ทันทีที่ผู้เชี่ยวชาญแสดง ก็จะรู้ได้เลยว่าของจริงหรือไม่
เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าเพลงที่ซูหว่านบรรเลงนั้นเป็นบทเพลงประเภทใด ฉะนั้นก็ยิ่งมิต้องไปคิดเรื่องบรรเลงได้ดีหรือไม่ ที่นางรู้เพียงว่าเสียงฉินนั้นไพเราะเสนาะหูอย่างมาก ดูมีพลังและสง่างาม แต่ก็ดูเหมือนว่าจะขาดความแข็งแกร่งไปเล็กน้อย
นางฟังไม่เข้าใจ เฟิ่งชิงเฉินก็เลยตัดสินใจไม่ฟัง ไม่ว่าซูหว่านจะเล่นดีแค่ไหนก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนาง เฟิ่งชิงเฉินหลับตาและนั่งอยู่ที่ของตนแสร้งทำเป็นลึกลับ ไม่ว่าจะสายตาที่มองจ้องมาหรือแอบมองจากทั่วทิศ นางล้วนทำเป็นมองไม่เห็น มีอารมณ์คล้ายว่าอยู่ในกลางเมืองที่วุ่นวาย แต่นางกลับสงบราวกับว่าอยู่คนละโลกกัน ทำให้คนอื่นๆ ไม่สามารถละเลยนางไปได้
อันที่จริง นอกจากซูหว่านที่กำลังจดจ่ออยู่กับการบรรเลงฉินแล้ว คนอื่นๆ จะมองไปที่เฟิ่งชิงเฉินบ้างบางครั้ง ไม่ใช่เพราะทุกคนสงสัยอย่างมาก แต่เพราะเฟิ่งชิงเฉินดูทรงพลังมากเกินไป อีกทั้งบวกกับเพลงที่ซูหว่านบรรเลง ทำให้คนอื่นๆ อดโยงไปที่เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้
เมื่อเผชิญกับการจ้องมองของทุกคน และยังคงสามารถสงบนิ่งได้ มิใช่ใครที่ไหนก็ทำเช่นนี้ คุณชายหยวนซีพยักหน้าอีกครั้ง และกล่าวในใจว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา!
ความรู้สึกที่ดีต่อเฟิ่งชิงเฉินค่อยๆ เพิ่มขึ้น
ไท่ฟู่ ไท่ซือและไท่เป่าได้ยินข่าวลือ และพวกเขาจึงมองเฟิ่งชิงเฉินไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่เมื่อมองดูเฟิ่งชิงเฉินในวันนี้ พวกเขาแอบชื่นชมนาง สามารถทำให้เสด็จอาเก้าที่มีมาตรฐานสูงอย่างมากทรงโปรดปราน เฟิ่งชิงเฉินจะต้องมีจุดเด่นและดีอย่างแน่นอน และหญิงสาวคนนี้มีสิ่งที่แตกต่างจากคนธรรมดาจริงๆ
แน่นอน พวกเขาชื่นชมเฟิ่งชิงเฉิน ส่วนหนึ่งก็เพราะนางเป็นคนตงหลิง หากนางชนะซูหว่านตงหลิงก็มีหน้ามีตา พวกเขามีใจรักแผ่นดินอย่างมาก หากมองในแง่ผลประโยชน์ของแผ่นดินแล้ว จุดด้อยเล็กๆ น้อยๆ ของเฟิ่งชิงเฉินสามารถมองข้ามกันได้
“เจิ้ง…”
เพลงของซูหว่านจบลงในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง วินาทีที่จบลง ซูหว่านลืมตาขึ้น ดวงตาของนางเป็นประกาย สามารถเห็นได้ว่า นางพอใจกับการแสดงของตนอย่างมาก การแสดงออกเมื่อสักครู่นี้ถือว่านางทำได้ดีกว่าปกติอย่างมากแล้ว
หนานหลิงจิ่นฝานพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ในบรรดาคนที่อยู่ตรงนั้น นอกจากเฟิ่งชิงเฉินแล้ว ทุกคนล้วนเชี่ยวชาญด้านท่วงทำนอง แม้ว่าพวกเขาจะเล่นไม่ได้ อย่างน้อยพวกเขารู้เรื่องดนตรี เพราะนี่เป็นวิชาที่เหล่าลูกหลานผู้ดีจะต้องเรียน
เพลงที่ซูหว่านบรรเลงนั้นไร้ที่ติ
มีคนดีใจย่อมมีคนกังวล องค์รัชทายาท ลั่วอ๋องกุ้ยเฟยและคนอื่น ๆ ต่างก็เป็นห่วงเฟิ่งชิงเฉินอย่างมาก เพลงที่ซูหว่านบรรเลงนั้นแม้แต่อาจารย์ฉินที่เก่งที่สุดก็คงสู้ไม่ไหว เฟิ่งชิงเฉิน…..
เฮ้อ ตอนนี้หวังเพียงแค่ว่านางจะไม่แพ้อย่างน่าเกลียดจนเกินไป
ทุกคนต่างก็ภาวนาอยู่ในใจ
ซูหว่านลุกขึ้น ดูสีหน้าของทุกคน นางกวาดสายตาจ้องไปที่เฟิ่งชิงเฉินเป็นเวลาสามสี่วินาที นางไม่เห็นสีหน้าที่ตื่นตระหนกของเฟิ่งชิงเฉิน ซูหว่านรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ซู่หว่านถอยหลังไปสองก้าว ยืนอยู่ทางด้านซ้ายของฉิน จากนั้นก็คำนับไปทางจักรพรรดิและฮองเฮา แล้วคำนับไปที่หยวนซีและอาจารย์ทั้งสาม “หนานหลิงซูหว่าน ขอเชิญคุณชายหยวนซีติเตียน”
ทุกคนรู้ดีว่าในบรรดาคนที่อยู่ตรงนั้น มีเพียงคุณชายหยวนซีเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะแสดงความคิดเห็นและตัดสิน เพราะเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตงหลิงและหนานหลิง
ในตอนนี้ ไม่เพียงแต่ซูหว่านเท่านั้น แม้แต่จักรพรรดิและคนอื่นๆ ก็ตั้งตารอความคิดเห็นของคุณชายหยวนซู คุณชายหยวนซีสามารถตัดสินผลลัพธ์ได้เพียงแค่พูดประโยคเดียวเท่านั้น ตอนนี้มีเพียงเฟิ่งชิงเฉินที่ยังคงดูเหมือนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวเองเลย ท่าทีของนางราวกับว่าซูหว่านไม่ได้อยู่ในสายตาตนเลย
เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนเดาไม่ออก แม้แต่คุณชายหยวนซีเองก็คิดว่าฝีมือการบรรเลงฉินของเฟิ่งชิงเฉินนั้นยอดเยี่ยมมาก จึงไม่แยแสซูหว่านเลย ฉะนั้นเมื่อแสดงความคิดเห็นเขาจึงระมัดระวังมากขึ้นอย่างมาก
“คุณหนูซูหว่านมีทักษะด้านการบรรเลงฉินที่ช่ำชอง บรรเลงความสูงส่งและความเป็นเอกลักษณ์ของบทเพลง “”ก่วงหลิงส่าน” ออกมาได้อย่างดี แต่สิ่งที่ยังคงไม่สมบูรณ์ก็คือ คุณหนูซูหว่านเน้นเรื่องทักษะการบรรเลงมากเสียจนเกินไป มิได้ผสมผสานความรู้สึกของตนเข้าไปในบทเพลงนี้ ทำให้บทเพลงนี้ขาดความน่าเกรงขามเร่าร้อนไปเล็กน้อย แต่ด้วยอายุของคุณหนูซูหว่าน สามารถบรรเลงได้ถึงขั้นนี้ หากเทียบในคนอายุร่วมราวคราวเดียวกัน ถือว่าพิเศษอย่างมาก”
ชื่นชมก่อนแล้วจึงวิจารณ์สุดท้ายก็ชื่นชมอีกเล็กน้อย คุณชายหยวนซีเป็นคนที่ยอดเยี่ยม เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่าคนนี้ไม่ใช่คนที่ชอบอวดดี ควรค่าแก่การเป็นมิตรด้วย เพียงแต่ไม่ทราบว่าหลังจากวันนี้ไป คุณชายหยวนซีจะยอมเป็นมิตรกับนางหรือไม่
ซูหว่านเดิมไม่มีความสุขเท่าไหร่ แต่เมื่อได้ยินคำสุดท้ายนางก็คำนับต่อคุณชายหยวนซีด้วยรอยยิ้ม “ขอบใจสำหรับคำแนะนำของคุณชาย”
ซูหว่านกลับไปนั่งที่เดิมอย่างสง่างามราวกับผีเสื้อสีชมพู นางแสดงความงามของตนภายใต้ดวงอาทิตย์ที่สองแสงจ้า
“ชิงเฉินซิ่ว ถึงตาเจ้าแล้ว” ไท่ฟู่เหล่ตาและยิ้ม ภายใต้ความคาดหวังของทุกคน เขาพูดช้าๆ
จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์!
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินลุกขึ้น นางเห็นรอยยิ้มเปล่งประกายในดวงตาของไท่ฟู่ ท่าทีของเขาเหมือนกำลังรอดูละคร นางจึงอดไม่ได้ที่จะด่าทอในใจ
อันที่จริงคนไม่ใช่แค่ไทฟู่คนเดียวที่รอดูนาง มีฮองเฮา ซีหลินเทียนเหล่ย หนานหลินจิ่นฝานล้วนมาดูนางเล่นตลกทั้งนั้น แม้แต่เสด็จอาเก้าของก็น่าสงสัยเช่นกัน
ช่วยไม่ได้ เพราะทุกคนต่างก็ไม่เชื่อในตัวเฟิ่งชิงเฉิน
เฟิ่งชิงเฉินถือฉินเอาไว้ และโค้งคำนับไปยังตำแหน่งของจักรพรรดิและคุณชายหยวนซี จากนั้นจึงขึ้นบันไดไป เมื่อก้าวเข้าสู่จุดวางฉิน นางกำนัลเข้ามารับฉินไป แต่เฟิ่งชิงเฉินปฏิเสธ “ไม่เป็นไร ข้าทำเอง”
เฟิ่งชิงเฉินเปิดกล่องฉินอย่างช้าๆ คุณชายหยวนซีนั่งตรงข้ามกับจุดบรรเลงเปียโน เฟิ่งชิงเฉินจึงใช้โอกาสนี้ดูชายผู้นี้ที่สามารถตัดสินชัยชนะของนางได้
คุณชายหยวนซีอายุเกือบสี่สิบปี เป็นผู้ใหญ่และดูมั่นคง ดวงตาแจ่มใส สง่า ร่างตรงสูงใหญ่ ท่าทีดูสงบเป็นธรรมชาติ เขาสวมชุดยาวสีพื้นๆ ดูดีและสง่า แม้แต่เฟิ่งชิงเฉินเองก็แพ้เขาอย่างมาก
นี่เป็นคุณลุงยอดเยี่ยมที่สามารถเอาใจเหล่าสาวๆ ไปได้อย่างแน่นอน
เฟิ่งชิงเฉินปกปิดความตะลึงของตนได้ดีอย่างมาก แม้แต่คุณชายหยวนซีก็ไม่ได้สังเกต แต่… เสด็จอาเก้าที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับเห็น
เพราะเฟิ่งชิงเฉินเคยมองเขาด้วยสายตาแบบนั้น ฉะนั้นเขาจึงคุ้นเคยอย่าง
หญิงโง่ กล้าใช้แววตาที่มองข้าไปมองชายแก่หรือ? ตาเพี้ยนไปแล้วหรืออย่างไร
เสด็จอาเก้าโกรธเคืองอย่างมาก องค์รัชทายาทรู้สึกเพียงแค่ว่าฝั่งซ้ายของตนนั้นเยือกเย็น แต่เมืองมองไปกลับไม่พบความผิดปกติใดๆ องค์รัชทายาทเองก็ไม่มีเวลาไปกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเขารู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะใช้ฉินสายน้ำแข็งประลองกับซูหว่าน เขากังวลอย่างมาก
เขาสามารถมั่นใจได้ว่าจะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับฉินนี้อย่างแน่นอน และตอนนี้เขาหวังเพียงแค่ว่า เฟิ่งชิงเฉินจะฉลาด และสามารถแก้ไขวิกฤติที่เกิดจากฉินสายน้ำแข็งนี้ได้
องค์รัชทายาทมองจ้องไปที่เฟิ่งชิงเฉินโดยไม่กะพริบตา เมื่อเฟิ่งชิงเฉินหยิบฉินออกมา องค์รัชทายาทตะลึงจนหลุดตัวเอียงไปข้างหน้าเล็กน้อย และเกือบจะตกจากเก้าอี้ไป
เขามิได้ตาฝาดใช่หรือไม่? นั่นคือฉินสายน้ำแข็งที่เขามอบขึ้นไปหรือ?
อย่าว่าแต่องค์รัชทายาทเลย แม้แต่จักรพรรดิเองก็ยังตกตะลึง ไม่ใช่เพราะอย่างอื่น เพียงเพราะฉินในมือของเฟิ่งชิงเฉินนั้นไม่มีสาย
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าจะใช้ฉินนี้มาแข่งกับข้าหรือ?” ซูหว่านผงะไปครู่หนึ่ง และนางก็ถามทันที โดยไม่สนใจว่ามันจะเสียมารยาทหรือไม่
ฉินที่ไม่มีสาย จะบรรเลงอย่างไร?
“ทำไม ไม่ได้หรืออย่างไร?” น้ำเสียงของเฟิ่งชิงเฉินสงบและหยิ่งผยอง แต่เมื่อซูหว่านฟัง กลับดูเยาะเย้ยและกลั่นแกล้งเล็กน้อย
“ได้แน่นอน” เฟิ่งชิงเฉินกลัวซูหว่านเยาะเย้ย
ฉินไร้สาย นางต้องการดูว่าเฟิ่งชิงเฉินสามารถทำให้ฉินไร้สายนั้นส่งเสียงได้อย่างไร แม้แต่เสียงก็ส่งออกมาไม่ได้ นางอยากจะดูว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเอาชนะนางได้อย่างไร
เฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจสิ่งที่ซูหว่านคิด เพราะผู้ตัดสินในวันนี้ไม่ใช่ซูหว่าน นางเพียงต้องได้รับการยอมรับจากผู้ตัดสินเท่านั้น เฟิ่งชิงเฉินมองไปที่คุณชายหยวนซี ” คุณชาย ชิงเฉินขอใช้ฉินนี้บรรเลงเพอคุณชายสักบทเพลงหนึ่งได้หรือไม่?”
ทั้งๆ ที่ไม่มีสาย แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับจริงจัง และกล่าวอย่างตั้งใจว่าจะบรรเลงหนึ่งบทเพลง ทำให้ไม่เข้าใจอย่างมากว่าเฟิ่งชิงเฉินหมายความว่าอย่างไร และกำลังเล่นกลกระไร อาจารย์ทั้งสามและคุณชายหยวนซีนั้นกลับไม่ถาม ยิ่งคุณชายหยวนซีถึงกับพยักหน้าและอมยิ้ม ” น่าสนใจอย่างมาก ชิงเฉินเพื่อนน้อย เจ้าจะบรรเลงบทเพลงใดหรือ?”
เพื่อนน้อย? นี่คือการยอมรับ เฟิ่งชิงเฉินแอบมีความสุข แต่นางยังคงทำหน้าเย็นชาและเย่อหยิ่ง มีเพียงเช่นนี้เท่านั้นจึงจะสามารถสยบทุกคนได้ ทำให้คนเหล่านี้เชื่อในตัวนาง เขามีความมั่นใจเต็มสิบ และมิได้ทำเช่นนี้เพื่อฉวยโอกาส……”
“ “ท้องทะเลและฟ้าสีคราม” ” เฟิ่งชิงเฉินบอกชื่อของบทเพลงออกมาทันที
“เอาล่ะ ชิงเฉินเพื่อนน้อย เชิญ” คุณชายหยวนซีทำหน้าจริงจัง ไม่มีความตลกหรือดูหมิ่นเลยแม้แต่น้อย แม้แต่อาจารย์ทั้งสามก็ทำท่าทีรอฟังโดยเก็บรอยยิ้มกลับไป
คนพวกนี้บ้าไปแล้วหรือ? ต่างก็พากันบ้าไปตามเฟิ่งชิงเฉิน?
ซูหว่านไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตนเห็น ไท่ฟู่ ไท่ป่าและไท่ซือทั้งสามคนนั้นช่วยเฟิ่งชิงเฉินนางพอเข้าใจได้ เพราะพวกเขาเป็นคนตงหลิง แต่คุณชายหยวนซีล่ะ?
ซูหว่านไม่เข้าใจจริงๆ
ซูหว่านไม่เข้าใจ และคนอื่นๆ ก็ไม่เข้าใจเช่นกัน แต่พวกเขามิใช่ซูหว่าน ไม่ว่าจะตะลึงเพียงใดพวกเขาก็ไม่แสดงมันออกมา ต่างก็นั่งอยู่ที่ของตน และรอดูว่าเฟิ่งชิงเฉินจะทำอย่างไรต่อ และจำผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปอย่างไร
เมื่อเผชิญกับดวงตาที่ร้อนแรง เฟิ่งชิงเฉินไม่ตื่นตระหนกเลย นางเตรียมตัวทำความสะอาดมือ และนั่งอยู่หน้าฉิน จากนั้นเอามือกวาดไปที่ผิวหน้าของฉิน…
ตุ๋ม ตุ๋มๆ …นี่คือเสียงน้ำหรือ?
สายตาของทุกคนจ้องเขม็งและอยากรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินทำได้อย่างไร หลังจากเฝ้าดูเป็นเวลานานพวกเขาเห็นเพียงสิบนิ้วของเฟิ่งชิงเฉินที่ขยับเบา ๆ บางครั้งก็ดึงบางครั้งการหยิบสายฉินที่ไม่มีอยู่จริง และเสียงน้ำนั้นก็ช้าลง และเร็วขึ้น บางครั้งมีเสียงลม เสียงนกแม้กระทั่งเสียงที่ลมพัดใบไม้…..
เทพมาก!
คนที่เดิมรอดูละครตลก หรือรอดูเฟิ่งชิงเฉินเสียหน้าตอนนี้แต่ละคนยื่นคอยาวอยากจะเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินบรรเลงเสียงออกมาได้อย่างไรกันแน่ ในดวงตาของเสด็จอาเก้าก็แสดงความงุนงงออกมาเช่นกัน เขาไม่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินทำเช่นนี้ได้ มิน่าล่ะนางถึงไม่รีบร้อนเลย
สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินจดจ่อ และดวงตาของนางจ้องมองไปที่ฉิน ขณะที่มือของเฟิ่งชิงเฉินโบยบินไปบนฉิน ความคิดของทุกคนก็เต้นระบำไปกับนางเช่นกัน เสียงตุ๋มๆ ไหลเข้าที่ลำธาร จากนั้นไหลสู่แม่น้ำ
เมื่อไหลลงสู่แม่น้ำ พวกเขาก็เห็นดวงอาทิตย์และฝน พวกเขาถูกลมพัดไปมา บ้างก็เจอการโหมกระหน่ำลมกระโชกแรง ไหลผ่านพื้นหญ้า และกระทบเข้ากับก้อนหิน เมื่อลำธารไหลเข้าสู่แม่น้ำ และผสมเข้าด้วยกัน บ้างก็มีปลาน้อยว่ายเข้ามาอย่างจอมซน แต่หยุดทางนางไม่ได้ น้ำไหลเข้าสู่แม่น้ำที่กว้างใหญ่ขึ้น จนไหลเข้าสู่ทะเล….
ลมพัดทะเลพัดเข้ามา คลื่นซัดกระทบพื้นผิวทะเล บ้างก็เบา บ้างก็หนัก บ้างเร็วบ้างช้า ภาพทุกอย่างเหมือนเกินขึ้นอยู่ตรงหน้า จะว่าพวกเขากำลังฟังเพลงบรรเลงจากฉิน สู้ว่าพวกเขากำลังดูเสียดีกว่า ไม่ต้องหลับตาพวกเขาก็สามารถเห็นภาพทะเลนั้นได้ วินาทีแรกทุกอย่างดูสงบ วินาทีต่อมา เมฆมืดและพายุปกคลุม ฝนที่ตกกระหน่ำ คลื่นซัดเข้าอย่างดุเดือด และซัดเข้าหาท้องฟ้า ..