นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 486 เตียงยวบ การเคลื่อนไหวของคนทั้งสอง

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 486 เตียงยวบ การเคลื่อนไหวของคนทั้งสอง

“ชิงเฉิน ไม่ช้าก็เร็วเจ้าล้วนตกเป็นของข้า ใต้หล้าก็รู้ดีว่าเจ้าและข้าเป็นสามีภรรยากันแล้ว แทนที่จะทำให้ผู้คนสงสัยว่าข้าไร้น้ำยา มิสู้ข้าทำให้ข่าวลือเป็นจริง ทำให้เจ้าเป็นของข้าจริงๆ ชิงเฉิน หากเจ้าไม่พูดอะไรข้าก็จะถือว่าเจ้าตกลง ข้าจะลงมือแล้วนะ…”

เดิมเสด็จอาเก้าเพียงแต่ต้องการแกล้งทำให้เฟิ่งชิงเฉินตกใจเล่น แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็ยังคงแกล้งหลับอยู่อีก เสด็จอาเก้าโมโหจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในเมื่อนางแกล้งหลับ เขาก็จะเรียกร้องความสนใจสักหน่อย…

ลมหายใจร้อนรุ่ม กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้ชายผสมกับกลิ่นไม้ไผ่เย็นๆ ทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกร่างกายอ่อนยวบไม่มีแรงเลยแม้แต่น้อย

เรื่องกลิ่นอายของผู้ชายนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับเฟิ่งชิงเฉินเลยแม้แต่น้อย นางที่คลุกคลีกับผู้คนในสนามรบคุ้นเคยกับกลิ่นของผู้ชายผสมกับเหงื่ออย่างยิ่ง กลิ่นเช่นนี้นางได้กลิ่นเสียจนชินชาแล้วและไม่รู้สึกอะไรเลย แต่ทว่าวันนี้…

กลิ่นเฉพาะตัวของเสด็จอาเก้านั้นทำให้นางรู้สึกอ่อนแรงไร้กำลัง นางอดคิดถึงเรื่องบนรถม้าในวันนั้นไม่ได้ เฟิ่งชิงเฉินพบว่าหัวใจของนางเต้นถี่รัว มือของนางที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มกำหมัดแน่น ในใจนางแอบอธิษฐานให้เขารีบจากไป

นางแน่ใจว่าคำพูดของเสด็จอาเก้านั้นเป็นเพียงการข่มขู่นางเท่านั้น หากเขาต้องการร่างกายของนางจริงคงจะไม่หยาบคายถึงเพียงนี้และไม่ใช่มาที่จวนเฟิ่ง แต่ต้องพานางไปยังจวนองค์ชายเก้า

ในจวนหลังเล็กในเขตตะวันตก เพียงแค่นางกรีดร้องออกมา เสด็จอาเก้าก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว

แท้จริงแล้ว เสด็จอาเก้าไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรนางในคืนนี้และไม่คิดว่าเขาจะประมาทถึงเพียงนี้ เขาไม่อาจให้ตำแหน่งอย่าถูกต้องกับนางได้ ซ้ำยังมีเรื่องอื่นที่ทำให้นางต้องน้อยเนื้อต่ำใจด้วย เขาจึงไม่อาจครอบครองร่างกายของนางได้ในยามนี้

แต่ทว่าเฟิ่งชิงเฉินก็ยังคงแสร้งทำเป็นนอนหลับ เสด็จอาเก้าจึงค่อยๆ กำจัดระยะห่างระหว่างเขากับนางลงทีละน้อย เมื่อเห็นว่านางไม่มีท่าทีขัดขืน เสด็จอาเก้าจึงไม่ลังเลใจอีกต่อไปและนำน้ำหนักทั้งหมดของตนกดไว้บนร่างกายของเฟิ่งชิงเฉิน

ในเมื่อจะเรียกร้องความสนใจแล้วก็ขอเรียกร้องมากๆ หน่อยก็แล้วกัน เขาอดทนมานานแล้วและเขาแทบจะทนไม่ไหวแล้ว

เฟิ่งชิงเฉินตกใจกับน้ำหนักที่กดลงมาอย่างฉับพลัน นางไม่อาจแกล้งหลับได้อีกต่อไป ดังนั้นนางจึงลืมตาขึ้นแล้วผลักคนบนร่างของนางออกอย่างแรง “เสด็จ…”

“อย่าพูด” เสด็จอาเก้าโน้มศีรษะลงมาปิดปากของเฟิ่งชิงเฉิน ด้วยการกระตุกมือเพียงครั้งเดียว ม่านเตียงก็ถูกปลดลง ม่านเตียงที่ปิดซ้อนกันหลายชั้นบดบังแสงจันทร์จากภายนอก เตียงขนาดเล็กก็กลายเป็นโลกอีกใบหนึ่ง

รสชาติของความรักและอารมณ์หวั่นไหว

ดวงตาของเสด็จอาเก้าสุกสกาวท่ามกลางความมืดมิดยามราตรี แววตามั่นคงของเขาทำให้เฟิ่งชิงเฉินไร้ข้อกังขา

นางนิ่งค้างอยู่เช่นนั้น ก่อนหน้านี้เขายังดีๆ อยู่เลย แค่เพียงเสี้ยววินาทีกลับกลายร่างเป็นหมาป่าไปเสียได้ อีกทั้งยังเป็นหมาป่าหื่นกามเสียด้วย

เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่ายามที่บุรุษอยู่ต่อหน้าหญิงที่ตนรัก สิ่งนั้นก็จะตื่นขึ้นมาอย่างง่ายดาย เสด็จอาเก้าไม่เคยมีความคิดนี้ แต่เมื่อเขาล้มทับตัวเฟิ่งชิงเฉินและรู้สึกรื่นรมย์ที่มีหญิงสาวอยู่ภายใตร่างของเขา อารมณ์ต่างๆ ก็อยู่เหนือเหตุผล

ไม่ว่าอย่างไร ทุกคนต่างก็รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นของเขา เขาทำไปแล้วก็คือทำไปแล้ว เขาต้องการรอให้เฟิ่งชิงเฉินเต็มใจและรอวันที่ได้ทำเรื่องต่างๆ อย่างเปิดเผย แต่เขาอดทนรอไม่ไหวอีกต่อไป เขาปรารถนานางจนแทบคลั่ง หากไม่ได้ผ่อนคลายลงบ้าง เขาคงตายไปด้วยความอัดอั้นตันใจแล้ว

“เฟิ่งชิงเฉิน ข้ารอไม่ไหวแล้ว คืนนี้ แค่คืนนี้…” ต่อไปข้าจะชดเชยให้เจ้าอย่างแน่นอน!

“ไม่ ไม่ได้…” ผู้หญิงมีคืนแรกเพียงคืนเดียวแล้วจะขอไปทีเช่นนี้ได้อย่างไร เฟิ่งชิงเฉินไม่ต้องการ นางไม่ได้แม้แต่จะเตรียมใจ

เรื่องเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและรวดเร็วเกินไป เฟิ่งชิงเฉินคิดอะไรไม่ออกเลย นางเพียงปฏิเสธไปโดยสัญชาตญาณ พยายามผลักตัวเสด็จอาเก้าออกจากร่างกายของนาง แต่กลับพบว่า…

เพียงแค่นางเผลอไปเพียงชั่วครู่ อาภรณ์ของนางก็ถูกเสด็จอาเก้าถอดออกจนเหลือแต่ร่างเปลือยเปล่า แต่โชคดีที่ในห้องมืดมิดจนมองเห็นไม่ชัด

เฟิ่งชิงเฉินดีใจที่มันมืด หากเป็นเวลากลางวันแสกๆ นางคงอายที่จะนอนอยู่ใต้ร่างเสด็จอาเก้าเช่นนี้ เขาร้ายกาจเกินไปแล้ว!

“ชิงเฉิน เจ้าไม่ได้โกรธกับเรื่องในวันนั้นและเจ้าก็ยินยอมแต่งงานกับข้าแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ยังมีอะไรไม่ได้อีก ชิงเฉิน เจ้าก็รู้ว่าข้าชอบเจ้า” เฟิ่งชิงเฉินปฏิเสธ เสด็จอาเก้าก็ไม่แข็งขืน เขานอนบนร่างของเฟิ่งชิงเฉินและหอบหายใจอย่างหนัก

คำพูดของเฟิ่งชิงเฉินทำให้ความมีเหตุผลของเขากลับมาเล็กน้อย ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดี เขาเผลอใช้ประโยชน์ยามที่ผู้อื่นเผลอ เฟิ่งชิงเฉินได้กล่าวแล้วว่านางไม่ต้องการ เว้นแต่เขาจะขืนใจนาง เขา… ไม่ต้องการขืนใจนาง

เฟิ่งชิงเฉินตัวแข็งทื่อ ทั้งสองสบตากันในความมืด เมื่อเห็นแรงปรารถนาที่เสด็จอาเก้าพยายามควบคุมไว้ เฟิ่งชิงเฉินก็เบือนหน้าหนีไปด้วยความรู้สึกผิดและบิดตัวไปมาอย่างไม่สบายใจ

นางคิดไม่ถึงเลยว่าเพียงแค่นางแกล้งหลับ เรื่องจะกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้

“อย่าขยับ” เสด็จอาเก้าก้มศีรษะลงมาขบเม้มที่ต้นคอสีชมพูของเฟิ่งชิงเฉินอย่างแรง “ถ้าเจ้าขยับอีก ข้าคงทนไม่ได้แน่”

ขณะพูดเสด็จอาเก้าก็ขยับตัว ส่วนร้อนรุ่มของร่างกายเขาแตะโดนส่วนลับของเฟิ่งชิงเฉินพอดี “เจ้าควรจะรู้ว่าข้าต้องการเจ้ามาก”

เฮือก… คราวนี้เฟิ่งชิงเฉินไม่กล้าขยับแล้ว นางเพียงกระซิบเสียงเบา “เสด็จอาเก้า ท่านอย่าล้อเล่น”

นางจะไม่ยอมเสียตัวไปทั้งๆ แบบนี้ นางยังเตรียมตัวไม่พร้อมจริงๆ

เอ๊ะ… เตรียมตัว เตรียมตัวอะไร? เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่รู้เหมือนกัน นางรู้แต่ว่าวันนี้กะทันหันเกินไป หากนางเดาไม่ผิด วันนี้เขาน่าจะมาหานางเพราะมีเรื่องสำคัญต้องคุย เหตุใดยังไม่ได้คุยสักคำ ทั้งสองก็ขึ้นเตียงกันได้เล่า แล้วยังไม่มีเสื้อผ้าอีกด้วย

“เจ้าวางใจเถอะ หากเจ้าไม่ต้องการ ข้าจะไม่บังคับเจ้า” เสด็จอาเก้ายังคงนอนอยู่บนร่างของเฟิ่งชิงเฉินโดยไม่ขยับ แต่ท่อนล่างอันร้อนรนกลับไม่ไว้หน้าเขาเลยแม้แต่น้อย มันขยับอยู่ตรงส่วนนั้นของเฟิ่งชิงเฉินภายใต้ร่มผ้าขวางกั้น

เฟิ่งชิงเฉินสัมผัสได้ถึงความร้อนที่ไหลลงจากช่องท้องส่วนล่างสู่ส่วนนั้น อุณหภูมิในร่างกายของนางสูงขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายของนางรู้สึกว่างเปล่า นางต้องการ… ให้ชายที่อยู่ข้างหน้าครอบครองนาง

เฟิ่งชิงเฉินคิดอยากผลักเสด็จอาเก้าออกไปจริงๆ หากคิดเช่นนี้ต่อไป ยามที่เสด็จอาเก้าสงบลงแล้วคงจะเป็นคราวนี้ที่จะกลายเป็นฝ่ายร้อนรุ่มขึ้นมา

“ชิงเฉิน ดูสิ เจ้าเองก็ต้องการข้า” เสด็จอาเก้าพอใจกับการตอบสนองของเฟิ่งชิงเฉิน มือขวาของเขาเลื่อนลง นิ้วที่แข็งแกร่งทิ้งรอยสีแดงเล็กๆ ไว้บนผิวอันบอบบางของเฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินตัวสั่นสะท้านด้วยความวาบหวิวอย่างช่วยไม่ได้ สบายเหลือเกิน สบายจนนางเผลอครางออกมา

นางมักจะตามใจเสด็จอาเก้าเป็นพิเศษ เมื่ออยู่ต่อหน้าพฤติกรรมไร้มารยาทของเสด็จอาเก้าแล้ว นอกจากปากที่บอกปฏิเสธแล้วก็ไม่มีการปฏิเสธอย่างเป็นเรื่องเป็นราวอะไรอย่างอื่นอีก นางขัดแย้งอย่างยิ่งและไม่รู้ว่าควรทำตามหัวใจของนางหรือไม่ หรือก็คืออยู่กับเสด็จอาเก้าไปอย่างนี้

ในความมืด ดวงตาของเสด็จอาเก้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม มือขวาของเขาวางบนเอวเรียวของเฟิ่งชิงเฉินและลูบไล้ไปมา เฟิ่งชิงเฉินจึงอดไม่ได้ที่จะเปล่งเสียงครางออกมาอีกครั้ง

อันที่จริงเสด็จอาเก้ารู้วิธีกลั่นแกล้งผู้คนอย่างยิ่ง เฟิ่งชิงเฉินกล้าใช้หัวตนเองเป็นประกันว่านางถูกเสด็จอาเก้ากลั่นแกล้ง

“ก้นอวบและเอวเรียว แล้วยังผิวนวลเนียนนี่ ที่แท้ยามอยู่บนเตียง ชิงเฉินช่างมีเสน่ห์เย้ายวนถึงเพียงนี้”

หยอกเย้า เขาแกล้งนางอยู่แน่นอน ไม่เพียงแต่ด้วยการกระทำ แม้แต่ด้วยคำพูดของเขาก็ด้วย ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินร้อนวาบขึ้นมาทันที

วินาทีถัดมา เฟิ่งชิงเฉินก็โกรธ…

สารเลว ฉวยโอกาสรังแกนางก็แล้ว ยังจะแกล้งนางด้วยคำพูดอีก คิดว่านางรังแกง่ายงั้นหรือ

หน้าแดงนั่น ไปให้พ้น เสด็จอาเก้าไม่ได้มาเพื่อคุยเรื่องสำคัญ เห็นได้ชัดว่าเขามาขโมยพรหมจรรย์นางต่างหาก

ไม่รู้ว่านางเอาความแข็งแกร่งมาจากไหน เฟิ่งชิงเฉินพลิกตัวและกดเสด็จอาเก้าไว้ด้านล่าง และนั่งอยู่ด้านบนร่างกายเขา จากนั้นก็รีบคว้าเสื้อผ้ามาปกปิดเรือนร่าง นางโน้มตัวลงไปกระซิบที่ข้างหูของเสด็จอาเก้าเบาๆ …

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท