เสด็จอาเก้าไม่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังคิดอะไร แต่เขาเข้าใจเรื่องศักดิ์ศรีของเฟิ่งชิงเฉิน ศักดิ์ศรีของบุตรีแห่งเฟิ่งหลีและเข้าใจดีว่าสิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินต้องแบกรับหมายถึงอะไร
ในโลกนี้บุรุษสามารถมีภรรยากี่คนก็ได้ แต่ชายผู้เป็นสามีของบุตรีของเฟิ่งหลีนั้นทำไม่ได้ แม้ว่าจะเป็นองค์จักรพรรดิหรือเสด็จอาเก้าก็จะมีหญิงไม่ได้ ไม่เพียงแต่รับอนุไม่ได้เท่านั้น แม้แต่สาวใช้อุ่นเตียงก็ห้ามมี
ผู้ชายของบุตรีของเฟิ่งหลีจะต้องทำได้ตั้งแต่แรกจนจบ หากมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นแล้ว ด้วยความรักศักดิ์ของนางแล้ว นางจะเดินจากชายผู้นั้นไปตลอดกาล
หากไม่มีใจนางก็จะไป หญิงอื่นทำไม่ได้ แต่บุตรีของเฟิ่งหลีทำได้ ยามนากรักใครสุดหัวใจ นางล้วนยอมทำทุกสิ่งเพื่อเขาได้ แต่เมื่อทำร้ายหัวใจของนางแล้ว แม้ว่านางจะรักเพียงใด นางก็สามารถปล่อยวางได้ทันที
เฟิ่งชิงเฉินที่เป็นบุตรีของแม่ทัพเฟิ่งหลี แม้ว่าตอนนี้นางจะยังไม่รู้จักตัวตนของนาง แต่นางก็มีศักดิ์ศรี ยามที่ตราประทับปรากฏบนตัวนางครั้งแรกก็ได้ย้ำเตือนเขาว่านางเป็นบุตรีของเฟิ่งหลี
ถ้าไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาตอบสนองอันรวดเร็วของเขาปิดตาเฟิ่งชิงเฉินไว้ได้อย่างทันท่วงที เกรงว่าคงจะทำให้เฟิ่งชิงเฉินสงสัย แม้ว่าความกังวลนั้นจะไม่สดใส แต่ก็พอที่จะทำให้สะดุดตาแล้ว
ความน่าเสียดายเพียงอย่างเดียวก็คือเมื่อความกังวลนั้นปรากฏขึ้น เขาก็มึนงงอยู่ครู่หนึ่งและมองไม่ชัด
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญก็คือเสด็จอาเก้ารู้ว่าเขามีเฟิ่งชิงเฉิน เมื่อเขาได้บุตรีของเฟิ่งหลีแล้ว เขาก็ต้องมีนางเพียงคนเดียว มิฉะนั้นนาจะทิ้งเขาไปและใช้ดาบที่นางสะพายหลังไว้ตัดสายใยรักจนขาดสะบั้น
“ชิงเฉิน ข้าจะไม่มีผู้หญิงคนไหนอีกแล้ว จะไม่มีผู้หญิงคนไหนอีกเลยตลอดกาล” นี่คือคำสัญญา คำสัญญาที่สำคัญกว่าตำแหน่งที่เขาต้องมอบให้นาง
ตำแหน่งภรรยาไม่ได้รับประกันว่านางจะเป็นเพียงคนเดียว คำพูดประโยคนี้ต่างหากที่รับประกันว่านางจะเป็นเพียงคนเดียว
น่าเสียดายที่ไม่ว่าในยามเสด็จอาเก้าจะจริงจังและจริงใจเพียงใด เฟิ่งชิงเฉินก็ยังคงไม่เชื่อ
คำว่ารัก ฟังได้เท่านั้น ถ้าหากคิดจริงจังก็โง่เขลานัก
สิ่งที่ผู้ชายพูดบนเตียงเชื่อได้งั้นหรือ? คิดว่านางโง่หรือไง
เฟิ่งชิงเฉินไม่ตอบ นางเพียงแต่ยิ้มหยันและซุกไซร้เสด็จอาเก้าเหมือนลูกแมวขี้เกียจตัวหนึ่ง
ผ้าสีขาวรอบเอวของเสด็จอาเก้าทำให้นางรู้สึกไม่สบาย แต่เมื่อคิดได้ว่าเสด็จอาเก้าบอกว่านี่เป็นชุดฝึกของเขา เฟิ่งชิงเฉินก็หยุดคิดเรื่องนี้ จริงๆ แล้วนางไม่กล้าคิดต่างหาก
สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้กะทันหันและรวดเร็วเกินไป นางไม่ได้เตรียมใจไว้เลยแม้แต่น้อย ในขณะที่เสร็จกิจแล้วก็มีบางอย่างที่ทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกงงงวย
เฟิ่งชิงเฉินไม่กล้าบอกเสด็จอาเก้าว่ายามที่เขาสอดใส่เข้าไปครั้งแรก ส่วนหลังของนางมีความรู้สึกแสบร้อน
หลังจากที่เยื่อพรหมจารีขาดลง นางอยู่ในอาการสลบไสลอยู่เป็นเวลานาน เมื่อนางได้สติขึ้น เสด็จอาเก้าก็สำเร็จความใคร่ไปแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อดูท่าทางของเสด็จอาเก้าแล้ว เขาดูเหมือนจะไม่รู้ว่านางสลบไปอย่างแน่นอน
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ยังคิดหาเหตุผลไม่ออก เฟิ่งชิงเฉินจึงทำได้เพียงโทษว่าร่างกายของนางอ่อนแอเกินกว่าจะต้านทานแรงปรารถนาของเสด็จอาเก้าได้
นางเสียใจเล็กน้อยที่พลาดครั้งแรกไป ในชีวิตของนางมีครั้งแรกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แม้ว่าคนจะบอกว่าครั้งแรกมีเพียงความเจ็บปวดและไม่มีความสุข นางก็ยังอยากรู้ว่ามันรู้สึกอย่างไร
น่าเสียดายที่ร่างกายของนางอ่อนแอเกินกว่าจะต้านทานความต้องการของเสด็จอาเก้าได้ ครั้งแรกของนางจึงผ่านไปสภาพที่นางหมดสติ
ห้องเงียบสนิท ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างยาวนาน เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกง่วง นางหาวและซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเสด็จอาเก้า เมื่อนึกถึงท่าทางเคร่งขรึมในยามปกติของเสด็จอาเก้าแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็หยอกเย้า “เสด็จอาเก้า ในใจของท่าน ข้าเป็นใครหรือ?”
ความแข็งแกร่งในการต่อสู้บนเตียงของนางสู้เขาไม่ได้ อย่างน้อยก็สามารถใช้คำพูดเล่นงานเขาสักหน่อย เฟิ่งชิงเฉินคิดอย่างสนุกสนานว่าเสด็จอาเก้าจะพูดว่า “นางเป็นดังแก้วตาดวงใจที่เขาทะนุถนอมไว้ในมือราวกับไข่ในหิน” หรือคำหวานอะไรจำพวกนี้
หากเสด็จอาเก้าทะลุมิติมาเช่นนางก็คงจะตอบเช่นนั้นได้ นางคือโยโลไมท์ของเขา เช่นนั้นเขาจึงสามารถประคองนางไว้ในฝ่ามือของเขาได้
ฮ่าฮ่าฮ่า… เฟิ่งชิงเฉินยิ่งคิดก็ยิ่งขบขัน ความรู้สึกหดหู่ใจที่พลาดครั้งแรกของนางก็หายไป นางแอบหัวเราะอยู่บนตัวของเสด็จอาเก้า นางไม่สนใจคำตอบนัก เพียงแต่ ณ เวลานี้ ระหว่างทั้งสองนั้นสวยงามเกินไป งดงามจนนางอยากเก็บไว้คิดถึงอีกหน่อย
เฟิ่งชิงเฉินถามอย่างไม่ใส่ใจ แต่เสด็จอาเก้ากลับตอบอย่างจริงจัง “เจ้าเป็นผู้หญิงของข้า ผู้หญิงคนเดียวของข้า เฟิ่งชิงเฉิน สักวันหนึ่งข้าจะมอบทุกอย่างที่เจ้าต้องการให้แก่เจ้า”
เสด็จอาเก้ากอดเฟิ่งชิงเฉินแน่น นิ้วของเขาลูบไล้เฟิ่งชิงเฉินไปมาราวกับว่ากำลังวาดภาพอะไรบางอย่าง
เขารู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินยังคงไม่เชื่อเขา ไม่เป็นไร พวกเขายังมีเวลาอีกมาก…
“ตกลง ข้าจะจำคำพูดของท่านไว้” ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ คำตอบของเสด็จอาเก้าก็ทำให้เฟิ่งชิงเฉินมีความสุขมาก นางคิดไม่ถึงว่านางเพียงถามเล่นๆ แต่เสด็จอาเก้ากลับตอบอย่างจริงจัง
ไม่มีคำพูดหวานๆ ไม่ใช่เพื่อเกลี้ยกล่อมนางขึ้นเตียง แต่เป็นคำสัญญาหลังจากนั้นปลอบประโลมความตื่นตระหนกและหวาดกลัวที่นางต้องติดตามเขาไปโดยไม่มีสถานะ
นางจะไม่ลืมเลยว่าชายที่อยู่ใต้ร่างของนางคือเสด็จอาเก้า คนที่อยู่ภายใต้คนคนหนึ่งและสูงศักดิ์กว่าคนอีกหมื่นคน ไม่ว่าเขาจะต้องการผู้หญิงแบบใด เพียงแค่เขากวักมือเรียก หญิงงามนับไม่ถ้วนก็จะเสนอตัวเข้าหาโดยไม่เรียกร้องสถานะใดๆ
นางดีใจที่ชายผู้นี้เลือกนางและในตอนนี้เขายินดีที่จะให้นางเป็นผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวของเขา
คำตอบของเสด็จอาเก้าจริงจังมาก เฟิ่งชิงเฉินจึงไม่มีแก่ใจจะหยอกล้อเขาอีก เมื่อความง่วงมาเยือน เฟิ่งชิงเฉินหาวอย่างเกียจคร้าน ดูท่าทางสบายๆ แต่นางกลับพูดอย่างจริงจังว่า “เสด็จอาเก้า จำคำของท่านในวันนี้ไว้ให้ดี ถ้าวันหนึ่งท่านทรยศต่อคำสัญญาในวันนี้ก็ไม่สำคัญ ท่านวางใจเถอะ ข้าจะไม่เกลียดท่านและยิ่งไม่มีทางแก้แค้น แต่ข้าจะไปให้ไกลและไม่ต้องเจอหน้ากันอีกและไม่ให้โอกาสท่านได้ทำร้ายข้าอีก”
หลังจากพูดจบ เฟิ่งชิงเฉินก็ผล็อยหลับไปบนตัวของเสด็จอาเก้า ไม่ว่าเสด็จอาเก้าจะขยับอย่างไรก็ไม่สามารถปลุกนางได้ นางต้องเข้าไปในวังหลังรุ่งสาง นางเหนื่อยมากแล้วจริงๆ
เสด็จอาเก้ามองเฟิ่งชิงเฉินด้วยดวงตาเบิกกว้าง
หญิงใจร้ายผู้นี้ผล็อยหลับไปหลังจากพูดถ้อยคำที่หนักอึ้งไว้ นางไม่รู้หรอกว่าเพราะประโยคนี้จะทำให้เขานอนไม่หลับหรือ?
ไปให้ไกลหรือ?
หญิงใจร้ายผู้นี้ผล็อยหลับไปหลังจากพูดถ้อยคำที่หนักอึ้งไว้ นางไม่รู้หรอกว่าเพราะประโยคนี้จะทำให้เขานอนไม่หลับหรือ?
ไปให้ไกลหรือ?
ในเมื่อเป็นคนของเขาแล้ว คิดจะจากไปง่ายๆ ได้อย่างไร ต้องรู้ว่ารอยประทับบนร่างของทั้งสองเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบโดยกำเนิด ไม่มีใครสามารถจากอีกฝ่ายไปได้
เสด็จอาเก้ากอดเฟิ่งชิงเฉินแน่น ดวงตาที่สงบราวกับน้ำนิ่งเปล่งประกายท่ามกลางความมืด
เฟิ่งชิงเฉิน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าแม้แต่จะคิดที่จะหนีจากข้าไป แม้ว่าจะตายก็ต้องในมือของข้าเท่านั้น
เสด็จอาเก้าเอื้อมมือออกมาไปจี้จุดนอนกลับของเฟิ่งชิงเฉินเบาๆ ร่างของเฟิ่งชิงเฉินอ่อนระทวย ครั้งนี้นางหลับลึกไปแล้วจริงๆ
เสด็จอาเก้าดึงส่วนนั้นขอเขาออกจากร่างกายเฟิ่งชิงเฉินอย่างระมัดระวัง ของเหลวอุ่นๆ สีขาวก็ไหลตามออกมาเปรอะเปื้อนตัวของทั้งสอง เสด็จอาเก้าไม่รู้สึกสกปรกและปล่อยให้ของเหลวเหล่านั้นติดไปตามร่างกายของเขา
เขาวางเฟิ่งชิงเฉินลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล หยิบเสื้อผ้าด้านข้างคลุมตัวเขา ยกม่านเตียงขึ้นและดีดนิ้วไปทางข้างนอกห้อง
“เตรียมน้ำร้อน ข้าจะอาบน้ำ ให้คนมาทำความสะอาดห้องให้เรียบร้อยด้วย”
ในความมืด เงาร่างหลายร่างเคลื่อนไหวพร้อมกัน เสด็จอาเก้ายืนขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว นอกห้องเห็นเป็นสีเทารางๆ สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้แล้ว…
อีกไม่นานก็รุ่งสางแล้ว!