บทที่ 438 ร้ายกาจ ไม่ว่าบุรุษจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็ต้องการคนมาคอยเอาอกเอาใจ
บทที่ 440 ปฏิเสธ ผู้ใดให้เจ้าเห็นแก่ตัวนัก
หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินรู้ตัวว่า ตนเองเผลอกระทำตัวไร้มารยาทออกไปนั้น นางมาที่นี่เพื่อทำงาน หาใช่มาท่องเที่ยวธรรมชาติไม่ ยังมีคนไข้ที่รอนางอยู่
เฟิ่งชิงเฉินจึงได้แต่ละสายตาจากทิวทัศน์อันงดงามที่อยู่ตรงหน้า ยามที่กำลังจะเตรียมตัวขอโทษขอโพยต่อเสด็จอาเก้านั้น ผู้ใดจะรู้ว่า เสด็จอาเก้าหาได้ให้โอกาสนางไม่ พระองค์พลันหันกายจากไป พลางทิ้งคำพูดเอาไว้ว่า “พานางไปหาองค์ชายสาม” จากนั้นก็ทิ้งนางเอาไว้เพียงคนเดียว
เสด็จอาเก้าเย่อหยิ่งยิ่งนัก!
เฟิ่งชิงเฉินมิรู้ว่าควรจะอธิบายออกมาอย่างไรดี แต่ทว่า เมื่อรู้สึกถึงความผิดพลาดของตนเองก่อนหน้านั้น นางก็มิเอ่ยอันใดออกมาให้มากความอีก พร้อมทั้งเดินตามองครักษ์ที่นำทางนางมาที่ห้องพักฟื้นของซีหลิงเทียนอวี่ ภายในห้องพลันอบอวลไปด้วยกลิ่นของตัวยามากมายนัก
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินที่ได้กลิ่นที่คุ้นเคยเช่นนี้ พลันทำให้นางตกอยู่ในภวังค์ไปครู่หนึ่ง เสมือนกับว่า นางได้กลับมาในโรงพยาบาลที่ตนเองเคยทำงานอยู่อีกครั้ง น่าเสียดายนัก กลิ่นเครื่องเรือนภายในห้องพัก ดึงให้นางกลับมาสู่ในโลกของความเป็นจริงในทันที
นางไม่อาจกลับไปได้อีกแล้ว ไม่อาจกลับไปได้อีก การที่นางสามารถมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ได้ นับว่านางโชคดีแล้ว
“องค์ชายสามเพคะ ” เมื่อเฟิ่งชิงเฉินรับกล่องยามาจากองครักษ์นั้น นางก็เดินเข้าไปในห้องในทันที
“เฟิ่งชิงเฉิน เร็ว เจ้ามาดูขาของข้าเร็ว” ขาทั้งสองข้างของซีหลิงเทียนอวี่พลันเต้มไปด้วยเลือดมากมาย เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินเดินเข้ามานั้น เขาก็รีบลุกขึ้นนั่ง มิรอให้สาวใช้เดินเข้ามา ซีหลิงเทียนอวี่ก็พลันเลิกผ้าห่มของตนขึ้น หาได้มีท่าทีสุขุมเหมือนเช่นเคยไม่
“ฝ่าบาทอย่าได้ขยับตัวไปมาเพคะ” เฟิ่งชิงเฉินเคลื่อนไหวได้ไวกว่าพวกนางกำนัล นางก้าวเข้าไปห้ามซีหลิงเทียนอวี่เอาไว้ได้ในทันที
สถานการณ์ของซีหลิงเทียนอวี่มิใคร่ดีนัก หาใช่เป็นที่บาดแผลของเขาไม่ แต่เป็นที่สภาพจิตใจของเขาเสียมากกว่า เป็นเพราะเขาตื่นเต้นและจิตใจไม่สงบมากเกินไป เฟิ่งชิงเฉินมิรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น แต่ทว่า ย่อมมิใช่เรื่องที่ดีแน่
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ารีบมาดูขาของเปิ่นหวางเร็วเข้า ยังมีโอกาสรักษาหรือไม่?” ซีหลิงเทียนอวี่ตื่นตระหนกเสียจนจับมือทั้งสองข้างของเฟิ่งชิงเฉินเอา่ไว้ ใบหน้าที่ตื่นตระหนก พร้อมกับสองมือที่กำลังสั่นเทา นั้นแสดงออกได้เป็นอย่างดีว่า สภาพจิตใจของเขาไม่ปกติ
เฟิ่งชิงเฉินพลันขมวดคิ้วลง พร้อมกับชักมือของตนเองกลับมาในทันที ซีหลิงเทียนอวี่จึงเปลี่ยนมาจับที่อาภรณ์ของนางแทน เฟิ่งชิงเฉินเพียงแค่มองดูและมิได้เอ่ยอันใดออกมา ทว่า นางกลับหันไปถลึงตาใส่เหล่านางกำนัลทั้งสองคนว่า “เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
นางมั่นใจว่า ต้องมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ถึงทำให้ซีหลิงเทียนเหล่ยเป็นเช่นนี้ไปได้ เนื่องจากสายตาของเฟิ่งชิงเฉินที่มองมา ทำให้นางกำนัลต่างก็หันหน้าหนี พร้อมกับก้มหน้าลงไปในทันที
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าตนเองไม่อาจหาคำตอบได้นั้น ก็มิได้ถามไถ่อันใดอีก พลางหันตัวกลับไปพูดปลอบใจกับซีหลิงเทียนอวี่ว่า เพื่อให้เขาสบายใจว่า “ฝ่าบาทอย่าเพิ่งกังวลไปเพคะ ให้หม่อมฉันได้ดูบาดแผลของพระองค์ก่อน มันจะไม่เป็นอันใดแน่นอนเพคะ” ไม่ว่าเรื่องจะเป็นเช่นไร ก็ควรที่จะปลอบใจคนไข้ก่อน เป็นเรื่องที่สมควรที่สุด
“ได้ได้” ซีหลิงเทียนอวี่จึงได้ปล่อยมือเฟิ่งชิงเฉินลง แต่ทว่า สายตายังคงเต็มไปด้วยความวิตกกังวลใจมากมาย
เฟิ่งชิงเฉินจึงมิได้เอ่ยสิ่งใดให้มากความ พร้อมทั้งลากเก้าอี้ออกมา แล้วจึงนำกล่องยาของตนวางเอาไว้บนนั้น จากนั้นก็นำถึงมือและหน้ากากอนามัยเอาออกมาใส่ พร้อมทั้งรวบผมของตนเองให้เรียบร้อย ยามที่กำลังจะลากเก้าอี้เข้ามานั่งนั้น สาวใช้ก็พลันลากเข้ามาให้นางนั่งแต่โดยดี
“ขอบคุณ” เฟิ่งชิงเฉินเพียงก้มหัวเพื่อกล่าวขอบคุณเล็กน้อย จากนั้น ก็ทำการตรวจสอบบาดแผลของซีหลิงเทียนอวี่ในทันที เมื่อเปิดผ้าห่มออกมานั้น เฟิ่งชิงเฉินก็พลันขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปม
นางกลัวยิ่งนักว่ามีดผ่าตัดจะทำให้บาดแผลเกิดการฉีกขาด นางจึงได้ใช้มีดผ่าตัดดึงบาดแผลเอาไว้อีกด้านหนึ่ง จากนั้นสิ่งที่คล้ายกับแผ่นรองเข่าที่นางเอาไว้ครอบผ้าพันแผลนั้น ในยามนี้มันกลับยับยู่ยี่ยิ่งนัก นั่นทำให้นางรู้ได้เลยว่า มีคนแก้มันออกมา
คนไข้ที่ไม่ฟังความเป็นสิ่งที่นางเกลียดมากที่สุด พร้อมทั้งคนไข้ที่มีความมั่นใจและอยากรู้อยากเห็น นับว่าเป็นสิ่งที่นางเกลียดมากที่สุดเช่นกัน
เมื่อเห็นว่า คนที่อยู่ตรงหน้าเป็นถึงหนึ่งในราชวงศ์ซีหลิง เฟิ่งชิงเฉินจึงได้แต่อดทนเอาไว้ พร้อมกับทำหน้าบึ้งตึงหยิบกรรไกรออกมา พร้อมกับตัดผ้าที่ครอบเข่าออก
ผ้าพันแพลเองก็ถูกรื้อออกมาเช่นกัน ถึงแม้ว่ามันจะถูกนำกลับไปพันเป็นดังเดิม แต่ก็มิได้แน่นหนาพอ เกรงว่า ผู้ที่ทำแผลให้ คงจะไม่กล้าออกแรงมัดมากกระมัง บาดแผลมีเลือดไหลซึมออกมามาก รวมไปถึงเลือดที่ไหลซึมออกมาจากผ้าพันแผลเอง ก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว
สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินพลันค่อย ๆ เคร่งเเครียดขึ้นมาเรื่อย ๆ นางเกลียดคนที่ไม่รู้เรื่องมากที่สุด แต่ก็ไม่ฟังคำพูดของคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ทั้งยังคิดที่จะหาเรื่องใส่ตัวเองเช่นนี้อีก
“เฟิ่ง” ซีหลิงเทียนอวี่ อยากจะเอ่ยถามออกไปยิ่งนัก แต่ทว่า เมื่อเห็นแววตาของเฟิ่งชิงเฉินที่มองมาด้วยความกรุ่นโกรธ ก็ทำให้เอาซีหลิงเทียนเหล่ยขวัญผวาไปในทันที พร้อมทั้งปิดปากของตนเองลงด้วยความเร็วไว
เฟิ่งชิงเฉินที่เป็นเช่นนี้ น่ากลัวยิ่งนัก เพียงแค่แววตาของนาง ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกขวัญผวาเอาได้ ทั้งยังไม่กล้าสบตากับนางอีก
ซีหลิงเทียนอวี่ในยามนี้ คล้ายกับเด็กน้อยที่ทำผิดมายิ่งนัก พร้อมทั้งเอาแต่นั่งตัวตรงไม่กล้าขยับไปที่ใด ทั้งยังไม่กล้าพูดจาอันใดอีก สายตาเพียงแต่จับจ้องผ้าพันแผลที่เปื้อนเลือดพวกนั้นเท่านั้น พร้อมทั้งมองดูการแกะผ้าพันแผบที่ดูเชี่ยวชาญของเฟิ่งชิงเฉินแทน
นางกำนัลเอง พวกนางไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ๆ เสียด้วยว้ำ ภายในห้องในยามนี้ จึงมีแต่เสียงเฟิ่งชิงเฉินที่แกะผ้าพันแผลออกมาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เป็นดั่งที่เฟิ่งชิงเฉินคาดการณ์เอาไว้ แผลของซีหลิงเทียนอวี่เกิดการปริแตก พร้อมทั้งมีอาการบวมแดงขึ้นมา เนื่องจากเกิดจากการติดเชื้อ
เพียงผ่านไปได้แค่วันเดียวเอง ซีหลิงเทียนอวี่ก็สามารถทำให้บาดแผลของตนเองเป็นถึงเช่นนี้ได้ นับว่ามีความสามารถเสียจริง ซีหลิงเทียนอวี่กลัวว่านางจะไม่มีเรื่องให้ยุ่งมากพอหรืออย่างไรกัน? เขามิรู้ว่าพรุ่งนี้ นางมีแข่งขันกับซูหว่านหรืออย่างไร?
“ฝ่าบาท อย่าได้มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก” เฟิ่งชิงเฉินพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ ซีหลิงเทียนอวี่เอาแต่พยักหน้ารับคำไปในทันที
เฟิงชิงเฉินพลันหอบผ้าพันแผลที่เปื้อนเลือดเอาไปไว้อีกฝั่งหนึ่งในทันที จากนั้นก็ใช้คีมหยิบสำลีจุ่มน้ำ พร้อมกับนำมันมาล้างแผล อีกทั้งยังไม่สนใจด้วยว่า ซีหลิงเทียนอวี่จะพอใจหรือไม่ นางเพียงแค่ตั้งใจทำหน้าที่ของนางให้ดีที่สุดเท่านั้น
หลังจากที่ทำการล้างแผลจนสะอาดแล้วนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็เงยหน้าขึ้นมาพูดกับซีหลิงเทียนอวี่อีกครั้ง
“องค์ชายรองเพคะ หม่อมฉันต้องตัดเนื้อที่เกิดการเน่าของพระองค์ทิ้ง มันจะเจ็บปวดเป็นอย่างมาก พระองค์ต้องอดทนหน่อยนะเพคะ”
หาได้เป็นเพราะ เฟิ่งชิงเฉินจงใจให้ซีหลิงเทียนอวี่ต้องทนทุกข์ทรมานไม่ ทั้งยังจงใจไม่ฉีดยาสลบให้กับเขา แต่เป็นเพราะว่า หากฉีดยาสลบมากไป มันจะไม่เกิดผลดีต่อการฟื้นฟูบาดแผลของเขาเอง
“อื้ม ได้” ซีหลิงเทียนอวี่เหม่อมอง “ขา” ของตนเอง ด้วยหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอ
ในที่สุด ขาของเขาก็ “งอก” ออกมาแล้ว เมื่อเห็นบาดแผลของตนเองเช่นนี้ มันตกต่างกันเกินไปโดยสิ้นเชิง การที่เขาได้เห็นขาเทียมของตนเองเช่นนี้ มันกลับเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดในชีิวิตของเขา
เขาสามารถเดินได้แล้ว เขาสามารถเดินได้เหมือนคนอื่นแล้ว
สิบห้าปีแล้ว ที่ขาของกลายเป็นของไร้ประโยชน์เช่นนี้ สิบห้าปีแล้วที่เขาไม่เคยได้สัมผัสกับการเดินเหินเช่นคนทั่วไป บาดแผลของเขาเกิดการปริแตก เลือดออก นั่นเป็นเพราะ หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมานั้น เป็นเพราะเขาตื่นเต้นที่จะได้เห็น “ขา” ของตนเองว่าเป็นเช่นไร จึงไม่สนใจการห้ามปรามของเหล่านางกำนัล พร้อมกับสั่งให้นางแกะผ้าพันแผลออกมาให้ดู
แต่ทว่า เขามิได้แกะออกหมด เนื่องจากว่า เป็นเพราะตนเองตื่นเต้นมากเกินไป จนไม่ระวังทำให้เกิดการปวดแผลขึ้นมา พร้อมกับเลือดที่ไหลซึม นางกำนัลจึงเอ่ยปากห้ามเขาอย่างไม่กลัวตาย เขาเองก็กลัวจะเกิดเรื่องขึ้นมาเช่นกัน จึงได้แต่สั่งให้พันแผลกลับคืนเช่นเดิม
เมื่อเห็นขาของตนเอง ที่”งอก” ออกมานั้น ก็พลันนึกไปถึงระยะเวลาอีกสามเดือนที่ตนเองจะสามารถเดินได้เหมือนคนปกติเสียที ซีหลิงเทียนอวี่จึงพยายามที่จะระงับความดีใจของตนเองเอาไว้ พร้อมกับให้สาวใช้ ไปนำสุราเข้ามาให้เขาดื่มเสียหนึ่งแก้ว
หลังจากที่สาวใช้ได้ฟังคำเตือนของเฟิ่งชิงเฉินว่า ยามที่บาดแผลมีการฟื้นฟูอยู่นั้น ห้ามให้องค์ชายดื่มสุราเป็นอันขาด แต่ทว่า ก็ไม่อาจขัดคำสั่งได้ จึงได้แต่ส่งให้องค์ชายดื่มเพียงหนึ่งจอกเท่านั้น
ผลลัพธ์ก็ได้กลายมาเป็นเช่นนี้
“พวกเจ้าจับตัวองค์ชายรองเอาไว้” หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินเตรียมอุปกรณ์สำหรับการฆ่าเชื้อเอาไว้แล้วนั้น ก็สั่งให้สาวใช้เข้ามาจับตัวองค์ชายรองเอาไว้
“ไม่ต้อง ข้ารับปากว่าข้าจะไม่ขยับไปไหน” ซีหลิงเทียนอวี่โบกมือห้ามเหล่านางกำนัลเอาไว้
บุรุษร่างใหญ่เช่นเขา หากว่าความเจ็บปวดแค่นี้ยังไม่อาจทนได้ เช่นนั้นนับว่าขายหน้ายิ่งนัก
“หม่อมฉันหวังว่า องค์ชายรองจะสามารถทำได้นะเพคะ” ความภูมิใจของบุรุษนั้น เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าบุรุษผู้นี้จะมีอายุเพียงไม่กี่สิบปี แต่ในยุคโบราณนั้น พวกเขาถือได้เป็นชายหนุ่มแล้ว หากว่าเทียบกับผู้คนในยุคปัจจุบัน เขามีอายุเพียงสามสิบสี่สิบปีเท่านั้น
ถึงแม้ว่าการขูดเนื้อตายเช่นนี้จะให้ความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังเป็นความเจ็บปวดที่พอจะทนได้ อย่างน้อยก็เจ็บน้อยกว่าตอนคลอดลูก ก่อนหน้านั้น ยามที่ยังไม่มียาสลบเข้ามา เฟิ่งชิงเฉินก็ทำการขูดแผลสด พร้อมกับทำแผลให้กับตนเองเช่นกัน ฉะนั้นแล้ว นางถึงเข้าใจความเจ็บปวดขององค์ชายรองเป็นอย่างดี พลังใจขององค์ชายรองก็มิได้ด้อยไปกว่านางเลย