นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 598 เชื่อใจ ถือว่าข้าติดค้างเจ้าพอใจหรือไม่

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 598 เชื่อใจ ถือว่าข้าติดค้างเจ้าพอใจหรือไม่

ฝู่หลิน! ตระกูลหลาน เฟิ่งหลีและตระกูลฝู่พบกันเช่นนี้ช่างบังเอิญยิ่งนัก หรือว่ายิ่งไม่อยากเจอก็ยิ่งได้เจอกันนะ!

รอยยิ้มที่ไม่สามารถเข้าใจได้ปรากฏขึ้นในดวงตาของเสด็จอาเก้า ตระกูลฝู่เลือกที่จะปรากฏตัวที่จิ่วโจวในเวลานี้ช่างเฉียบแหลมจริงๆ

ท่าทางแผ่นดินใหญ่จะคึกคักมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เขาไม่เคยคิดว่าการปรากฏตัวของฝู่หลินจะเป็นเรื่องบังเอิญ โลกนี้มีหรือจะบังเอิญถึงเพียงนั้น บังเอิญเสียจนเมื่อเขาปรากฏตัวก็ผูกมิตรกับเฟิ่งชิงเฉินได้ทันที

ตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินกำลังเล่าถึงยามที่นางพบเห็นสภาพอันน่าอนาถของหวังจิ่นหลิงในหุบเขา เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็ตาแดงเล็กน้อยและยิ่งรู้สึกตำหนิตัวเองมากขึ้นอยู่ในใจ นางมักรู้สึกเสมอว่านางไปถึงช้าเกินไป หวังจิ่นหลิงจึงได้ทรมานเป็นอย่างมาก

เมื่อเสด็จอาเก้าเห็นดังนั้นก็รีบเก็บความคิดของเขาและขัดจังหวะเฟิ่งชิงเฉิน “ว่าไปแล้ว นอกจากในเมืองอี้สุ่ยแล้ว เจ้าไม่พบการซุ่มโจมตีระหว่างทางเลย แผลที่ขาของเจ้าไม่เกี่ยวอะไรกับคนอื่นหรือ?”

เขาไม่มีทางปล่อยให้นางเห็นอกเห็นใจหวังจิ่นหลิงหรอก หวังจิ่นหลิงโชคดีมากแล้ว เขายังจะต้องการอะไรอีก!

เมื่อถูกเสด็จอาเก้าขัดจังหวะ เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้คิดอะไรมาก นางพยักหน้ารับไปตามคำพูดของเขา “อืม แผลที่ขาเกิดจากการขี่ม้าหลายวันแล้วเกิดการเสียดสี บวกกับข้าเป็นห่วงความปลอดภัยของจิ่นหลิงจึงได้รีบเร่งเดินทางและไม่มีเวลาและแรงที่จะจัดการกับมัน ปรากฏว่ามันแย่ลงเรื่อยๆ และสุดท้ายก็เป็นเช่นนี้

โชคดีที่มันเป็นเพียงบาดแผลที่ผิวหนัง ไม่ได้ร้ายแรงลงไปถึงกระดูก พักเพียงสิบวันถึงครึ่งเดือนก็คงหาย แต่บาดแผลค่อนใหญ่ขนาดนี้คงจะกลายเป็นแผลเป็น”

เมื่อผู้คนผ่อนคลายก็จะลดเกราะป้องกันลง จากนั้นก็ทำไปตามความคิดของผู้ถาม ถ้าคนอื่นใช้วิธีนี้กับเฟิ่งชิงเฉินคงไร้ประโยชน์ แต่เสด็จอาเก้านั้นแตกต่างออกไป เป็นเรื่องง่ายมากที่นางจะรู้สึกผ่อนคลายยามอยู่ต่อหน้าเสด็จอาเก้า

บนร่างของเสด็จอาเก้ามีพลังที่สามารถสงบใจคนได้ มีเขาอยู่ข้างกาย แม้มีเรื่องใหญ่เพียงใด เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่กลัว

“นอกจากแผลที่ขาแล้ว ยังมีที่ไหนได้รับบาดเจ็บอีกหรือไม่?” เสด็จอาเก้ายังคงเอาใจนางอย่างนุ่มนวล มือของเขานุ่มนวลขึ้น แต่ดวงตาของเขากลับเข้มขึ้น

จิ่นหลิง? เรียกเสียสนิทเหลือเกิน

ดีมาก เพื่อหวังจิ่นหลิงแล้วสามารถทำให้ตนเองเป็นเช่นนี้ได้ เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ามีความสามารถยิ่งนัก

เสด็จอาเก้าโมโหจนแทบกระอักเลือด แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ บนใบหน้าของเขาก็ยิ่งไม่ปรากฏร่องรอยใด ไม่เพียงแต่ดูท่าทางโกรธของเขาไม่ออกเท่านั้น แต่รังสีความสงบที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างของเขายิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลาย

เฟิ่งชิงเฉินตึงเครียดและเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจมาหลายวัน นานๆ ทีจึงจะได้ผ่อนคลายอยู่ข้างกายเสด็จอาเก้าบวกกับการลูบไล้เบาๆ ของเขาทำให้นางสบายจนอยากนอน ไฉนเลยจะมีแก่ใจระวังตัวกับเสด็จอาเก้า

ยิ่งกว่านั้นบาดแผลบนร่างกายของนางไม่อาจเล็ดลอดสายตาของเสด็จอาเก้าไปได้ มิสู้นางพูดให้ยิ่งดูน่าสงสารเสียหน่อยให้เขาปวดใจ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะใจอ่อนลงก็เป็นได้ เขาจะได้ปล่อยนางไป

เฟิ่งชิงเฉินเชื่องเหมือนลูกแมว นางถูศีรษะเล็กๆ กับมือของเสด็จอาเก้าด้วยความออดอ้อน “พอออกจากเมืองอี้สุ่ยไปก็ไม่มีม้าแล้ว ได้แต่ต้องเดิน เดินอยู่หลายวันจนเท้าพอง

มันเจ็บมาก ทุกย่างก้าวที่เดินเหมือนเดินบนปลายมีด อีกทั้งคอของข้า ยามตามหาคนไม่มีใครช่วยข้า ต้องตะโกนหาในหุบเขาเองจนเกือบจะไม่มีเสียงแล้ว แต่ดีที่พักผ่อนในหุบเขาสี่ห้าวันก็ดีขึ้น”

นางสารภาพอย่างตรงไปตรงมา ขอรางวัลด้วย!

เฟิ่งชิงเฉินแอบมองเสด็จอาเก้าอย่างเงียบๆ และพบว่าดวงตาของเขานุ่มนวล นางจึงมั่นใจมากขึ้นว่าแม้ว่าเสด็จอาเก้าจะโกรธ แต่ก็ยังพอใจกับเรื่องเล่าที่ตรงไปตรงมาของนาง

ดีมาก เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าเก่งมาก เพื่อหวังจิ่นหลิงถึงขั้นทรมานตัวเองอย่างถึงที่สุด ช่างมีความสามารถจริงๆ

เสด็จอาเก้าพ่นลมหายใจออกมา หลังจากที่เขาแน่ใจว่าเขาสามารถซ่อนความโกรธของเขาได้ เขาก็ถามคำถามที่เขากังวลมากที่สุดนอกเหนือจากเรื่องบาดแผลของเฟิ่งชิงเฉิน

“เจ้าและหวังจิ่นหลิงอยู่ในหุบเขาด้วยกันเป็นเวลาห้าวัน มีเพียงพวกเจ้าแค่สองคนหรือ? พวกเจ้าอยู่ได้อย่างไร? อากาศในปลายฤดูใบไม้ร่วงเหน็บหนาวยิ่ง เจ้าเป็นหวัดหรือเปล่า?” เสด็จอาเก้าเชื่อเฟิ่งชิงเฉิน แต่… เขาไม่เชื่อใจหวังจิ่นหลิง แม้ว่าหวังจิ่นหลิงจะเป็นสุภาพบุรุษ แต่โอกาสอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เขาจะไม่คว้ามาได้อย่างไร

อย่าคิดว่าหวังจิ่นหลิงเสแสร้งเป็นอย่างดี ฝีมือแค่นั้นของเขามีเพียงเฟิ่งชิงเฉินเท่านั้นที่เชื่อว่าเขารับนางเป็นเพื่อนสนิทและยอมแพ้เรื่องนางแล้ว

เฮอะ อย่างหวังจิ่นหลิงน่ะหรือ ต่อหน้าเขาไม่พอหรอก ดีที่สุดหวังจิ่นหลิงควรจะระวังตัว ถ้าเขาทำให้เขาหงุดหงิด เขาจะห่อผ้าหวังจิ่นหลิงและส่งไปให้คุณหนูใหญ่ของเผ่าเสวียนเซียวกงแน่

คำพูดของเสด็จอาเก้าห่วงใยอย่างยิ่ง ไม่มีร่องรอยของความโกรธหรือการคาดเดาเลย อย่างน้อยเฟิ่งชิงเฉินก็ฟังไม่ออกถึงความผิดปกติใดๆ บอกกับนางรู้สึกว่าบางเรื่องสามารถปิดบังได้ แต่บางเรื่องก็ไม่สามารถปิดบังได้ อย่างเช่นเรื่องที่นางกับหวังจิ่นหลิงนอนกอดกันเพื่อคลายหนาวในหุบเขา เรื่องเช่นนี้ไม่ควรปิดบังเสด็จอาเก้า

เดิมเฟิ่งชิงเฉินวางแผนที่จะหาโอกาสบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ในยามที่เขาอารมณ์ดี นางบอกเขาด้วยปากของตัวเองย่อมดีกว่าให้เขารู้จากปากของผู้อื่น

ไม่ใช่ว่านางไม่เชื่อใจคุณธรรมของหวังจิ่นหลิง แต่นางจะรู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อพูดเรื่องนี้ออกมา หากเก็บไว้ในใจก็ดูเหมือนว่านางจะมีอะไรบางอย่างกับหวังจิ่นหลิง อย่างไรนางก็มีข้อกล่าวหามากพอแล้ว นางไม่สนใจหากจะมีเพิ่งอีกสักเรื่อง หากนางยอมรับผิดก่อน ความน่ารำคาญของเสด็จอาเก้าอาจจะลดลงบ้าง

นางพูดตรงๆ ออกไปดีกว่าเก็บเป็นความลับ ผู้อื่นอาจรับไม่ได้ แต่เสด็จอาเก้าไม่เหมือนกัน นางเชื่อในตัวเสด็จอาเก้า!

เฟิ่งชิงเฉินทุ่มเทจิตวิญญาณในการซุกตัวอีกครั้ง นางหลับตาลงและเล่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในหุบเขาโดยไม่มีปิดบัง เมื่อเห็นว่าเสด็จอาเก้าไม่ได้ขัดจังหวะนางอย่างโกรธเคือง เฟิ่งชิงเฉินก็เพิ่มประโยคสรุปและแก้ตัวอย่างระมัดระวัง

“รายงานเสด็จอาเก้า ถึงแม้ว่าข้าจะเคยดูแลชีวิตประจำวันของจิ่นหลิงมาก่อน แต่ข้าอยู่ในฐานะหมอและปฏิบัติต่อจิ่นหลิงในฐานะคนไข้โดยไม่มีความเสน่หาแต่อย่างใด อีกอย่าง ท่านก็รู้ว่าข้าเห็นเขาเป็นเพื่อนสนิทรู้ใจมาตลอด ไม่เคยคิดเรื่องชายหญิงกับเขาเลยแม้แต่น้อย

ในทำนองเดียวกัน ข้าและจิ่นหลิงกอดกันนอนก็มีเหตุผล ตอนนั้นมีผ้าห่มเพียงผืนเดียว ข้าไม่อยากหนาวจนป่วย นอกจากนี้แล้วไม่มีความคิดและแรงจูงใจอื่นใดทั้งสิ้น

อ้อ จริงสิ ตอนนั้นข้าแต่งตัวปกปิดมิดชิดแม้แต่เนื้อมือก็ไม่โผล่ออกมา ข้าขอรับรองกับท่านว่าข้าไม่ได้ทำเรื่องผิดต่อท่าน ร่างกายและใจของข้าเป็นของท่านคนเดียวเสมอ

ทั้งหมดที่กล่าวมาคือเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ขอให้เสด็จอาเก้าโปรดเข้าใจและให้อภัยข้าสักครั้ง ข้าขอรับรองกับท่านอีกครั้งว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายอย่างแน่นอน จะไม่มีครั้งหน้าอีก”

หลังจากพูดจบแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็ทำหน้าเหมือนคนร้าย นางเหยียดขาออก หลับตา แล้วเอามือปิดหน้าต่อไป

สิ่งที่นางต้องทำและทำได้ก็ทำไปแล้ว ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับเสด็จอาเก้าแล้ว นางรู้ว่าเสด็จอาเก้าจะโกรธ แต่ทุกอย่างก็ได้เกิดขึ้นไปแล้ว หากให้เลือกอีกครั้ง นางก็ยังจะตัดสินใจเหมือนเดิม

นางรอ รอให้พายุฝนฟ้าคะนองของเสด็จอาเก้าพัดผ่าน รอให้เขาระบายความโกรธในใจ ดุด่าและทุบตีนาง นางจะทนโดยไม่ปริปากบ่นเลย

“>แต่เมื่อรออยู่นานก็ไม่มีปฏิกิริยาใดจากเสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินเริ่มร้อนรน นางค่อยๆ ขยับมือออกเพื่อดูสีหน้าของเสด็จอาเก้า แต่กลับเห็นว่า…

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท