นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 574 สงครามป่า ขโมยปะทะขโมย

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 574 สงครามป่า ขโมยปะทะขโมย

เฟิ่งชิงเฉินต้องการสังหารอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้อ่อนฝีมือ พวกเขาก็คิดจะสังหารคนเพื่อชิงของไปเช่นกัน

“ม้าของแม่นางผู้นั้นล้ำค่าเช่นนี้ เกรงว่าบนตัวนางคงมีของล้ำค่าอีกไม่น้อย จะปล่อยนางไปไม่ได้ ในที่รกร้างเช่นนี้ เจอแกะอ้วนพีเช่นนี้ไม่ง่ายเลย”

“สิ่งของสามารถเอาไปได้ แต่จะลงมือกับนางไม่ได้ โจรก็มีคุณธรรม”

“พี่ใหญ่เช่นนี้ไม่ดีกระมัง จะพูดอย่างไรพวกเราทั้งสิบสองคนก็พอมีชื่อเสียงอยู่บ้างในยุทธภพ หากให้คนอื่นรู้ว่าเราแย่งชิงสิ่งของของสาวน้อยมาจะต้องถูกหัวเราะเยาะเป็นแน่

นางขี่ม้าชั้นดีเช่นนั้น ชาติกำเนิดของนางต้องไม่เลวแน่ หากคนทางบ้านของนางเอาเรื่องขึ้นมา เกรงว่าพวกเราจะเดือดร้อน ตามที่ข้าคิดแล้ว หากทำแล้วก็ทำให้ถึงที่สุด จัดการนางไปด้วยเสียเลย อย่างไรในที่รกร้างเช่นนี้ก็คงไม่มีใครรู้เห็นอยู่แล้ว”

“ไม่ได้ ในฐานะที่พวกเราเป็นจอมยุทธ์ พวกเราจะลงมือกับเด็กและสตรีไร้ทางสู้ได้อย่างไร หากข่าวลือแพร่ออกไป ชื่อเสียงของเราคงจะป่นปี้ ส่วนแม่นางผู้นั้น พวกเจ้าไม่ต้องกังวล ข้าดูแล้วนางไม่มีวิทยายุทธ์เลยแม้แต่น้อย สาวน้อยนางหนึ่งอยู่ตามลำพังในป่า ทั้งยังไม่มีพาหนะ นางไม่รอดอยู่แล้ว” หัวโจกของพวกเขาทั้งอยากได้เงิน ทั้งอยากได้ชื่อเสียง เห็นได้ว่าทั้งสิบสองคนไม่ใช่คนดีอะไร รังสีเย็นเยียบในสายตาของเฟิ่งชิงเฉินยิ่งมากขึ้นไปอีก

คนเหล่านี้ จะเหลือเอาไว้ไม่ได้แม้แต่คนเดียว!

“เจ้าตัวดี ดูเถอะว่าเจ้าหาเรื่องมาให้ข้าใหญ่เพียงใด ที่แท้แม้แต่มีม้าชั้นดีก็เป็นเรื่องผิด” นางเดินทางติดต่อกันตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืน ทุกวันได้นอนพักเพียงแค่สองชั่วยามเท่านั้น อีกทั้งยังต้องคอยระมัดระวัง สภาพของเฟิ่งชิงเฉินไม่อาจเรียกได้ว่าดี อารมณ์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง คนเหล่านี้เข้ามาหาเรื่องนาง ถือว่าพวกเขาโชคร้ายก็แล้วกัน

“เจ้าอยู่ที่นี่ดีๆ นะ พี่สาวจะไปจัดการคนชั่วก่อน” เฟิ่งชิงเฉินเอาหน้าไปแนบกับท้องม้า บอกให้ม้าดำชางซานเบาเสียงลงหน่อย อย่าให้ผู้อื่นหาพบ ส่วนคนทั้งสิบสองนั้นน่ะหรือ?

เข้ามาทีเดียวพร้อมกัน นางอาจจัดการไม่ไหว หากแยกกัน นางก็คงจะจัดการได้

เฟิ่งชิงเฉินถือปืนไว้ในมือ เท้าของนางก้าวผ่านต้นไม้ไปอย่างเชื่องช้า เมื่อรอทั้งสิบสองคนแยกจากกันค้นหานาง เฟิ่งชิงเฉินก็ตามกลุ่มหนึ่งไป นางหลบอยู่ในที่ลับ ใช้ต้นไม้อำพรางร่างกาย และเล็งปืน…

เพียงได้ยินเสียงปังดังขึ้นสองสามครั้งก็มีเสียงอีกฝ่ายล้มลงตามมาติดๆ

จัดการไปสองคนแล้ว เฟิ่งชิงเฉินรีบติดตามต่อไป ยามที่อีกฝ่ายยังไม่ทันตั้งตัวก็ยิงสังหารอีกฝ่าย

ปัง…

หนึ่งนัดหนึ่งคน แม่นยำอย่างยิ่ง

เฟิ่งชิงเฉินเก็บปืนและหลบไปใต้เงาไม้อีกครั้งพลางฟังเสียงคนอื่นๆ ดังแว่วมา

“พี่ใหญ่ ทางนี้มีเสียง…”

“พี่ใหญ่ แย่แล้ว น้องห้าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว…”

“พี่ใหญ่ แม่นางผู้นั้นมีผู้ช่วย”

“ทุกคนระวังตัว ไปด้วยกัน อย่าให้นางทำอะไรได้อีก”

พวกเขาเกาะกลุ่มหกคนมุ่งมายังสถานที่เกิดเหตุ เฟิ่งชิงเฉินจึงต้องเก็บมือและถอยออกไปอย่างเงียบเชียบเพื่อไปหาพรรคพวกอีกด้านของพวกเขา

ช่างน่าบังเอิญยิ่งนัก อีกสามคนก็กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เช่นกันและเจอเข้ากับเฟิ่งชิงเฉินพอดี “แม่นางผู้นั้นอยู่ที่นี่ ข้างกายนางไม่มีม้า พวกเราไปหา…”

“ปัง…” อีกฝ่ายอยู่เพียงสามสิบเมตรเฟิ่งชิงเฉินไม่รอให้อีกฝ่ายพูดก็รีบจัดการอีกฝ่ายทันที

“พี่ใหญ่…” อีกสองคนตกใจ เมื่อนางเหนี่ยวไกปืนอีกครั้ง พวกเขาก็แยกตัวออกจากกัน “ทุกคนระวัง นางมีอาวุธลับ”

ไม่ได้ทำได้ทุกอย่าง

“ทำให้พวกเขาหนีไปเสียได้ หากมีปืนกลรุ่น ak47 อยู่ในมือแล้วล่ะก็ ข้าจะกลัวสิบสองคนนี้หรืออย่างไร” นางเสียกระสุนไปสองนัดที่ยิงไม่โดนคน เฟิ่งชิงเฉินจึงได้แต่ต้องหลบไปและอยากได้ปืนกลจากกล่องเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ

หากมองไม่เห็นก็จะไม่คิด แต่เห็นว่าของอยู่ตรงหน้า นางจะไม่คิดได้อย่างไร แต่คุณธรรมแพทย์สามพันหน่วย นางจะไปหามาจากไหน อีกทั้งลูกกระสุนก็ต้องใช้แต้มจรรยาแพทย์แลกมา…

ช่วยคน สะสมแต้มจรรยาแพทย์ ต้องลงมือทำทันที!

เฟิ่งชิงเฉินแฝงตัวกลับเข้าไปในหมู่แมกไม้และเล่นสงครามป่า สงครามป่าต้องใช้ความอดทน หากลงมือต้องโดนเป้าหมาย มิฉะนั้นจะเป็นการเปิดเผยตำแหน่งโดยไม่อาจกำจัดศัตรู เช่นนั้นอันตรายเกินไป

แม้เฟิ่งชิงเฉินจะร้อนใจอยากเร่งเดินทาง แต่นางก็ไม่ใช่คนที่จะทำตามอารมณ์ นางมีความอดทนสูง ยอมเสียเวลากับพวกเขาไปกว่าเกือบครึ่งชั่วยาม

“ตุ้บ…” อยู่ใกล้มาก เฟิ่งชิงเฉินไม่ยอมเปลืองกระสุน นางพุ่งทะยานออกมา ยามที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ตั้งตัวก็ใช้เท้าเตะเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่าย

โอ๊ย… อีกฝ่ายรับแรงกระแทกจนล้มลงกับพื้น เฟิ่งชิงเฉินหมุนตัว สองเท้ากดลงที่ลำตัวด้านบนของอีกฝ่าย สองมือออกแรง เพียงได้ยินเสียงกร๊อบ คออีกฝ่ายก็หักทันที

“แรงสู้ยังไม่ถอย คนที่สิบแล้ว ยังเหลืออีกสอง”

จัดการไปสิบคนแล้ว แน่นอนว่านางเก็บกระสุนกลับมาทั้งหมด กระสุนที่หล่นลงพื้นสองอันก็ไม่ปล่อยทิ้งไว้ ส่วนอีกสองคนที่เหลือนั้น…

ไม่รู้ว่ากลัวตายหรือว่าอย่างไร เฟิ่งชิงเฉินค้นหาไปทั่วแต่ก็ไม่พบแม่แต่เงา

“ช่างเถอะ ไม่หาแล้ว อย่างไรเพียงแค่สองคนก็ทำอะไรไม่ได้ ถึงจะปะทะกันซึ่งๆ หน้า ข้าก็ไม่กลัว” เฟิ่งชิงเฉินไม่เสียเวลาอีกต่อไป เตรียมตัวจะกลับไปหาม้าแต่กลับพบว่า…

“ให้ตายเถอะ บังอาจขโมยม้าของข้าไป ม้าดำชางซานทำไมไม่ร้องออกมาสักหน่อยนะ?” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้อยู่ห่างจากม้ามากนัก หากมีคนมาพามันไปจริง เสียงร้องของม้านางย่อมได้ยิน อีกทั้งรอยกีบเท้ามาทำให้นางได้ข้อสรุปออกมา

“ม้าดำชางซานไม่ได้ถูกคนเอาไป มันยอมไปกับอีกฝ่ายเอง ซวยจริง! กระเป๋าของข้าอยู่บนหลังม้า โชคดีที่ข้าเเบ่งเสบียงเป็นสองชุด เช่นนี้ถึงแม้จะหาม้าไม่เจอก็คงไม่หิวตาย”

เฟิ่งชิงเฉินพ่นลมหายใจออกมาเพื่อระบายความอึดอัดใจ นางเปลี่ยนกระสุนใหม่ ก้มลงดูรอยเท้าม้าและเดินตามไป ในใจก็อธิษฐานว่าขอให้อีกฝ่ายไม่ได้ขี่ม้าจากไปแต่จูงม้าไป มิเช่นนั้นแม้นางมีสี่ขาก็คงตามไม่ทัน

ตามไปประมาณพันกว่าเมตรแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น ในใจนางแอบดีใจและวิ่งไปทางเสียงนั้น นางเห็นว่าบุรุษในอาภรณ์สีน้ำเงินผู้หนึ่งกำลังจูงม้าดำชางซานของนางไว้ แทบเท้าของเขามีร่างไร้วิญญาณสองร่างนอนอยู่ หรือก็คือสองคนที่หนีมา

เฮ้อ… หาม้าเจอแล้ว!

ถูกคนพามาจริงๆ ด้วย ม้าเชื่องเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี

จับได้พร้อมของกลาง ยามนี้ควรจะทำอย่างไรดีนะ?

นางยกปืนเล็งไปที่ศีรษะของอีกฝ่ายและกล่าวออกมาว่า “ยกมือขึ้นและย่อตัวลง”

จากนั้นอีกฝ่ายก็ย่อตัวลงนั่งยองๆ อย่างเชื่อฟังให้นางจัดการได้ตามใจ

อ่ะแฮ่ม นี่ไม่น่าเป็นไปได้ เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้เป็นตำรวจ จะให้มีท่าทางเหมือนตำรวจได้อย่างไร นางค่อยๆ เดินเข้าไปหาอีกฝ่ายและใช้โอกาสนี้ปรับลมหายใจตนเอง

“เจ้าเป็นใคร? ต้องการแย่งม้าของข้าเช่นกันหรือ?” คิดไม่ถึงว่าเฟิ่งชิงเฉินยังไม่ทันได้เอ่ยปาก บุรุษผู้นั้นก็กล่าวหานางขึ้นก่อนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เขายกดาบเปื้อนเลือดขึ้นชี้มายังเฟิ่งชิงเฉินอย่างไม่เกรงใจ

“อะไรนะ? ม้าของเจ้า?” เฟิ่งชิงเฉินชะงักฝีเท้าลง ไม่ใช่เป็นเพราะถูกเขาข่มขู่ แต่เป็นเพราะตกใจแล้ว นี่เป็นม้าที่ตี๋ตงหมิงให้นางมาต่างหาก มันกลายไปเป็นม้าของชายแปลกหน้านี้เมื่อใดกัน…

“แน่นอนว่าเป็นม้าของข้า มิเช่นนั้นมันจะตามข้ามาอย่างเชื่อฟังได้อย่างไร หรือว่าตอนแรกคนที่ขโมยม้าของข้าก็คือเจ้า” กระบี่ที่ชายผู้นั้นวางลงได้ถูกยกขึ้นมาอีกพร้อมทั้งรัศมีอาฆาตเต็มเปี่ยม…

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท