นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 572 เปลี่ยนคน ไม่ไปเองไม่ได้
หลานจิ่วชิงไม่มีอารมณ์รับรู้ว่าภายในใจของซูเหวินชิงทั้งอึดอัดและกดดัน เมื่อได้คำตอบที่ตนเองต้องการแล้วก็หมุนตัวจากไป กระโดดสองสามครั้งร่างของเขาก็หายไปในราตรีกาล
จะเห็นได้ว่าเขาร้อนใจเพียงใด
จะยังไม่ร้อนใจได้อย่างไร หมอหนีไปแล้ว
บนถนนมืดมิดนอกเมือง แสงสว่างเพียงอย่างเดียวส่องมาจากไฟฉายบนหัวม้าของเฟิ่งชิงเฉิน ไม่รู้ว่านางติดตั้งอย่างแน่นหนาเกินไปหรืออย่างไร หรือว่าเป็นเพราะม้าที่นางนั่งมั่นคงมาก แสงนั้นจึงส่องไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่นำทางเฟิ่งชิงเฉิน
ฝีมือขี่ม้าของนางดีมาก แต่นางไม่รู้จักทาง ไม่คุ้นเคยกับเส้นทางนอกเมือง แม้จะมีแผนที่จากตี๋ตงหมิง แต่การเดินทางยามวิกาลทำให้ไปผิดทางง่าย กล่องเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะสามารถเปลี่ยนเป็นเนวิเกเตอร์ได้ แต่ระบบเนวิเกเตอร์นั้นไม่มีแผนที่ในยุคสมัยนี้ ทุกเรื่องนางจึงต้องพึ่งตนเอง
ดังนั้นยามที่นางพบว่าบนถนนมีเงาดำร่างหนึ่งยืนอยู่ก็ทำให้นางตกใจแทบแย่ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นมิตรหรือศัตรู การลดความเร็วลงเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดเลย เฟิ่งชิงเฉินจึงเร่งความเร็วไปทางเงาดำนั้น
“ย่าห์!” มือขวานองนางกระตุกบังเหียน มือซ้ายจับปืนมั่น
ยามนี้เฟิ่งชิงเฉินจึงได้เข้าใจถึงข้อดีของการใช้ปืนคู่ เพราะในสงครามไม่มีทางรู้เลยว่ามือขวาหรือมือซ้ายจะว่าง หากฝึกทั้งสองมือไปพร้อมกันจึงจะปลอดภัยที่สุด
มีเคอร์ฟิวในยามกลางคืน การปรากฏตัวบนถนนหลวงกลางดึกย่อมไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาอย่างแน่นอน เพียงแต่เฟิ่งชิงเฉินมิได้มีความคิดที่จะฆ่าคนก่อน นางจึงตะโกนมาแต่ไกล “หลบไป หากชนตายก็จะไม่รับผิดชอบ”
นางกดสลักบนปืน เพียงแค่อีกฝ่ายพุ่งเข้ามา นางยิ่งสังหารแน่
โชคดีที่ชายชุดดำผู้นั้นไม่ใช่ศัตรู ยามที่นางกำลังจะชนอีกฝ่าย อีกฝ่ายก็ทะยานตัวขึ้นหลบฉากไปทางด้านซ้าย เฟิ่งชิงเฉินโล่งอก แต่ไม่ได้ผ่อนคลายความระมัดระวังตัว ยามที่ม้าผ่านคนผู้นั้นไป ปืนของนางก็เล็งไปที่อีกฝ่าย เพียงแค่อีกฝ่ายมีท่าทีผิดปกติ นางก็จะลิงมือยิงก่อนเพื่อชิงความได้เปรียบทันที
ยามผ่านไป เฟิ่งชิงเฉินคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเห็นประกายแสงหนึ่ง แต่ความเร็วนั้นเร็วเกินไป นางจึงจับไม่ได้ เพียงแต่ทอดถอนใจ “ดวงตาคู่นั้นคุ้นเคยยิ่งนัก รูปร่างก็คล้าย เพียงแต่หากเป็นเขาจริง ทำไมเขาจึงไม่เอ่ยอะไรออกมา? คงจะจำคนผิดไปแล้ว”
เฟิ่งชิงเฉินส่ายศีรษะสลัดความคิดในหัวออกไปและมุ่งหน้าไปข้างหน้าต่อ
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!” เมื่อห่างไปราวร้อยเมตรก็มีเสียงแว่วมาจากทางด้านหลัง ทั้งยังเป็นเสียงหอบเหนื่อยอันคุ้นเคย
“หลานจิ่วชิง? เป็นเขาจริงๆ ด้วย” เฟิ่งชิงเฉินมีสีหน้าข้องใจและดึงบังเหียนบังคับให้ม้าหยุดอย่างเชื่อฟัง
ม้าดำชางซานร้องคำราม กีบเท้าหน้าของมันยกขึ้นสูง ไฟด้านหน้าส่ายไปส่ายมาไม่หยุด ไฟส่องไปยังต้นไม้ข้างทางราวกับเป็นไฟปีศาจ ถนนหลวงอันมืดมิดก็ยิ่งดูวังเวงขึ้นไปอีก
หลานจิ่วชิงตามเข้ามา บนตัวเขาแผ่รัศมีเย็นเยียบเหมือนกับหน้ากากของเขา
“เฟิ่งชิงเฉิน ดึกดื่นเช่นนี้ เจ้าจะไปที่ใด?” เขาอยากรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะปิดบังเขาหรือไม่
“หลานจิ่วชิง เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
ทั้งสองถามคำถามเดียวกันขึ้นพร้อมกัน
“เจ้าตอบคำถามข้ามาก่อน หญิงสาวตัวคนเดียวเช่นเจ้า ดึกขนาดนี้ออกจากเมืองมาทำไม เกิดเรื่องขึ้นที่ตงหลิงหรือ” หลานจิ่วชิงลอบสังเกตการแต่งกายของเฟิ่งชิงเฉินเงียบๆ และอดยอมรับไม่ได้ว่าแม้นางจะไม่พึ่งบุรุษก็สามารถจัดการทุกอย่างเรียบร้อยได้ด้วยตัวคนเดียว
หญิงสาวผู้หนึ่งกล้าออกจากเมืองตามลำพังไปยังสถานที่แปลกหน้าเพื่อตามหาคน ยังไม่ต้องพูดถึงว่าจะทำสำเร็จหรือไม่ เพียงแค่พูดถึงความกล้าหาญนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกชื่นชมแล้ว
“ตงหลิงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ข้าออกมาทำธุระนิดหน่อย” เฟิ่งชิงเฉินเบือนหน้าหนีเล็กน้อยเพื่อหลบสายตาของหลานจิ่วชิงและแอบอึดอัดอยู่ในใจ นางนั่งอยู่บนหลังม้าชัดๆ ตำแหน่งสูงกว่าหลานจิ่วชิงหนึ่งช่วงตัว แต่เหตุใดนางจึงได้รู้สึกถูกคนกดดันได้เล่า ความรู้สึกนี้แย่ยิ่งนัก รัศมีที่หลานจิ่วชิงเปล่งออกมานับวันก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
หลานจิ่วชิงผิดหวังยิ่งนัก สายตาภายใต้หน้ากากฉายแววเจ็บปวดและคาดคั้นอย่างไม่ยอมแพ้ “ทำธุระอะไร? จำเป็นต้องเป็นเจ้าไปหรือ? หญิงออกมาข้างนอกผู้เดียวอันตรายยิ่งนัก มีเรื่องก็สามารถให้ข้ารับใช้ไปทำแทนได้ หากในมือเจ้าไม่มีคนที่เจ้าสามารถใช้ได้ ข้าจะให้เจ้ายืม” หลานจิ่วชิงเหลือเพียงบอกว่าหากมีเรื่องอะไรให้บอกเขา เขาจะจัดการแทนนางเองเท่านั้นที่ไม่ได้ถูก
“ขอบใจมาก แต่เรื่องนี้ข้าจำเป็นต้องทำเอง” ความปลอดภัยของจิ่นหลิง หากมอบให้คนอื่นดูแลนางไม่วางใจ อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหลานจิ่วชิงก็แปลกประหลาด หากเป็นเรื่องของนางเอง นางก็ไม่รังเกียจที่จะรบกวนหลานจิ่วชิง แต่เรื่องของหวังจิ่นหลิงนั้นนางไม่กล้ารบกวนเขา
หลานจิ่วชิงไม่ได้เป็นอะไรกับนาง เขาไม่ได้มีหน้าที่ต้องช่วยนางทำธุระ
“เรื่องอะไรจึงได้สำคัญถึงเพียงนั้น จนเจ้าต้องไปทำด้วยตนเอง? อีกทั้งยังต้องเดินทางในยามวิกาลอีก” คำพูดนี้ของหลานจิ่วชิงเต็มไปด้วยโทสะ แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับฟังไม่ออก นางเพียงคิดไปว่าหลานจิ่วชิงห่วงความปลอดภัยของนางเท่านั้น
“เรื่องค่อนข้างด่วน เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าไม่เป็นอะไรหรอก ข้าจะกลับมาอย่างไร้รอยขีดข่วน ความสามารถของข้าเจ้าเองก็น่าจะรู้ดี” เฟิ่งชิงเฉินควงปืนในมือแสดงให้เห็นว่าการป้องกันตัวของนางนั้น นอกจากจะพบกองกำลังเป็นร้อยคนแล้วนางไม่มีทางกลัวเลยสักนิด
“มันไม่ได้ใช้ป้องกันตัว หากไม่เชื่อเจ้าก็ลองดูได้ แม้ว่าเจ้าจะมีมันไว้ป้องกันตัว ข้าก็สามารถสังหารเจ้าได้ภายในสิบกระบวนท่า” หลานจิ่วชิงชักกระบี่ยาวออกมาชี้ไปที่เฟิ่งชิงเฉิน “เฟิ่งชิงเฉิน เรื่องของเจ้าข้าช่วยเจ้าจัดการเอง ตอนนี้เจ้ากลับเมืองไปเสีย”
นี่เป็นการบอกเฟิ่งชิงเฉินว่า แม้นางจะไม่พูด เขาก็รู้ว่านางจะไปทำอะไร
“จิ่วชิง อย่าหาเรื่องน่า ข้ากำลังรีบเดินทาง” เฟิ่งชิงเฉินขมวดคิ้วมุ่น หลานจิ่วชิงตั้งใจมาดักรอนางที่นี่หรือ?
“เฟิ่งชิงเฉิน ผู้ที่หาเรื่องคือเจ้า กลับไป” เฟิ่งชิงเฉินจะเก่งกาจเพียงใดก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่านางไม่เคยออกนอกเมืองหลวงไปได้ หลานจิ่วชิงโมโหนางมาก แต่ก็ไม่อาจปล่อยให้นางออกจากเมืองไปได้
“ข้าไม่กลับ หลานจิ่วชิง การที่เจ้าปรากฏตัวอยู่ที่นี่ก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าข้าจะไปทำธุระใด ข้าจำเป็นต้องไป โปรดหลีกทางให้ข้าด้วย” ไม่ว่าใครที่ถูกข่มขู่ให้กลับเมืองก็ต้องโมโห อีกอย่างผู้ที่มีสิทธิ์บังคับให้นางกลับเมืองก็คือเสด็จอาเก้า ไม่ใช่หลานจิ่วชิง
“ข้าบอกแล้วว่าข้าจะช่วยเจ้าจัดการเรื่องนี้เอง” หลานจิ่วชิงขวางอยู่ด้านหน้าม้า ไฟฉายส่องลงบนร่างกายของเขา หน้ากากสีเงินของเขาสะท้อนแสงบางส่วน ทำให้เกิดเป็นประกายแสงบนร่างของเขาวับๆ แวมๆ ดูหลอกตา…
“จิ่วชิง ข้าไม่กลับเมือง ข้าต้องเห็นว่าเขาปลอดภัยด้วยตาตนเองจึงจะสามารถวางใจได้” หายตัวไปในหุบเขาเกือบเดือนแล้ว หวังจิ่นหลิงต้องพบกับอันตรายแน่ นางกังวลเรื่องหวังจิ่นหลิงมากจริงๆ ดังนั้น…
นางจำเป็นต้องไป
หลานจิ่วชิงรู้ว่านางจะไปช่วยหวังจิ่นหลิง แต่เมื่อได้ยินเฟิ่งชิงเฉินพูดมันออกมาด้วยหูตนเอง หัวใจของหลานจิ่วชิงก็บีบอัดจนเจ็บปวด “เขาสำคัญถึงขนาดนั้นเชียวหรือ? สำคัญจนถึงขนาดที่เจ้าไม่ห่วงความปลอดภัยของตนเอง ไม่สนใจเรื่องในเมืองหลวง ไม่สนใจคนที่เป็นห่วงเจ้า…”
เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าเห็นแก่ตัวยิ่งนัก เจ้าไม่คิดบ้างเลยหรือว่าหากเจ้าเป็นอะไรไปที่ด้านนอก แล้วเขาที่อยู่ในเมืองหลวงจะทำอย่างไร
เจ้าให้ความสำคัญกับหวังจิ่นหลิงเช่นนี้ แล้วเห็นเขาเป็นตัวอะไร?
“หลานจิ่วชิง หากวันนี้ผู้ที่กำลังลำบากคือเจ้า ข้าก็จะทอดทิ้งทุกอย่างเพื่อไปช่วยเจ้าเช่นกัน” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวอย่างหนักแน่น ม้าที่นางขี่อยู่ดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงความร้อนรนของนาง มันย่ำเท้าอยู่กับที่และร้องขึ้นอย่างร้อนรน…