บทที่ 392 เสียตัว? ได้รับบาดเจ็บเสื้อผ้าขาดเสียหาย
หลานจิ่วชิงจำได้ว่าการพบกันครั้งแรกระหว่างเขากับเฟิ่งชิงเฉิน จริงๆแล้วเป็นตอนที่อยู่ในห้องลับของจวนซู ตอนนั้นซูเหวินชิงได้เชิญเฟิ่งชิงเฉินไปช่วยเขา
เฟิ่งชิงเฉินฉลาดและใจเย็นมาก นางรู้ว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำ นอกจากช่วยเขาแล้ว เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ถามอะไรเลย นางไม่พูดมากและไม่เรื่องมาก ทั้งๆที่นางมีโอกาสเห็นใบหน้าของเขา แต่นางกลับชาญฉลาดอย่างมาก นางระงับความสงสัยของตนเอาไว้เพื่อปกป้องตัวเอง
เฟิ่งชิงเฉินเฉลียวฉลาดและดูเป็นมืออาชีพ นางดูไม่เหมือนผู้หญิงที่เพิ่งจะบรรลุนิติภาวะ และแตกต่างจากความไร้เดียงสาและสุ่มส่ามของซุนซือสิงไปโดยสิ้นเชิง
ต่อมา เขาปรากฏตัวในจวนเฟิ่งพร้อมอาการบาดเจ็บ เฟิ่งชิงเฉินไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย ซึ่งทำให้เขาล้มเลิกความคิดที่จะฆ่าปิดปากนางไป ผู้หญิงที่ชาญฉลาดเช่นนี้ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้การกระทำของหลานจิ่วชิงอ่อนโยนกว่าเดิม เขาวางเฟิ่งชิงเฉินลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง “ซุนซือสิง อาจารย์ของเจ้าได้รับบาดเจ็บ ข้าจะมอบนางให้เจ้ารักษา หากว่านางเป็นอะไรไป ตระกูลซุนจะต้องตายทั้งหมด”
“อะไรนะ เจ้าบอกว่าคนๆ นี้เป็นอาจารย์ของข้างั้นหรือ? เป็นไปได้อย่างไร? อาจารย์ของข้าจะบาดเจ็บได้ยังไง? ใครกันใจกล้าเช่นนี้กล้าทำร้ายอาจารย์ของข้า” ซุนซือสิงลืมว่าตัวเองกำลังหวาดกลัว เขากระโดดยืนขึ้นและเร่งพุ่งเข้าไปข้างเตียง ในก้องนั้นมืดจนเดินไป อีกทั้งเฟิ่งชิงเฉินมีเลือดเต็มตัว ซุนซือสิงจึงไม่รู้ว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นเป็นใคร
ซุนซือสิงเร่งหันหลังกลับ กำลังจะไปจุดตะเกียง แต่กลับพบว่าห้องนั้นสว่างขึ้นมาทันที และคนที่เอาดาบข่มขู่เขาได้หายตัวไปแล้ว หากไม่ใช่เพราะเฟิ่งชิงเฉินนอนเปื้อนเลือดทั้งตัวอยู่บนเตียง ซุนซือสิงเองก็คงสงสัยว่าตนฝันไปรึเปล่า
“ซือสิง เกิดอะไรขึ้น”
“คุณชายไม่เป็นไรใช่หรือไม่ขอรับ!”
ซุนฮูหยินและคนรับใช้ของจวนซุนได้ยินเสียงกรีดร้องของซุนซือสิง และพวกเขารีบพุ่งเข้ามาในทันที และเอ่ยเสียงถามมาแต่ไกล เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังขึ้น แสดงถึงความกระวนกระวายของพวกเขา
ซุนซือสิงต้องการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เขาอยากช่วยเฟิ่งชิงเฉิน ส่วนหลานจิ่วชิงเขาลืมไปนานแล้ว อีกอย่าง หากว่าเขาบอกเรื่องชายชุดดำ ก็มีแต่จะทำให้คนที่บ้านกังวลเท่านั้น
ซุนซือสิงหันไปและตะโกนเสียงดังว่า “แม่ ลุงซุน ข้าไม่เป็นกระไร อาจารย์ของข้าได้รับบาดเจ็บ พวกเจ้าไปเตรียมน้ำร้อน ผ้าขาวที่สะอาดและเอากล่องยาของข้ามาให้ที อีกเรื่องหนึ่ง ตะเกียง….จุดตะเกียงมาเยอะๆหน่อย”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซุนซือสิงพันแผลให้กับ เฟิ่งชิงเฉิน อีกทั้งเฟิ่งชิงเฉินได้สอนเขามาเป็นพิเศษเกี่ยวกับวิธีรับมือกับเหตุฉุกเฉิน แม้ว่าเขาจะกังวล ประหม่า และสับสน แต่การรักษาของเขาเป็นไปอย่างมีระเบียบ นี่คือสัญชาตญาณ สัญชาตญาณของคนเป็นหมอ และเป็นสัญชาตญาณที่เฟิ่งชิงเฉินบังคับฝึกฝนจนบังเกิด
เฟิ่งชิงเฉินเชื่อเสมอว่าในขณะที่หมอถือมีดผ่าตัด เช่นนั้นหมอควรทำตัวเหมือนหุ่นยนต์ ปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด และไม่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวเข้ามายุ่งเกี่ยว เพียงแค่ทำให้ดีที่สุดเท่านั้นที่จะทำให้มีการตัดสินใจที่มีหลักการมากที่สุด
“ปั๊ง…” ซุนฮูหยินสวมเสื้อคลุมและรีบเข้าไป “ซือซิง เจ้าว่าอย่างไรนะ? อาจารย์ของเจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ? นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
เมื่อเห็นซุนฮูหยินตื่นตระหนกอย่างมาก ราวกับว่าคนที่ได้รับบาดเจ็บเป็นซุนซือสิงเอง ซึ่งกังวลมากกว่าได้ยินว่าซุนซือสิงได้รับบาดเจ็บเสียอีก
“ข้าไม่รู้ มีเลือดอยู่เต็มร่างกายของอาจารย์ แม่ เร่งให้คนไปเตรียมของเสีย ข้าจะล้างแผลให้อาจารย์ และห้ามเลือด นางมีบาดแผลที่เกิดจากมีดอยู่ตามร่างกาย บาดแผลนั้นลึกมาก และถ้าไม่เร่งหยุดล้าน ข้าเกรงว่าอาจารย์จะเสียเลือดมากจนเสียชีวิต” ซุนซือสิงให้สาวใช้นำตะเกียงเข้ามาใกล้อีกนิด
“เป็นไปได้ยังไง?” ซุนฮูหยินเอามือปิดแก เพื่อไม่ให้ตนร้องไห้ออกมา
เฟิ่งชิงเฉิน สภาพของนางเหมือนเอาตัวนางขึ้นมาจากกองเลือด เสื้อผ้าบนร่างกายของนางขาดเสียหายจนหมด ซึ่งแตกต่างจากเสื้อผ้าดูดีมีระดับในตอนแรกอย่างมาก
“อาจารย์ของเจ้าไม่เป็นกระไรใช่หรือไม่?” เสื้อผ้าของผู้หญิงขาดเสียหาย ปฏิกิริยาแรกของซุนฮูหยินคือเฟิ่งชิงเฉินถูกละเมิดทางเพศหรือไม่ หากว่าเป็นเช่นนั้น…
นางไม่อยากเชื่อเลยว่า เฟิ่งชิงเฉินจะเผชิญกับมันอย่างไร
ซุนซือสิงไม่เข้าใจความหมายของซุนฮูหยิน แม้ว่าชายที่ร่ำรวยในยุคนี้จะมีสาวใช้บริการตนตอนอายุสิบสองสิบสาม แต่ซุนเจิ้งเต้าเคร่งเรื่องนี้กับซุนซือสิงอย่างมาก อีกอย่างเขาไม่ได้คิดในเรื่องนั้นเลยด้วยซำ ฉะนั้นเขาจึงส่ายหน้าและตอบว่า “ข้าไม่ทราบ รออาจารย์ตื่นมาก็จะทราบ”
ซุนซือสิงสงบลงอย่างมาก หากสงบจิตใจดึงสติออกมาไม่ได้ เช่นนั้นเมื่ออาจารย์ฟื้นขึ้นมาเจอเขาประหม่าและกังวล ไม่มีความใจเย็นและสติของหมดเลย เช่นนั้นจะต้องโดยต่อว่าอย่างแรงแน่นอน
“ไม่เป็นกระไรหรอก ไม่เป็นกระไรอย่างแน่นอน” ซุนฮูหยินตัวสั่นเทา และอยากเข้าไปตรวจสอบด้วยตนเอง
“คุณชายกล่องยาและเสื้อคลุมสีขาวของท่านขอรับ” พ่อบ้านซุนวิ่งหอบเข้ามา ซุนซือสิงหันศีรษะไปและยื่นไปให้ซุนฮูหยิน แม่ แม่ออกไปเสียก่อนห้องของข้ามันเล็กเกินไป แม่อยู่ที่นี่ข้าทำอะไรไม่สะดวก”
ซุนซือสิงให้สาวใช้เชิญซุนฮูหยินออกไปอย่างไม่เกรงใจ เขาไม่เห็นความวิตกกังวลของซุนฮูเหยินเลย
“คุณชาย เสื้อขอรับ” พ่อบ้านกางเสื้อคลุมสีขาวออก พร้อมที่จะสวมใส่ให้ซุนซือสิง
เฟิ่งชิงเฉินทำเสื้อคลุมสีขาวตามแบบของหมอยุคปัจจุบัน และให้ซุนฮูหยินเป็นคนตัดเย็บ ในฐานะศัลยแพทย์ จะต้องสัมผัสบาดแผลทุกวัน ไม่ว่าจะเพื่อผู้ป่วยหรือเพื่อตัวเองก็ตาม การเปลี่ยนเสื้อผ้านั้นสำคัญอย่างมาก เพราะถึงอย่างไรแล้วการฆ่าเชื้อในสมัยโบราณนั้นประสิทธิภาพไม่สูงเท่าไหร่ เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากเห็นซุนซือสิงติดโรคกระไรเลย
ภายในกล่องยาไม้นั้นมีเครื่องใช้แพทย์สมัยใหม่อยู่มาก มันดูแปลก แต่ก็ไม่เจอว่ามีจุดผิดตรงไหน มีดผ่าตัดอะลูมิเนียม ที่หนีบอะลูมิเนียม เข็มด้าย ผ้าพันแผล และยาฆ่าเชื้อ เขาวางเรียงอย่างเป็นระเบียบ มีดผ่าติ้นเล็กกำลังเป็นประกายในห้องที่มืดมนเช่นนี้
ซุนซือสิงเป็นเช่นเดียวกับเฟิ่งชิงเฉิน ปกติแล้วพวกเขาดูธรรมดา แต่เมื่อสวมชุดคลุมสีขาว และถือมีดผ่าตัด พวกเขาแสดงออกถึงความเป็นมืออาชีพที่น่าเชื่อ อย่างน้อยหลานจิ่วชิงที่ซ่อนอยู่ในที่ลับมองว่าเป็นเช่นนี้ เมื่อเห็นซุนซือสิง ทำให้เขานึกถึงวันแรกที่เจอเฟิ่งชิงเฉิน
สงบ เป็นมืออาชีพ และจริงจัง เฟิ่งชิงเฉินช่างสวยงามและน่าดึงดูดใจมาก
หลังจากยืนยันว่าเฟิ่งชิงเฉินอยู่ในมือของซุนซือสิงแล้วจะปลอดภัย หลานจิ่วชิงก็หายตัวไปในความมืดมน ตอนนี้เขาไม่มีเวลาไปหาเรื่องปู้ชิงหยุน เขาจะจำครั้งนี้เอาไว้ แต่ปู้จิงหยุนจะต้องชดใจกับเรื่องที่เกิดในวันนี้
ปู้จิงหยุนที่กำลังป้อนยาให้กับgป่าเอ๋อ เขายังไม่รู้ว่าหลานจิ่วชิงโกรธมากจนอยากจะฉีกเขาออกเป็นชิ้นๆ ตอนนี้เขากำลังปลอบโยนเป่าเอ๋ออยู่ด้วยซำว่า ไม่นานหลานจิ่วชิงจะมาเยี่ยมเขา
“เป่าเอ๋อ อ้าปากดื่มยา มิฉะนั้นจิ่วชิงกลับมาเห็นเจ้าป่วย เขาจะต้องโกรธที่เจ้าไม่รักตัวเองแน่เลย”
ฉินเป่าเอ๋ออาศัยอยู่ในหุบเขาลึกตั้งแต่เกิด แต่นางไม่ใช่สาวบ้านนอกที่ไม่รู้อะไรเลย ตรงกันข้าม นางสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ฉลาดและบุคลิกดีทั้งภายในและภายนอก สง่างามไม่หยาบคาย และนางเป็นหญิงงามที่น่าทึ่งอย่างมาก แต่นางเป็นหญิงงามที่ร่างกายไม่ดี
ฉินเป่าเอ๋อสวมเสื้อสีขาวเอนกายอยู่บนหัวเตียง ดวงตาที่เปื้อนน้ำตาของนางเต็มไปด้วยความเศร้าโศก และนางดูมีเสน่ห์และน่ารัก ” พี่จิงหยุน พี่ชายหลานจะมาเยี่ยมข้าเมื่อไหร่หรือ?”
ฉินเป่าเอ๋อในตอนนี้สามารถเปลี่ยนคนที่มีใจแข็งกลายเป็นใจที่อ่อนโยนได้ ปู้จิงหยุนรู้สึกว่าใจอ่อนโยนอย่างมาก และเขาแอบเกลียดหลานจิ่วชิง ชายคนนี้เลวทรามเหลือเกินที่ทำเป่าเอ๋อเสียใจ
“เจ้ารักษาตัวให้ดี วันพรุ่งข้าจะไปเอาตัวหลานจิ่วชิงมาตรงนี้ให้ได้” ปู้จิงหยุนไม่เข้าใจอย่างมา หลานจิ่วชิงไอ้สารเลวนั้น ทิ้งเป่าเอ๋อไง้ตรงนี้ไม่ถามไถ่เลยได้อย่างไร ครั้งนี้ที่เป่าเอ๋อไม่สบายอีกแล้ว ก็เป็นเพราะนางคิดมากนั่นแหละ
ตาของฉินเป่าเอ๋อเป็นประกาย แล้วนางก็กัดริมฝีปากอีกครั้ง ราวกับว่าได้ตัดสินใจครั้งสำคัญแล้ว “พี่จิงหยุน หากว่าพี่ชายหลานยุ่งมาก เช่นนั้นก็แล้วไปเถิด เป่าเอ๋อไม่อยากทำให้เขาต้องลำบาก”
“ไม่ต้องห่วง ไม่ว่าจิ่วชิงจะยุ่งแค่ไหน มาแค่นี้ก็ไม่ยากเกินหรอก พรุ่งนี้นะ วันพรุ่งนี้ข้าจะเอาจิ่วชิงมาอยู่ตรงหน้าให้ได้” หญิงงามอมยิ้ม ทำให้ปู้จิงหยุนลืมทุกสิ่งอย่างไป และรับปากนางทันที
ฉินเป่าเอ๋อมีความสุขอย่างมาก จึงให้ความร่วมมือดื่มยาทั้งหมด
แต่ทั้งปู้จิงหยุนและฉินเป่าเอ๋อไม่รู้ว่า ไม่ใช่เพราะหลานจิ่วชิงใจร้าย และไม่ใช่เพราะเป่าเอ๋อไม่ดี แต่เอ่าเอ๋อในตอนนี้ไม่เหมาะสมกับเขา สำหรับหลานจิ่วชิงแล้ว ฉินเป่าเอ๋อเป็นเหมือนภาระ