“หวังจิ่นหาน เจ้ามิต้องเป็นกังวลไป ทั้งยังมิต้องรู้สึกผิดด้วย ข้าไม่เคยลงมือทำสิ่งใดโดยที่ข้าไม่เคยไม่มั่นใจมาก่อน ข้าจะพาจิ่นหลิงกลับมาให้ได้”
เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจความกังวลของหวังจิ่นหานเป็นอย่างดี ในยุคนี้ การเดินทางออกจากเมืองหลวงนับว่าเป็นเรื่องที่ยากลำบากยิ่งนัก อย่าได้เอ่ยถึงสตรีที่อ่อนแอเลย แม้แต่บุรุษร่างใหญ่ที่อยู่ด้านนอก ก็ยังไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะรอดปลอดภัยกลับมา
ทว่า ทฤษฎีเหล่านั้น มิอาจใช้ได้กับเฟิ่งชิงเฉิน การใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางป่าเขา หาได้เป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับนางไม่ เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้ามองไปยังบนฟากฟ้าด้วยสายตาที่แน่วแน่
จิ่นหลิง รอข้า เจ้าต้องมีชีวิตเพื่อรอข้า ข้าจะรีบไปหาเจ้าเดี๋ยวนี้!
หวังจิ่นหลิง เฟิ่งชิงเฉิน ข้าจะรอเจ้า ไม่ว่าจะนานเท่าใด ข้าก็จะรอเจ้า แม้ว่าจะเหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย ข้าก็จะรอ
เพียงแค่หวังจิ่นหานจากไป ซุนซือสิงจึงรีบเปิดปากพูดออกมาก่อนเลยว่า “ท่านอาจารย์ ท่านเป็นสตรีคนเดียว ไปใช้ชีวิตนอกเมืองย่อมเป็นอันตรายยิ่งนัก ข้าจะไปกับท่านด้วย ข้าออกจากเมืองไป ก็ไม่เป็นที่สังเกตด้วยเช่นกัน”
สตรีที่อยู่นอกเมืองนั้น หากได้พบกับอันตรายละก็ น่ากลัวยิ่งกว่าหนทางตายเสียอีก อีกทั้งท่านอาจารย์ก็งดงามเช่นนี้ ย่อมต้องดึงดูดพวกคนไม่ดีเข้ามาได้อย่างแน่นอน
“ไม่ต้องหรอก ซือสิงเจ้าช่วยดูแลที่จวนแทนข้าก็พอ หากฝากมันไว้ที่ผู้อื่นข้าก็ไม่วางใจ ยังมีอาการป่วยของชุยห้าวถิงอีก ในช่วงที่ข้าไม่อยู่นั้น เจ้าต้องคอยดูแลร่างกายเขาให้ดี เพื่อรอข้ากลับมาทำการรักษาให้กับเขา” เฟิ่งชิงเฉินรีบกำชับหลาย ๆ เรื่องต่อซือสิงในทันที
ซุนซือสิงมีท่าทีดื้อรั้นอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมกับพยักหน้าลงเล็กน้อย ด้วยแววตาที่หม่นแสง
ที่จริงแล้ว หากเขาตามไปด้วยละก็ ย่อมไม่อาจช่วยเหลือท่านอาจารย์ได้มาก และยังเป็นตัวภาระอีก ผู้ที่ไร้ประโยชน์ก็คือบัณฑิต เขานับว่าดีกว่าพวกบัณฑิตเล็กน้อย
ตี๋ตงหมิงทั้งรู้สึกเป็นกังวลและจิตใจกระวนกระวายยิ่งนัก เมื่อมองไปที่เฟิ่งชิงเฉินแล้ว เขาก็ได้แต่รู้สึกตำหนิตนเองพร้อมกับรู้สึกผิดไปด้วย
หากเขาไม่ใช่ซื่อจื่อของซู๋ชินอ๋องละก็ เช่นนั้น เขาก็คงเข้าออกนอกเมืองได้อย่างอิสระแล้ว เพื่อไปหาหวังจิ่นหลิง จะต้องมาให้สตรีที่อ่อนแอเช่นฟิ่งชิงเฉินออกไปตามหาเพียงผู้เดียวได้อย่างไร แต่ด้วยฐานะของเขาไม่เหมาะกับการออกเดินทางไปนอกเมืองยิ่งนัก
“ชิงเฉิน เจ้าวางใจได้ ข้ากลับไปจะรีบไปนำกำลังพลของทางซู่ชินอ๋อง ออกไปตามหากับเจ้าในทันที ข้าจะไปอธิบายกับพวกเขาเอง เพื่อกำชับพวกเขาให้เชื่อฟังคำสั่งของเจ้า ในยามออกเดินทาง” นี่ถือเป็นทางเดียวที่เขาพอจะช่วยเหลือเฟิ่งชิงเฉินและหวังจิ่นหลิงได้แล้ว
“ได้ ตี๋ตงหมิง เจ้าช่วยเตรียมม้าเร้วให้ข้าได้หรือไม่ แล้วก็กำชับต่อยามนอกประตูเมือง ให้ช่วยพาข้าออกไปนอกเมืองด้วย พร้อมทั้งช่วยกลับไปส่งข่าวให้กับเสด็จอาเก้า เรื่องที่ข้าออกไปตามหาหวังจิ่นหลิงที
อีกเรื่อง ให้เขาช่วยคิดหาทาง ชะลอการประลองของข้าและซูหว่านออกไปก่อน เกิดเรื่องขึ้นกับซูหว่านเช่นนี้ ทางตระกูลซูย่อมต้องส่งคนใหม่เพื่อมาประลองกับข้าเป็นแน่ บอกเขาว่า ไม่ว่าตระกูลซูจะมีข้อเสนอเช่นไร ขอเพียงแค่ให้การประลองเลื่อนออกไปก่อนข้าจะกลับมาเท่านั้น ข้าล้วนแต่รับปากหมด” สมองของเฟิ่งชิงเฉินพลันประมวลผลออกมาด้วยความรวดเร็ว เรื่องที่ต้องฝากฝังก็ไม่มีแล้ว และยังต้องมาคิดถึงสิ่งของที่ต้องพกไปในยามเดินทางอีก
“เจ้า ไม่ไปบอกลากับเสด็จอาเก้าก่อนหรือ?” ตี๋ตงหมิงพลันกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงเบา ๆ
หากเสด็จอาเก้ารู้ว่า เฟิ่งชิงเฉินเอาตัวเข้าไปเสี่ยงเพื่อช่วยชีวิตหวังจิ่นหลิง ทั้งยังไม่คิดไปบอกกล่าวกับเขาเสียหน่อย ย่อมต้องกรุ่นโกรธนางมากแน่ ไม่มีบุรุษคนใด ที่จะยอมให้สตรีที่ตนเองชอบ แต่ภายในใจกลับคิดแต่เรื่องของอีกคนหนึ่งหรอก
“ไม่ต้องแล้ว” เฟิ่งชิงเฉินได้แต่กัดฟันตอบกลับมา พร้อมทั้งไม่สนใจคำขอโทษที่บอกกล่าวภายในใจไปอีก
ความสัมพันธ์เช่นนี้ต้องได้รับการจัดการ การกระทำของนางในวันนี้ ย่อมต้องทำให้เสด็จอาเก้ารู้สึกไม่พอใจนัก แต่ทว่า นางไม่มีทางเลือก เกิดเรื่องขึ้นกับหวังจิ่นหลิงเช่นนี้ นางไม่อาจนิ่งดูดายได้
ตงหลิงจิ่ว ข้าหวังว่าท่านจะเข้าใจข้า หากไม่สามารถทำได้ ข้าก็จะไม่บังคับท่าน!
“ได้ ข้าจะส่งคนไปบอกข่าวเอง เจ้าก็ระมัดระวังตนเองด้วย คนของข้าก็จะคอยยับยั้งเรื่องภายในตระกูลหวังด้วยเช่นกัน เพื่อให้เจ้าได้ตามหาคนอย่างสบายใจ” ภายในใจของตี๋ตงหมิงรู้สึกดีใจต่อหวังจิ่นหลิงยิ่งนัก แต่ก็อดที่จะรู้สึกเป็นกังวลไม่ได้เช่นกัน
หากหวังจิ่นหลิงกลับมาได้นั้น เสด็จอาเก้าย่อมไม่ปล่อยให้เขามีชีวิตที่ดีแน่ ผู้ใดให้เขากล้าพาเฟิ่งชิงเฉินไปตกอยู่ในอันตรายได้กัน
“อื้ม”
เฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจความกังวลที่เกิดขึ้นภายในใจของนาง พร้อมกับเดินออกไปด้านนอกในทันที “แยกย้ายกันเถอะ”
“ทงจือ ทงเหยา ชุนฮุ่ย เซี่ยหว่าน ชิวฮว่า ตงชิง พวกเจ้ามานี่”เฟิ่งชิงเฉินเรียกสาวใช้ทั้งหกเข้ามาในทันที
“ซิ่ว”
“แม่นาง”
ถึงแม้ว่าสาวใช้ทั้งหกจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ทว่า เมื่อเห็นท่าทีร้อนใจของเฟิ่งชิงเฉินนั้น ก็รับรู้ว่าต้องเป็นเรื่องด่วนอย่างแน่นอน สาวใช้ทั้งหกก็วิ่งเข้ามาหาในทันที
“ข้าจะต้องออกนอกเมืองไปสักระยะหนึ่ง เรื่องราวภายในจวนคงต้องฝากพวกเจ้าไว้แล้ว ทงจือ ทงเหยา ไปจัดเตรียมอาหารแห้งที่พอจะดำรงชีวิตอยู่ได้สิบห้าวันมาเสีย รวมไปถึงอาภรณ์ที่ต้องใช้ผลัดเปลี่ยนระหว่างทาง ชุนฮุ่ยพวกเจ้าสี่คนไปจัดเตรียมน้ำร้อน ข้าจะอาบน้ำชำระกาย ” เรื่องอื่น ๆ ที่เฟิ่งชิงเฉินไม่อาจจัดการได้ด้วยตนเองนั้น นางก็มอบให้เหล่าสาวใช้จัดการให้หมดทั้งสิ้น
“แม่นาง คุณหนู ท่าน”สาวใช้ทั้งหกต่างพากันร้องเรียกออกมาด้วยความตกใจ แต่ทว่า เฟิ่งชิงเฉินใช้สายตาในการเอ่ยเตือนพวกนางเสียก่อน สาวใช้ทั้งหกจึงได้แต่เปลี่ยนคำถามว่าจะไปที่ใด เป็น “เพคะ พวกเข้าจะไปจัดเตรียมสิ่งของให้เดี๋ยวนี้”
หลังจากที่สาวใช้ทั้งหกเดินออกไปนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็พลันเปิดกล่องยาออกมา พร้อมทั้งนำกระดาษสีขาวและดินสอถ่านออกมา แล้วจึงรีบเขียนตัดอักษรลงบนกระดาษอย่างไวว่า ตนเองมีเรื่องให้ต้องไปจัดการนอกเมืองเสียเล็กน้อย ให้เสด็จอาเก้ามิต้องเป็นกังวล เป็นเรื่องด้วย โปรดอภัยให้กับนางด้วย ที่มิได้ไปบอกลาด้วยตนเอง
ทว่า เรื่องที่ออกไปทำอะไรนอกเมืองนั้น นางหาได้เขียนลงไปไม่ เกรงว่าเดี๋ยวตี๋ตงหมิงคงต้องไปพบกับเสด็จอาเก้าด้วยตนเองกระมัง เขาต้องบอกเหตุผลที่นางออกไปนอกเมืองอยู่แล้ว หากนางเขียนลงบนกระดาษ เกิดข้อมูลรั่วไหลออกมาเล่า?
หลังจากที่เขียนเสร็จแล้ว เฟิ่งชิงเฉินจึงได้ทำการปิดซองจดหมาย ยามที่จะออกเดินทางนั้น จึงได้วางมันเอาไว้บนโต๊ะ
เฟิ่งชิงเฉินจึงได้เริ่มต้นจัดการกับกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ หลังจากตามหาสิ่งของอยู่นาน นอกจากกระเป๋าเป้ เต็นท์ เข็มทิศ เสื้อแจ็กเก็ต ไฟฉาย ถุงนอนและสิ่งของอื่น ๆ อีกนั้น ก็ไม่มีอุปกรณ์อื่น ๆ ใดที่เหมาะกับใช้ไปทำกิจกรรมกลางแจ้งอีกแล้ว
เฟิ่งชิงเฉินออกจากระบบคลังสิ่งของในระบบทันที พร้อมทั้งเข้าไปในระบบจริยธรรมทางการแพทย์ นางมิได้เข้ามาดูเป็นเวลานานแล้ว เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคะแนนในด้านจริยธรรมทางการแพทย์ของนางมีเท่าใดกัน ยามที่เปิดออกมาในคราวนี้ กลับพบว่าด้านในมีคะแนนจริยธรรมทางการแพทย์ถึงห้าสิบกว่าคะแนน
“มีคะแนนจริยธรรมมากถึงเพียงนี้เลยหรือ?มันมาจากที่ใดกัน?” หากเป็นในยามปกติละก็ เฟิ่งชิงเฉินต้องคิดถึงที่มาของพวกมันอย่างละเอียดแล้ว ทว่า นางหาได้มีเวลามากมายถึงเพียงนั้น ในเมื่อนางมีคะแนนจริยธรรมมากถึงเพียงนี้ หากนางไม่แลกเปลี่ยนเป็นยา ก็สามารถแลกเปลี่ยนเป็นพวกยุทโธปกรณ์ทางการแพทย์ได้เช่นกัน
“กระสุน? สามารถแลกเป็นกระสุนได้ด้วยหรือ หนึ่งคะแนนจริยธรรมทางการแพทย์ได้กระสุนสิบนัด นับว่าเป็นระบบที่โกงยิ่งนัก” เฟิ่งชิงเฉินแทบจะร่ำไห้ออกมา เมื่อเลื่อนลงมาด้านล่าง พลันพบว่า
“มี ไรเฟิลจู่โจมAK47ให้แลกด้วย ทว่า ต้องใช้สามพันคะแนนของจริยธรรมทางการแพทย์ เหตุใดถึงไม่ไปปล้นมาเล่า เฮ้อ มีนกอินทรีทะเลทรายอยู่ด้วย ต้องใช้สองพันคะแนนจริยธรรมทางการแพทย์ นางจะไปหามาจากที่ใดกัน เหตุใดการแลกเปลี่ยนเป็นอาวุธถึงมีมูลค่าสูงเพียงนี้ การและเปลี่ยนลูกกระสุน หาได้นำไปฆ่าคนเสียเมื่อไหร่ ข้านำมาใช้ป้องกันตนเองไม่ได้หรือ?”
จำพวกอาวุธจู่โจมและอาวุธสงครามนั้น ต้องใช้คะแนนจริยธรรมค่อนข้างสูง เมื่อเฟิ่งชิงเฉินเปิดไปจนถึงหน้าสุดท้าย ก็ไม่พบสิ่งของที่นางสามารถจะแลกได้อีก จึงได้แต่ต้องยอมแพ้ไป
นางจึงได้แต่ค้นหาอุปกรณ์ที่ใช้ในกิจกรรมทางกลางแจ้งต่อไป ก็พลันพบว่า นางต้องใช้เพียงแจ็กเก็ด และอุปกรณ์ปีนเขากับชุดกระโดดร่มที่มีราคารวมกันใช้คะแนนเพียงแค่ยี่สิบคะแนนจริยธรรมเท่านั้น ซึ่งนับว่าไม่แพงสำหรับนางในยามนี้
เมื่อค้นหาลูกกระสุนปืนนั้น เฟิ่งชิงเฉืนก็ได้แต่คิดคำนวณภายในใจ พร้อมกับกัดฟันแลกสิบคะแนนจริยธรรมทางการแพทย์ ให้ได้กระสุนร้อยนัดมา “จริยธรรมกับเงินนับว่าเหมือนกันยิ่งนัก หามาได้ก็ต้องรู้จักใช้อย่างประหยัดอีก ต่อไป ข้าต้องช่วยคนมากขึ้นกว่านี้เสียแล้ว”
หลังจากจัดเตรียมสิ่งของเรียบร้อยแล้วนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็โยนกระเป๋าออกมาด้านนอกเพื่อให้ทงจื่และทงเหยานำของใส่เข้าไปให้นาง ของในกระเป๋าหาได้มีสิ่งสำคัญอันใดไม่ นอกจากเข้มทิศและไฟฉาย
ถึงแม้ว่าระบบของกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะจะสามารถเก็บของลงไปได้ ทว่า ระหว่างทาง หากจะต้องนำของออกมาจากกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ ก็นับว่าไม่ค่อยสะดวกมากนัก เฟิ่งชิงเฉินเพียงแค่นำสิ่งของที่หนัก ๆ วางเอาไว้ด้านใน อีกทั้งกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ สามารถฝากได้แต่ของตายเท่านั้น ของสิ่งมีชีวิตจริง ๆ ไม่อาจวางได้