นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 337 วางยาพิษ, การเล่นกลของหลานจิ่วชิง

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

สถานการณ์ของเฟิ่งชิงเฉินในตอนนี้ไม่ใช่เป็นไข้ แต่นางถูกวางยาพิษ วิธีที่จะล้างพิษนั้นหลานจิ่วชิงทำได้ เพียงแต่ว่าแบบนั้นมันจะ เอ่อ……เหมือนการลวนลามไปสักหน่อย

“เฟิ่งชิงเฉิน นี่เป็นเพราะข้าต้องการช่วยเจ้า ข้าคิดว่าเจ้าคงจะเข้าใจได้” อย่างไรเสียหลานจิ่วชิงก็มีเหตุผลมากกว่าอารมณ์ ถึงแม้ว่าในใจจะมีความเขินอายอยู่เล็กน้อย แต่สุดท้ายเขาก็สงบลงได้

หลานจิ่วชิงยื่นมือทั้งสองออกไป เตรียมที่จะถอดเสื้อผ้าของเฟิ่งชิงเฉิน แต่เมื่อมือของเขาได้สัมผัสกับเสื้อผ้าของเฟิ่งชิงเฉิน มือของเขาก็หยุดชะงัก……

หลานจิ่วชิงไม่ใช่เจ้าแห่งการยั่วยวน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ถอดเสื้อผ้าของผู้หญิง ถึงจะพูดว่าได้เตรียมใจไว้แล้ว แต่ในตอนที่ต้องลงมือจริงๆ เขาถึงพบว่าตนเองไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มลงมือจากตรงไหน

และหลานจิ่วชิงที่สงบอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้า แต่ที่หูของเขาก็ค่อยๆแดงขึ้น และมือทั้งสองของเขาก็สั่นอยู่เบาๆ มีเหงื่อออกในมือ

“ร้อนจัง” หลานจิ่วชิงพบว่าตนเองนั้นเหมือนโดนวางยาพิษเช่นกัน ร่างกายเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ แทบรอไม่ไหวที่จะกอดน้ำแข็งก้อนหนึ่งเอาไว้ เพื่อให้อุณหภูมิลดต่ำลง

ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะต้องช่วยเหลือเฟิ่งชิงเฉิน หลานจิ่วชิงอยากที่จะดึงมือกลับ และวิ่งหนีไป ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นร่างกายของผู้หญิงมาก่อน แต่ว่าสถานการณ์แบบนั้นกับตอนนี้มันไม่สามารถเอามาเทียบกันได้

“ช่วยคนนี่มันยากกว่าฆ่าคนเสียอีก” นี่เป็นความรู้สึกของหลานจิ่วชิง แต่เมื่อเขาได้นึกถึงตอนที่เฟิ่งชิงเฉินรักษาบาดแผลให้เขาที่ห้องลับ นางก็ไม่ได้เคอะเขินอะไร ตัดเสื้อผ้าของเขาออก และมือทั้งสองก็สัมผัสบนตัวของเขาอยู่หลายครั้ง แล้วเขาจะแย่ไปกว่าผู้หญิงคนหนึ่งได้อย่างไรกัน

เมื่อนึกถึงจุดนี้ ความกระสับกระส่ายในใจของหลานจิ่วชิงก็ค่อยๆสงบลง

“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าอย่าบอกว่าข้าเอาเปรียบเจ้าเลย จะว่าไปแล้วเรื่องนี้เราทั้งสองคนก็ถือว่ายุติธรรมกันแล้ว ไม่ใช่ครั้งเดียวที่เจ้าได้ถอดเสื้อผ้าของข้าออก และสัมผัสโดนบนร่างกายของข้า” หลานจิ่วชิงหลับตาลง นิ้วมือของเขาสั่น เขาไม่สามารถที่จะดึงเสื้อผ้าของเฟิ่งชิงเฉินออกมา ผ่านไปนานกว่าเขาจะแก้เสื้อผ้าของเฟิ่งชิงเฉินได้

“เหนื่อยจริงๆ” หลานจิ่วชิงไม่กล้าที่จะลืมตา จึงต้องสุ่มคลำ จนเขาบังเอิญไปสัมผัสโดนความนุ่มของหน้าอกเฟิ่งชิงเฉินโดยไม่ได้ตั้งใจ หลานจิ่วชิงก็เหมือนกับโดนคีมหนีบ รีบดึงมือกลับในทันที บนนิ้วมือของเขายังคงหลงเหลือกลิ่นอายและความอบอุ่นของก้อนที่อ่อนนุ่มนั้น

“ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” หลานจิ่วชิงกลัดกลุ้มในใจ เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะลวนลามเฟิ่งชิงเฉิน แต่ว่า……

เขาจำเป็นที่จะต้องแก้เสื้อผ้าของเฟิ่งชิงเฉินออกทั้งหมด ไม่ใช่เพียงเท่านั้น เขายังต้องฝังเข็มบนร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินอีกด้วย

อะแฮ่ม มันไม่ใช่แค่การถอดเสื้อผ้าส่วนบนนะ!

มือของหลานจิ่วชิงหยุดชะงักค้างอยู่ในอากาศเป็นเวลานาน ในที่สุดก็กลับมามีความรู้สึกที่ต้องรีบช่วยคน เขายื่นมือออกไปอีกครั้ง แต่เมื่อมีประสบการณ์จากครั้งที่แล้ว หลานจิ่วชิงก็ไม่กล้าที่จะสุ่มจับมั่วๆ เพราะกลัวว่าจะสัมผัสโดนส่วนที่น่าอายเข้าอีก นึกถึงว่าต่อไปจะต้องฝังเข็มอย่างไรก็ต้องลืมตา แล้วยังมีความเห็นแก่ตัวที่ไม่มีใครรู้อีกด้วย หลังจากที่หลานจิ่วชิงได้ต่อสู้กับทุกอย่างในใจ เขาจึงตัดสินใจลืมตา

เสื้อผ้าด้านในถูกถอดออกไปแล้ว บนตัวส่วนบนของเฟิ่งชิงเฉินในตอนนี้ยังมีผ้ากันเปื้อนชั้นในสีน้ำเงินเหลืออีกหนึ่งชิ้น แต่เพราะการดึงที่ไม่รู้ขั้นตอนของหลานจิ่วชิง ผ้ากันเปื้อนชั้นในผืนนั้นจึงแขวนอยู่บนร่างกายเพียงครึ่งเดียว ก้อนที่อ่อนนุ่มด้านซ้ายได้เปิดเผยออกมาอยู่นอกเสื้อผ้าตั้งนานแล้ว ที่หลานจิ่วชิงเพิ่งจะสัมผัสโดนไปก็คือมันนั่นแหละ

ผิวสีขาวหิมะแดงขึ้นทั้งหมด ทำให้จุดสีแดงเล็กๆ ตรงกลางมีสีสดยิ่งขึ้นราวกับลูกเชอร์รี่สุก ชักจูงให้เขาเข้าไปกัดกิน

นี่เป็นครั้งแรกของเขา ที่ได้มองเห็นเฟิ่งชิงเฉินอย่างชัดๆ ต่อให้เฟิ่งชิงเฉินนอนนิ่งๆอยู่ตรงนั้น แต่ก็งดงามจนเขาหายใจไม่ออก หลานจิ่วชิงสูดลมหายใจ ลูกกระเดือกของเขาเลื่อน ด้วยการควบคุมตนเองที่แข็งแกร่ง เขาจึงละสายตาออกมา

“ไม่มองสิ่งที่ไม่ควร! ไม่มองสิ่งที่ไม่ควร!”

หลานจิ่วชิงที่ด้านหนึ่งกำลังนึกถึงคำพูดของนักปราชญ์ อีกด้านหนึ่งก็ลงมืออีกครั้ง ถอดผ้ากันเปื้อนชั้นในของเฟิ่งชิงเฉินออกมา เจ้าหมอนี่จำได้แต่ไม่มองในสิ่งที่ไม่ควร ถึงอย่างไรก็คิดแต่จะไม่มองในสิ่งที่ไม่ควรหรือ?

เอาล่ะ การช่วยชีวิตคนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ เรื่องของผู้ชายผู้หญิงก็วางเอาไว้ก่อนได้ นอกจากนี้ เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่เขลาที่ถูกผูกมัดกับเรื่องศีลธรรมอีกด้วย

ส่วนที่ปกคลุมบนร่างกายส่วนบนชิ้นสุดท้ายก็ถอดออกไปแล้ว เฟิ่งชิงเฉินในตอนนี้เป็นเหมือนกับลูกแกะ ที่นอนอยู่บนเตียงรอให้หลานจิ่วชิงสังหาร

ถึงแม้ว่าหลานจิ่วชิงจะไม่ใช่สุภาพบุรุษ แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า

ในความเป็นจริงเขาก็มีความคิดที่จะยื่นมือออกไป ลองจับกระต่ายหยกทั้งสองตัวของเฟิ่งชิงเฉิน แต่เขากลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ จนพลาดเรื่องใหญ่อย่างการที่จะช่วยนางไป จึงทำได้เพียงต้องยับยั้งชั่งใจ

ผู้ชายกับผู้หญิงนั้นแตกต่างกัน ผู้ชายนั้นไวต่อการกระตุ้นทางประสาทสัมผัสมากกว่า แม้ว่าหลานจิ่วชิงจะสงบและมีเหตุผล แต่ก็ขึ้นอยู่กับอีกฝ่ายด้วยว่าเป็นใคร

ถ้าหากว่าเป็นผู้หญิงคนอื่น หลานจิ่วชิงคงไม่เหลือบตาไปมองมากกว่าหนึ่งครั้ง ในอดีตก็เคยมีผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ถอดเสื้อผ้าวิ่งมาเพื่อที่จะดึงดูดเขา แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ เพียงรู้สึกว่าเป็นก้อนเนื้อสีขาวที่น่าขยะแขยงและน่ารำคาญ แต่เฟิ่งชิงเฉินที่นอนอยู่เฉยๆนี้ ทำให้เขาต้องการที่จะลงมือโดยที่ควบคุมตัวเองไม่ได้

หลานจิ่วชิงแต่เดิมก็สนใจเฟิ่งชิงเฉินอยู่เล็กน้อย เฟิ่งชิงเฉินที่นอนอยู่บนเตียงอย่างสง่างาม โดยไม่สามารถต่อสู้ดิ้นรนใดๆ ถ้าหากว่าหลานจิ่วชิงไม่คำนึงถึงเรื่องนี้ เช่นนั้นเขาก็ไม่สมควรเรียกว่าผู้ชายแล้ว

การถอดเสื้อผ้าส่วนบนไม่ใช่การสิ้นสุด แต่มันเป็นการเริ่มต้น

หลานจิ่วชิงผลักผ้าห่มบางๆของเฟิ่งชิงเฉินออกไปข้างๆ ด้วยประสบการณ์การที่ผ่านมา หลานจิ่วชิงก็ปลดเข็มขัดกางเกงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เขากำลังเตรียมตัวจะถอดกางเกงของเฟิ่งชิงเฉินออก จู่ๆก็สังเกตเห็นส่วนหนึ่งของผิวหนังที่ผิดปกติอยู่บนมือซ้ายของนาง

“นี่คืออะไร?” หลานจิ่วชิงได้พักการต่อสู้กับกางเกงชั้นในของเฟิ่งชิงเฉินชั่วคราว เขาจับมือซ้ายของเฟิ่งชิงเฉินขึ้นมา นิ้วที่แข็งเล็กน้อยของเขาลูบบนแขนของเฟิ่งชิงเฉินเบาๆ

กระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เหมือนกับว่าไม่เคยถูกเปิดใช้มาก่อน สี่เหลี่ยมมีขนาดพอๆกับขนมปิ้ง มีแสงสีเงินจางๆอยู่ข้างบน แตกต่างจากผิวหนังส่วนอื่นๆของมืออย่างเห็นได้ชัด ขอบกล่องยื่นออกมาเล็กน้อยเหนือผิวหนัง เมื่อมองแล้วไม่เหมือนกับถูกตีตราด้วยโลหะร้อนจึงนูนขึ้นมา แต่เหมือนว่ามันออกมาจากข้างในมือของเฟิ่งชิงเฉินเองมากกว่า

“นี่เป็นความขุ่นหมองของตระกูลเฟิ่งหลีหรือ?” หลานจิ่วชิงไม่ได้ดูมันมาก นำมือซ้ายของเฟิ่งชิงเฉินวางราบลงไป การขัดจังหวะนี้ทำให้หลานจิ่วชิงไม่ประหม่าเหมือนในตอนแรกแล้ว

เดิมทีเขาเป็นคนที่สง่าผ่าเผย เพียงเพราะว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นเฟิ่งชิงเฉิน จึงทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา เขานึกถึงจุดฝังเข็มที่พวกเขานั้นฝังกัน หลานจิ่วชิงเกิดความลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่ได้ถอดกางเกงชั้นในของเฟิ่งชิงเฉินออก เพียงแค่ดึงขากางเกงขึ้นมาถึงส่วนต้นขา

ถึงแม้ว่าส่วนที่ควรและไม่ควรเห็น เขาก็ได้เห็นมาทั้งหมดแล้ว ทำเช่นนี้ถึงจะดูเหมือนต้องการที่จะปกปิดความจริง แต่ก็ดีกว่าการที่ไม่ทำอะไรเลย

หลานจิ่วชิงหยิบถุงผ้าเล็กๆออกมาจากในแขนเสื้อของเขา บนถุงผ้ามีเข็มหลายสิบอัน เห็นที่เขามีอุปกรณ์เช่นนี้แล้วอย่าคิดว่าเขามีความสามารถด้านการแพทย์ ที่จริงแล้วเขาทำได้เพียงการล้างพิษเท่านั้น

สภาพแวดล้อมที่เขาเติบโตขึ้นมา ทำให้เขามีอาการแพ้ต่อพิษง่ายมาก แต่ร่างกายของเขานั้นแปลกประหลาด พิษธรรมดานั้นไม่มีทางที่จะเข้าทางร่างกายเขาได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เห็นถึงความสำคัญของพิษ ตรงกันข้าม เพราะเขามีอาการแพ้ต่อของอย่างยาพิษเป็นพิเศษ

บาดเจ็บอาจไม่ทำให้ตาย แต่การถูกวางยาให้ตายนั้นมีโอกาสเป็นไปได้สูง

หลานจิ่วชิงหยิบของที่มีขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือขึ้นมา สิ่งที่ดูเหมือนยกแต่ก็ไม่ใช่หยก หลานจิ่วชิงเรียกมันว่า หยกเทียม เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของการล้างพิษ

หลานจิ่วชิงหยิบเข็มขึ้นมาเล่มหนึ่ง นำเข็มปักเข้าไปในหยกเทียม หยกเทียมดูแข็งแกร่งแต่ก็สามารถให้เข็มปักเข้าไปได้ ถ้าหากสังเกตใกล้ๆ จะพบว่าบนผิวของหยกเทียมนั้นเต็มไปรูเล็กๆ มีขนาดพอดีที่จะปักเข็มลงไปได้

หลานจิ่วชิงคำนวณเวลาเล็กน้อย และหยิบเข็มขึ้นมาอีกเล่มหนึ่งแล้วปักลงไป และในขณะเดียวกันก็นำด้ามที่ปักลงไปก่อนหน้าดึงออกมา ที่ปลายเข็มนั้นเรืองแสงสีเขียว ภายใต้แสงเทียนมีกลิ่นของหญ้าจางๆ

หลานจิ่วชิงนำหินหยกเทียมมาวางไว้ที่ข้างๆของเฟิ่งชิงเฉิน ใช้สมาธิอย่างสูง มือซ้ายกดลงที่อกช่วงครึ่งล่างของเฟิ่งชิงเฉิน มือขวาหยิบเข็มขึ้นมาแล้วปักลงไปอย่างมั่นคง

เมื่อฝังเข็มลงไปหนึ่งเล่ม ก็มีเลือดหนึ่งหยดพุ่งออกมาตามเข็ม หลานจิ่วชิงพยักหน้าอย่างพอใจ เจ้าหมอนี่ มุ่งเน้นความคิดทั้งหมดไปที่การช่วยชีวิตคน

ดังที่เฟิ่งชิงเฉินได้กล่าวไว้ ถ้าหากเจ้านำความคิดและจิตใจไปที่การช่วยชีวิตคน ก็จะไม่ได้คิดถึงร่างกายที่อยู่ตรงหน้า เพราะจะไม่มีเวลาว่างเลย

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท