ตงหลิงจื่อลั่วหลับตาลงเพื่อซ่อนความเจ็บปวดและโกรธเคืองในดวงตาของเขาเอาไว้ กำมือแน่นเพราะเกรงว่าจะไม่สามารถต้านทานตนเองแล้วเข้าไปต่อยตงหลิงจื่อชุนจนตายเสียก่อน
ตงหลิงจื่อชุนโชคดีเหลือเกิน หากไม่ใช่เพราะองค์รัชทายาทและตี๋ตงหมิงอยู่ที่นั่นล่ะก็ และหากไม่ใช่เพราะทำไปเพื่อรักษาหน้าของตนเอง เขาคงจะลงมือไปนานแล้ว
ตอนที่เฟิ่งชิงเฉินและเสด็จอาเก้าเดินทางเข้ามานั้น ได้เห็นองค์รัชทายาทท่าทางสงบเสงี่ยม แม้ต้องเผชิญหน้ากับความโมโหของซีหลิงเทียนเหล่ยและข้อกล่าวหาของซีหลิงเหยาหวา แต่องค์รัชทายาทก็ไม่ได้สนใจ
ล้อเล่นหรือไร เรื่องนี้ต่อให้ตายเขาก็จะยอมรับไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องโบ้ยความผิดไปที่องค์หญิงเหยาหวาเท่านั้น
ตงหลิงจื่อชุนยืนอยู่ที่นั่นด้วยใบหน้างุนงง เมื่อหันไปพบดวงตาที่พร้อมจะสังหารผู้คนของตงหลิงจื่อลั่ว ตงหลิงจื่อชุนจึงได้ หดตัวลงไปอยู่ตรงมุม เพื่อไม่ให้รู้สึกเป็นหนึ่งในผู้ที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย
“นี่เกิดอะไรขึ้นกัน เช้าตรู่เช่นนี้ทุกคนมารวมกันที่นี่เพื่อเหตุใด?” เสด็จอาเก้ายืนอยู่ที่ปากประตู สายตาของเขามองไปด้วยความเย็นชาและไม่พึงพอใจ
ร้ายกาจ! ร้ายกาจยิ่งนัก! ร้ายกาจเหลือเกิน!
เสด็จอาเก้ารู้อยู่แก่ใจแต่กลับกล่าวออกไปเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการให้ซีหลิงเหยาหวากล่าวถึงเรื่องน่าอับอายนี้ออกมาอีกครั้ง ฮ่าๆๆ คิดไม่ถึงว่าซีหลิงเหยาหวาจะมีวันนี้
เมื่อคิดถึงสิ่งที่ซีหลิงเหยาหวาได้ทำเอาไว้ เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกโมโหเหลือเกิน เพียงเพราะว่าชื่นชอบตงหลิงจื่อลั่ว จึงตั้งใจทำลายคู่หมั้นเช่นนาง สตรีเช่นนี้สมควรแล้วที่จะได้ลิ้มรสชาติเช่นเดียวกับนาง ถูกทำลายชื่อเสียงและอนาคตลง
เหยาหวาจะแต่งงานกับใครนั้นนางไม่ได้สนใจนัก มีเพียงแต่งกับตงหลิงจื่อลั่วเท่านั้นที่ทำให้เฟิ่งชิงเฉินไม่พอใจ และบัดนี้ความหวังของนางเป็นจริงแล้ว จะไม่ให้นางดีใจอย่างไร
ความฉลาดเกินไปมักจะทำให้ชีวิตต้องสูญเสีย การที่ซีหลิงเหยาหวามีจุดจบเช่นวันนี้เพราะนางรนหาที่เอง ในวันนั้นที่นางปลูกเมล็ดกล้าลงไป วันนี้นางจึงต้องได้รับผลนั้น
เฟิ่งชิงเฉินยืนอยู่ข้างหลังเสด็จอาเก้าด้วยท่าทางจริงจัง ไม่ได้ปิดบังความอยากรู้อยากเห็นในใจนางแม้แต่น้อย สายตามองไปยังสองพี่น้องแห่งซีหลิงดุจดั่งมองตัวตลก
เมื่อตี๋ตงหมิงเห็นเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินเดินตรงเข้ามา ก็ได้รีบก้าวเข้าไปด้านหน้าเพื่อคำนับ ก่อนจะยืนอยู่ข้างหลังเสด็จอาเก้า ขยิบตาไปให้เฟิ่งชิงเฉิน
แม้ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา แต่เฟิ่งชิงเฉินก็เข้าใจได้ถึงความหมายของตี๋ตงหมิง คงไม่มีอะไรมากกว่าการที่เขาต้องการจะสื่อถึงเรื่องทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว การที่ซีหลิงเหยาหวาทำร้ายผู้อื่นตนเองจึงได้รับผลกรรมในที่สุด
ดูเหมือนว่าในตอนนั้นแม้ซีหลิงเหยาหวาจะกระทำการลับสักเพียงใด ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่รับรู้
องค์รัชทายาทและตงหลิงจื่อชุนก็รีบเดินตรงเข้ามา องค์รัชทายาทเดินเข้ามาขอกำลังช่วยเหลือจากเสด็จอาเก้า ส่วนตงหลิงจื่อชุนกำลังมองหาผู้คุ้มกัน นอกจากตงหลิงจื่อลั่วแล้วดูเหมือนจะแบ่งฝ่ายทั้งสองฝ่ายอย่างชัดเจน เฟิ่งชิงเฉินได้กลิ่นของดินปืนอย่างคลุมเครือ
“เสด็จอา……” ตงหลิงจื่อชุนก้าวไปด้านหน้า เขากลืนน้ำลายลงคออย่างคับข้องใจ ใบหน้านั้นทำให้ผู้คนมองไปดูปวดใจเล็กน้อย
“เสื้อผ้าของเจ้าไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยก็เดินออกมาได้เช่นนี้ ดูตัวเองสิว่าเหมือนอะไร ใครไม่รู้คงคิดว่าคนในราชวงศ์ของเราเป็นพวกไม่มีระเบียบ ยังไม่รีบไปจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยออกมา!” แม้ว่าประโยคนี้จะตำหนิไปที่ตงหลิงจื่อชุน แต่ก็สามารถตำหนิองค์หญิงเหยาหวาด้วย
“ข้าจะไปเปลี่ยนบัดเดี๋ยวนี้” ตงหลิงจื่อชุนก้าวออกไปสองสามเก้า ซีหลิงเทียนเหล่ยต้องการจะรั้งเอาไว้แต่กลับถูกเสด็จอาเก้าเข้ามาขวาง “แต่ละคนยืนอยู่ที่นี่ดูเหมือนตัวตลก มีเรื่องใดควรจะกล่าวกันที่ห้องโถง องค์รัชทายาท เสียมารยาทจริง”
“เสด็จอากล่าวได้ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทรีบกล่าวขอโทษแล้วตอบรับคำเสด็จอาเก้าชี้ไปที่ตงหลิงจื่อลั่ว “และก็เจ้า จื่อลั่ว อย่าลืมไปว่าเจ้าเป็นองค์ชายของราชวงศ์ตงหลิงจงแสดงความเป็นองค์ชายออกมา อย่าให้สูญเสียประเพณีของราชวงศ์!”
เสด็จอาเก้ากำลังสั่งสอนผู้คนอย่างสะใจเหลือเกิน เฟิ่งชิงเฉินยืนอยู่ข้างหลังเขามองดูองค์รัชทายาทและตงหลิงจื่อลั่ว ในใจของนางรู้สึกอิจฉายิ่งนัก
เสด็จอาเก้ามีชีวิตที่ดีจริงๆ……
ตงหลิงจื่อลั่วใบหน้าซีดเผือด เขาก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว “เสด็จอากล่าวได้ถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ก่อนจะถอนหายใจออกมายืดยาว ร่างกายของตงหลิงจื่อลั่วค่อยๆ ผ่อนคลายลง ใบหน้าของเขาดูเป็นธรรมชาติขึ้น
ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ต่อให้เขาจะฆ่าตงหลิงจื่อชุนก็ไม่ช่วยอะไร ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องราวเป็นอย่างไรยังไม่รู้ นี่คือเรือนแยกของเสด็จอาเก้า หากว่าเขาก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นละก็เสด็จอาเก้าคงจะไม่ปล่อยเขาเอาไว้แน่
เสด็จอาเก้าพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่ได้หันไปมองดูซีหลิงเทียนเหล่ยสักน้อย ได้แต่หันหลังเดินออกไปเมื่อกล่าวจบ
“เสด็จอาเก้าพ่ะย่ะค่ะ!” แน่นอนว่าซีหลิงเทียนเหล่ยรู้สึกไม่พึงพอใจเป็นที่สุด พวกเขาเป็นแขกที่เสด็จอาเก้าเชิญมา แต่เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแน่นอนว่าเสด็จอาเก้าคงจะหนีความผิดไม่พ้น
เสด็จอาเก้าหยุดฝีเท้าลงแล้วเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยมองไปด้วยท่าทางเฉยเมย “มีอะไรหรือ? องค์รัชทายาทเหล่ย มีสิ่งใดจะกล่าว?”
“มีสิ่งใดกล่าวหรือ? แน่นอนว่าข้ามีเรื่องต้องกล่าว เสด็จอาเก้า น้องสาวของข้าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในเรือนของท่าน ข้าไม่ควรจะเอ่ยถามสิ่งใดหน่อยหรือ?” ซีหลิงเทียนเหล่ยเข้ามาขวางและป้องกันองค์หญิงเหยาหวาเอาไว้ที่ด้านหลังตน ท่าทางที่มองไปช่างสง่างาม เขาจ้องตากับเสด็จอาเก้าเพื่อต้องการจะกดอำนาจของเสด็จอาเก้าลง
เมื่อเสด็จอาเก้าเดินเข้ามา ก็กลายเป็นจุดศูนย์กลางของเรือนนั้น
“องค์รัชทายาทเหล่ยเจ้าต้องการถามสิ่งใด? อย่าลืมไปว่าตอนที่ข้าจัดการให้พวกเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้มอบเรือนทั้งเรือนให้แก่พวกเจ้า และมีทหารคุ้มกันจากซีหลิง ข้าเชื่อว่าไม่มีผู้ใดสามารถแอบเข้าไปด้านในได้ และพาองค์หญิงเหยาหวาออกมาได้หรอก ถึงอย่างไรเรือนแยกของข้าก็ไม่ได้เป็นเช่นจวนเฟิ่งก่อนหน้านี้ ที่ไม่ว่าใครๆ ก็เข้าออกได้ตามใจ” สายตาของเสด็จอาเก้ามองไปด้วยท่าทางเย้ยหยัน
ราชวงศ์ซีหลิงของพวกเจ้าเริ่มต้นก่อน แล้วจะไม่ให้คนอื่นทำตามอย่างงั้นหรือ?
ซีหลิงเหยาหวาเป็นสตรี แล้วเฟิ่งชิงเฉินไม่ใช่หรือ? ข้าใจดีกับพวกเจ้ามากเหลือเกินแล้ว อย่างน้อยก็มีคนรู้เรื่องราวในวันนี้ไม่มาก
เสด็จอาเก้าสูดลมหายใจเข้าอย่างเย็นชา
“ไม่มีแต่ ต่อให้เจ้าไม่อยากแต่งงานกับองค์หญิงเหยาหวาก็ต้องแต่ง ใครใช้ให้เจ้าทำลายชื่อเสียงของนางเล่า!” ตงหลิงจิ่วสะบัดแขนเสื้อแล้วกล่าวว่า “องค์รัชทายาทเหล่ย พวกท่านพึงพอใจกับผลลัพธ์เช่นนี้หรือไม่ ต่อให้ไม่พอใจก็ไม่เป็นไร พวกเราไปทูลต่อฝ่าบาทได้ อ้อจริงสิ……มีอยู่เรื่องหนึ่งข้าลืมบอกกับเจ้าไป องค์ชายรองแห่งราชวงศ์ซีหลิงเดินทางมาถึงแล้ว หากว่าข้าคาดเดาไม่ผิดล่ะก็ บัดนี้องค์ชายรองน่าจะเข้าพระราชวังไปแล้ว” เสด็จอาเก้า กล่าวออกมาเบาๆ แต่ราวกับทิ้งระเบิดออกมา
“ว่าอย่างไรนะ!” ซีหลิงเทียนเหล่ยหน้าซีดเผือด เหตุใดเขาจึงไม่รับรู้เรื่องราวนี้เลย?
“ไม่เข้าใจหรือ องค์รัชทายาทเหล่ย องค์ชายรองเสด็จพี่ของท่านเดินทางมาเพื่อรับการรักษาที่ตงหลิง” มุมปากของตงหลิงจิ่วกระตุกขึ้นเล็กน้อยด้วยความเย็นชา
“เป็นไปได้อย่างไร!” เสด็จพี่รองของเขามีชื่อเสียงยิ่งนักในราชวงศ์ซีหลิงและเป็นหนึ่งในตัวเลือกองค์รัชทายาท เพียงแต่ว่าขาทั้งสองข้างของเขานั้นใช้การไม่ได้ จึงไม่อาจขึ้นครองบัลลังก์เป็นองค์ทายาทได้เท่านั้น
เขาเดินทางมารับการรักษาที่ตงหลิง……
“เสด็จอาเก้า เป็นท่านใช่หรือไม่!” เขาและเหยาหวาเดินทางมาถึงราชวงศ์ตงหลิงก็ถูกคนจัดการทันที ขาของเขาได้รับบาดเจ็บจึงเดินไม่สะดวก อีกทั้งเรื่องระหว่างเหยาหวากับตงหลิงจื่อลั่วก็ยากเย็นยิ่งนัก
พวกเขาถูกเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้เข้ามาขัดขวางจนไม่อาจทำเรื่องใดได้สำเร็จ
“องค์รัชทายาทเหล่ยคิดมากไปเองหรือไม่ ข้าไม่สนใจจะเข้าไปแทรกแซงเรื่องในซีหลิงหรอกนะ องค์หญิงเหยาหวา ข้าจะขอเอ่ยถามอีกครั้งว่าเจ้ายินดีจะแต่งงานกับองค์ชายชุนหยูหรือไม่?” ตงหลิงจิ่วไม่อยากจะหันไปสนใจซีหลิงเทียนเหล่ยอีกจึงได้เอ่ยถามโดยตรง
เมื่อคืนนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นซีหลิงเหยาหวาเป็นผู้ที่รู้ดีที่สุด และด้วยเหตุนี้เองนางจึงไม่กล้าหักล้างคำพูดของตงหลิงจื่อชุน เนื่องจากตงหลิงจื่อชุนกล่าวมาเป็นความจริงทั้งสิ้น
“ข้าแต่ง” ซีหลิงเหยาหวาพยักหน้าด้วยน้ำตานองหน้า
นอกจากการแต่งงานแล้วนางมีทางเลือกอื่นอีกหรือ? แต่ต่อให้นางแต่งงานกับตงหลิงจื่อชุนนางก็จะไม่ยอมให้เฟิ่งชิงเฉิน ได้ตามที่ใจปรารถนา ชายที่นางไม่ได้ไปครอบครองไม่ว่าใครก็อย่าคิดจะได้!
“เฟิ่งชิงเฉินเรื่องเมื่อคืนนี้เป็นฝีมือของเจ้าใช่หรือไม่! เจ้ายังมีใจอยากจะแต่งงานกับลั่วอ๋องใช่หรือไม่!” ซีหลิงเหยาหวากล่าวออกมาด้วยท่าทางเหมือนผู้ชอบธรรม แต่ประโยคคำถามของนางนั้นดูมั่นใจมากทีเดียว
เฟิ่งชิงเฉินหัวเราะออกมา ซีหลิงเหยาหวาเห็นตงหลิงจื่อลั่วเป็นเช่นสมบัติคอยทะนุถนอม แต่สำหรับนางเฟิ่งชิงเฉินกลับไม่รู้สึกสนใจไยดีเขาเลย ขณะที่นางกำลังจะกล่าวบางอย่างออกมานั้น เสด็จอาเก้าก็ได้เอื้อมมือออกมาจับมือนางเอาไว้แน่น
“องค์หญิงเหยาหวา เมื่อคืนนี้เฟิ่งชิงเฉินอยู่กับข้าทั้งคืน”