นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 517 ข้ามาแล้ว แข่งขันเสร็จไสหัวไปได้เลย
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ ยังมีข้าอยู่ทั้งคน แม้ว่าตอนนี้ข้าจะไม่มีพลังที่มากพอที่จะไปต่อกรกับสี่แคว้นและเก้าเมือง แต่สักวันหนึ่งข้าจะต้องทำได้” เสด็จอาเก้าไม่ได้สัญญากับเฟิ่งชิงเฉิน เขาเพียงแต่บอกให้นางรับรู้ถึงความคิดและความปรารถนาในใจเขา……
“เสด็จอาเก้า ท่าน……” อยากจะครอบครองปฐพี
คำพูดประโยคหลัง เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้พูดออกมา แต่สายตาของนางได้เปิดเผยออกมาแล้ว
เฟิ่งชิงเฉินไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยว่าเสด็จอาเก้าจะคิดการใหญ่ถึงเพียงนี้ ทำไมที่ผ่านมานางมองไม่ออกบ้างเลยนะ นางคิดมาตลอดว่าเสด็จอาเก้ามองชีวิตตนเองแค่เพียงในตงหลิง นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะมองไกลมากกว่านั้น……
เสด็จอาเก้ายิ้มที่มุมปากเล็กน้อยโดยที่ไม่ได้พูดสิ่งใด เขามองหน้าเฟิ่งชิงเฉิน เมื่อสายตาคนทั้งสองประสานกัน เฟิ่งชิงเฉินก็มองเห็นความแน่วแน่ในแววตาของเสด็จอาเก้า
คนอย่างตงหลิงจิ่วไม่เคยยอมก้มหัวให้ผู้ใด การที่จะมาเป็นเช่นนี้ได้ จะต้องมีอำนาจที่มากพอ
เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าเสด็จอาเก้าจะวางแผนไว้อย่างไร นางรู้แต่เพียงว่าหากเสด็จอาเก้าต้องการทำสิ่งใด นางก็จะผลักดันอย่างเต็มที่ เพราะว่า……นางก็เป็นเหมือนเสด็จอาเก้า ไม่ยอมก้มหัวให้ผู้ใด
อาศัยแค่กำลังของนางเพียงคนเดียวคงไม่พอ หากนางรวมพลังกับเสด็จอาเก้า ก็มีโอกาสสำเร็จมากยิ่งขึ้น เฟิ่งชิงเฉินบอกเสด็จอาเก้าว่า “หากมีสิ่งใดที่ข้าพอจะช่วยได้ ข้าจะทำอย่างสุดความสามารถ ข้าก็อยากมีพลังที่ทำให้ผู้คนหวั่นเกรง”
“ได้ ข้าจะจำไว้ อนาคตของข้าจะมีเจ้าอยู่ด้วย” เสด็จอาเก้าไม่ปฏิเสธเฟิ่งชิงเฉิน เขามองนางเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตมานานแล้ว ไม่ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะยินยอมหรือไม่ เฟิ่งชิงเฉินก็ต้องอยู่เคียงข้างเขาในการดูความขาขึ้นขาลงของเมืองทั้งเก้า
อนาคตของข้าจะมีเจ้าอยู่ด้วย นี่จะเรียกว่าคำสารภาพได้ไหมนะ? ในขณะที่เฟิ่งชิงเฉินกำลังครุ่นคิดถึงความหมายที่แท้จริงของคำพูดประโยคนี้อยู่นั้น ซุนซือสิงก็ได้พาทงจือและทงเหยาบุกเข้ามาโดยไม่บอกไม่กล่าว ทำเอาเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินตกใจมาก
แล้วสายลับล่ะ?
“เสด็จอาเก้า ชายกับหญิงต่างกัน เชิญพ่ะย่ะค่ะ……” ซุนซือสิงเข้ามาห้ามเสด็จอาเก้า แถมยังมองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
เฟิ่งชิงเฉินพอจะดูออกว่าซุนซือสิงคงรู้เรื่องนางกับเสด็จอาเก้าแล้ว นางไม่ได้ห้ามปรามซุนซือสิงแต่อย่างใด นางเองก็อยากดูว่าเสด็จอาเก้าจะตอบโต้เช่นไร
ล้อเล่นน่ะ อย่าคิดว่าได้ผู้หญิงมาครอบครองแล้วจะเลิกเอาอกเอาใจนางได้
“เอ่อ……” เสด็จอาเก้าแม้จะไม่พอใจเพียงไร แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสายตาที่ขุ่นเคืองของซุนซือสิงกับทงจือและทงเหยา เขาก็ไม่อาจหน้าด้านอยู่ต่อได้
เสด็จอาเก้าค่อยๆปล่อยเฟิ่งชิงเฉิน ก่อนเขาจะลุกยืนก็ไม่ลืมที่จะช่วยจัดแจงผมให้กับเฟิ่งชิงเฉิน ทำเอาซุนซือสิงโกรธจนแทบอยากบุกเข้าไปคว้ามือของเสด็จอาเก้าไปเหวี่ยงทิ้ง
โชคดีที่เสด็จอาเก้าดึงมือกลับเสียก่อน จังหวะที่ซุนซือสิงกำลังเดินเข้าไปด้วยความโมโหนั้น เสด็จอาเก้าก็เดินออกไปอย่างลอยหน้าลอยตา ทำราวกับว่าตนเองไม่เคยบุกเข้าไปในห้องส่วนตัวของหญิงสาว
ก่อนเสด็จอาเก้าจะออกไป เสด็จอาเก้าก็ส่งสัญญาณมือให้กับสายลับ สื่อความหมายว่าเมื่อเสร็จภารกิจแล้วให้ทุกคนไปพบเขา!
“ซวยแล้ว ท่านอ๋องทรงไม่พอพระทัย จะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ วันนี้ต้องถูกลงโทษแน่ๆเลย แต่ว่า……ท่านอ๋อง ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ขวางนะ แต่ติดตรงที่สถานภาพของอีกฝ่าย คุณชายซุนเป็นศิษย์ของแม่นางเฟิ่ง หากแม่นางเฟิ่งรู้ว่าพวกเราไปทำร้ายศิษย์ของนาง พวกเราก็คงไม่รอดเหมือนกัน”
สายลับยืนมองเสด็จอาเก้าเดินจากไปด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม ในใจของพวกเขามีคำอธิบายอยู่ท่วมท้น แต่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้แม้แต่คำเดียว
การเป็นสายลับนั้นไม่ง่ายเลย ยิ่งเป็นสายลับของเฟิ่งชิงเฉินยิ่งยากเย็นเข้าไปใหญ่ ด้วยเหตุนี้ สายลับของเฟิ่งชิงเฉินจึงได้รับค่าตอบแทนค่อนข้างสูง
ซุนซือสิงกับทงจือและทงเหยาวางตัวก้าวร้าวกับเสด็จอาเก้า แต่กับเฟิ่งชิงเฉินแล้ว พวกเขาดีต่อนางยิ่งนัก เมื่อเสด็จอาเก้าออกไปแล้ว ทั้งสามกลัวว่าเฟิ่งชิงเฉินจะทุกข์ใจ จึงไม่มีใครพูดเรื่องเสด็จอาเก้าอีก
“ท่านอาจารย์ คุณชายหยุนเซียวมาอีกแล้ว ท่านจะไปพบเขาหรือไม่?” หยุนเซียว คุณชายใหญ่แห่งตระกูลหยุน หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินบาดเจ็บ เขาก็มักจะแวะเวียนมาเยี่ยมนางอยู่บ่อยครั้ง แต่น่าเสียดายที่นางไม่ยอมให้เขาเข้าพบเลยแม้แต่ครั้งเดียว
แต่หยุนเซียวก็ไม่เคยโกรธนาง ครั้งหน้าเขาก็ทำแบบเดิมอีก เทียวแวะมาที่จวนเฟิ่งบ่อยครั้งจนบ่าวไพร่ในจวนเฟิ่งจำเขาได้ นอกจากเสด็จอาเก้าแล้ว ใครต่อใครก็ต่างพากันพูดว่าคุณชายหยุนเซียวเป็นคนดี นิสัยดี วางตัวดี เป็นกันเอง มีมารยาท สมกับที่เป็นถึงคุณชายใหญ่
ยิ่งผู้คนชื่นชมหยุนเซียวมากเท่าไร เสด็จอาเก้าก็ยิ่งเกลียดเขามากขึ้นเท่านั้น อันที่จริง ผู้ชายที่ต้องการเข้าพบเฟิ่งชิงเฉินโดยมีเป้าหมายนั้น เสด็จอาเก้าเกลียดพวกเขาทุกคน
เฟิ่งชิงเฉินเคยพบปะพูดคุยกับหยุนเซียวมาบ้างแล้ว นางพอจะรู้ว่าหยุนเซียวเป็นคนที่วางตัวสบายๆ ไม่ทำให้ใครชังหน้าได้ง่ายๆ แถมยังเป็นสหายหมากรุกกับชุยห้าวถิงอีก หยุนเซียวไม่ธรรมดาเลย
หยุนเซียวมักจะมาประลองหมากกับชุยห้าวถิงอยู่บ่อยครั้ง หลังจากนั้นก็จะไปหาหมอเทวดา หมอเทวดารู้เรื่องทางการแพทย์ ส่วนตระกูลหยุนก็ทำการค้าขายเรื่องหยูกยา ทั้งสองฝ่ายไปมาหาสู่กันเสมอ อันที่จริง คนอย่างหยุนเซียว ขอเพียงเขายินยอม ก็สามารถเป็นสหายกับทุกคนได้
เฟิ่งชิงเฉินเคยนึกสงสัยว่าที่หยุนเซียวมาที่จวนเฟิ่งนั้นอาจไม่ได้มาหานาง แต่น่าจะมาหาชุยห้าวถิงและหมอเทวดา เมื่อได้ยินซุนซือสิงเอ่ยถึงหยุนเซียวแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็เข้าใจว่าซือสิงไม่ได้ต้องการให้นางไปพบกับหยุนเซียว แต่เป็นการพูดอ้อมๆเท่านั้น
“ซือสิง ทงจือ ทงเหยา ขอบใจพวกเจ้ามากๆนะ” ขอบใจสำหรับความใส่ใจ ขอบใจสำหรับการปกป้อง ขอบใจที่ทำให้นางรู้สึกมีคุณค่า
ทงจือและทงเหยาหน้าแดง “คุณหนู นี่เป็นสิ่งที่พวกเราควรทำ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คุณหนูก็จะยังเป็นคุณหนูของพวกเรานะเจ้าคะ”
“ท่านอาจารย์ ท่านก็จะยังเป็นอาจารย์ที่ข้าเคารพยกย่องอยู่เสมอ ไม่มีผู้ใดจะมาแทนที่ได้” แม้คนทั้งโลกจะพูดว่าท่านไม่ดีอย่างไร ในสายตาของข้า ท่านเป็นคนที่ดีที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำ ข้าเข้าใจท่านเสมอ
ภายในเวลาไม่ถึง 2 เดือน ซุนซือสิงจากเด็กที่เคร่งขรึมและตรงไปตรงมา กลับกลายเป็นผู้ใหญ่ที่สุขุมรอบคอบ รู้ว่าสิ่งใดควรพูด สิ่งใดไม่ควรพูด
เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้าในขณะที่น้ำตาคลอเบ้า ความเคารพและความใส่ใจที่ทั้งสามมีให้กับนางทำให้นางรู้สึกอบอุ่นใจ “ข้าโชคดีที่มีพวกเจ้าอยู่เคียงข้าง วางใจเถอะ หลังจากนี้ไปทุกอย่างต้องดีขึ้น ทงจือ ช่วยข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าที ข้าจะไปจวนรัชทายาท”
เสด็จอาเก้าพูดถูก หากต้องการมีชีวิตอิสระ ไม่ถูกคนอื่นบีบบังคับ ก็จะต้องมีอำนาจและกำลังที่มากพอ แม้ตอนนี้จะยังไม่มีสิ่งใดในมือเลย แต่นางก็ต้องเริ่มต้นลงมือทำได้แล้ว
อันดับแรก ต้องกำจัดเรื่องไม่เป็นเรื่องที่ทำให้เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ เรื่องการแข่งขันกับซูหว่านจะต้องจัดการให้จบสิ้นโดยเร็ว ให้ซูหว่านรีบๆไสหัวไป ให้ซูหว่านไปให้พ้นหูพ้นตานางเสียที……
เมื่อรัชทายาททราบว่าเฟิ่งชิงเฉินมาเยือน ก็รีบมาพบเฟิ่งชิงเฉินในทันที
เสด็จอาเก้าพักอาศัยอยู่ที่เรือนเล็กซีชวีมาได้เดือนกว่าแล้ว จนตอนนี้ก็ยังไม่ยอมย้ายกลับ เรื่องนี้คนทั้งเมืองหลวงรู้ดี หากจะบอกว่าเสด็จอาเก้าไม่มีใจให้กับเฟิ่งชิงเฉินคงไม่มีใครเชื่อ
ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา คนที่ใจกล้าหน่อยก็จะบอกว่านี่เป็นเรื่องไม่เหมาะสม แม้แต่ฮ่องเต้เองก็เคยเปรยเป็นนัยๆว่าให้เสด็จอาเก้ากลับไปยังจวนอ๋องเก้าได้แล้ว แต่เสด็จอาเก้าก็ทำเป็นไม่รับรู้ เขามักจะอ้างว่าตนเองกำลังพักฟื้น และที่จวนเฟิ่งก็มีหมอที่วิเศษที่สุดในแว่นแคว้น
หลายๆคนอาจคิดว่าหมอเทวดาคือหมอที่วิเศษที่สุดในแว่นแคว้น แต่รัชทายาทรู้ดีว่า ในใจของเสด็จอาเก้า คนๆนั้นต้องเป็นเฟิ่งชิงเฉิน ในใจของเสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีผู้ใดจะมาแทนที่ได้……