนี้ไม่มีผู้ใดเกลียดการปรากฏขึ้นของระเบิดเทียนเหล่ยเท่านางแล้ว แล้วนางจะอนุญาตให้มีสิ่งของเหล่านี้ได้อย่างไร?

“ของเหล่านี้เป็นของหลี่เซี่ยงที่ทิ้งเอาไว้ เขาทูลต่อหน้าองค์จักรพรรดิว่าเจ้าจะฆ่าเขา จากนั้นเจิ้นกั๋วกงและหรงชิงชิว

จึงเดินทางไปหาเขา เขาบอกถึงที่อยู่ซึ่งซ่อนระเบิดเทียนเหล่ยเอาไว้แลกกับเงื่อนไขคือการระเบิดเจ้าให้ตาย” เสด็จอาเก้ากล่าวถึงเรื่องราวที่ดำเนินขึ้นอย่างคร่าวๆ และฝ่าบาทก็เห็นด้วย

ซึ่งนั่นหมายความว่าเห็นแก่ระเบิดเทียนเหล่ยเหล่านี้ ฝ่าบาทนำเฟิ่งชิงเฉินเข้าไปแลกอย่างไม่รู้สึกเสียดาย

“ฆ่าข้าหรือ? เขามองข้าสูงเกินไปจริงๆ จะนำระเบิดเทียนเหล่ยมากมายเหล่านี้มาระเบิดข้าให้ตาย? ระเบิดเทียนเหล่ยเหล่านี้เพียงหยิบมาลูกหนึ่งแล้วขว้างมายังข้า รับรองว่าข้าคงตายอย่างไร้สิ้นกระดูกแล้ว!” เฟิ่งชิงเฉินหัวเราะเยาะตนเอง นางเข้าใจดีว่าจากตำแหน่งตัวตนของนางนั้นองค์จักรพรรดิจะสนใจความเป็นความตายของนางได้อย่างไร

เมื่อพบว่าตนมองเสด็จอาเกาผิดไป เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่รู้ว่าจะเอ่ยขอโทษเช่นไรดี นางทำได้เพียงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาว่า “หากรู้ว่าเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก ข้าควรจะจัดการเขาให้ตายเสียหรือทำให้เขาเป็นเจ้าชายนิททา จะได้ไม่สร้างความวุ่นวายเหล่านี้”

เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้เอ่ยถามว่าระเบิดเทียนเหล่ยเหล่านี้มาอยู่ในมือของเสด็จอาเก้าได้อย่างไร และเสด็จอาเก้าก็ไม่ได้อธิบายให้แก่นางฟัง

“หากเจ้าฆ่าเขาตาย องค์จักรพรรดิคงจะต้องให้เจ้าตายตามไปด้วย ในสายตาของฝ่าบาท ตัวเจ้าสักร้อยคนหยังสู้หลี่เซี่ยงคนเดียวไม่ได้” เสด็จอาเก้ากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ดีนัก เขาตั้งใจเอื้อมมือไปเคาะศีรษะของเฟิ่งชิงเฉินที่กล้ากล่าวคำประชดประชันเช่นนี้ออกมาได้

แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเฟิ่งชิงเฉินจะว่องไวและหลบทัน “ศีรษะข้าไม่ใช่ว่าผู้ใดล้วนสามารถเคาะได้เสมอ”

เฟิ่งชิงเฉินซึ่งจิตใจสงบเยือกเย็นและเฉลียวฉลาด แม้ความสามารถจะสู้เสด็จอาเก้าไม่ได้แต่ก็ว่องไวกว่าคนธรรมดามากนัก เพียงแต่เมื่อนางอยู่ต่อหน้าเสด็จอาเก้ามักจะไม่ค่อยแสดงท่าทีสงบนิ่งเช่นนี้ออกมา ในวันนี้นับว่าเป็นครั้งแรก

เสด็จอาเก้าก็ไม่ได้ใส่ใจสิ่งใด เขาหดแขนกลับมา “สิ่งที่ข้าจะทำ ไม่มีผู้ใดขัดขวางได้”

เฟิ่งชิงเฉินส่งเสียงหึๆ ออกมา บนโลกนี้ผู้ที่กล้ากล่าวสิ่งนี้ออกมาได้มีไม่มากนัก ก่อนจะชี้ไปที่ระเบิดเทียนเหล่ยแล้วเอ่ยถามด้วยท่าทางจริงจังว่า “การที่เสด็จอาเก้าพาข้ามาดูสิ่งเหล่านี้ ต้องการอะไร”

“สิ่งที่หลี่เซี่ยงบอกกับเจิ้นกั๋วกงไม่ได้มีเพียงระเบิดเทียนเหล่ยสองสามลังเหล่านี้” เสด็จอาเก้าไม่ได้สนใจท่าทางจริงจังของเฟิ่งชิงเฉินนัก

เป็นเช่นนี้ก็ดี สตรีที่อารมณ์อ่อนไหวมักทำเรื่องใหญ่ไม่ได้

“อ้อ งั้นหรือ แล้วยังมีสิ่งใดอีก” สิ่งของของหลี่เซี่ยงคงไม่ธรรมดา เสด็จอาเก้ากำลังลองเชิงนางอยู่หรือ

ในใจของเฟิ่งชิงเฉินปั่นป่วนราวกับกระแสน้ำ แต่นางไม่ได้แสดงทีท่าออกมาแม้แต่น้อย เรื่องบางเรื่องต่อให้เป็นเสด็จอาเก้าก็ไม่อาจกล่าวด้วยได้

ความลับก็คือความลับ หากว่ามีคนที่สองรู้เข้า นั่นก็ไม่เรียกว่าความลับอีกต่อไป ไม่ว่าผู้คนภายนอกคาดเดาเช่นไรนางก็จะไม่ยอมรับเด็ดขาด

เสด็จอาเก้าไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา แต่กลับพาเฟิ่งชิงเฉินมายังอีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องหิน เสด็จอาเก้าเปิดกล่องไม้ออก แล้วพบกับกลิ่นกำมะถันเตะจมูก

“ดินประสิว? หลี่เซี่ยงทำดินประสิวขึ้นมากมายขนาดนี้ ไอ้หมอนั่นต้องการทำอะไรกันแน่?” เฟิ่งชิงเฉินกำมือแน่นแล้วกล่าวออกมาด้วยความโมโห

เรื่องของซีหลิงเหยาหวาและตงหลิงจื่อลั่ว ราชวงศ์ทั้งสองประเทศล้วนรู้ดี แม้ไม่มีผู้ใดก้าวออกมาขัดขวาง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเห็นด้วย

การที่องค์จักรพรรดินีให้ตงหลิงจื่อลั่วแต่งงานกับเฟิ่งชิงเฉิน เหตุผลโดยมากนั้นก็เพื่อให้ตงหลิงจื่อลั่วตัดขาดความคิดนี้ แต่งงานกับหญิงสาวกำพร้า ยังดีเสียกว่าแต่งงานกับองค์หญิงที่จิตใจโหดเหี้ยม เพียงแค่เขาแต่งงานกับเฟิ่งชิงเฉินแล้ว เขาและเหยาหวาก็ไม่อาจเป็นไปได้อีก

เพราะองค์หญิงแห่งราชวงศ์ซีลิงจะไม่เป็นอนุภรรยาอย่างแน่นอน

“เสด็จพี่กล่าวได้ถูกต้องแล้ว” ตงหลิงจื่อลั่วทำสีหน้าเคร่งขรึม เขายืนอยู่ตรงข้ามกับซีหลิงเหยาหวา เมื่อได้ยินประโยคนั้นขององค์รัชทายาทก็ได้แต่กัดฟันตอบ

เขาอยากรู้ยิ่งกว่าผู้ใดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดเหยาหวาจึงวิ่งออกมาจากห้องของชุนหยู ดูสภาพของนางแล้ว……

เสื้อผ้าหลุดลุ่ยที่คอเต็มไปด้วยรอยจูบ เมื่อมองไปที่ชุนหยูเสื้อผ้าก็ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยเช่นกัน ดวงตาอันบวมเป่งชี้ให้เห็นว่าเมื่อคืนนี้เขานอนหลับไม่สนิท

ชายหนุ่มหญิงสาวอยู่ด้วยกันในห้องทั้งคืนทำอะไรบ้างนั้น ต้องให้ใครออกมาอธิบายหรือ? เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้เขาอยากจะบอกกับตัวเองให้เชื่อเหยาหวา เชื่อว่าเมื่อคืนนี้ไม่ได้เกิดเรื่องใดขึ้น แต่เขาก็ทำไม่ได้……

“เหยาหวา เจ้าจงบอกกับข้ามาว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ดวงตาของตงหลิงจื่อลั่วเต็มไปด้วยความโกรธเคืองอาฆาตแค้นเนื่องจากถูกหักหลัง

ลูกพี่ลูกน้องของเขาและนางผู้เป็นที่รัก……

ฮ่าๆๆ……ยังมีใครน่าสมเพชเท่าเขาอีกหรือ?

เพื่อเหยาหวา เขาขัดต่อคำสั่งของเสด็จแม่ ละทิ้งคู่หมั้นของตน แต่ผลสรุปแล้ว……

เขาได้อะไรตอบแทน?

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท