นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 568 ตอนจบ บทร้าย ๆ ที่คนรัก

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ซูหว่านรีบร้อนเกินไปแล้ว

เฟิ่งชิงเฉินมองซูหว่านด้วยแววตาเห็นอกเห็นใจอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเรื่องมาถึงเช่นนี้แล้ว เฟิ่งชิงเฉินที่ถือเบ็ดตกปลารอเหยื่ออยู่นั้น หากวันนี้ซูหว่านไม่ตาย ก็ต้องฉีกหนังนางออกมาให้ได้ น่าเสียดายนัก ที่ซูหว่านมองเหตุการณ์ตรงหน้าไม่ออก

“คุณหนูซูหว่าน ไม่ต้องรีบร้อนไป ซือสิงยังมิทันพูดจบเลย อีกทั้งสิ่งที่ทำร้ายผู้คน หาได้มีเพียงแต่ยาพิษไม่”

เพื่อต้องการยืนยันคำพูดของเฟิ่งชิงเฉินนั้น ซุนซือสิงพลันกล่าวต่อไปว่า “เป็นอย่างที่ท่านอาจารย์พูดมิผิดนัก สิ่งของที่อยู่บนเข็มเงินนั้น หาใช่พิษไม่ คนปกติหากไปแตะโดนละก็ย่อมไม่มีอาการอันใดเกิดขึ้น ทว่าหากบาดแผลสดเกิดไปแตะโดนสิ่งนี้เข้าละก็ บาดแผลจะเกิดการเน่าเปื่อยไปในทันที หากบาดแผลของท่านเจ้าเมืองเย่เฉิงมีปัญหาขึ้นมาละก็ แขนข้างซ้ายของเขาย่อมไม่อาจใช้การได้อีก”

ซุนซือสิงคือบุตรชายของซุนเจิ้งเต้า ซุนเจิ้งเต้ามีชื่อเป็นถึงแพทย์หลวงระดับสูงเช่นนี้ ซุนซือสิงจะไม่มีความสามารถไปได้อย่างไร ซุนสืงซิงขาดแต่เพียงแค่การลงมือจริง ๆ เท่านั้น

“หว่านหว่าน เจ้า”ท่านเจ้าเมืองเย่เฉิงพลันก้าวถอยหลังไปสองก้าวในทันที พร้อมกับมองซูหว่านด้วยใบหน้าที่เจ็บปวดและปนไปด้วยความไม่เข้าใจ ตระกูลเย่ของพวกเขาทำสิ่งใดไม่ดีกับซูหว่านงั้นหรือ?

“ไม่ใช่ ไม่ใช่ ท่านลุง ข้าไม่ได้ทำ ข้าจะไปทำร้ายท่านพี่ได้อย่างไรกัน เป็นเฟิ่งชิงเฉิน เป็นนางที่พูดจาไร้สาระ” ซูหว่านพลันรีบร้อยเอ่ยคำอธิบายออกมา

นางไม่รู้จริง ๆ ว่าของบนเข็มเงินนั้นคือสิ่งใด ผู้ที่ให้เข็มเงินกับนางเพียงแค่เอ่ยว่า ของสิ่งนี้มิได้ทำร้ายผู้ใด ให้นำเข็มแทงไปที่เย่เย่ ก็จะสามารถใส่ความเฟิ่งชิงเฉินได้แล้ว คนผู้นั้น ยังแทงเข็มเข้าไปในตัวให้นางดูอีกต่างหาก เมื่อนางเห็นว่ามันไม่มีปัญหาสิ่งใดนั้น นางถึงได้กล้าใช้

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ซูหว่านก็ค่อย ๆ ใจเย็นลง “เฟิ่งชิงเฉิน เป็นเจ้าที่ใส่ร้ายข้า ท่านลุง ท่านต้องเชื่อข้า เฟิ่งชิงเฉินมีเจตนาร้าย นางเกลียดข้าและท่านพี่ยิ่งนัก จะไปมีความหวังดีในการรักษาท่านพี่ได้อย่างไรกัน ต้องเป็นนาง ต้องเป็นนางที่ใส่ร้ายข้าอย่างแน่นอน”

ในยามนี้ ซูหว่านรู้แต่เพียงว่าต้องกัดเฟิ่งชิงเฉินไม่ปล่อยเท่านั้น นางก็ไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว หากนางพูดว่ามีคนให้เข็มเงินแก่นางเพื่อต้องการใส่ร้ายเฟิ่งชิงเฉินนั้น ท่านเจ้าเมืองเย่เฉิงต้องตบตีนางเป็นแน่

ท่านเจ้าเมืองเย่เฉิงเริ่มเกิดความลังเลใจขึ้นมาแล้ว เมื่อเทียบกับซูหว่านแล้ว เขาย่อมเชื่อว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังทำเรื่องชั่วร้ายมากกว่า เฟิ่งชิงเฉินจึงได้แต่กลอกตาไปมา ทั้งยังคร้านที่จะอธิบายออกไปอีก จึงหันไปบอกกับซุนซือสิงว่า “ซือสิง เก็บของ พวกเราไปกันเถอะ เรื่องของท่านเจ้าเมืองเย่เฉิงนั้น พวกเราเกี่ยวข้องให้น้อยที่สุดย่อมเป็นผลดีมากกว่า

ท่านเจ้าเมืองเย่เฉิง รบกวนท่านช่วยนำหมอมาด้วยเถิด ให้พวกเขาได้จับชีพจรของท่านเจ้าเมืองเย่เฉิงเพื่อดูอาการอีกครั้ง บาดแผลของเย่เย่ข้าได้ทำการจัดการจนหมดแล้ว เขาไม่เพียงแต่พ้นขีดอันตราย แขนซ้ายยังสามารถรักษาเอาไว้ได้เช่นกัน การพักฟื้นในระยะหลังนั้น เชิญท่านนำท่านหมอจากเมืองเย่เฉิงมารับมือต่อเถอะ ข้ามิกล้าแตะต้องมันอีกแล้ว หากว่าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมา แล้วทำให้เย่เย่ต้องมาตายเพราะแผนการเช่นนี้ละก็ เดี๋ยวผู้คนจะหาว่าทักษะการแพทย์ของข้าไม่ดีเอา

ท่านเจ้าเมืองเย่เฉิง ข้า ในส่วนของตงหลิงนั้นสิ่งใดที่ทำ ข้าล้วนแต่ทำไปหมดแล้ว ส่วนที่เหลือ ว่าเย่เย่จะสามารถมีชีวิตรอดต่อไปหรือไม่ มันอยู่ที่ความรับผิดชอบของพวกท่านแล้ว ในเมื่อคุณหนูซูหว่านเอ่ยว่าข้าใส่ร้ายนาง? ข้าก็จะไม่อธิบายอันใดอีก เข็มเงินนี้ได้มาจากบนตัวของคุณหนูซูหว่าน หลังจากที่ข้าหยิบออกมาจากมือนางนั้น ข้าก็ไม่ได้ทำสิ่งใดอีก บนเข็มเงินมีตัวยาที่ทำให้บาดแผลเน่าเปื่อยหรือไม่ อีกไม่นานก็จะได้เห็นผลลัพธ์แล้ว”

“ไป ไปเชิญท่านหมอมา” ท่านเจ้าเมืองหาได้เชื่อใจเฟิ่งชิงเฉินไม่

สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินยังคงสงบเงียบเช่นเดิม แม้ว่าใบหน้าของนางจะเปรอะเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ทว่า ภายในใจของนางกำลังปะทุไปด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ

หลายปีมาแล้ว ที่นางไม่ได้พอกับ “ครอบครัวของคนไข้”ที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ ในเมื่อซูหว่านกล่าวว่านาง “ใส่ร้าย” เช่นนั้นนางจะทำการใส่ร้ายให้ได้เห็น เฟิ่งชิงเฉินพลันหยิบเข็มในมือออกมา พร้อมกับนัยน์ตาที่ทอประกายเย็นวาบ

ทั่วร่างของซูหว่านพลันสั่นสะท้านไปในทันที จู่ ๆ นางก็รับรู้ได้ถึงอันตรายบางอย่าง เพียงแค่หันหน้าหนีไปเล็กน้อย พร้อมกับเท้าที่กำลังจะก้าวออกไป เพื่อหนีห่างจากเฟิ่งชิงเฉินนั้น นับว่าเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ท่านหมอทั้งห้านายเข้ามาพอดี

เฟิ่งชิงเฉินพลันก้าวเดินไปด้านหน้า พร้อมกับเดินผ่านซูหว่านไป เพื่อไปดักทางหนีของซูหว่านในทันที

ซูหว่านเห็นเช่นนั้น ก็รู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก ขาทั้งสองข้างอดไม่ได้ที่จะเดินถอยหนี รอยยิ้มของเฟิ่งชิงเฉินพลันฉีกกว้างมากขึ้นไปอีก ยามที่ซูหว่านกำลังหมุนกายหนีไปนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็เร่งฝีเท้าตามไปในทันที

ความรวดเร็วที่ฉับไว โดยไม่มีผู้ใดคาดคิดนั้น ยังมิทันที่ท่านเจ้าเมืองจะได้สติกลับมา เพื่อผลักเฟิ่งชิงเฉินออกไปนั้น ก็สายเกินไปแล้ว เข็มเงินบนมือของเฟิ่งชิงเฉินนั้น ก็พลันกรีดเข้าไปในบาดแผลของซูหว่านในทันที

ทั้งยังแม่นยำเป็นอย่างมาก เพียงแค่ครึ่งมิลลิเมตรเท่านั้น เข็มเงินที่อยู่บนมือของเฟิ่งชิงเฉินก็พลันเต็มไปด้วยเลือดในทันที

ซูหว่านที่รู้สึกเจ็บบนใบหน้านั้น พลันร้องโอดครวญออกมา แล้วจึงผลักเฟิ่งชิงเฉินออกไป เพื่อร่ำไห้ออกมาเสียฉากใหญ่ “อ๊าย ปวด ใบหน้าของข้าปวดยิ่งนัก เฟิ่งชิงเฉิน สตรีบ้านี่ เจ้าทำอะไรกับข้า”

“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าทำอันใด?” ท่านเจ้าเมืองเย่เฉิงที่โมโหจนแทบจะกลั้นอารมณ์โกรธไม่ไหวนั้น เฟิ่งชิงเฉินได้ทำการเหยียบหน้าท่านเจ้าเมืองเช่นเขาอีกแล้ว

เฟิ่งชิงเฉินพลันโบกเข็มบนมือไปมา “ท่านเจ้าเมืองเย่เฉิงกับซูหว่านมิเชื่อว่า เข็มเงินนี่มีปัญหามิใช่หรือ? ข้ากำลังหาหลักฐานอย่างไรเล่า คุณหนูซูหว่าน หวังว่าท่านจะมีความสุข”

เพล้ง เฟิ่งชิงเฉินเพียงสะบัดเข็มเงินออกไปทางหน้าต่าง หยดเลือดต่าง ๆ พลันกระเด็นใส่หน้าต่างและผ้าม่านในทันที เป็นรอยแดงที่ดูน่ากลัวยิ่งนัก

“ไม่ ไม่ เจ้าจะทำได้อย่างไร เฟิ่งชิงเฉินข้าเกลียดเจ้า ข้าเกลียดเจ้า” ซูหว่านในยามนี้ตื่นตระหนกเสียจนกลายเป็นคนบ้าไปแล้ว นางคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเข้ามาทุบตีนางเพื่อระบายความโกรธเคือง ไม่คิดว่า เฟิ่งชิงเฉินจะกล้านำเข็มเงินที่มียาเช่นนั้น มาแทงบาดแผลของนางแทน ซูหว่านในยามนี้ราวกับเป็นบ้าก็ไม่ปาน พร้อมทั้งกรูเข้ามาหาเฟิ่งชิงเฉินในทันที ราวกับว่าต้องการจะฉีกเฟิ่งชิงเฉินออกมาเป็นชิ้น ๆ

การต่อสู้ระหว่างสตรีนั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่าจิกหน้าจิกผม แต่ทว่า เฟิ่งชิงเฉินเกลียดการกระทำเช่นนี้มากที่สุด มันเสียศักดิ์ศรียิ่งนัก

ยามที่ซูหว่านกรูเข้ามาหานางนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็เตรียมตัวตั้งรับในทันที นางเพียงย่อตัวลงเล็กน้อย พร้อมทั้งคว้าไหล่ของซูหว่านเอาไว้และจับทุ่มลงกับพื้นทันที

มันอยู่ไกลจากเท้าของนางยิ่งนัก เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกไม่สบายใจ นางจึงเตะไปอีกทีหนึ่ง เมื่อเตะคน จนไปไกลแล้วนั้น ก็ตบมือตนเองเบา ๆ โดยไม่สนใจสภาพน่าอนาถของซูหว่านอีก

“เกลียดก็เกลียดข้าไปเสีย เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้าหรือ ข้าช่วยชีวิตเจ้า เจ้ายังเกลียดข้าเป็นการตอบแทนเช่นนี้ ซูหว่าน เจ้าทำสิ่งใดลงไป ย่อมได้สิ่งนั้นเป็นการตอบแทน เป็นเจ้าที่รนหาเรื่องเอง เจ้าจะเคียดแค้นข้าก็ทำไป แต่ข้าหาได้สนใจไม่”

“เป็นกระบวนท่าที่ดียิ่งนัก” หยุนเซียว ลั่วอ๋อง ตี๋ตงหมิง องค์รัชทายาทและโจวอ๋อง เคยได้ยินถึงกิตติศัพท์ที่เฟิ่งชิงเฉินล้มบุรุษหลายคนที่หน้าประตูเมืองมาบ้างแล้ว แต่เดิมพวกเขายังรู้สึกสงสัยวิธีการยิ่งนัก ทว่า เมื่อได้เห็นเหตุการณ์ในวันนี้ ก็เข้าใจได้ในทันที

แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินมิชอบลงมือมากนัก แต่หากนางได้ลงมือนั้นย่อมต้องถึงคราวตายอย่างแน่นอน การเคลื่อนไหวที่ทรงพลัง แม้ว่าท่าทางเพลงหมัดมิได้ดูสวยงามนัก แต่กลับดูเรียบง่ายและทรงพลังอย่างน่าประหลาด

ท่านเจ้าเมืองเย่เฉินที่ยืนมองดูอยู่ข้าง ๆนั้น หาได้เคลื่อนไหวไม่ เมื่อไม่มีคำสั่งจากท่านเจ้าเมือง ทั้งองครักษ์และข้ารับใช้ ก็ไม่กล้าไปพยุงซูหว่านขึ้นมา เฟิ่งชิงเฉินจึงก้าวไปด้านหน้าราวกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น พร้อมกลับไปช่วยซุนซือสิงเก็บข้าวของ

เครื่องมือแพทย์ของนางสามารถนำมันออกมาได้ แต่ไม่อาจทำหายได้ แม้ว่าสิ่งใดที่นางไม่ได้ใช้ นางก็จะต้องนำกลับไปด้วยเช่นเดียวกัน

“ท่านหมอ ท่านตรวจสอบให้ละเอียดเสียหน่อย ว่านอกจากส่วนนี้แล้ว หากท่านเจ้าเมืองเย่เฉิงยังมีปัญหาอีก ข้าก็ไม่รับผิดชอบแล้ว” ท่านหมอทั้งห้าต่างก็ปรึกษากันอย่างหน้าดำคร่ำเครียด เฟิ่งชิงเฉินหาได้รู้สึกเป็นกังวลไม่

นางเชื่อมั่นใจทักษาะการแพทย์ของนางเอง

เมื่อชีวิตของคนไข้ตกอยู่ในความเสี่ยง ท่านหมอทั้งห้านั้น มิจำเป็นต้องให้เฟิ่งชิงเฉินเตือนสติ ก็ย่อมต้องหาสาเหตุออกมาได้อย่างละเอียดอยู่แล้ว เช่นนี้ อย่างน้อยความปลอดภัยของเย่เย่ก็จะถูกส่งต่อให้พวกเขา

ผ่านไปได้ประมาณครึ่งชั่วยาม ท่านหมอทั้งห้าก็ได้ข้อสรุปออกมาแล้วว่า “ท่านเจ้าเมือง บาดแผลของนายน้อยได้รับการจัดการเป็นอย่างดีขอรับ ไม่มีอันตรายถึงชีวิต อีกทั้งยังไม่มีเหตุสุดวิสัยอื่น ๆ อีกด้วย ไม่พ้นสามวันนายน้อยจะต้องฟื้นขึ้นมาอย่างแน่นอน”

“อื้ม” สีหน้าของท่านเจ้าเมืองเย่เฉิงมิใคร่สู้ดีนัก เขาใช้ความคิดของตนเองไปคาดเดาจิตใจของผู้อื่นเสียแล้ว

“ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ท่านเจ้าเมืองเย่เฉิง เช่นนี้ ข้าสามารถไปได้หรือไม่” มุมปากของเฟิ่งชิงเฉินพลันยิ้มโค้งขึ้นเล็กน้อย เพื่อเป็นการเยาะเย้ย

ทว่า แท้จริงแล้ว นางจะไม่ให้คนหนีความผิดพลาดของตนไปอย่างแน่นอน

“ได้” ท่านเจ้าเมืองเย่เฉิงพลันกัดฟันตอบ

หากมิให้เฟิ่งชิงเฉินไป แล้วเขาจะทำอะไรกับนางได้ มิต้องพูดเลยว่า เฟิ่งชิงเฉินรักษาเย่เย่ได้ดี แม้ว่าเย่เย่จะตายวันนี้ เขาก็ไม่อาจไปหาเหตุผลเพื่อมารั้งเฟิ่งชิงเฉินได้อยู่ดี

เฟิ่งชิงเฉิน คนเช่นเฟิ่งชิงเแิน หากมิอาจเป็นสหายด้วยได้ มีแต่ต้องกำจัดทิ้งอย่างเดียวเท่านั้น

“ฝ่าบาทเพคะ ชิงเฉินขอตัวลาไปก่อนเพคะ” เฟิ่งชิงเฉินจึงเดินตัวปลิวออกไปด้านนอกในทันที ยามที่นางยกขาขึ้นก็พลันพบว่า ขาของนางมีคนมากอดเอาไว้อยู่ เมื่อก้มหน้าลงไปมองพลันพบว่าเป็นใบหน้าที่เปื้อนเลือดของซูหว่าน

“เฟิ่งชิงเฉิน ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย” ซูหว่านพลันกอดขาเฟิ่งชิงเฉินเพื่อทำการขอร้องอ้อนวอน

โชคร้ายนัก บาดแผลบนใบหน้าของซูหว่านกำลังขยายออก เดิมที เฟิ่งชิงเฉินใช้เข็มกรีดเพียงแค่เล็กน้อย ในยามนี้

ใบหน้าซีกซ้ายของนางทั้งบวมและน่าเกลียดยิ่งนัก

“ช่วยเจ้า? คุณหนูซูหว่าน เจ้ากำลังล้อข้าเล่นอยู่หรือ” เฟิ่งชิงเฉินมิรู้ว่าตนเองจะหัวเราะออกมาหรือไม่ “คุณหนูซูหว่าน คิดว่าข้าพูดได้ง่าย ๆ งั้นหรือ? ท่านมีเหตุผลอันใดให้ข้าช่วยท่านกัน ในเมื่อท่านทำตัวเองทั้งนั้น ? หรือว่าตำแหน่งบุตรีผู้สูงศักดิ์ของตระกูลซู?”

สีหน้าของซูหว่านพลันซีดเผือดไปในทันที แววตาของนางพลันปรากฏร่องรอยความเกลียดชังเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่นางได้มาพบกับเฟิ่งชิงเฉินนั้น นางทำสิ่งใดล้วนแต่ไม่ราบรื่น ทั้งยังถูกตระกูลของตนขับไล่ออกมาอีก ในยามนี้ นางไม่อาจหาอำนาจอันใดไปกดเฟิ่งชิงเฉินได้อีกแล้ว

“เฟิ่งชิงเฉิน เป็นเจ้าที่กรีดหน้าของข้า เจ้าต้องรับผิดชอบโดยการรักษาข้า”

ภายในใจของเฟิ่งชิงเฉินนั้น ความรับผิดชอบถือเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด ทว่า ก็ต้องดูที่ตัวบุคคลด้วยเช่นกัน คนไข้เช่นซูหว่านนั้น ขออภัย นางไม่รับรักษา!

“ฮ่าฮ่า” เฟิ่งชิงเฉินหัวเราะออกมาจริง ๆ “ข้ากรีดหน้าเจ้า ก็ต้องรับผิดชอบในการรักษาเจ้างั้นหรือ นี่มันแนวคิดอันใดกัน คุณหนูซูหว่าน เจ้าเคยเห็นคนที่ฆ่าคน แล้วรับผิดชอบพวกเขา ในการจัดงานศพให้หรือไม่เล่า?”

“ไม่ ไม่ เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าอย่าทำเช่นนี้ ท่านหมอมักจะมีจิตใจของคนเป็นบิดามารดา เจ้าเป็นหมอ ช่วยข้า ข้าขอร้องเจ้าละ ข้าขอร้องเข้าแล้ว ได้โปรดช่วยข้า ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากเป็นสตรีที่น่าเกลียด ข้าไม่อยากเป็น” ซูหว่านในยามนี้กำลังตกอยู่ในความตื่นตระหนกยิ่งนัก นางไม่เข้าใจ เหตุใด เฟิ่งชิงเฉินสามารถช่วยเย่เย่ได้ แต่ไม่ช่วยนาง

“หมอก็คือคนเช่นเดียวกัน และมีความเห็นแก่ตัวเช่นเดียวกันกับมนุษย์ เจ้ามีราคาให้ข้ารักษาเจ้าหรือไม่เล่า อีกทั้ง เจ้ายังมิได้ตาย จะต้องมาช่วยเหลืออะไรกัน ท่านเจ้าเมืองเย่เฉิงเองก็มีหมอเช่นกัน” เฟิ่งชิงเฉินหาใช่ผู้ที่รักหยกถนอมบุปผาไม่ พร้อมทั้งแตะซูหว่านออกห่างจากตนเองในทันที

ซูหว่านคร่ำครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด พร้อมทั้งกลิ้งอยู่ที่พื้นไปหลายตลบ

“ไปละ” พร้อมทั้งก้าวข้าจากไปในทันที

โหดเหี้ยม!

ผู้คนที่ได้เหตุการณ์นั้น ต่างพากันกลืนน้ำลายลงคออย่างช้า ๆ เฟิ่งชิงเฉินเป็นสตรีที่รับมือได้ยากเสียจริง ในนาทีแรกยังแสร้งเป็นแม่พระอยู่เลย ทั้งยังช่วยเหลือเย่เย่ที่แค้นเคืองนางอีกด้วย ทว่า ในยามนี้ นางกลับกลายร่างเป็นปีศาจร้าย ทำตัวราวกับซูหว่านเป็นขยะและแตะออกไปให้พ้นทางในทันที

“ไม่เอา อย่าไป เฟิ่งชิงเฉินอย่าไป ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย เจ้าช่วยข้าด้วย อ๊าย เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ามันนางงูพิษ ข้าขอสาปแช่งเจ้า ข้าจะสาปแช่งให้เจ้าไม่ตายดี ขอให้เจ้าตายแบบหาร่างไม่พบ เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าย่อมมีจุดจบที่ไม่ดี

ท่านลุง ท่านลุง ช่วยข้าด้วย หว่านหว่านไม่ได้ตั้งใจ หว่านหว่านถูกผู้อื่นหลอกใช้ หว่านหว่านมิรู้ว่าเข็มเงินนั่น จะถูกนำมาทำร้ายท่านพี่เช่นนี้ ท่านลุง ฮือฮือฮือ ท่านพี่ชอบข้าถึงขนาดนี้ ข้าจะไปทำร้ายท่านพี่ได้อย่างไร ท่านลุงท่านต้องเชื่อข้า ท่านต้องเชื่อข้านะ ”

หยุนเซียว ตี๋ตงหมิงและซุนซือสิงก็พากันโค้งคำนับเหล่าท่านอ๋องทั้งหลายและขอตัวลาในทันที แม้ว่าเดินออกมาไกล ๆ แล้ว พวกเขาก็ยังคงได้ยินเสียงร้องโหยหวนของซูหว่าน

น่าเสียดาย หาได้มีผู้ใดเห็นใจนางไม่ ทุกอย่างเป็นสิ่งที่นางกระทำด้วยตนเอง หากนางมิคิดร้ายต่อเฟิ่งชิงเฉินละก็ นางจะไปมีจุดจบเช่นนี้ได้อย่างไร

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท