นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 427 เสด็จอาเก้าเฝ้าติดตามตลอดการผ่าตัด

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 427 เสด็จอาเก้าเฝ้าติดตามตลอดการผ่าตัด

สถานที่ผ่าตัดสร้างขึ้นในหุบเขาที่ล้อมรอบด้วยภูเขา ถ้าเสด็จอาเก้าไม่นำทางเฟิ่งชิงเฉินอาจจะหาไม่เจอ

เฟิ่งชิงเฉินคิดว่าสัญชาตญาณในการบอกทางของนางดี แต่เมื่อหันหน้าไปทางถนนบนภูเขาที่มีทางแยกทางโค้งคดเคี้ยวนับพันเก้าเลี้ยวสิบแปดโค้ง ทำให้นางคิดว่านางโง่เขลามาก

เฟิ่งชิงเฉินไม่อาจะปฏิเสธได้ว่านางไม่รู้ทิศว่าทิศไหนคือตะวันออก ตะวันตก และตะวันตกเฉียงเหนือ เสด็จอาเก้าจึงนำทางนางมา

เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกขอบคุณ ตอนนี้นางจำเป็นต้องทำความสะอาดร่างกาย ร่างกายนางตอนนี้เต็มไปด้วยโคลนและเลือด และกลิ่นก็แย่มาก

ก็แค่… ทำไมเสด็จอาเก้าถึงเตรียมเสื้อผ้าผู้ชายให้นาง เสื้อผ้าผู้ชายที่ใหญ่กว่าเสื้อที่นางใส่เยอะ นางใส่ได้หรือ?

เฟิ่งชิงเฉินหอบเสื้อผ้านั้นมาสวมใส่ นางใส่เสื้อผ้าชั้นในก่อน แล้วสวมเสื้อคลุมสีขาว

และเมื่อ… ทุกคนเห็นเด็กสาวชุดขาวลอยอยู่ในหุบเขาที่มืดมิด ต่างก็คิดว่านางเป็นผีเดือนเจ็ดล่องลอยกลางป่าเขา

เฟิ่งชิงเฉินไปที่ไหน องครักษ์รอบๆรู้สึกหนาวที่นั่น เพราะไม่มีใครในหุบเขาสมชุดขาวยามดึก เมื่อเห็นผู้หญิงสวมชุดขาวทุกคนต่างไม่กล้าแม้แต่จะขยับเท้า พวกเขาย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ขาติดพื้น

เมื่อเผชิญหน้ากับดวงตาที่น่าสะพรึงกลัวขององครักษ์ เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกคุ้นเคย หากพวกเขาเห็นนางสวมชุดขาวในห้องเก็บศพพวกเขาจะคิดว่าไม่มีอะไร

สถานที่ผ่าตัดที่เตรียมไว้สำหรับเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้สร้างใหม่ แต่สร้างขึ้นใหม่จากบ้านไม้เดิม แถบนี้มีบ้านไม้เต็มไปหมด เสด็จอาเก้าเลือกห้องที่มุมที่ไกลที่สุด และเปลี่ยนเป็นสถานที่ผ่าตัดตามเฟิ่งชิงเฉินร้องขอ ณ เวลานี้ ซีหลิงเทียนอวี่และคนอื่นๆรออยู่นอกห้องผ่าตัดรอให้เฟิ่งชิงเฉินมา

“หมอเฟิ่ง” ซีหลิงเทียนอวี่ทักทายจากระยะไกล แต่วันนี้เขาใจร้อนมาก จะสำเร็จหรือล้มเหลวเกี่ยวข้องกับชะตากรรมของเขา

ความคิดของซีหลิงเทียนอวี่นั้นเข้าใจได้ไม่ยาก ยิ่งมีกำลังมากเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งใส่ใจชีวิตและสุขภาพของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น และพวกเขาคิดว่าชีวิตของตัวเองมีค่ามากกว่าสิ่งใด

“ดูจากสีหน้าขององค์ชายรองแล้วก็รู้ว่าสบายดี สองวันที่ผ่านมาน่าจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เชื่อว่าการผ่าตัดครั้งนี้จำราบรื่น ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับการพักฟื้น” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้พูดเล่น อย่างน้อยนางก็บอกซีหลิงเทียนอวี่ว่านางไม่ได้ล้อเล่น อย่างน้อยด้วยการแสดงออกที่จริงจังของนาง

หลังจากตรวจร่างกายซีหลิงเทียนอวี่แล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็พยักหน้าให้เสด็จอาเก้า “เสด็จอาเก้า องค์ชายรอง ข้าขอตัวตรวจสอบสถานที่ผ่าตัดก่อน”

ทำความคุ้นเคยกับห้องผ่าตัดล่วงหน้าเพื่อไม่ให้มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นขณะผ่าตัด และเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่เชื่อในตัวเสด็จอาเก้า นางกลัวว่าเสด็จอาเก้าจะล้อเล่นกับนาง

เสด็จอาเก้าพยักหน้าและโบกมือให้เฟิ่งชิงเฉิน

บ้านไม้ถูกแบ่งออกเป็นสองห้อง และมีเตียงเคลื่อนย้ายได้วางอยู่ด้านนอก เตียงผ่าตัดของเฟิ่งชิงเฉินอยู่ด้านใน…

เฟิ่งชิงเฉินหยิบรองเท้าสะอาดออกมาใส่แล้วเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด

โคมไฟเคลือบของพระราชวัง อากาศบริสุทธิ์ โต๊ะผ่าตัด โต๊ะทำงาน ชั้นวางน้ำเกลือ ทุกสิ่งเรียบง่าย เฟิ่งชิงเฉินพอใจมาก นางเหยียบพื้นอย่างระมัดระวังและเคาะบนผนัง ที่นี่ไม่มีประตูลับแน่นอน

“เรียบร้อย องค์ชายรองประทับเตียงได้เลยเพคะ” เฟิ่งชิงเฉินยืนอยู่ข้างนอก และหลังจากที่ซีหลิงเทียนอวี่นอนลง นางก็ให้คนอื่นเดินออกไป

“เฟิ่งชิงเฉิน ข้าฝากองค์ชายรองด้วย” เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินสบตากัน หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็เดินออกไป

เฟิ่งชิงเฉินไม่เข้าใจความหมายของเสด็จอาเก้า ดังนั้นนางจึงไมได้คิดอะไร นางหยิบยาขึ้นมาวางบนโต๊ะและส่งสัญญาณให้ซีหลิงเทียนอวี่ดื่ม

ยานี้จัดเตรียมเพื่อซีหลิงเทียนอวี่ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องกังวล และไร้ประโยชน์ที่จะกังวลเพราะเขาได้มอบชีวิตของเขาให้กับเฟิ่งชิงเฉินแล้ว

คำขอของเฟิ่งชิงเฉินที่ต้องการไม่ให้มีใครอยู่นอกห้องนั้น เป็นการตัดสินใจที่ยากมากสำหรับซีหลิงเทียนอวี่

ไม่มีใครปกป้องเขา ดังนั้นเขาจึงดื่มยาและนอนบนกระดานไม้อีกครั้งโดยไม่มีความสามารถในการป้องกันใดๆ

คนอย่างพวกเขาจะไม่มีวันมอบชีวิตให้ใครง่ายๆ แม้จะเป็นเฟิ่งชิงเฉินก็ตาม แต่… เขาไม่มีทางเลือก เขาทำได้แค่เดิมพันเท่านั้น เฟิ่งชิงเฉินไม่กล้าที่จะฆ่าเขา

“เฟิ่งชิงเฉิน ข้ามอบขาของข้าให้เจ้ารักษา” ซีหลิงเทียนอวี่มองเฟิ่งชิงเฉิน และดื่มยาอย่างไม่ลังเล

เขาสาบานว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายแน่นอน ครั้งสุดท้ายที่จะนอนต่อหน้าคนอื่น และจะเป็นครั้งสุดท้ายที่มอบชีวิตของเขาให้กับคนที่ไม่ค่อยคุ้นเคย

“องค์ชายรอง วางใจเถอะ ชิงเฉินเป็นหมอ” เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าซีหลิงเทียนอวี่กังวลอะไร

ในอดีตนางเคยปฏิบัติงานกับทหารอาวุโส และทุกครั้งที่นางอยู่ในระหว่างผ่าตัดจะได้รับการดูแลโดยทหารรักษาความปลอดภัย

ทหารเหล่านั้นเป็นเหมือนหมาป่าจ้องมองทุกการเคลื่อนไหวของหมอ ตราบใดที่พบความแปลกประหลาดอีกฝ่ายก็จะยิงหมอทันที

หมอสามารถใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาในการฆ่าคนบนโต๊ะผ่าตัดได้ ดังนั้นทหารเหล่านั้นไม่สามารถหนีหมอได้ แต่ก็ไม่กล้าไว้ใจหมอ

ถ้าเป็นไปได้ นางก็ต้องการให้องค์ชายรองส่งทหารที่ไว้ใจได้เข้ามาด้วย แต่นางทำไม่ได้ นางไม่สามารถเปิดเผยความลับของกล่องเครื่องมือแพทย์อันชาญฉลาดได้

“ข้าจำคำพูดของเจ้าได้” ซีหลิงเทียนอวี่หลับตาและนอนเงียบๆบนกระดานไม้หายใจอย่างสม่ำเสมอราวกับว่าอาการชาหายไปและเขาตกอยู่ในอาการโคม่า

แต่……

เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีว่าผลของยาชานั้นไม่รุนแรงนัก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือยาชานั้นเป็นยาที่ซีหลิงเทียนอวี่เตรียมไว้

เฟิ่งชิงเฉินสวมหมวกและหน้ากากผ่าตัด และผลักซีหลิงเทียนอวี่เข้าไปในห้องผ่าตัด

“องค์ชายรอง ข้ากำลังจะเริ่มแล้ว” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวอย่างเฉยเมย แต่สังเกตดูการเปลี่ยนแปลงของซีหลิงเทียนอวี่อย่างระมัดระวัง เป็นอย่างที่นางคาดไว้ซีหลิงเทียนอวี่ตัวแข็งทื่อ

แสงเย็นวาบปรากฏในดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินแต่นางไม่ได้พูดอะไร นางหยิบยาชาออกมาจากกล่องผ่าตัดและฉีดยาชาให้ซีหลิงเทียนอวี่อย่างชำนาญ

นางเกลียดการทำงานกับลูกหลานของจักรพรรดิเหล่านี้จริงๆ เห็นได้ชัดว่านางช่วยชีวิตพวกเขา แต่ก็เหมือนกับการต่อสู้ในสงคราม

ฤทธิ์ของยาที่ซีหลิงเทียนอวี่กินและยาชาของเฟิ่งชิงเฉินทำให้ซีหลิงเทียนอวี่รู้สึกวิงเวียน…

ให้ตายสิ เป็นไปได้ยังไง เฟิ่งชิงเฉินทำอะไร?

ซีหลิงเทียนอวี่โกรธและในเวลาเดียวกันก็ตกใจมาก ในขณะนี้เขาไม่อาจแม้แต่จะตื่นได้ ในขณะที่เขาตกอยู่ในอาการโคม่า ซีหลิงเทียนอวี่บอกกับตัวเองว่าจะไม่มีครั้งที่สองอีกแล้ว

ความรู้สึกที่ไม่สามารถต้านทาน และถูกผู้อื่นฆ่าได้นี้ไม่ดีนัก แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่มีเจตนาร้ายก็ตาม

หลังจากการดมยาได้ผล เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่เสียเวลาอีกต่อไป นางยกแขนเสื้อขึ้นและเปิดใช้งานชุดเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ…

“ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด…” กล่องเครื่องมือแพทย์อันชาญฉลาดฉายแสงสลัว และเฟิ่งชิงเฉินก็เริ่มนำสิ่งที่นางต้องการจากมันออกมา

“นั่นอะไรน่ะ?” เสด็จอาเก้าที่อยู่ในห้องข้างๆ มองดูเฟิ่งชิงเฉินจากภาพที่สะท้อนทางกระจก เขาลุกขึ้นยืนตรงจากเก้าอี้ แล้วรีบวิ่งไปที่กระจกบานใหญ่…

ใช่แล้ว ทุกการเคลื่อนไหวในห้องผ่าตัดของเฟิ่งชิงเฉินสะท้อนผ่านกระจก…

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท