นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 384 ร่วมห้อง เรียกชื่อบุรุษอีกคน

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตี๋ตงหมิงเคยพูดว่า การลอบสังหารนั้น หาใช่ว่าทำไม่ได้ไม่ แต่มันขึ้นว่า จะใช้กับผู้ใดมากกว่า การลอบสังหารองค์ชายของแคว้นนั้น ไม่อาจทำได้ แต่การลอบสังหารเฟิ่งชิงเฉินนั้น ย่อมมิใช่เรื่องยากแต่อย่างใด

หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้นั้น ซีหลิงเทียนเหล่ยคงจะเคียดแค้นนางจนแทบอยากจะกลืนนางลงท้องเลยกระมัง และยังมีหนานหลิงจิ่นฝานอีก ที่มีท่าทางเป็นเด็กเอาแต่ใจเช่นนั้น หากมิใช่ว่ามีหวังจิ่นหลิงมาห้ามปรามเขาในวันนี้ ต่อไปในวันข้างหน้า เขาย่อมต้องกลับมาล่าหัวของนางอย่างแน่นอน หากว่าเขาไม่อาจลงมืออย่างโจ่งแจ้งได้นั้น แอบกระทำลับหลังก็ได้มิใช่หรือ

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฟิ่งชิงเฉินพลันรู้สึกปวดหัวยิ่งนัก เรื่องเก่ายังไม่ทันจบ ก็ยังมีเรื่องใหม่ตามมาอีก ถ้าหากนางเป็นตัวร้างปัญหาเช่นนี้ เหตุใดพระเจ้าถึงไม่เตะนางสักที เพื่อที่จะได้ช่วยควบคุมปัญหาที่นางต้องมาเผชิญหน้าเสียบ้าง ?

เมื่อเฟิ่งชิงเฉินนึกถึงคำเตือนของเสด็จอาเก้าได้นั้น นางจึงได้จงใจก้าวช้าลงไปสองสามก้าว เพื่อรั้งรอหวังจิ่นหลิง จะได้ไม่เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น หากมีคุณชายใหญ่ตระกูลหวังอยู่ด้วยเช่นนี้ ย่อมไม่มีใครกล้าลงมือต่อนางอย่างแน่นอน

“ชิงเฉิน รอก่อน”

ไม่คาดคิดว่า นางยังมิทันได้รอหวังจิ่นหลิงเลย พลันต้องมาเจอกับตงหลิงจื่อชุนเข้าเสียก่อน

ตงหลิงจื่อชุน แม้ว่าจะเป็นชินอ๋องที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง แต่เขาหาได้ยุ่งเกี่ยวกับราชสำนักไม่ ช่วงเวลาเช่นนี้ เขาย่อมไม่รั้งอยู่เพื่อถกเถียงปัญหาของราชสำนักอยู่แล้ว สิ่งที่เขาจะต้องทำเพื่อตงหลิงนั้น ก็คือการรอเวลาเพื่อตบแต่งซีหลิงเหยาหวาเข้าวังเป็นพระชายา

เขาคือหลายชายขององค์จักรพรรดิตงหลิง ตราบใดที่ยังมีแรงสนับสนุนจากราชวงศ์ตงหลิงอยู่ เขาก็ต้องยอมทำอะไรเพื่อตงหลิงเสียบ้าง การแต่งงานก็ถือเป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน

“ชุนอ๋องมีเรื่องอันใดหรือเพคะ?” แม้ว่าเฟิ่งชิงจะใช้เวลาในการเดินออกมาจากงานเลี้ยงนานมากนัก เนื่องจากว่านางและชุนอ๋องอยู่ใกล้ตำแหน่งบัลลังค์ของฝ่าบาทมากที่สุด พวกเขานับว่าเป็นกลุ่มหลัง ๆ ที่ได้ออกมาจากงานเลี้ยงเสียด้วยซ้ำ ผู้คนที่ตามมาด้านหลังก็พลันบางตาลงไปมากโข แต่ทว่า มีขุนนางสองสามคนที่ได้ยินชุนอ๋องเอ่ยเรียกนางนั้น ก็ยังคงจงใจเดินอุ้ยอ้าย ถ่วงเวลาเอาไว้

ภายในใจของตงหลิงจื่อชุน รวมไปถึงสายตาของเขา มีเพียงเฟิ่งชิงเฉินผู้เดียวเท่านั้น เขาจะไปมีเวลาสนใจผู้อื่นได้อย่างไร ยามที่เฟิ่งชิงเฉินอยากจะเอ่ยปากพูดออกมานั้น ก็พลันเห็นนัยน์ตาของชุนอ๋อง ที่ส่องประกายระยิบระยับเข้าเสียก่อน ก็รับรู้ได้ทันทีว่า ไม่ว่านางจะพูดสิ่งใดออกมา คนผู้นี้ก็คงไม่ฟังคำของนาง

เมื่อเห็นท่าทีของเฟิ่งชิงเฉินที่สงบเงียบเช่นนั้น ตงหลิงจื่อชุนพลันรู้สึกอึดอัดไปเล็กน้อย ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน แม้ว่าเขาที่เป็นถึงชินอ๋องยืนอยู่ต่อหน้าเฟิ่งชิงเฉินเช่นนี้ แต่เขาไม่อาจกดดันความสง่างามของเฟิ่งชิงเฉินลงไปได้เลยแม้แต่น้อย “ชิงเฉิน ข้า”

“ชุนอ๋องเพคะ หากท่านมีสิ่งใด โปรดเรียนมาตามตรงเถิด” เฟื่งชิงเฉินเริ่มรู้สึกร้อนใจ เนื่องจากว่านางเห็นหวังจิ่นหลิงเดินออกมาแล้ว หากนางไม่รีบไปตอนนี้ บางทีหวังจิ่นหลิงอาจจะถูกผู้อื่นลากเขาไปก่อนก็เป็นได้ ในยามนี้ หวังจิ่นหลิงมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นอีกแล้ว

ตงหลิงจื่อชุนพลันสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ เข้ารู้ดี หากเขาไม่เอาพูดออกมาในวันนี้ เขาก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว สีหน้าของชุนอ๋องพลันแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง พร้อมกับมองมาที่เฟิ่งชิงเฉิน “ชิงเฉิน ข้ารักเจ้า แต่เดิมข้าต้องการแต่งเจ้าเข้ามาเป็นพระชายาเอก แต่เป็นเพราะเรื่องขององค์หญิงเหยาหวา ข้า”

หากพูดถึงเรื่องของซีหลิงเหยาหวานั้น ชุนอ๋องนับว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อย่างแท้จริง เนื่องจากว่า เขาหาได้ลงมือทำสิ่งใดไม่

เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกขนหัวลุกกับแววตาที่ชุนอ๋องมองมาที่นางยิ่งนัก มิรอให้เขาพูดจบ เฟิ่งชิงเฉินก็พลันเอ่ยตัดบทออกมาในทันที “ต้องขอบพระคุณความเมตตาที่ชุนอ๋องมีให้หม่อมฉันเพคะ ในเมื่อท่านจะต้องตบแต่งองค์หญิงเหยาหวาเข้ามาเป็นพระชายาเอกแล้วนั้น คำพูดเช่นนี้ ชุนอ๋องมิควรจะเอ่ยออกมา จะเป็นการดีกว่านะเพคะ”

นี่คือความรักของผู้ชายในยุคนี้ เขาสามารถตบแต่งภรรยาอีกคน พร้อมกับบอกรักสตรีอีกคนหนึ่งได้ เพื่อให้คุณเป็นนางสนมของเขา พวกเขาหาได้มีความทุกข์ร้อนอันใดไม่ อีกทั้งยังแสดงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย เนื่องจากว่ามันคือวัฒนธรรมของคนในยุคนี้

ตบแต่งกับสตรีที่มีฐานะให้สมฐานะเป็นฮูหยินเอก และแต่งกับสตรีในดวงใจเป็นฮูหยินรอง เพื่อให้ฮูหยินเอกมีหน้ามีตา พร้อมทั้งมอบความโปรดปรานให้กับสตรีในดวงใจแทน

การใช้ชีวิตเช่นนี้เป็นเรื่องปกติในสายตาของคนทั่วไป แต่เฟิ่งชิงเฉินหาได้รับกับการกระทำเช่นนี้ได้ไม่

“แต่ว่า ข้าอยากแต่งกับเจ้า” ตงหลิงจื่อชุนพลันกล่าวออกมาด้วยความร้อนรน เขาตั้งใจที่จะแต่งกับเฟิ่งชิงเฉินจริง ๆ

“ลั่วอ๋องเพคะ เรื่องที่พระองค์ต้องแต่งกับองค์หญิงเหยาหวานั้น ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้อีกแล้วเพคะ ในเมื่อท่านไม่อาจควบคุมงานแต่งงานของตนเองได้เช่นนี้ ฉะนั้นแล้วคำพูดที่ชุนอ๋องพูดไปเมื่อครู่ พระองค์อย่าเอ่ยออกมาอีกเลยเพคะ มิเช่นนั้นมันอาจจะมีปัญหาตามมาที่หลังก็เป็นได้” เฟิ่งชิงเฉินเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความรักของตงหลิงจื่อชุนแล้ว ในขณะเดียวกัน นางก็เข้าใจจุดประสงค์ของเขาเป็นอย่างดี ฉะนั้นแล้ว นางถึงได้เอ่ยปฏิเสธออกไปเช่นนี้ ก็เพื่อมิให้เป็นการทำร้ายเขา

กลับกัน ตงหลิงจื่อชุนกลับพูดความต้องการของตนเองออกมาแทน “ชิงเฉิน เจ้าแต่งเป็นพระชายารองให้ข้าได้หรือไม่? ข้าสัญญา นอกจากตำแหน่งพระชายาเอกแล้ว ข้าล้วนแต่ให้เจ้าได้หมดทุกอย่าง”

“ขออภัยชุนอ๋องเพคะ หม่อมฉันหาได้สนใจที่จะรับใช่สามีคนเดียวกันกับองค์หญิงเหยาหวาไม่” เฟิ่งชิงเฉินพยายามเป็นอย่างมาก ที่หาคำตอบมาปฏิเสธเพื่อมิให้ทำร้ายชุนอ๋อง หน้าตาของบุรุษนั้น นางไม่อยากจะสร้างศัตรูมากไปกว่านี้

“แต่ทว่า การตบแต่งเหยาหวานั้น ข้าหาได้เต็มใจไม่ ข้าไม่อยากแต่งกับนาง” ตงหลิงจื่อชุนพลันพูดออกมาด้วยความรู้สึกไม่ยุติธรรมยิ่งนัก หากเขารู้ว่าเรื่องทุกอย่างจะเป็นเช่นนี้ หากต้องถูกตีจนตาย เขาก็จะไม่ไปเหยียบตำหนักแยกของเสด็จอาเก้าเป็นอันขาด ทั้งจะไม่ยอมดื่มสุรากลั่นหิมะลงไปด้วย

สุรากลั่นหิมะ ต้องเป็นสุรากลั่นหิมะแน่ ๆ

แววตาของตงหลิงจื่อชุนพลันส่องประกายระยิบระยับไปในทันที พร้อมกับจับมือทั้งสองข้างของเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้ “ชิงเฉิน จะต้องเป็นเพราะสุรากลั่นหิมะแน่ ๆ ที่มีปัญหา ข้ากับองค์หญิงเหยาหวาดื่มสุรากลั่นหิมะลงไป ถึงได้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น เสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินไปกันเถอะ พวกเราไปหาเสด็จอาเก้ากัน”

มิรู้ว่าเป็นเพราะได้รับการปกป้องมากเกินไปหรือไม่ หรือเป็นเพราะว่า ความใจร้อนของตนเอง ตงหลิงจื่อชุนถึงได้ไม่รู้จักคิดวิเคราะห์เช่นนี้ หากเขาพูดเช่นนี้ออกมา ไม่รู้หรือว่าจะนำพาความเดือดร้อนมาให้เสด็จอาเก้าเช่นไร

“ปล่อยมือ” เฟิ่งชิงเฉินไม่ชอบใจ พร้อมทั้งรู้สึกรังเกียจยิ่งนัก ผู้ที่นางสามารถให้จับมือได้นั้น สามารถนับได้เพียงแค่ฝ่ามือเดียวเท่านั้น

เสด็จอาเก้าหนึ่งคน หลานจิ่วชิงหนึ่งคน หวังจิ่นหลิงมีบ้างเป็นบางครั้ง ที่นางสามารถให้พวกเขาจับได้

“ชิงเฉิน เจ้าฟังข้า เรื่องนี้มีความเป็นไปได้มากถึงเก้าส่วนเลยทีเดียว ต้องเป็นเสด็จอาเก้า” ในยามนี้ ตงหลิงจื่อชุนรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก เขาจะไปสังเกตสีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินได้อย่างไรกัน

ในยามนี้ เฟิ่งชิงเฉินนางรู้สึกปวดหัวยิ่งนัก มิรอให้ชุนอ๋องพูดจบ ก็รีบร้อนกล่าวตัดบทว่า “หุบปาก!”

“ชิงเฉิน ข้า ถูกคนใส่ร้าย” ตงหลิงจื่อชุนยังคงมิเข้าใจสถานการณ์ ว่าเหตุใดเฟิ่งชิงเฉินถึงได้โมโหเขาเช่นนี้ หากเขาสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ไม่นับว่าเป้นเรื่องที่ดีงั้นหรือ?

เฟิ่งชิงเฉินพลันรู้สึกปวดหัวยิ่งนัก เหตุใดฝ่าบาทถึงได้เลี้ยงดูให้ชุนอ๋องใสซื่อเช่นนี้ได้ อีกทั้งยังไม่รูว่าสิ่งใดดีสิ่งใดชั่วอีก

“ชุนอ๋องเพคะ ท่านรีบเก็บความคาดเดาของท่านลงไปเถิด ไม่ต้องสนใจว่าเรื่องเป็นเช่นใดไม่ ในเมื่ผลลัพธ์มันออกมาเป็นเช่นนี้แล้ว ว่าท่านทำร้ายความบริสุทธิ์ขององค์หญิงเหยาหวา ไม่ว่าเรื่องจะเป็นเช่นไร ท่านก็ต้องแต่งนางเข้ามาอยู่ดี

นอกจากนี้ ไม่ว่าเรื่องจะเป็นมาเช่นไร ท่านก็ไม่จำเป็นต้องรับรู้ ถึงอย่างไรท่านก็ได้แต่คาดเดาเท่านั้น อีกทั้งการคาดเดาของท่าน จะเป็นการทำให้แผ่นดินตงหลิงต้องสั่นคลอน

ชุนอ๋องเพคะ ท่านอย่าได้หลงลืมไปว่าท่านเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ตงหลิง การที่พระองค์จะลงมือทำสิ่งใดนั้น ควรที่จะต้องใส่ใจผลประโยชน์ของตงหลิงให้มาก ๆ มิเช่นนั้น แม้แต่ฝ่าบาทก็ไม่อาจปกป้องท่านได้แน่”

เฟิ่งชิงเฉินกล่าวคำขู่ครึ่งหนึ่งและเรื่องหลอกเรื่องหนึ่งออกไป เพื่อมิให้ผู้ใดได้ยิน นางจึงตั้งใจเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของตงหลิงจื่อชุนแทน

ถึงแม้ว่าตงหลิงจื่อชุนก็รู้สึกร้อนวูบวาบยิ่งนัก ตัวเขาในยามนี้คล้ายกับคนจะเป็นลมก็ไม่ปาน เขาหาได้ยินไม่ว่า เฟิ่งชิงเฉินพูดสิ่งใด เอาแต่พยักหน้าลงด้วยความรวดเร็ว

ไม่ว่าอย่างไรคำพูดของเฟิ่งชิงเฉินก็ถูกเสมอ

เด็กเล็ก ๆสามารถสั่งสอนได้ง่าย!

เฟิ่งชิงเฉินนึกว่าตงหลิงจื่อชุนเข้าใจในคำพูดของนางแล้วนั้น ก็พลันพยักหน้าลงด้วยความพอใจ เมื่อเห็นชุนอ๋องฟังความเช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินพลันรู้สึกรังเกียจองค์หญิงเหยาหวายิ่งนัก นางจึงตัดสินใจทรี่จะปลูกเมล็ดพันธ์ุแห่งความรังเกียจองค์หญิงเหยาหวาเข้าไปภายในใจของตงหลิงจื่อชุน

“ชุนอ๋องเพคะ หม่อมฉันรู้ว่า ท่านต้องการจะแต่งกับสตรีที่ท่านรัก ยามที่ต้องร่วมห้องกันนั้น กลับต้องมาถูกสตรีเรียกชื่อบุรุษผู้อื่นเช่นนี้ นั่นทำให้พระองค์รู้สึกไม่พอใจเป็นธรรมดา อีกทั้งยังรู้สึกว่าตนเองถูกทำลายความภาคภูมิใจของตนไป แต่เรื่องนี้หาใช่จุดจบไม่เพคะ ไม่ว่าท่านกับข้า ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้ทั้งนั้น ชิงเฉินหวังว่า ทั้งท่านและองค์หญิงเหยาหวาจะครองคู่กันจนผมเป็นสีดอกเลา ” ประโยคแรก เป็นคำพูดที่ฆ่าคนโดยไม่อาจเห็นเลือด หากแต่ประโยคสุดท้ายกลับเป็นประโยคคำอวยพร ช่างทำให้รู้สึกตลกขบขันยิ่งนัก

“อุ๊ฟ!”

ถึงแม้ว่าหวังจิ่นหลิงจะมีความเป็นสุภาพบุรุษมากพอ แต่ทว่า เมื่อได้มายินคำพูดของเฟิ่งชิงเฉินเช่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะต้องหัวเราะออกมา

ชิงเฉิน เจ้าช่างน่าสนใจเสียจริง!

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท