นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 343 ของขวัญ ท่านแม่ทัพลงมือ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 343 ของขวัญ ท่านแม่ทัพลงมือ

วันงานพระราชสมภพของฝ่าบาทเต็มไปด้วยความรื่นเริงยิ่งนัก ทั้งยังจัดงานอย่างยิ่งใหญ่อลังการ ทั้งสามแคว้นเก้าแดนสารทิศต่างก็ได้ส่งมอบของขวัญมาแสดงความยินดีในทันที แม้ว่าของขวัญจะไม่มีสิ่งใดที่พิเศษมากนัก โดยส่วนมากล้วนแต่เป็นของตามพื้นเมืองของแคว้นนั้น ๆ แต่ฝ่าบาทก็รู้สึกปลื้มปิติยิ่งนัก

นี่คือของขวัญจากทุกคนในใต้หล้า เขาจะไม่ยินดีได้อย่างไรกัน

ของขวัญของแต่ละองค์ชายที่มอบให้นั้น ต่างก็ใช้ความคิดกันอย่างหนักเลยทีเดียว แต่น่าเสียดายนัก มิรู้ว่าต้องใช้เงินทองมากเพียงใดกัน สิ่งของที่ฝ่าบาทมิเคยพบเห็นพวกนั้น หาได้อยู่ในสายตาของฝ่าบาทไม่ ฝ่าบาทเพียงแค่กวาดสายตามอง พร้อมกับสั่งคนให้นำไปเก็บในท้องพระคลังเท่านั้น

แต่กลับเป็นของขวัญของอวี่เหวินหยวนฮั่วที่อยู่ไกลแสนไกล ที่ทำให้ฝ่าบาทพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง

เป็นหีบเหล็กธรรมดาหนึ่งใบ ที่เขียนคำอวยพรไว้ว่า “ฝ่าบาททรงพระเจริญ เจียงซานปึกแผ่น” แปดคำ เพียงแค่ของสิ่งนี้ออกมานั้น ทั้งซีหลิงเทียนเหล่ย เป่ยหลิงเฟิ่งเฉียน ซูหว่าน และท่านผู้นำอีกเก้าแดน พลันแสดงสีหน้าบูดเบี้ยวออกมาในทันที แต่พวกเขาทำได้เพียงอดทนเอาไว้เท่านั้น พร้อมทั้งแสร้งทำเป็นไม่เห็นสิ่งใด

นี่เป็นหมากของตงหลิง อีกทั้งวันนี้ยังเป็นวันดีขององค์จักรพรรดิตงหลิงอีก พวกเขาต้องทำเป็นหน้าตาย พวกเขาต้องทำตัวใกล้ชิดองค์จักรพรรดิตงหลิงเข้าไว้ ถึงจะสามารถจับจุดอ่อนพระองค์ได้ ในยามนี้จักรพรรดิตงหลิงมีระเบิดเทียนเหล่ยอยู่ในมือ ในยามนี้จึงเชิดหน้าชูตาขึ้นมาอย่างมีชัย พวกเขาในยามนี้จึงต้องระวังตัวเอาไว้ให้มาก

เมื่อเห็นคำอวยพรทั้งแปดตัวอักษรนั้น ฝ่าบาทก็รู้สึกดีใจยิ่งนัก แต่ทว่า ยามที่เปิดหีบเหล็กขึ้นมานั้น ภายในใจของพระองค์พลันเต็มไปด้วยความตกตะลึงระคนไปด้วยความปลื้มปิติยิ่งนัก โดยที่พระองค์ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาอธิบายความรู้สึกนี้ดี

“ฮ่าฮ่าฮ่า ดีดีดี ท่านแม่ทัพอวี่เหวินใส่ใจยิ่งนัก มอบรางวัล มอบรางวัลให้ท่านแม่ทัพอวี่เหวิน ผู้เป็นเสาหลักของตงหลิงเสีย แม้ตัวจะอยู่แดนไกล แต่ยังไม่ลืมที่จะมาแบ่งปันความทุกข์ยากจากใจของเจิ้นไปด้วย” ฝ่าบาทในยามนี้ดีใจยิ่งนัก เพียงเปิดปากขึ้นมา ก็กล่าวยกยออวี่เหวินฮ่าวเสียยกใหญ่

ผู้คนที่อยู่ด้านล่าง ต่างก็งุนงงไปตาม ๆ กัน ภายในหัวของทุกคนต่างก็คาดเดาถึงสิ่งของที่อวี่เหวินหยวนฮั่วมอบให้ฝ่าบาทว่ามันคือสิ่งใดกันแน่ เหตุใดฝ่าบาทถึงได้พอพระทัยถึงเพียงนั้น?

แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกสับสนมากก็คือ ฝ่าบาทกล่าวว่าต้องการมอบรางวัลให้กับท่านแม่ทัพอวี่เหวิน แต่กลับส่งของขวัญไปให้ที่จวนเฟิ่งแทน ไม่เพียงแค่นั้น พระองค์ยังสั่งยกเลิกคำสั่งกักตัวเฟิ่งชิงเฉินแล้วด้วย

แม้ว่าจะเหลืออีกเพียงสามวันจะครบเดือน แต่จากคำพูดนี้ ทำให้ทุกคนรู้ว่าฝ่าบาทโปรดปรานเฟิ่งชิงเฉินมากเพียงใด องค์ชายทั้งหลายจึงเริ่มที่จะระวังเฟิ่งชิงเฉินในทันที แต่เป็นเพราะการกระทำของฝ่าบาทในครานี้ จึงทำให้พวกเขาไม่อาจฉวยโอกาสลงมือทำสิ่งใดไปได้ เรื่องของเฟิ่งชิงเฉินจึงได้แต่ต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวต่อไป

ตั้งแต่ต้นจนจบนั้น เสด็จอาเก้าหาได้พูดสิ่งใดออกมาไม่ อีกทั้งยังไม่มีผู้ใดสังเกตแววตาอันล้ำลึกของเขาอีก ที่สื่อไปด้วยถึงความเยาะเย้ยมากมาย

พิธีการมอบของขวัญนั้น ยังคงต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ของขวัญของอวี่เหวินหยวนฮั่วมัดใจฝ่าบาทไว้ได้นั้น พระองค์ก็เอาแต่ถือไว้บนตัวเช่นนั้น ราวกับกลัวว่าจะมีผู้ใดแย่งชิงไป ยิ่งทำให้ผู้คนสงสัยมากขึ้นไปอีกว่า ของขวัญที่อวี่เหวินหยวนฮั่วมอบให้ฝ่าบาทนั้น คือสิ่งใดกันแน่

เพราะของขวัญอันลึกลับของอวี่หเวินหยวนฮั่วนั้น แม้จะมีของขวัญชิ้นอื่นที่ดูแปลกตามากมาย แต่มันก็ไม่อาจดึงดูดความสนใจของฝ่าบาทได้อีกแล้ว จนกระทั่งมีขันทีเข้ามารายงานว่า หลี่เซี่ยงมีของขวัญอะไรบางอย่างต้องการมามอบให้พระองค์ เพื่อแสดงความยินดีต่อองค์จักรพรรดิในวันพระราชสมภพนี้ สายตาของผู้คนจึงให้ความสนใจกับสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าไปในทันที

หลี่เซี่ยงผู้นี้ นับว่าเป็นคนที่ฉลาดเฉลียวยิ่งนักแม้จะเอ่ยว่าต้องการสร้างความประทับใจให้กับฝ่าบาท ทั้งยังขับไล่หรงชิงชิวออกมาอีก ก็ยังลากมือที่ได้รับบาดเจ็บออกมาทำของขวัญด้วยตนเอง

ฝ่าบาทรู้มาว่า มันเกี่ยวข้องกับระเบิดเทียนเหล่ย เนื่องจากว่าวัสดุที่หลี่เซี่ยงต้องการนั้น คล้ายคลึงกับวัสดุที่ใช้ทำระเบิดเทียนเหล่ยเป็นอย่างยิ่ง

ได้ สำหรับของขวัญที่หลี่เซี่ยงมอบมันให้กับเขานั้น เขาหวังว่ามันจะมีอานุภาพที่ร้ายแรงกว่าระเบิดเทียนเหล่ย

เมื่อมีอาวุธลับของหลี่เซี่ยงเช่นนี้ รวมไปถึงของขวัญของอวี่เหวินหยวนฮั่วอีก ฝ่าบาทพลันมีกำลังใจที่จะออกไปยึดใต้หล้าได้ในทันที!

เมื่อกล่าวว่าจะมอบของขวัญให้นั้น แต่ฝ่าบาทก็รอมาครึ่งวันแล้ว ก็ยังไม่เห็นของขวัญที่ว่าเลยแม้แต่น้อย ภายในใจของพวกซีหลิงเทียนเหล่ยและอีกหลาย ๆ คนนั้น ต่างก็อยากจะให้หลี่เซี่ยงรีบมอบของขวัญให้ไวๆ เสียที อีกทั้งพวกเขาก็กังวลว่า ของขวัญของหลี่เซี่ยงนั้น จะทำให้พวกเขาทั้งสามแคว้นเก้าแดนสารทิศต้องตกอยู่ในอันตรายหรือไม่

“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?”มีเพียงผู้อื่นเท่านั้นที่ต้องรอองค์จักรพรรดิ มีผู้ใดต้องให้องค์จักรพรรดิต้องมารั้งรอตนเองเช่นนี้บ้าง เมื่อเวลาผ่านไปได้ประมาณหนึ่งก้านธูป นั่นหมายถึงว่าเห็นแก่หน้าของหลี่เซี่ยงแล้ว

ขันทีที่เป็นตัวแทนของหลี่เซี่ยงนั้น ใบหน้าพลันเต็มไปด้วยเหงื่อในทันที ยามที่เขากำลังคุกเข่าร้องขอชีวิตนั้น ก็พลันได้ยินเสียงดังสนั่นบนฟากฟ้าในทันที “บึ้ม”

“เกิดอะไรขึ้น?” ผู้คนพลันรีบมองหาต้นเสียงในทันที พร้อมกับเห็นประกายไฟที่อยู่บนฟากฟ้า ดูสวยงามตระการตายิ่งนัก

“นั่นมันอะไรกัน?” ผู้คนต่างพากันถามด้วยความประหลาดใจ แต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้ความจริง

“บึ้ม” พลันมีเสียงดังตามมาอีกรอบ พร้อมกับผู้คนที่เห็นแสงไฟบนฟากฟ้าปรากฏสีสันหลากสีขึ้นมา แสงไฟพวกนั้นราวกับหยาดฝนที่โปรยปรายลงมายิ่งนัก พร้อมกับเสียงที่ดังสนั่นไปทั่วทุกที่

“เป็นดวงดาวที่สวยงามยิ่งนัก!” ผู้คนต่างพากันพูดชื่นชมออกมาในทันที

เสด็จอาเก้าพลันเม้มริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย พลันเงยหน้าขึ้นไปมองสีหน้าขององค์จักรพรรดิ พลันเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยตื่นเต้นที่แฝงไปด้วยความทะเยอทะยานในจิตใจของเขาไปในทันที เสด็จอาเก้าถึงกับต้องก้มหน้าลงเพื่อซ่อนความละอายใจเอาไว้ และพระองค์ยังเป็นคนเดียวที่ไม่ร่วมชมการแสดงดอกไฟในวันนี้

บึ้มบึ้มบึ้ม เสียงที่ดังสนั่นไม่หยุด พร้อมกับประกายที่ไฟที่เต็มไปทั่วฟากฟ้า เมื่อมันส่องสว่างในยามราตรีนั้น ประกายไฟเหล่าดูคล้ายกับดอกไม้ยิ่งนัก สวยงามเสียจนไม่อาจละสายตาไปจากที่ใดได้ ราษฎรที่อยู่ภายในเมืองหลวง ต่างพากันออกมาชมดอกไม้ไฟเช่นกัน

เมื่อเสียงดังครบเก้าสิบเก้าครั้งแล้วนั้น ดอกไม้ไฟที่อยู่ตรงหน้าพลันอันตรธานหายไปในทันที พร้อมกับบนท้องฟ้าที่เข้าสู่ความสงบดังเดิม ในยามที่ผู้คนคิดว่าของขวัญที่หลี่เซี่ยงมอบให้จบลงไปแล้วนั้น กลับมีประกายไฟอีกดวงพุ่งขึ้นมาในทันที

“บึ้ม”

พร้อมกับแสงที่สว่างไปทั่วฟ้า แต่มันหาใช่เป็นรูปดอกไม้ไฟเช่นเดิมไม่ ในครานี้ กับเป็นรูปมังกรห้าเล็บแทน

“ว้าว มังกร มันคือมังกร มังกรตัวจริงมาปรากฏแล้ว” ผู้คนพลันนั่งไม่ติดพื้นในทันที พร้อมกับลุกขึ้นมาโดยพลัน พลางชี้ไปที่มังกรที่อยู่บนฟากฟ้า

จู่ ๆ พลันมีขุนนางผู้หนึ่งที่มีปฏิกิริยาตอบโต้ รีบร้อนคุกเข่าตรงหน้าฝ่าบาท พร้อทกับกล่าวคำอวยพระออกมาว่า “ฝ่าดินเปิดทางสว่าง ให้มังกรตัวจริงออกมานำทาง ขอฝ่าบาททรงพระเจริญเป็นหมื่น ๆ ปี”

ผู้คนที่ได้ยินเช่นนั้น พลันได้สติกลับมา พร้อมกับคุกเข่าเพื่อถวายพระพรโดยพลัน

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ฝ่าบาทปลื้มปีติยิ่งนัก ราวกับว่าในตอนนี้เขาพิชิตใต้หล้าได้แล้วก็ไม่ปาน

กลับกัน ทั้งซีหลิงเทียนเหล่ย เป่ยหลิงเฟิ่งเฉินและอีกเก้าแดนสารทิศนั้น สีหน้าพลันแข็งค้างไปในทันที แม้แต่สีหน้าที่แสร้งยิ้มออกมา พวกเขาก็ไม่อาจทำได้ ในยามนี้กลับต้องมาคุกเข่าเหมือนกับเหล่าบริวารอีก การที่พวกเขาต้องมาทำเช่นนี้ ดูน่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก

ยามที่สายตาของจักรพรรดิตงหลิงกวาดตามองพวกเขานั้น ในนัยน์ตาของพลันฉายแววเย็นชาออกมาในทันที ในขณะเดียวกัน แววตาของพวกเขาก็มีไอสังหารแผ่กระจายออกมาเช่นกัน

หากไม่อาจกำจัดหลี่เซี่ยงออกไปได้ ตงหลิงจะผงาดขึ้นเป็นที่หนึ่งในใต้หล้าอย่างแน่แท้

เจ้าพ่อมดหลี่เซี่ยงนั่น ต้องตายสถานเดียว!

เสด็จอาเก้าที่คล้ายจะเป็นนอกมาโดยตลอด พลันใช้สายตาเย็น ๆ กวาดตามองดุพวกเขาที่คอยเอาแต่ต่อสู้กันอยู่ในสวนดอกไม้นั้น พร้อมกับมองขึ้นไปบนฟากฟ้าในยามราตรี พลันแอบคิดภายในใจของตนเองว่า “โลกนี้ก็ควรจะเปลี่ยนด้วยเช่นกัน!”

ยามที่ฝ่าบาทกำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์แห่งความสุขนั้น ก็พลันมีขันทีผู้หนึ่งเดินเข้ามารายงานด้วยสีหน้าที่ชื่นบานว่า “ทวยเทพประทานพรให้องค์จักรพรรดิตงหลิง กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงจับเจอชีพจรมงคลพ่ะย่ะค่ะ ”

“กุ้ยเฟยมีข่าวดีงั้นรึ?”

แม้ว่าน้ำเสียงของขันทีจะไม่ได้ดังมากนั้น แต่กลับปลุกสติผู้คนจนหมด โดยเฉพาะองค์รัชทายาทและตงหลิงจื่อลั่ว รอยยิ้มของฝ่าบาทพลันค่อย ๆ แข็งค้างไปในทันที

เซี่ยกุ้ยเฟยมิได้ตั้งครรภ์มานานหลายปีเช่นนี้ จู่ ๆ ก็บังเอิญตั้งครรภ์ขึ้นมางั้นหรือ อีทั้งหมอลวงยังมาตรวจเจอในวันนี้ด้วย ในสมองขององค์ชายทุกคนในยามนี้ พลันนึกได้แต่ผู้เดียวเท่านั้น “เฟิ่งชิงเฉิน!”

นางมารร้าย! องค์ชายทุกพระองค์อดไม่ได้ที่อยากจะจับนางกลืนลงท้องไปยิ่งนัก สตรีที่ไม่กลัวปัญหาใหญ่เช่นนาง

สายตาของทุกคนพลันจับจ้องไปยังบิดาของพระสนมกุ้ยเฟยที่นั่งอยู่ที่นี่ในทันที เมื่อเห็นสีหน้าใต้เท้าเซี่ยมีท่าทีที่สงบนิ่งนั้น ราวกับไม่มีความรู้สึกยินดีร่วมด้วย แต่ทว่า มุมปากกลับโค้งขึ้นมาเล็กน้อย ราวกับว่าเขามีความสุขยิ่งนักในเวลานี้

เด็กคนนี้มาได้ถูกเวลายิ่งนัก นับว่าจะมีวาสนาที่ดี!

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท