นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 488 พระจันทร์เงียบงัน เพราะเป็นเจ้า

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 488 พระจันทร์เงียบงัน เพราะเป็นเจ้า

เสด็จอาเก้านอนทับอยู่บนร่างของเฟิ่งชิงเฉิน นิ้วที่อยู่บนตัวของเฟิ่งชิงเฉินกระดิกขึ้น ทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยความรื่นรมย์ รอยยิ้มที่มุมปากของเขากว้างขึ้นเรื่อยๆ

เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าทุกอย่างจะราบรื่นถึงเพียงนี้ เขาคิดวางแผนอยู่นานกว่าจะพบว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ต้องทำอะไรเลยก็สามารถคว้าหัวใจจริงของเฟิ่งชิงเฉินมาได้

เสด็จอาเก้ามีนิสัยรักสะอาด เขารังเกียจผู้หญิง ไม่ชอบอยู่ใกล้ผู้คน ทนความสกปรกและไม่เรียบร้อยบนร่างกายตนเองไม่ไหว แต่ในยามนี้เขากลับไม่ขยับและกอดร่างบอบบางอันเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อของเฟิ่งชิงเฉินแน่นโดยไม่สนใจสิ่งประหลาดใต้ร่าง เขาทับอยู่บนร่างนางแน่นไม่ขยับไปไหน

พระจันทร์เงียบงัน ทุกอย่างหยุดนิ่ง เขาและเฟิ่งชิงเฉินอยู่ด้วยกันเช่นนี้ไปตลอดชีวิตก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลย

แน่นอนว่าความคิดนี้เพียงแวบเข้ามาในหัวเท่านั้น เขามีเรื่องที่ไม่อาจควบคุมได้มากเกินไป เขาเพียงแต่หวังว่าเวลาจะหยุดลงตรงนี้

น่าเสียดายที่เวลาไม่อาจหยุดอยู่ตรงนี้ เฟิ่งชิงเฉินเองก็ทนรับน้ำหนักกดทับจากชายร่างใหญ่เช่นเสด็จอาเก้าไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบางส่วนของเขายังอยู่ในร่างของนางโดยไม่ได้เอาออกไป

“ท่านหนักมาก” ความต้องการของเสด็จอาเก้าได้รับการปลดปล่อยและเต็มไปด้วยความสุข ในขณะที่นางนั้น…

นางรู้สึกทรมานมาก ร่างกายของนางดูเหมือนจะแหลกสลาย เจ็บจะแย่อยู่แล้ว

คนต่ำช้า สำเร็จความใคร่แล้วยังจะเอาเข้ามาในตัวนางทำไมอีก เอาออกไปเดี๋ยวนี้…

ฮือๆๆ … นางเสียใจนักที่พูดประโยคนั้นออกไป นางรู้ว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งดังเหล็กไหล ให้ตายนางก็จะไม่พูดว่านางเต็มใจ

ทั้งๆ ที่ใช้มือช่วยจนเขาสำเร็จความใคร่แล้ว แต่ใครจะไปคิดถึงว่าเพียงพูดประโยคนั้น เขากลับตั้งขึ้นอีกครั้งทันทีและแม้กระทั่งพุ่งใส่ส่วนบอบบางของนางอย่างรวดเร็ว ก่อนที่นางจะได้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด นางก็ถูกเขาสอดใส่เข้ามาแล้ว…

ทันทีที่นางบอกว่าเจ็บ นางก็ถูกริมฝีปากของชายคนนั้นปิดไว้และขยับเขาออกอย่างบ้าคลั่งโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกและสีหน้าเจ็บปวดของนาง ท่าทางเช่นนั้นราวกับเขาไม่ได้ใกล้ชิดกับหญิงสาวเลยมาเป็นเวลานานหลายร้อยปี

เอาเถอะ นางยอมรับว่าในกระบวนการนี้ นางก็รู้สึกสบายเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดที่มีสิ่งฉีกขาดแล้ว ความสุขเพียงเล็กน้อยนั้นเทียบไม่ได้เลย

ไม่มีส่วนใดของร่างกายนางที่ไม่รู้สึกเจ็บปวดโดยเฉพาะส่วนล่าง ไม่ต้องมองก็รู้ว่าจะต้องทั้งบวมทั้งแดงแน่ แต่หลังจากชายคนนี้เข้าไปแล้วก็ไม่ยอมเอาออกมาอีก เขาฉีดของเหลวอุ่นๆ เข้าไปในตัวนางครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นก็นิ่งเฉยรอการแข็งตัวอีกครั้ง

นางเป็นมนุษย์ไม่ใช่ตุ๊กตายาง นางจะทนต่อการถูกทรมานเช่นนี้ได้อย่างไร นางแทบเสียสติ… ร่างกายของนางกำลังจะแหลกสลาย

เฟิ่งชิงเฉินนอนแผ่ราบอยู่บนเตียงอย่างอ่อนแรง นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกมือขึ้นด้วยซ้ำ นางบอกแล้วว่าต้องเพลาๆ ลงหน่อย นางยังมีการประลองอีก แต่ชายผู้นี้ไม่รู้จักพอเอาเสียเลย

เขาไม่กลัวตายจากความอ่อนเพลียหรือ เฟิ่งชิงเฉินกระทุ้งเขาอย่างแรงหลายครั้ง นางจิ้มหน้าอกของเสด็จอาเก้าและบ่นว่า “ใครไม่รู้คงคิดว่าท่านไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงมาหลายร้อยปีแล้วจึงได้ตะกละตะกลามเช่นนี้”

“เพราะเป็นเจ้าต่างหาก” เสด็จอาเก้าพูดอย่างเคร่งขรึม เขาประสานนิ้วของเฟิ่งชิงเฉินไว้ จูบไปจูบมา เฟิ่งชิงเฉินก็พบว่าส่วนของเสด็จอาเก้าที่อยู่ในร่างกายของนางมีปฏิกิริยาตอบสนองและค่อยๆ ใหญ่ขึ้นอีกครั้ง…

ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินเปลี่ยนไป ร่างกายส่วนล่างของนางแข็งค้างอยู่ นางร้องขอความเมตตาด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “ไม่ ทำอีกไม่ได้แล้ว ข้าไม่ไหวแล้ว”

“จริงๆ นะ ถ้าทำต่อไป เอวของข้าต้องหักแน่” เฟิ่งชิงเฉินขอร้องอย่างน่าสงสาร

“อย่ากังวลไปเลย ข้าจะไม่ให้เจ้าต้องขยับ” เสด็จอาเก้าขยับเป็นจังหวะ ส่วนที่ร้อนแผดเผากระแทกเข้ากับส่วนอ่อนไหวของนาง เสียงน้ำทำให้จิตใจของผู้คนสั่นไหว

แต่เมื่อเสด็จอาเก้าขยับเล็กน้อย เขาก็หยุดเคลื่อนไหวและปล่อยให้แท่งร้อนนั้นค้างอยู่ในร่างของเฟิ่งชิงเฉินที่นูนและผนังอันอ่อนไหวของนางเบาๆ ทำให้นางรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ เบาเกินไปแล้ว… นางรู้สึกราวกับถูกขนนกปัดผ่าน ทำให้หัวใจของเฟิ่งชิงเฉินทรมาน นางแอ่นตัวขึ้นพลางพูดตัดพ้อ “อาจิ่ว ท่านมันคนร้าย”

“เรียกอีกทีสิ” เสด็จอาเก้าพอใจกับสรรพนามเรียกนี้มาก

“จิ่วจิ่วสารเลว เสี่ยวจิ่วคนไม่ดี ท่านจะทำต่อหรือไม่กันแน่” เฟิ่งชิงเฉินโมโห เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เขาขยับเล็กน้อยปลุกเร้าจนนางมีอารมณ์ ทำให้นางรู้สึกว่างเปล่าไปทั้งหมดและรู้สึกอยากถูกเติมเต็มความปรารถนานั้น แต่เขากลับไม่ยอมมอบมันให้กับนาง

“ขอร้องสิ… ขอร้องให้ข้าทำต่อสิ” เสด็จอาเก้าระงับความปรารถนาของตนเองดึงแท่งร้อนของเขาออกมาและค่อยๆ สอดใส่เข้าไปโดยไม่ยอมเติมเต็มความปรารถนาของเฟิ่งชิงเฉิน

เฟิ่งชิงเฉินแทบคลั่ง ความรู้สึกวาบหวิวของร่างกายนางทำให้นางอยากกอดชายผู้นี้ให้แน่นและให้เขาเติมเต็มนาง แต่หลังจากที่เขาพอใจแล้ว เขากลับเล่นตลกกับนางอย่างไม่ไยดี

เขาช่างร้ายนัก แม้อยู่บนเตียงก็นิสัยไม่ดี เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกเซ็งมาก

หากภูเขาไม่มาเดินมาหาข้า ข้าก็จะเดินไปหาภูเขา เฟิ่งชิงเฉินใช้สองแขนโอบรอบคอเสด็จอาเก้าและแอ่นร่างกายส่วนล่างขึ้น

แท่งร้อนของเสด็จอาเก้าเข้าไปในของร่างเฟิ่งชิงเฉินทั้งหมด เฟิ่งชิงเฉินจึงร้องครางอย่างพอใจ

“เจ้าใจร้อนยิ่งนัก” เสด็จอาเก้าชอบการรุกของเฟิ่งชิงเฉิน

“ท่านจะขยับหรือไม่ หากยังไม่ขยับ ต่อไปก็อย่าได้ขึ้นเตียงข้าอีก” เฟิ่งชิงเฉินขู่อย่างหมดหนทาง

เสด็จอาเก้าทำเกินไปแล้ว ทั้งๆ ที่เขาเองก็ต้องการ สุดท้ายยังต้องให้นางออกปาก ฮือๆๆ … นางชอบผู้ชายเช่นนี้ไปได้อย่างไรนะ

“ข้าเพียงไม่กล้าร้องขอแม้จะต้องการ!” ที่เรียกว่าได้คืบจะเอาศอกหรือเจ้าเล่ห์เป็นเช่นนี้นั่นเอง…

เฟิ่งชิงเฉินอยากพูดอีกสองสามคำ แต่เสด็จอาเก้าเริ่มขยับแล้ว แท่งหฤหรรษ์ถูกสอดใส่เข้าไปอีกครั้งและเริ่มทำงานอย่างหนักหน่วง

ต้นขาเรียวทั้งสอง เอวบางที่แข็งแรงและผ้าสีขาวที่พันรอบเอว เสียดายที่ดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินพร่ามัว แต่ถึงแม้ว่าตอนนี้นางจะมองเห็นได้ชัดเจนก็คงมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่บนร่างของเสด็จอาเก้า กลิ่นยาเบาบางได้ถูกกลิ่นอายแห่งความรักกลบไปจนสิ้นแล้ว…

แต่ละครั้งค่อยๆ รุนแรงขึ้นและลึกขึ้น เฟิ่งชิงเฉินคิดอะไรไม่ออกอีกต่อไป นางรู้แต่เพียงต้องกอดชายผู้นี้ไว้ให้แน่นและโบยบินสู่สวรรค์ไปด้วยกัน…

ค่ำคืนแห่งความสุขและความรัก เสด็จอาเก้าไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย การเคลื่อนไหวของเขาเร็วขึ้น ถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้น ในยามนี้เสด็จอาเก้าได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งทางร่างกายและความอดทนของเขาอย่างเต็มที่

โชคดีที่เตียงใหญ่และแข็งแรงพอ ไม่ว่าทั้งสองจะรุนแรงแค่ไหน เตียงก็ไม่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด เสียงครวญครางของเฟิ่งชิงเฉินถูกเสด็จอาเก้ากลืนกินไปทีละครั้ง

แสงฤดูใบไม้ผลิหลั่งไหล เสียงหอบกระเส่า เสียงครางแห่งความรื่นรมย์และเสียงหายใจหนักผสมผสานเป็นบทเพลงรักที่ไพเราะกลมกลืนอย่างที่สุด จนกระทั่งเสด็จอาเก้าหลั่งอีกครั้งภายในร่างของเฟิ่งชิงเฉิน ทุกอย่างจึงหยุดนิ่งลง

ร่างของเสด็จอาเก้าเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อนอนทับอยู่บนร่างของเฟิ่งชิงเฉิน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ

สุดท้ายได้กินนางหมดทั้งภายในและภายนอก รสชาติหอมหวานเหมือนที่เขาจินตนาการไว้เลย…

“ข้าไม่ไหวแล้ว… ลุกขึ้น อย่าทับข้า” ครั้งนี้เฟิ่งชิงเฉินไม่มีแรงแม้แต่จะยกมือขึ้น แท่งร้อนแผดเผาของเสด็จอาเก้ายังคงอยู่ในร่างกายของนาง แต่ตอนนี้นางไม่อยากขยับแล้ว เพียงหวังว่าเขาจะปล่อยนางไปเสียที

หากมีอีกครั้ง เกรงว่านางคงจะตายอยู่ใต้ร่างของเสด็จอาเก้าเป็นแน่!

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท