นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 508 ต่อต้าน นายที่ไม่ยอมแม้จะน่าสงสารหรือแข็งข้อก็ตาม
ปั๊ง… ปู้จิงหยุนกระเด็นออกไปราวกับสิ่งของที่ถูกโยนออกไป จากนั้นก็กระแทกเข้าที่กำแพง และร่วงลงมาตามผนังกำแพง
“ปู้จิงหยุน นี่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้ว? เจ้าทำข้าผิดหวังอย่างมาก” หลานจิ่วชิงชึ้ไปที่ปู้จิงหยุนและด่าทอ
“จิ่วชิง เมื่อวานเป็นอุบัติเหตุ มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ” ปู้จิงหยุนไม่มีเวลามากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เขาเร่งลุกขึ้นมาและอธิบาย
วันนี้จิ่วชิงน่ากลัวอย่างมาก เขามั่นใจได้ว่าถ้าเฟิ่งชิงเฉินตาย หลานจิ่วชิงฆ่าเขาอย่างแน่นอน
หากปู้จิงหยุนไม่อธิบายคงจะดีกว่านี้ พอเขาอธิบาย หลานจิ่วชิงโกรธมากขึ้นกว่าเดิม หลานจิ่วชิงก้าวเข้าไปและจับตัวปู้จิงหยุนขึ้นมา ความโกรธนั้นปะทุขึ้นในดวงตาที่อยู่ใต้หน้ากากของเขา
“อุบัติเหตุหรือ? ภายใต้การปกป้องที่เคร่งครัดเช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินถูกมือสังหารทำร้ายจนบาดเจ็บ แบบนี้เรียกว่าอุบัติเหตุหรือ? ปู้จิงหยุน ข้าฆ่าเจ้าตอนนี้ ถือว่าเป็นอุบัติเหตุด้วยหรือไม่?”
หลานจิ่วชิงบีบคอของปู้จิงหยุนเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว แล้วยกตัวเขาขึ้นมา เขาเผยกลิ่นอายแห่งความอาฆาตออกมาราวกับว่าจะฆ่าปู้จิงหยุนจริงๆ แม้ว่าซูเหวินชิงจะเป็นห่วงอย่างมาก แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปยุ่ง
เขากลัวว่ายิ่งเขาเกลี้ยกล่อมมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้เรื่องไปกันใหญ่ ตอนนี้จิ่วชิงกำลังโกรธเคืองอย่างมาก เขาได้ระบายมันออกมาก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
เพื่อนตายได้แต่ข้าจะไม่ยอมตาย สถานการณ์แบบนี้ เขาไม่หาเรื่องใส่ตัวอย่างแน่นอน
เท้าของปู้จิงหยุนลอยขึ้นมาจากพื้น เขาไม่สามารถหายใจได้ ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ตาลุกวาว และลิ้นก็ยื่นออกมา เมื่อตอนที่ปู้จิงหยุนคิดว่าตนกำลังจะตายแล้ว หลานจิ่วชิงก็ปล่อยมือ…….
บูม… ปู้จิงหยุนล้มลงกับพื้น
“แฮ่มแฮ่ม …” ปู้จิงหยุนหายใจอย่างแรง เมื่อนึกถึงภาพเมื่อสักครู่นี้ ปู้จิงหยุนยังคงหวาดกลัว ตอนนี้เขาไม่สงสัยแล้ว แต่เขามั่นใจเลยว่าหากเฟิ่งชิงเฉินตายจริง ๆ จิ่วชิงจะต้องฆ่าเขาให้ตายเช่นกัน
หลังจากสงบลงแล้ว ปู้จิงหยุนแอบมองดูหลานจิ่วชิง เมื่อเห็นว่าความโกรธของหลานจิ่วชิงมีแต่เพิ่มขึ้นไม่มีลดลง เขายิ่งกังวลมากขึ้นไปอีก เขารู้ตัวแล้วว่าวันนี้เขาอาจจะเอาตัวรอดไปเนียนๆ ไม่ได้แล้ว
ลำคอของเขาเจ็บจนพูดอะไรไม่ได้ แต่ปู้จิงหยุนไม่กล้าแสร้งทำเป็นอ่อนแอ เขาทนต่อความเจ็บปวด และกล่าวว่า “จิ่วชิง เมื่อคืนมันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ สายลับไม่ได้ละเลยหน้าที่ คนลอบเข้าไปในห้องของเฟิ่งชิงเฉินเมื่อวานนี้ วิชาของเขาเทียบเท่าข้าและเจ้า ช่วงนี้เฟิ่งชิงเฉินเป็นที่สนใจมากจนเกินไป คนที่อยากจะจัดการนางมีไม่น้อย”
ปู้จิงหยุนกำลังบอกหลานจิ่วชิงทางอ้อมว่า การที่มีคนมาลอบสังหารเฟิ่งชิงเฉิน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหลานจิ่วชิง หากมิใช่เพราะเสด็จอาเก้าสนับสนุนเฟิ่งชิงเฉินอย่างดี หญิงสาวที่ธรรมดาเช่นนี้จะกลายเป็นเป้าหมายของเหล่าผู้มีอำนาจได้อย่างไร
หลานจิ่วชิงมองลงไปที่ปู้จิงหยุนอย่างดูหมิ่น ดวงตาที่ลึกของเขาเย็นชาอย่างมาก เขาเหลือบมองปู้จิงหยุนเพียงครู่เดียว จากนั้นก็เงยหน้ามองไปทางอื่น
“เอาล่ะ เมื่อวานเป็นอุบัติเหตุ แล้วครั้งที่แล้วละ? คนที่ลอบสังหารเฟิ่งชิงเฉินเป็นใคร เจ้าสืบได้หรือยัง?” การที่เขาเอาเฟิ่งชิงเฉินออกมาเสี่ยง เพราะเขามั่นใจว่าสามารถปกป้องเฟิ่งชิงเฉินได้ดี แต่ไม่คาดคิดว่าจะพลาดเพียงเล็กน้อย ทำให้มีคนฉวยโอกาสไปได้
เขาโกรธปู้จิงหยุน และโกรธตัวเขาเองยิ่งกว่า!
“จิ่วชิง เหตุการณ์ครั้งที่แล้วมุ่งเป้าไปที่หวังจิ่นหลิง เฟิ่งชิงเฉินเป็นแค่คนที่ได้รับผลกระทบเท่านั้น” ปู้จิงหยุนได้ยินจิ่วชิงเอาเรื่องเก่าๆ มาพูด จึงไม่พอใจเล็กน้อย
“ข้าไม่สนหรอกว่าการลอบสังหารครั้งที่แล้วมุ่งเป้าไปที่ใคร ข้ารู้แค่ว่าเวลาผ่านไปนานมากแล้ว เจ้าสืบข้อมูลอะไรมาได้บ้างหรือ? คนที่อยู่เบื้องหลังคือใคร? ปู้จิงหยุน คราวที่แล้วมีผู้ลอบสังหารมากกว่าสามกลุ่ม เจ้าอย่ามาบอกข้านะว่าเจ้าสืบไม่ได้เลยสักคน” หลานจิ่วชิงพูดอย่างประชดประชันโดยเอามือไขว้ไปข้างหลัง
ปู้จิงหยุนก้มศีรษะด้วยความละอายใจ ” ผู้ลอบสังหารตายกันหมดแล้ว เบาะแสหายไป และตัวผู้ลอบสังหารเองไม่มีเบาะแสใดๆ เลย”
“ฉะนั้น เจ้าไม่พบเบาะแสใดๆ เลย และยังทำตัวสบายจิตสบายใจหรือ?” หลานจิ่วชิงเยาะเย้ย “ปู้จิงหยุน ต้องให้ข้าบอกผู้ลอบสังหารหรือไม่ว่า ห้ามพวกเขาฆ่าตัวตาย รอให้เจ้าได้สืบข้อมูลก่อน และบอกกับผู้อยู่เบื้อหลังของพวกมันอีกว่า ให้ทิ้งเบาะแสไว้ที่ผู้ลอบสังหารเล็กน้อย เจ้าจะได้สืบได้อย่างสะดวก? ปู้จิงหยุน นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าสืบหาเบาะแสของผู้ลอบสังหารหรือ?”
ในประโยคสุดท้าย น้ำเสียงของเขาหนักขึ้นทันใด ปู้จิงหยุนและซูเหวินชิงไม่กล้าแม้แต่หายใจเสียงดัง นานมาแล้วที่หลานจิ่วหลิงไม่ได้โกรธเช่นนี้ แม้แต่เรื่องเย่เฉิงที่พวกเขาทำพลาดในคราวก่อน จิ่วชิงก็ไม่ได้โกรธเช่นนี้ . .
หลานจิ่วชิงหลับตาเพื่อสงบความโกรธและความกังวลในใจ แต่ทันทีที่เขาหลับตาลง ภาพของเฟิ่งชิงเฉินที่สีหน้าขาวซีด มีผ้าพันแผลอยู่ที่คอ และนอนอยู่บนเตียงอย่างไร้ชีวิตชีวาก็ปรากฏขึ้น
หลานจิ่วชิงลืมตาทันที และกำมือแน่น จากนั้นก็หันหลังให้ปู้จิงหยุน เขากลัวว่าตนจะทนไม่ไหว แล้วลงโทษปู้จิงหยุนอีก
“จิงหยุน ในเมื่ออยู่เมืองหลวงนี้ เจ้าทำงานกระไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง เช่นนั้นเมื่อฟ้าสว่าง เจ้ากลับไปที่ยอดชุมชนเสีย หากไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามมาเหยียบเมืองหลวง”
“จิ่วชิง เจ้าจริงจังหรือ? แค่ผู้หญิงคนเดียว เจ้าจะไม่สนความสัมพันธ์มิตรภาพของเรา จะทิ้งข้ากลับไปที่ยอดชุมชน?” ปู้จิงหยุนไม่มีเวลาไปทำตัวน่าสงสารแล้ว เขาเร่งยืนขึ้นและมองไปที่หลานจิ่วชิงด้วยความเหลือเชื่อ
เมื่อเผชิญหน้ากับข้อกล่าวหาของปู้จิงหยุน หลานจิ่วชิงไม่ได้แม้แต่จะมองเขา ” ปู้จิงหยุน จำสถานะของเจ้าไว้ให้ดี เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะมาสงสัยในคำสั่งของข้า”
สีหน้าของปู้จิงหยุนและซูเหวินชิงเปลี่ยนไปอย่างมาก เขายิ้มอย่างขมขื่น
ใช่ พวกเขาลืมไปว่าจิ่วชิงไม่ใช่แค่มิตรของพวกเขา ยังเป็นนายของพวกเขาอีกด้วย สีสันในดวงตาของปู้จิงหยุนหายไปในทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่จิ่วชิงเอาเรื่องสถานะมาพูดกับพวกเขา พวกเขาทั้งดีใจและผิดหวัง พวกเขาดีใจเพราะจิ่วชิงจำตัวตนของตัวเองอยู่เสมอ แต่ผิดหวังที่จิ่วชิงเน้นย้ำถึงความแตกต่างระหว่างพวกเขาเพียงเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง
หลานจิ่วชิงหลับตาลง เหลือบมองปู้จิงหยุนแล้วหันไปหาซูเหวินชิงและกล่าวว่า ” เหวินชิง ส่งเป่าเอ๋อไปที่เหลียนเฉิง ส่งคนปกป้องนางอย่างลับๆ”
พูดเสร็จเขาก็เดินออกไป
“ขอรับ”
“จิ่วชิง อย่า…”
ซูเหวินชิง และปู้จิงหยุนพูดพร้อมกัน แต่คำตอบรับนั้นต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง ปู้จิงหยุนเอาตัวไปบังหลานจิ่วชิงเอาไว้ และกล่าวอย่างเร่งรีบว่า ” จิ่วชิง เรื่องนี้เป็นความผิดของข้า ข้ายินดีที่จะถูกลงโทษ ข้าจะกลับไปที่ยอดชุมชน หากไม่มีคำสั่งของเจ้าข้าจะไม่เข้ามาเหยียบเมืองหลวง แต่โปรดอย่าลงกับป่าเอ๋อเลย เป่าเอ๋อเป็นผู้บริสุทธิ์ และเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเป่าเอ๋อ”
“สภาพอากาศของเหลียนเฉิงเหมาะที่จะให้เป่าเอ๋อพักฟื้นมากกว่า อยู่ที่นั่นนางจะได้รับการดูแลปกป้องที่ดีกว่า” หลานจิ่วชิงผลักปู้จิงหยุนออกไปและเดินต่อไป
เขาเอาความโกรธไปลงที่เป่าเอ๋อแล้วอย่างไร? ปู้จิงหยุนละเลยหน้าที่หลายครั้งเพราะฉินเป่าเอ๋อ ฉินเอ่าเอ๋อก็ต้องรับผิดชอบเป็นธรรมดา
“จิ่วชิง…” ปู้จิงหยุนไม่อยากให้เรื่องเป็นเช่นนี้ เขาอยากจะตามไป แต่ซูเหวินชิงดึงเขาเอาไว้ “จิงหยุน เจ้าใจเย็น”
“ใจเย็น เจ้าจะให้ข้าใจเย็นได้อย่างไร จิ่วชิงจะส่งเป่าเอ๋อออกไป เป่าเอ๋อจะตาย นางจะตาย…” ปู้จิงหยุนสะบัดมือของซูเหวินชิงออก เขาพูดและวิ่งตามหลานจิ่วชิงไป
“บู้ม…” ซูเหวินชิงตามปู้จิงหยุนไม่ทัน เขาจึงกระโดดแล้วผลักปู้จิงหยุนลงกับพื้น ทั้งสองล้มลงกับพื้น ซูเหวินชิงถือโอกาสหยุดปู้จิงหยุนเอาไว้
“ปล่อยข้า” ปู้จิงหยุนดิ้นรนอย่างหนัก แต่เขาไม่สามารถหลุดพ้นจากการควบคุมของซูเหวินชิงได้ เมื่อเห็นหลานจิ่วชิงกำลังจะออกไปนอกประตู ปู้จิงหยุนร้อนรนอย่างมาก เขาขู่ว่า “ซูเหวินชิง ปล่อยข้า ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าใจร้าย”
มีโอกาสแค่วันนี้ เมื่อรุ่งสาง เขาจะต้องไปที่ยอดชุมชน เช่นนั้นเขาจะไม่มีโอกาสไปขอร้องโอกาสให้เป่าเอ๋อ
ซูเหวินชิงโกรธเคืองอย่างมาก เขาต่อยปู้จิงหยุน ” เจ้าจะใจร้ายยังไง? ปู้จิงหยุนเจ้าเก่งมากใช่หรือไม่? แค่ผู้หญิงคนเดียวเจ้าจะลงมือกับข้าหรือ? แทนที่จะปล่อยให้เจ้าเสียสติเพราะผู้หญิง เช่นนั้นข้าฆ่าเจ้าเสียดีกว่า
ปู้จิงหยุนดูตัวเองสิ เจ้าบอกว่าจิ่วชิงจะฆ่าเจ้าเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วเจ้าล่ะ? เจ้าไม่สนว่าเราจะเป็นเรือตาย เจ้าละเลยหน้าที่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็เพราะผู้หญิงคนหนึ่ง
ปู้จิงหยุน อย่าลืมนะ เจ้ามีหน้าที่รับผิดชอบในการฝึกเหล่ามือสังหารตายและสายลับ ความปลอดภัยของพวกเราทุกคนอยู่ในมือเจ้า แต่ดูสิว่าช่วงที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง เฟิ่งชิงเฉินเกิดเรื่องซ้ำแล้วซ้ำเล่า สายลับมีเหมือนไม่มี และคนของเจ้าไม่มีความสามารถแม้แต่ที่จะตามจับมือสังหารที่บาดเจ็บมาได้
วิชาของมือสังหารนั้นสูงกว่าสายลับหรือ? หึ……ข้ออ้างของเจ้าช่างไร้สาระจริงๆ สายลับไม่แม้แต่จะสังเกตได้ว่ามีมือสังหารเข้ามา นี่ไม่ใช่ปัญหาของฝีมือ แต่พวกเขาไม่มีแม้แต่ความสามารถตรงนี้เลย สายลับแบบนี้ไม่ผ่านเกณฑ์ด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่จิ่วชิงเลย แม้แต่ข้าเองก็สงสัย ว่าเจ้าฝึกสายลับอย่างไรกัน? สายลับแบบนี้สู้ทหารธรรมดายังไม่ได้เลย
ปู้จิงหยุน เจ้าเองก็เป็นเช่นนี้ เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อว่าจิ่วชิง อย่างน้อยจิ่วชิงไม่เคยลืมว่าตัวเองต้องทำอะไรเพราะเฟิ่งชิงเฉิน แต่เจ้ากลับลืมหน้าที่ของตนไปสิ้นเชิง
คนที่เกือบตายในวันนี้คือเฟิ่งชิงเฉิน แล้วใครคือรายต่อไป? จะเป็นข้าหรือจิ่วชิง? หรือว่าเจ้าต้องการให้พวกเราทุกคนเป็นเหมือนเฟิ่งชิงเฉิน ที่นอนเกือบตายอยู่บนเตียง เจ้าถึงจะรู้ถึงความสำคัญในเรื่องนี้?
“ข้ารู้ว่าเรื่องนี้ข้าผิด ข้ายอมรับการลงโทษ ข้าจะกลับไปที่ยอดชุมชน และฝึกฝนมือสังหารกับสายลับอย่างเคร่งครัด แต่…… เป่าเอ๋อเป็นผู้บริสุทธิ์ เหวินชิง เจ้าช่วยคุยกับจิ่วชิงให้หน่อย บอกเขาว่าอย่าส่งเป่าเอ๋อไปไหน เป่าเอ๋อร่างกายไม่แข็งแรง หากนางรู้ว่าจิ่วชิงจะส่งตัวนางไปแล้วนางอาการกำเริบ เช่นนั้นจะแย่เอานะ ข้ารับปาก ว่าข้าจะไม่ทำผิดเช่นนี้อีก” ปู้จิงหยุนหน้าแดงก่ำอย่างมาก เขาละอายใจจนไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้น แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะอ้อนวอนแทนเป่าเอ๋อ
ซูเหวินชิงผิดหวังในตัวเขาอย่างมาก จิ่วชิงหลงในตัวเฟิ่งชิงเฉินก็ว่าแล้ว แต่ปู้จิงหยุนนี่มัน
เฮ้อ… ซูเหวินชิงหายใจเข้าลึกๆ ระงับความโกรธของเขา ” จิงหยุนเจ้าอย่าลืม ฉินเป่าเอ๋อเป็นคู่หมั้นของจิ่วชิง เป็นนายหญิงในอนาคตของเรา จิ่วชิงจะจัดการกับนางอย่างไร เราไม่มีสิทธิ์ถามไถ่ เจ้าไม่รู้สึกหรือว่าเจ้าห่วงมากเกินไป?”
ใบหน้าของปู้จิงหยุนขาวซีดทันที เขากล่าวด้วยความกระวนกระวายว่า “ข้าก็แค่ ข้าก็แค่…..”
ก็แค่กระไร เขาเองก็ไม่กล้าพูดออกมา
ซูเหวินชิงเห็นว่าปู้จิงหยุนฟังคำเตือนของตน จึงปล่อยปู้จิงหยุน แล้วยืนขึ้น “เจ้าก็แค่กระไรนั้น ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้า เจ้าแค่ต้องจำสถานะระหว่างเจ้าและฉินเป่าเอ๋อเอาไว้ อย่าได้ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ”
ซูเหวินชิงนวดคิ้วและครุ่นคิดในใจว่าเขาจะขอยาทาลดแผลเป็นจากหมอเทวดาอย่างไร แม้ว่าจิ่วชิงจะไม่ได้พูด แต่ดูออกได้ว่า การที่เฟิ่งชิงเฉินได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ เขารู้สึกผิดอย่างมาก
เฮ้อ…ไม่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นอย่างไรบ้าง แม้ว่าจะรอดชีวิตแล้ว แต่สุดท้ายก็ถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่
เมื่อรุ่งสางพาเหวินหางไปหาหมอเถอะ ดูจากท่าทีของจิ่วชิงแล้ว เรื่องที่เฟิ่งชิงเฉินได้รับบาดเจ็บนี้ อาจจะจบไม่ดีเท่าไหร่ ด้วยนิสัยของเฟิ่งชิงเฉิน นางโดยเล่นงานขนาดนี้ นางก็คงไม่ยอมที่จะอยู่เงียบๆ