นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 594 เสด็จอาเก้า ชิงเฉินถูกเข้าใจผิด

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ลูกธนูอันเยือกเย็นจับจ้องไปที่ชายหนุ่มชุดเสวียน เพียงแค่เขามีปฏิกิริยาที่น่าสงสัยแม้แต่นิดเดียว เขาก็คงจะพรุน ชายหนุ่มชุดเสวียนนั้นไม่กลัว แต่เซวียนเฟยที่อยู่ในอ้อมกอดของเขากลัวยิ่งนัก เนื่องจากหากมีสิ่งใดผิดพลาดไปเล็กน้อย เซวียนเฟยก็คงจะตายอย่างแน่นอน

ในสถานการณ์เช่นนี้ชายหนุ่มชุดเสวียนไม่กล้าทำสิ่งใดกับเสด็จอาเก้า เขาเพียงตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงอันดัง จากนั้นวางมีดลง กัดฟันกล่าวว่า “พวกเจ้าอย่าได้รังแกกันเกินไป อย่าคิดว่าวันนี้ข้าตกอยู่ในมือของพวกเจ้าแล้วพวกเจ้าจะทำอย่างไรกับข้าก็ได้ ความสามารถอันน้อยนิดเช่นพวกเจ้า ทางที่ดีควรปล่อยข้าไปเสีย ไม่อย่างนั้นคนที่โชคร้ายคงจะเป็นพวกเจ้าเอง

“คุณชายสองแห่งเผ่าเสวียนเซียวกงมีความอดทนเพียงเท่านี้หรือ?” ในที่สุดเสด็จอาเก้าก็หยุดแกล้งอีกฝ่ายหนึ่ง แล้วปล่อยเฟิ่งชิงเฉินออก ให้เฟิ่งชิงเฉินไปอยู่ข้างหลังตน ชุดสีขาวสะอาดถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดง เสด็จอาเก้าที่รังเกียจความสกปรก กลับไม่สนใจแม้แต่น้อย

“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่ รู้ทั้งรู้ว่าน้องสาวของข้าเป็นคุณหนูจากเผ่าเสวียนเซียวกง ยังกล้าที่จะลงมือกับนาง พวกเจ้าอยากตายหรือไร?” ชายหนุ่มชุดเสวียนใบหน้างดงาม มองไปดูโหดเหี้ยมเล็กน้อย ดวงตาทั้งคู่แดงเรื่อ อาจเป็นเพราะว่าเซวียนเฟยได้รับบาดเจ็บจึงทำให้โมโหเสียจนหน้าตาบูดเบี้ยว

คนจากพระราชวังเซียนเสียว ไม่ใช่จะโหดร้ายธรรมดา ดวงตาของเสด็จอาเก้าก้าวหรี่ลงเล็กน้อย เขากล่าวออกมาช้าๆ ว่า “ตงหลิงจิ่ว”

“เสด็จอาเก้าแห่งราชวงศ์ตงหลิง?” มองดูแล้วชื่อเสียงของเสด็จอาเก้าคงโด่งดังไม่น้อย แม้แต่คนในยุทธจักรก็ล้วนรู้

“ถูกต้องแล้ว ข้าคือเสด็จอาเก้าแห่งราชวงศ์ตงหลิง ข้าได้รับคำสั่งจากองค์จักรพรรดิให้มาปราบโจร คุณชายรองท่านคงรู้ดีว่าน้องสาวของท่านทำสิ่งใด และข้าจะทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด การที่ข้าไม่ปลิดชีพน้องสาวของท่านนับว่ามีเมตตายิ่งแล้ว” เสด็จอาเก้าไม่สนใจท่าทางของคุณชายรองกลับกล่าวออกมาเป็นการกระตุ้นให้อีกฝ่ายโมโหโดยไม่สนใจ

ในสายตาของเขา องค์ชายรองไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้ว เผ่าเสวียนเซียวกงมีแผนที่จิ่วโจวอยู่ในมือ เขาจะไม่ปล่อยเผ่าเสวียนเซียวกงไปอย่างแน่นอน หากว่าจะใช้ทหารจากตงหลิงมากวาดล้างเผ่าเสวียนเซียวกง ก็ดูเหมือนจะเป็นความคิดที่ไม่เลว เสด็จอาเก้าคิดดังนี้……

“ผู้ที่เชื่อฟังข้าจะรอดพ้น ผู้ที่ขัดขืนจะต้องสิ้นใจ” เขาตงหลิงจิ่วไม่เคยใจอ่อนให้กับผู้ใด ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับศัตรูก็จะตัดรากถอนโคนอย่างโหด

เสด็จอาเก้าเป็นที่ลำเอียงต่อคนที่เขารัก คุณชายรองแห่งเผ่าเสวียนเซียวกงก็เช่นกัน เมื่อได้ยินประโยคนั้นของเสด็จอาเก้า เขาก็กระโดดโลดเต้นขึ้นราวกับถูกฟ้าผ่า “น้องสาวของข้าจะทำสิ่งใดนั้นไม่เกี่ยวกับเจ้า หากเจ้ากล้าลงมือจัดการกับน้องสาวข้าล่ะก็ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้อย่างแน่นอน เสด็จอาเก้าแห่งราชวงศ์ตงหลิง เจ้าจงนั่งอยู่ในตำแหน่งเสด็จอาเก้าของเจ้าให้ดี อย่าได้มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวในเผ่าเสวียนเซียวกงของข้า ต่อให้น้องสาวของข้ากระทำความผิด ก็มีเพียงคนจากเผ่าเสวียนเซียวกงเท่านั้นที่จะลงโทษนางได้ เจ้าไม่มีสิทธิ์อันใดมาลงไม้ลงมือ ระวังไว้เถิด ท้ายที่สุดแล้วแม้แต่ตำแหน่งของเจ้าก็อาจไม่รักษาไว้ได้!”

“น้องสาวของเจ้าจะกระทำการเกเรเช่นใดในเผ่าเสวียนเซียวกงนั้นถ้าไม่สน แต่นี่คือราชวงศ์ตงหลิง ข้าจำเป็นจะต้องปฏิบัติตามกฎของพวกเรา นางหาเรื่องในอาณาเขตของราชวงศ์ตงหลิง อย่าว่าแต่น้องสาวเจ้าเลย ต่อให้เป็นพ่อของเจ้า ข้าก็จะดำเนินการตามนั้น คุณชายรองควรจะเห็นอยู่นี่ว่าข้ากำลังทำตามที่กล่าว” ริมฝีปากของเสด็จอาเก้าเผยอยิ้มขึ้นเล็กน้อย

“ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาตักเตือน เสด็จอาเก้าแห่งราชวงศ์ตงหลิง สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ข้าจะจดจำเอาไว้ ในอนาคตข้าจะคืนให้เป็นทวีคูณ!” ใบหน้าขององค์ชายรองดูบิดเบี้ยว นิ้วมือของเขากำแน่น มองดูแล้วคงจะโมโหไม่เบา

ในสายตาของคนเผ่าเสวียนเซียวกง มีเพียงแค่เซวียนเฟยคอยรังแกผู้อื่นเสมอ คนอื่นจะมารังแกนางไม่ได้ แต่ในวันนี้เซียนเสียวกลับถูกผู้อื่นรังแกอย่างโหดเหี้ยม แน่นอนว่าความแค้นในครั้งนี้เผ่าเสวียนเซียวกงจะต้องแก้แค้น เขาสาบานได้ว่าเสด็จอาเก้าจะไม่มีจุดจบอันดีอย่างแน่นอน

“เหตุใดจึงต้องรอวันหลังเล่า? ข้าคิดว่าวันนี้ก็ย่อมได้ ข้ายุ่งยิ่งนัก ไม่มีเวลาจะไปจดจำเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ วันนั้นบางทีข้าอาจจะจำไม่ได้แล้วว่าท่านเป็นใคร” เสด็จอาเก้ากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

เขารู้ว่าคุณชายรองของเผ่าเสวียนเซียวกงมีความสามารถ และในวันนี้เขาคงไม่อาจรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ได้ การจะเอาชีวิตของเซวียนเฟยได้ไม่ง่ายเลย นอกเสียจากว่าเขาจะต้องกระตุ้นให้อีกฝ่ายโมโห ให้อีกฝ่ายกระทำการเกินเหตุเกินผล เช่นนี้เขาก็มีโอกาสชนะแล้ว

น่าเสียดายเหลือเกิน……พวกเขาทั้งสองไม่ใช่คนโง่ แผนการของเสด็จอาเก้าก้าว คุณชายรองดูเหมือนจะเข้าใจดี เมื่อเขาหันไปมองดูอาการบาดเจ็บของเซวียนเฟย ประกอบกับสายตาของเสด็จอาเก้าที่มองมา เขาอยากจะเข้าไปปลิดชีพเสด็จอาเก้ายิ่งนัก แต่ก็พยายามอดทนไว้

“ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการแก้แค้นของสุภาพบุรุษ เสด็จอาเก้าแห่งราชวงศ์ตงหลิง ความแค้นในวันนี้ เผ่าเสวียนเซียวกงของข้าจะจดจำเอาไว้ ท่าน รอไปเถอะ……!” คุณชายรองยังไม่ทันกล่าวจบก็ได้ยกดาบขึ้นมาแล้วกวาดไปด้านข้าง……

ทหารที่กำลังรุมล้อมเห็นเช่นนั้นต่างก็ถอยออกไป มือธนูยิงตั้งศร แต่คิดไม่ถึงว่าเขาเพียงแค่จะส่ายไปมาเท่านั้น ทหารพากันถอยออก ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงแรงอาฆาตแค้นที่อยู่ตรงหน้า เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินซึ่งคล้ายคลึงกับเซวียนเฟยหยิ่งนัก

เป็นไปได้อย่างไร น้องสาว?

คุณชายรองได้แต่ตกตะลึง ร่างของเขาเคลื่อนไหวช้าลงจึงทำให้เฟิ่งชิงเฉินมีโอกาสเล็งไปที่หน้าผากของคุณชายรองแล้วเหนี่ยวกระสุนปืน……

หากนางยิงไปที่หัวใจของอีกฝ่าย บางทีอาจจะมีเกราะป้องกันอยู่ แต่หากว่ายิงไปที่ศีรษะนางไม่เชื่อหรอกว่าคนจากเผ่าเสวียนเซียวกงจะมีสิ่งป้องกันกระสุนไว้ที่ศีรษะด้วย

คุณชายรองเบิกตากว้าง เขาไม่สนใจเฟิ่งชิงเฉินและรีบถอยหลังออกไปก้าวหนึ่ง “ปัง……!” กระสุนเจาะเข้าไปในน่องของคุณชายรอง

“อ๊าก……!” คุณชายรองรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนักแต่ไม่กล้าจะหยุดนิ่งอยู่กับที่ เขาอาศัยกิ่งก้านของต้นไม้ เคลื่อนไหวเพียงสองสามทีก็หายไปในพริบตา

“เสด็จอาเก้าแห่งราชวงศ์ตงหลิง เจ้าจงคอยเถิด รอวันที่ข้าส่งคนจากเผ่าเสวียนเซียวกงมานำศีรษะที่อยู่บนบ่าของเจ้าทิ้งไปเสีย” ท่ามกลางอากาศมีเสียงอันบ้าคลั่งของคุณชายรองแห่งเผ่าเสวียนเซียวกงดังขึ้น

“ข้าจะรอการเดินทางมาของท่าน” เสด็จอาเก้ากล่าวออกไปอย่างไม่เกรงกลัว

เหล่าทหารต้องการจะไล่ตามไป แต่เสด็จอาเก้าหยุดพวกเขาเอาไว้

“ไม่จำเป็นหรอก เอาศพเหล่านี้กลับไปเถอะ”

ความบาดหมางระหว่างราชวงศ์ตงหลิงและเผ่าเสวียนเซียวกงจึงได้ก่อตัวขึ้นดังนี้ หลังจากทุกอย่างจบสิ้นลง เสด็จอาเก้ากำชับไม่ให้ทุกคนกล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในหุบเขา นี้ออกไป ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่มีใครเผยแพร่ องค์จักรพรรดิก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น รู้เพียงแค่ว่ามีความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างราชวงศ์ตงหลิงและเผ่าเสวียนเซียวกง

แน่นอนว่าองค์จักรพรรดิไม่รู้เสียด้วยซ้ำถึงเรื่องที่เผ่าเสวียนเซียวกงมีแผนที่ขุมทรัพย์อยู่ในมือ เนื่องจากบัดนี้เซวียนเฟยกำลังอยู่ในภาวะวิกฤติบ้าคลั่ง ประโยคของนางที่กล่าวมาไม่มีใครกล้าเชื่อ ประกอบกับคนที่เสด็จอาเก้าพามานั้นคือคนที่เสด็จอาเก้าไว้ใจได้ ด้วยเหตุนี้องค์จักรพรรดิจึงไม่ได้เอ่ยถามถึงเหตุผลแต่อย่างใด

องค์จักรพรรดิรู้เพียงว่า เพื่อเฟิ่งชิงเฉินแล้วนั้น เสด็จอาเก้าได้โยกย้ายเหล่าทหารและจัดการกับคุณหนูใหญ่แห่งเผ่าเสวียนเซียวกง จึงทำให้ทั้งสองฝ่ายเกิดความขัดแย้งกันขึ้น

ครั้นองค์จักรพรรดิทรงรับรู้เรื่องราวนี้ก็ทำสีหน้าเคร่งขรึมลงทันใด เขาโมโหมากเสียจนตบลงไปที่โต๊ะ และอยากจะหั่นเสร็จอาเก้าออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเหลือเกิน

บัดนี้ราชวงศ์ตงหลิงเกิดปัญหาขึ้นทั้งภายในและภายนอก เรียกได้ว่าถูกกีดกันมีปัญหาในทุกๆ ด้าน แต่เพื่อสตรีนางหนึ่ง เขากลับสร้างศัตรูอันแข็งแกร่งขึ้นมาเช่นนี้อีก เขาไม่นึกถึงประเทศและสังคมของประชากรบ้างหรือไร

ด้วยเหตุนี้เององค์จักรพรรดิจึงได้เอ่ยโทษเสด็จอาเก้าต่อหน้าขุนนางบู๊บุ๋นทั้งหลาย ว่าไม่ตระหนักถึงความสำคัญ ทำไปเพียงเพื่อสตรี และต้องการประณามลงโทษ ส่วนเสด็จอาเก้าก็ยอมรับอย่างเฉยเมย

ไม่ว่าเขาจะรักประเทศหรือรักนี้ไม่ เขารู้เพียงว่าตนทำสิ่งใดอยู่ก็พอแล้ว

คุณชายรองแห่งเผ่าเสวียนเซียวกงและเซวียนเฟยต่างหนีไปได้ หวังจิ่นหลิงก็ไม่อยู่ที่นี่ เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินจึงไม่ได้วางแผนจะอยู่ในหุบเขาไท่ลู่เก๋อนี้นานนัก ภายใต้การคุมกัน พวกเขาได้พากันเดินลงไปจากภูเขา เดิมทีเสด็จอาเก้า ต้องการจะหาเกี้ยวอันอ่อนนุ่มมาให้เฟิ่งชิงเฉินนั่งลงไป แต่เป็นเพราะประโยคหนึ่งของเฟิ่งชิงเฉินจึงทำให้ความคิดเขาสิ่งนี้ อันประธานหายไป

เสด็จอาเก้าคิดอย่างชั่วร้ายว่าจะต้องให้เฟิ่งชิงเฉินสตรีโง่คนนี้เจ็บให้จำ หากไม่เจ็บนางก็จะไม่จำแต่ละวันได้แต่นึกถึงคนอื่น พอนึกถึงคนอื่นอยู่นั่น……

อีกเนิ่นนานต่อมาเฟิ่งชิงเฉินจึงได้รู้เรื่องนี้และรู้สึกว่าตนถูกเข้าใจผิดไป

การที่นางเอ่ยถามว่าหวังจิ่นหลิงและฝู่หลินอยู่ที่ไหนปลอดภัยหรือไม่ นางผิดด้วยหรือ?

อีกอย่าง ใช่ว่าเอ่ยถามถึงความปลอดภัยของหวังจิ่นหลิงตั้งแต่แรกเสียเมื่อไหร่ นางรอให้ทุกสิ่งทุกอย่างจบลงแล้วเมื่อลงจากภูเขา นึกขึ้นได้ถึงความปลอดภัยของทั้งสองจึงได้เอ่ยถามนี่ก็ผิดหรือ?

ฮือๆๆ

เสด็จอาเก้า ท่านเอาแต่ใจเกินไปแล้ว

นี่ไม่ใช่ยุคแห่งการปฏิวัติ ไม่ใช่ว่าจะทำตามใจตัวเองอย่างไรก็ได้……

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท