นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 506 ผู้อยู่เบื้องหลัง ถอดเสื้อ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 506 ผู้อยู่เบื้องหลัง ถอดเสื้อ

เฟิ่งชิงเฉินถอยและยอมจนสุดทางแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมปล่อยนางไป ดาบของเขายังคงกดเข้าหานางอย่าช้าๆ และได้กรีดถึงเส้นเลือดใหญ่ของนางแล้ว

“ข้าตกลงแล้ว เจ้าต้องการกระไรอีก” มือที่ซ่อนอยู่ด้านหลังของนางกำแน่น อยู่ในท่าทีที่พร้อมดึงนกปืนตลอดเวลา หากว่ามีโอกาส เฟิ่งชิงเฉินก็จะยิง

“ข้าจะลงโทษเจ้าสักหน่อย ไม่ต้องห่วง ไม่ถึงแก่ชีวิตหรอก” ชายชุดดำออกแรงที่ข้อมือ ควบคุมด้ามดาบด้วยความคล่องตัวจากนั้นก็กดไปที่คอของเฟิ่งชิงเฉิน

ร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินแข็งทื่อ นางไม่กล้าหายใจเสียงดัง ชายชุดดำดูเหมือนจะสนุกกับท่าทีหวาดกลัวของเฟิ่งชิงเฉิน การเคลื่อนไหวของเขาช้าลง ราวกับว่าเขากำลังเล่นกับเหยื่อของเขา

“คุณหนูเฟิ่ง อย่ากังวลไปเลย อย่างมากข้าก็แค่เชือดคอเล็กน้อย ไม่ทำให้คอขาดหรอก ข้าเชื่อในทักษะทางการแพทย์ของคุณหนูเฟิ่ง แผลแค่นี้ไม่ตายหรอก”

“บ้าไปแล้ว” ในเวลานี้ เฟิ่งชิงเฉินไม่สนแล้วว่าจะทำให้อีกฝ่ายตื่นตูมหรือไม่ เฟิ่งชิงเฉินรีบดึงนกไก่ออก เอนหลังและเหวี่ยงมือขวา “ปั๊ง…”

กระสุนพุ่งออกมาจากปืนและยิงเข้าที่แขนข้างที่ถือดาบอยู่ของชายชุดดำ ชายชุดดำมือกระตุก ดาบของเขากรีดผ่านคอเฟิ่งชิงเฉินไป จากนั้นเลือดพุ่งออกมาใส่ใบหน้าของชายชุดดำ

แย่แล้ว กรีดไปที่หลอดเลือดแดงใหญ่

“อ๊า…” เฟิ่งชิงเฉินร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด นางเปิดประตูห้องออกอย่างแรง แล้วกลิ้งออกไป ชายชุดดำอยากจะไล่ตามนางไป แต่เสียงในห้องนั้นทำให้สายลับและทหารที่เฝ้าอยู่ข้างนอกตื่นตัว

“มีผู้ลอบสังหาร คอยปกป้องคุณหนูเฟิ่ง” พวกทหารตะโกนขึ้นมา แต่สายลับออกตัวแล้ว

เมื่อชายชุดดำเห็นเช่นนี้ เขาก็ไม่ได้สนใจเฟิ่ง ชิงเฉินต่อ เพียงแต่กดบาดแผลของตนแล้วเร่งหนีไป

“ปั๊ง…” เฟิ่งชิงเฉินล้มลงกับพื้น และในขณะที่ชายชุดดำหันหลังกลับ นางได้เหนี่ยวไกปืนอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่เฟิ่งชิงเฉินได้รับบาดเจ็บ มือไม่นิ่ง จึงไม่ได้ยิงโดนจุดสำคัญของคนร้าย

“คุณหนู” สายลับแบ่งออกเป็นสองฝ่าย หนึ่งฝ่ายไปไล่ตามชายชุดดำ และอีกหนึ่งฝ่ายเข้ามาพยุงเฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินบอกให้พวกเขาปล่อย “ไม่ต้องห่วงข้า ไปจับตัวผู้สังหารนั้นมาให้ได้ จะเป็นหรือตายก็แล้วแต่”

ในเวลานี้ นางไม่มีเวลาไปคิดว่าเหตุใดรอบตัวนางจึงมีสายลับซ่อนอยู่ นางรู้เพียงแค่ว่า ตอนนี้นางตกอยู่ในอันตรายอีกแล้ว และนางต้องการจับผู้อยู่เบื้องหลังออกมาให้ได้

“ทราบขอรับ” สายลับรู้ว่าสาวใช้ของจวนเฟิ่งไม่นานก็มาถึง จึงไม่ได้อยู่ต่อ ต่างก็เร่งวิ่งออกจากลานบ้านไป

วันนี้พวกเขาละเลยหน้าที่ตัวเองไปอย่างแรง หากว่าผู้ลอบสังหารหนีไปได้อีก พวกเขาก็คงไม่ต้องมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว

ทันทีที่สายลับออกไป ทงจือ ทงเหยาและชุนเซี่ยชิวตงก็มาถึง เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินนอนจมกองเลือด สีหน้าของสาวใช้ทั้งหกก็ขาวซีดทันที พวกนางโซเซไปมา ราวกับว่ายืนไม่อยู่

ณ เวลานั้น พวกเขามีความคิดเดียวในหัว นั่นคือหากคุณหนูตายไป พวกนางก็คงไม่รอด

ทหารที่เฝ้าอยู่นอกลานบ้านรีบเข้ามา เฟิ่งชิงเฉินเห็นพวกเขา แล้วชี้ไปที่ทิศทางที่ผู้สังหารหนีไป และเอ่ยออกมาอย่างยากลำบากว่า “ตามมันไป”

“ขอรับ” ทหารครึ่งหนึ่งอยู่ปกป้องเฟิ่งชิงเฉิน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเร่งตามเบาะแสผู้ลอบสังหารไป

“เร็วเข้า นำผ้ามา หยุดเลือดให้คุณหนู” ชุนฮุ่ยเป็นคนที่โตและมีสติที่สุด นางสงบสติตัวเองก่อน และเร่งเข้าไปดูอาการเฟิ่งชิงเฉิน นางเห็นบาดแผลที่คอของเฟิ่งชิงเฉิน นางสั่นไปทั้งตัว

เฟิ่งชิงเฉินได้รับบาดเจ็บที่คอ และที่นางพูดเมื่อสักครู่นี้ เอ่ยออกมาด้วยความเจ็บปวด นางไม่อยากกล่าวกระไรอีก จึงโบกมือให้ชุนฮุ่ยและเขียนคำว่า “ซุน” ไว้ที่ฝ่ามือของนาง

“เซี่ยว่หาน รีบเชิญคุณชายซุนมา”

“ได้ ข้าจะไปประเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าดูแลคุณหนูให้ดี” แม้ว่าเซี่ยหว่านจะตื่นตระหนก แต่นางไม่ได้ร้อนรน

“คุณหนู ผ้าสะอาดเอาไว้หยุดเลือดก่อน หากว่าเลือดไหลเช่นนี้ คุณหนูจะเสียเลือดมากไปก่อนที่คุณชายซุนจะมาถึง” ทงจือส่งผ้าให้เฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินไม่ปฏิเสธ และส่งสัญญาณให้ทงจือและทงเหยาช่วยกดให้แน่น เพื่อที่จะให้เลือดหยุดไหล อย่าน้อยก็ลดความเร็วในการเสียเลือดลง

วันนี้นางได้รับบาดเจ็บที่หลอดเลือดแดงขวา

“ช่วยพยุงคุณหนูเข้าห้องไปก่อน”

ทั้งห้าคนวุ่นวายอย่างมาก พวกเขาพาเฟิ่งชิงเฉินเข้าไปในห้องก่อนที่คุณชายซุนจะมาถึงจนได้ เฟิ่งชิงเฉินได้รับบาดเจ็บที่หลอดเลือดแดง เลือดก็ไหลออกมาไม่หยุด ไม่นานเฟิ่งชิงเฉินรู้สึกวิงเวียนศีรษะและรู้สึกว่ามีภาพลวงตา มองสิ่งของรอบๆ ก็ไม่ชัดเท่าไหร่

“เกิดอะไรขึ้นกับอาจารย์?” ซุนซือสิงอาศัยอยู่ในลานนอก เขาวิ่งมาแต่ไกล จึงหอบเล็กน้อย

“คุณชายซุน เร็วเข้า คุณหนูบาดเจ็บที่คอ มีเลือดออกจำนวนมาก” ทงจือและทงเหยาเห็นซุนซือสิงราวกับเห็นเสาหลัก

ซุนซือสิงเป็นหัวหน้าในจวน และยังเป็นหมออีกด้วย

รูม่านตาของซุนซือสิงขยายออกอย่างแรง เขาแยกจากอาจารย์ไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหตุใดอาจารย์จึงเจ็บหนักเช่นนี้?

“ไป นำกล่องยาของข้ามา เตรียมน้ำร้อนและผ้าขาว พวกเจ้าหลีกไปก่อน” ซุนซือสิงไม่มีเวลาคิดมาก เขารีบวิ่งไปข้างหน้าและทำทุกอย่างโดยประหยัดเวลาที่สุด ดึงเอาเหล่าสาวใช้ที่รายล้อมเฟิ่งชิงเฉินออกไป

“ท่านอาจารย์” เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉิน ที่มีเลือดเต็มร่างกาย และยังคงเลือดไหลไม่หยุด ซุนซือสิงเจ็บใจอย่างมาก

ดวงตาที่หรี่ลงเล็กน้อยของเฟิ่งชิงเฉิน จู่ๆ ก็เปิดขึ้น ดวงตาของนางดูไม่มีแววและเบลอ เฟิ่งชิงเฉินทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวอย่างอ่อนแอว่า ” ซือสิง อย่างวิตก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเจ้า หยุดเลือดและเย็บแผลให้อาจารย์”

หลังจากพูดจบ เฟิ่งชิงเฉินหมดสติไป

ซุนซือสิงรีบก้าวเข้ามา และตรวจสอบลมหายใจและชีพจรของเฟิ่งชิงเฉิน เมื่อแน่ใจว่าเฟิ่งชิงเฉินยังหายใจอยู่ จากนั้นเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “จุดตะเกียง เร็วเข้า เอากล่องยาของอาจารย์มาด้วย”

“กล่องยา คุณชายซุนกล่องยาของท่าน” ชิวฮุ่ยหยิบกล่องยาของซุนซือสิงมา และเปิดกล่องยาออกโดยที่ซุนซือสิงยังไม่ทันได้สั่ง นางทำหน้าที่แทนโต๊ะ ยืนถือกล่องยาอยู่ข้างตัวซุนซือสิง

ซุนซือสิงหยิบยาสำหรับหยุดเลือดจากกล่องยา นำผ้าขาวและหมอนที่เอาไว้หยุดเลือดของเฟิ่งชิงเฉินออก จากนั้นก็เทยาหยุดเลือดลงแผลของเฟิ่งชิงเฉินจำนวนมาก ราวกับว่ายานั้นไม่มีค่า

ผงสีขาวกลายเป็นสีแดงทันทีเพราะเลือด มันละลายและไหลไปตามข้างลำตัวพร้อมเลือด ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะทำอย่างไรก็หยุดเลือดไม่ได้ เลือดเอาแต่ไหลออกมาไม่หยุด

“ฮือ…” ไม่รู้ว่าใครร้องไห้ ซุนซือสิงมือกระตุก เขาหันกลับมาและกล่าวอย่างดุดันว่า “หุบปาก อาจารย์ของข้ายังไม่ตาย”

สาวใช้ทั้งหกคนตกใจกับการกระทำของซุนซือสิง แต่ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมา และพวกนางต่างก็มองปี่เฟิ่งชิงเฉินด้วยความเป็นห่วง

เตียงถูกย้อมเป็นสีแดงเกือบทั้งหมด เสื้อผ้าของซุนซือสิงก็มีเลือดติดเช่นกัน สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินขาวซีดขึ้นเรื่อยๆ อุณหภูมิในร่างกายของนางก็ลดลงเรื่อยๆ หากเลือดยังไม่หยุดไหล เฟิ่งชิงเฉินจะตาย

ณ ตอนนี้ซุนซือสิงไม่ถือเรื่องชายหญิงไม่เหมาะจะแตะเนื้อต้องตัวแล้ว เขาสั่งต่อสาวใช้ทั้งหก “ข้าจะฝังเข็มให้อาจารย์ พวกเจ้าถอดเสื้อผ้าของอาจารย์และมาเปลี่ยนเสื้อหมอให้ข้าที แล้วก็เอาน้ำร้อนมา ข้าจะล้างมือ”

“ไม่ดีกระมั้ง” ทงจือและชุนฮุ่ยมองหน้ากันและพูดอย่างไม่สบายใจ

ซุนซือสิงเปลี่ยนความอ่อนโยนที่มีตามปกติของเขาและพูดอย่างเข้มงวดว่า ” สิ่งสำคัญคือช่วยชีวิตคน ไม่มีอะไรที่ดีหรือไม่ดี หากว่าเกิดเรื่อง ข้าจะรับผิดชอบเสียเอง”

ซุนซือสิงที่ทำสีหน้าตึงเครียด ดูจริงจัง ตอนนี้เหมือนซุนเจิ้งเต้าเล็กน้อย

“ทงจือ ชีวิตของคุณหนูสำคัญกว่า” ทงเหยาเห็นว่าทงจือยังคงลังเล ก็เอ่ยปากแบ่งหน้าที่ทันที “ทงจือและตงชิงไปตักน้ำ ชุนฮุ่ยเจ้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและเก็บผมให้คุณชายซุน ชิวฮว่า เซี่ยหว่าน เราสองคนถอดเสื้อของคุณหนู”

“รับทราบ” ชิวฮว่าตอบรับ คนอื่นๆ ก็เร่งไปทำตามหน้าที่

เซี่ยหว่านและชิวฮว่าพยุงตัวเฟิ่งชิงเฉินขึ้นมา ตงเหยาปลดเสื้อของเฟิ่งชิงเฉินออก เมื่อเสื้อนอก เสื้อกลาง เสื้อชิ้นสุดท้ายถูกถอดออก ผิวที่ขาวใสสะอาดเผยออกมา สาวใช้ทั้งสามอุทานอย่างตกใจขึ้นมาทันที “อ๋า …”

“เกิดอะไรขึ้น?” ซุนซือสิงตกใจและรีบวิ่งเข้าไป เมื่อเห็นภาพตรงหน้าแล้ว เขาตะลึงอย่างมาก ………..

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท