เสด็จอาเก้ามีสีหน้าไร้อารมณ์ ดวงตาดำขลับยังคงลึกล้ำเหมือนดังแต่ก่อน ดูไม่ออกว่าดีร้ายประการใด หรือแม้กระทั่งการเคลื่อนไหวของมือเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไป ยังคงลูบผมนางอย่างนุ่มนวล
ท่าทางเช่นนี้ของเสด็จอาเก้า…
ปกติ ปกติเกินไปแล้ว ปกติเสียจนผิดปกติ
เมื่อผู้ชายปกติได้ยินเรื่องเช่นนี้ หากไม่โวยวายดังสายฟ้าฟาดก็ต้องโมโหโกรธเกรี้ยว ท่าทางสงบนิ่งเช่นนี้ของเสด็จอาเก้าทำให้คนรู้สึกกลัว
เสด็จอาเก้าคงไม่ได้โกรธมาใช่หรือไม่?
เฟิ่งชิงเฉินเริ่มกระวนกระวายแล้ว นางร้อนรนเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่านางจะเชื่อว่าเสด็จอาเก้าไม่ธรรมดา แต่นางก็กลัวว่าเสด็จอาเก้าจะทำอะไรเป็นโทษต่อผู้คนภายใต้ความโกรธ
ฮือๆๆ … เสด็จอาเก้าไม่มีทางเป็นเพราะเหตุนี้หาว่านางไม่บริสุทธิ์ ไม่สะอาด จากนั้นจะทิ้งนางหรอกนะ หากนางถูกเขารังเกียจและทิ้งด้วยเหตุผลนี้ นางคงรับไม่ได้แน่
เฟิ่งชิงเฉินบังคับให้ตนเองแน่วแน่ นางลองถามหยั่งเชิงเขาทีเล่นทีจริง “เสด็จอาเก้า เมื่อสารภาพโทษหนักเป็นเบา ปฏิเสธจะโดนลงโทษสถานหนัก ข้าสารภาพแล้ว ข้าสารภาพหมดแล้วโดยไม่ได้ปิดบังเลยแม้แต่น้อย หากท่านสืบดูและเห็นว่าข้าพูดไม่ตรงกับความจริง ข้ายอมรับโทษทัณฑ์ทุกรูปแบบ เห็นแกที่ข้าเป็นเด็กดีขนาดนี้ ท่านอย่าได้โกรธข้าอีกเลย”
เสด็จอาเก้าไม่ได้ถูกทำให้หวั่นไหว เฟิ่งชิงเฉินยังคงพยายามต่อไป นางใช้ศีรษะถูมือของเขาต่อ…
“เสด็จอาเก้า คนโบราณมักพูดว่าวิถีแห่งอำนาจคือการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์! ตอนนั้นข้าก็แค่ปรับตัวไปตามสถานการณ์ ท่านจะโกรธข้าเพราะเรื่องนี้ไม่ได้และท่านจะทิ้งข้าไปเพราะเหตุนี้ไม่ได้ เห็นแกที่ข้าไม่ปิดบังอะไรกับท่านเลย ท่านจิตใจกว้างใหญ่ไพศาล อภัยให้ข้าสักครั้งได้หรือไม่ ได้โปรด ขอร้องล่ะ…”
เสด็จอาเก้าเปล่งรอยยิ้มเลือนราง ดวงตาลึกล้ำจ้องมองเฟิ่งชิงเฉิน เขาไม่พูดอะไรออกมาจึงไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่
ดูท่าทางแล้วคงจะทำให้เขาหวั่นไหวไม่ได้ เฟิ่งชิงเฉินจึงร้องไห้โฮออกมา
ฮือๆๆ … ตอนแรกที่นางตื่นขึ้นมาให้สภาพหลุดลุ่ยนอกกำแพงเมือง เสด็จอาเก้าก็ไม่ได้รังเกียจนาง ตอนนี้ก็คงไม่ได้รังเกียจนาง เสด็จอาเก้าคงจะกำลังโกรธ หากเพียงแค่โกรธก็แปลว่ายังสามารถคุยกันได้
ดวงตาคู่งามของเฟิ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยความกังวลและไม่สบายใจ สองมือของนางกำหมัดแน่นวางเท้าคางและกะพริบตาปริบๆ พยายามออดอ้อนให้และหวังว่าจะสามารถทำให้เขาใจอ่อนได้
“เสด็จอาเก้า ขอร้อง ขอร้องล่ะ ยกโทษให้ข้าสักครั้งดีหรือไม่ ครั้งนี้ได้หรือเปล่า เสด็จอาเก้า ขอร้องล่ะ ท่านอย่าโกรธข้าอีกเลย พอท่านโกรธข้า ในใจของข้าก็ถูกบีบจนเจ็บปวด พอท่านไม่สนใจข้า ในใจข้าก็ราวกับถูกก้อนหินทับจนหายใจไม่ออก
เสด็จอาเก้า หากท่านโกรธข้าจริงๆ ท่าจะด่าข้าหรือทุบตีข้าก็ได้ อย่าทำเป็นไม่สนใจข้าเช่นนี้ ท่านไม่สนใจข้า ข้าทรมานยิ่งนัก ไม่เช่นนั้นอย่างนี้ดีไหม หากท่านยกโทษให้ข้าก็ไม่ใช่ยกโทษให้ข้าเปล่าๆ ครั้งนี้ถือว่าข้าติดท่าน ต่อไปหากท่านทำให้ข้าโกรธ ข้าก็จะให้อภัยท่านครั้งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่เพียงใด ข้าก็จะให้อภัยท่านครั้งหนึ่ง”
เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกปวดหน้า เพื่อที่จะเอาใจเสด็จอาเก้าแล้ว นางไม่มีขีดจำกัดเอาเสียเลย ไม่รอให้เสด็จอาเก้าเอ่ยปาก นางก็ยอมถอยแล้วถอยอีกและให้ข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ต่อเสด็จอาเก้า
ในที่สุดหลังที่นางเอ่ยคำสัญญาออกมา เสด็จอาเก้าก็เก็บสายตากลับมาและพยักหน้า “ตกลง ข้าเชื่อเจ้า ครั้งนี้ข้ายกโทษให้เจ้า”
เสด็จอาเก้ามีน้ำเสียงจริงใจ ไม่มีน้ำเสียงทวงบุญคุณหรือน้ำเสียงของผู้ที่สูงกว่า เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าเสด็จอาเก้าไม่ใส่ใจแล้วและยกโทษให้นางแล้วจริงๆ
เฟิ่งชิงเฉินดีใจจนกระโดดขึ้นมา นางเอื้อมมือไปโอบรอบคอของเสด็จอาเก้าและจูบแก้มเขาอย่างแรง “เสด็จอาเก้า ท่านช่างดียิ่งนัก ข้าชอบท่านจังเลย”
ปุ้ง… เสด็จอาเก้าหูแดง เขาเม้มริมฝีปากโดยไม่พูดอะไร จากนั้นก็ชื่นชมที่ตนเองฉลาดเฉลียวมาก เป็นไปตามคาด เฟิ่งชิงเฉินที่เป็นเช่นนี้ค่อนข้างจะน่ารัก
“อ๊า…” นางดีใจเกินไปไม่ระวังไปโดนแผลเข้า นางเจ็บจนร้องออกมา เสด็จอาเก้าจึงรีบอุ้มนางให้อยู่นิ่งไม่ให้นางขยับไปมา “นั่งนิ่งๆ อย่าขยับ”
“เจ้าค่ะ เสด็จอาเก้าของข้า” เฟิ่งชิงเฉินอารมณ์ดีจึงไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดขนาดนั้น นางตะเบ๊ะแบบทหาร ทำให้เสด็จอาเก้าอดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะออกมา
เมื่อเห็นว่าเสด็จอาเก้ายิ้มออกมาแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็ยิ่งดีใจและยิ่งเชื่อฟัง นางนอนคว่ำ เสด็จอาเก้าบอกว่าเขาจะทายาให้นาง นางไม่พูดอะไรก็ผลักยาไปอยู่ด้านหน้าของเสด็จอาเก้าโดยไม่สนใจว่านางจะเป็นหนูทดลองยาของเสด็จอาเก้าเลย
เสด็จอาเก้าพยักหน้าอย่างพึงพอใจ มุมปากของเขายกขึ้นยิ้ม ดวงตาของเขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ น่าเสียดายที่เฟิ่งชิงเฉินหันหลังให้เขาจึงมองไม่เห็น อีกทั้งยังแอบดีใจที่เสด็จอาเก้าไม่เอาเรื่องนางเรื่องที่หุบเขา
หากเฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าเสด็จอาเก้าเชื่อใจนางตั้งแต่ต้นจนจบและไม่ได้โกรธนางเลยตั้งแต่แรก นางจะโมโหจนเอาหัวโขกกำแพงเลยหรือไม่
เขาไม่ได้เพิ่งรู้จักเฟิ่งชิงเฉินแล้วเขาจะไม่รู้นิสัยของนางได้อย่างไร ถึงแม้เขาจะไม่เชื่อเฟิ่งชิงเฉิน แต่เขาก็เชื่อสายตาในการเลือกผู้หญิงของเขา ผู้หญิงที่เขาชอบจะเหมือนผู้หญิงธรรมดาได้อย่างไร
เขาไม่ใช่บุรุษโง่เขลาเหล่านั้นที่ใช้คำสอนมาผูกมัดและควบคุมสตรี ยิ่งไม่ได้เห็นว่านางเป็นสิ่งของของเขาโดยไม่ให้ผู้อื่นได้ชมแม้แต่น้อย
อีกอย่างเขารู้ว่าตำแหน่งของหวังจิ่นหลิงในใจของเฟิ่งชิงเฉินดีและยิ่งเข้าใจเฟิ่งชิงเฉินที่อยู่ในฐานะหมอ ยามที่นางช่วยคน ในใจไม่เคยคิดอะไรอื่น ในสายตานอกจากคนไข้แล้วก็ไม่มีผู้ใดอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการรักษาระยะห่างระหว่างชายหญิง
แต่หากจะบอกว่าเขาไม่ใส่ใจเลยก็คงเป็นเรื่องโกหก ผู้หญิงของตนเองนอนกอดกับชายอื่น หากเขาไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงไม่ใช่ตงหลิงจิ่วแล้ว
เพียงแต่แทนที่จะไปโกรธเฟิ่งชิงเฉิน มิสู้โกรธที่ตนเองแข็งแกร่งไม่พอ ไม่สามารถปกป้องผู้หญิงของตนเองได้ ไม่อาจมอบสภาพแวดล้อมอันไร้กังวลแก่นางได้
เขารู้สึกแย่ที่เขาไม่เร็วพอ หากเขามาเร็วกว่านี้สักห้าวัน เฟิ่งชิงเฉินก็คงไม่ติดอยู่ในหุบเขาหลายวันเช่นนี้
แต่ว่าเรื่องนี้ก็มีส่วนทำให้เขาดีใจเช่นกัน เขาดีใจที่เฟิ่งชิงเฉินเล่าให้เขาฟังก่อน แม้จะรู้ว่าเขาจะไม่พอใจนางก็ไม่ได้ปิดบัง นี่เป็นการเชื่อใจเขาอย่างหนึ่งและหมายความว่าเฟิ่งชิงเฉินตรงไปตรงมาและไม่ได้ทำสิ่งใดลับหลัง
เรื่องนี้หากเฟิ่งชิงเฉินไม่บอกเขา ด้วยคุณธรรมของหวังจิ่นหลิงแล้ว เขาอาจไม่มีทางรู้เลย หากนางไม่บอกก็ไม่เป็นไร แต่นางเลือกที่จะบอกเขา นี่ก็แสดงว่านางเชื่อใจเขา เชื่อว่าเขาจะเข้าใจนาง
ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการเชื่อใจอีกฝ่าย!
เสด็จอาเก้าอารมณ์ดีมาก เมื่อเห็นบาดแผลของเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้โกรธจัด เขาตักยาออกมาทาให้เฟิ่งชิงเฉิน เพิ่งทำแผลที่เอวเสร็จก็ได้ยินเสียงล้อรถดังมาจากนอกกระโจม ดวงตาของเสด็จอาเก้าฉายแววคมปลาบเย็นเยือก
ในที่นี้ผู้ที่ขาบาดเจ็บมีเพียงหวังจิ่นหลิง เขามาในยามนี้ก็อย่าได้โทษที่เขาไม่เกรงใจก็แล้วกัน
เรื่องที่เกิดขึ้นในหุบเขา เขาไม่โกรธเฟิ่งชิงเฉินแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่โกรธหวังจิ่นหลิง อีกอย่างแผลทั้งร่างของนางล้วนเกิดขึ้นเพราะเขา บัญชีนี้หากเขาไม่คิดกับหวังจิ่นหลิงแล้วเขาจะไปคิดกับใคร
ขั้นแรกของการคิดบัญชี เขาจะต้องทำให้หวังจิ่นหลิงเข้าใจว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นผู้หญิงที่ชาตินี้เขาไม่มีวันอาจเอื้อม
เสด็จอาเก้าวางขวดยาลง นิ้วของเขากดลงที่บาดแผลของเฟิ่งชิงเฉิน
“อืม..” เฟิ่งชิงเฉินร้องออกมาอย่างเจ็บปวดพร้อมแฝงแววกล่าวโทษเล็กน้อย
เอี๊ยด… เสียงล้อรถนอกกระโจมหยุดลงอย่างกะทันหัน
ดียิ่ง!
เสด็จอาเก้าพอใจกับผลลัพธ์นี้มาก เขาก้มหน้าลงจูบปลอบเฟิ่งชิงเฉินและหยิบขวดยาขึ้นมาอีกครั้ง เขาช่วยนางทายาต่อแต่เพิ่มแรงขึ้นอีกสามส่วน
“โอ๊ย… เจ็บ เสด็จอาเก้า ท่านเบาหน่อย ข้าเจ็บ”
“…”