นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 616 รถชน เฟิ่งชิงเฉินแสดงออกว่าถูกปรักปรำ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

รถม้าหยุดลงอย่างกะทันหันและกระแทกอย่างรุนแรงอีกครั้งด้วยแรงเฉื่อย เฟิ่งชิงเฉินและเจิ้นกั๋วกงกระเด็นไปทางเดียวกัน เจิ้นกั๋วกงอายุมากแล้วทั้งยังมีเรื่องกังวลในใจ เสียงตึงดังขึ้น ศีรษะของเขากระแทกเพดาน ภาพตรงหน้าดับวูบลงและหมดสติไป

เฟิ่งชิงเฉินตาไวมือไว นางรีบจับที่จับด้านข้างอย่างรวดเร็ว “เกิดอะไรขึ้น? เซี่ยหว่าน เจ้าไปดูหน่อย”

ไม่ใช่ความซวยธรรมดาเสียแล้ว เฟิ่งชิงเฉินแอบขมวดคิ้ว นางเพียงแค่ร้อนใจอยากไปดูจวนเฟิ่งที่สร้างขึ้นใหม่เท่านั้นมิใช่หรือ ถึงขั้นต้องหาเรื่องนางเพียงแค่นางออกจากบ้านเชียวหรือ คิดว่าตอนนี้นางมีเรื่องยุ่งไม่พอหรืออย่างไร

“คุณหนู เป็นรถม้าของจวนเจิ้นกั๋วกงเจ้าค่ะ ดูเหมือนเจิ้นกั๋วกงจะอาการไม่ค่อยดีนัก” เซี่ยหว่านนึกถึงใบหน้าเทาขาวของเจิ้นกั๋วกงแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจนัก

หากการชนกันครั้งนี้ทำให้เจิ้นกั๋วกงเสียชีวิตเข้า คุณหนูของพวกนางต้องแย่แน่ๆ …

อะไรนะ?

เจิ้นกั๋วกงจะอาการไม่ค่อยดีงั้นหรือ?

เฟิ่งชิงเฉินรีบลงจากรถม้า “พาข้าไปดูเร็วเข้า” แม้ว่านางจะอยากให้เจิ้นกั๋วกงตาย แต่ก็ไม่ใช่ด้วยวิธีนี้ ชนกั๋วกงผู้หนึ่งจนตาย เช่นนั้นย่อมได้รับโทษประหารแน่

เรื่องกังวลใจของนางไม่ได้เยอะแบบธรรมดา เป็นถึงเจิ้นกั๋วกง เหตุใดจึงได้นั่งรถม้าธรรมดา แล้วยังขับเร็วเช่นนี้อีก ผู้คุ้มกันของเขาเล่า?

“ท่านกั๋วกง ท่านกั๋วกง…” คนขับรถม้าและข้ารับใช้ถลาเข้าไปหาเจิ้นกั๋วกงพร้อมทั้งน้ำตาและน้ำมูก ข้ารับใช้ผู้นั้นมีหน้าขาวราวกับหยกและมีท่าทางเย้ายวน เฟิ่งชิงเฉินใช้หัวเข่าคิดก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร เฟิ่งชิงเฉินถลึงตามองเป็นสัญญาณให้เซี่ยหว่านผลักคนของเจิ้นกั๋วกงออก

ส่วนผู้คนที่มามุงดู เฟิ่งชิงเฉินคร้านจะสนใจ ถนนใหญ่เช่นนี้มีผู้คนสัญจรไปมา นางไม่มีทางไล่ทุกให้ออกไปหมดได้

เฟิ่งชิงเฉินหงายมือขึ้นยื่นไปที่ด้านหน้าของเซี่ยหว่าน เซี่ยหว่านก็หยิบถุงมือของนางออกมา เมื่อใส่ถุงมือแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็ตรวจดูรูม่านตาและการเต้นของหัวใจของเจิ้นกั๋วกง

ดีมาก ยังไม่ตาย!

เฟิ่งชิงเฉินโล่งอก เพียงแค่คนยังไม่ตาย เช่นนั้นเรื่องอื่นๆ ก็คุยกันได้ “ไปที่ร้านยาตระกูลหยุนและเชิญหมอมาสองคน บอกว่าเฟิ่งชิงเฉินเชิญ”

นางไม่มีความสนใจจะเป็นแม่พระ เรื่องเช่นนี้มอบให้เป็นหน้าที่ของหมอจะดักว่า เจิ้นกั๋วกงเพียงแค่สลบไปเท่านั้น ส่วนแผลบนหัวของเขานั้นไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต

จะว่าไปแล้วอุบัติเหตุบนท้องถนนครั้งนี้เป็นเพราะคนขับรถของเจิ้นกั๋วกงขับเร็วเกินไป นางเป็นผู้เสียหาย แต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายคือเจิ้นกั๋วกง เกรงว่าคงจะไม่มีใครมอบความยุติธรรมให้แก่นางเป็นแน่

น่าจะเป็นอะไรไปไม่ได้ หากตอนนี้นางถูกขังขึ้นมา ทั้งนางและเสด็จอาเก้าจะกลายเป็นถูกขังทั้งคู่สมใจองค์จักรพรรดิ กระดานที่พลิกมาก็จะไร้ความหมาย ที่สำคัญที่สุดก็คือน้ำยาระเบิดของนางยังทำออกมาไม่สำเร็จ นางจะเป็นอะไรไปไม่ได้

นางแอบกำหมัด เฟิ่งชิงเฉินหวังว่าหยุนเซียวจะฉลาดพอ เมื่อได้ยินข่าวแล้วก็จะมาทันที เพราะหากเฟิ่งชิงเฉินเชิญหมอ นั่นย่อมหมายความว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่

ปรากฏว่าเฟิ่งชิงเฉินยังไม่ทันรอให้หยุนเซียวและคนจากร้านยาตระกูลหยุนมาถึง ผู้ตรวจการแห่งซุ่นเทียนฝู่กลับมาถึงก่อนแล้ว

ในตายเถอะ พวกขุนนางไม่ใช่ว่าต้องรอให้เรื่องจบแล้วจึงจะมาหรอกหรือ ครั้งที่แล้วที่นางถูกขอทานล้อมก็ไม่เห็นจะมีเจ้าหน้าที่ทางการมา แต่คราวนี้กลับมาเสียเร็วจริง

“แม่นางเฟิ่ง เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?” เจ้าหน้าที่ผู้นำคนมานับว่าเป็นคนคุ้นเคยกับเฟิ่งชิงเฉิน ตอนแรกก็เป็นเขาที่ไปเคาะประตูจวนเฟิ่งให้นางไปยืนยันศพที่ห้องเก็บศพและเพราะเหตุนี้เขาจึงได้เหยียบเมฆเลื่อนตำแหน่งเป็นนายกอง

“รถม้าของข้ากับรถม้าของจวนเจิ้นกั๋วกงชนกัน เจิ้นกั๋วกงบาดเจ็บที่ศีรษะ” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้แก้ตัวและพูดอย่างตรงไปตรงมา

“เจิ้นกั๋วกง?” เจ้าหน้าที่ตกใจจนอ้าปากกว้าง มองเฟิ่งชิงเฉินด้วยใบหน้าสุดแสนจะลำบากใจ “แม่นางเฟิ่ง เรื่องเกรงว่าผู้น้อยจะช่วยไม่ได้เสียแล้ว”

หากเป็นคนธรรมดา เขาตัดสินให้เฟิ่งชิงเฉินชดใช้เงินเล็กน้อยก็พอแล้ว แต่เมื่อมีเอี่ยวกับจวนเจิ้นกั๋วกง เขาไม่มีความกล้าช่วยเฟิ่งชิงเฉิน

“ไม่เป็นไร ข้าจัดการเองได้” ตอนนี้นางไม่มีแรงสนับสนุนในการยกตนข่มท่าน รถชนเข้ากับเจิ้นกั๋วกงก็ได้แต่เพียงบอกว่าเป็นคราวเคราะห์ ในขณะเดียวกันก็สามารถอธิบายได้ว่านางและเจิ้นกั๋วกงเป็นศัตรูคู่แค้น

“อืม แม่นางเฟิ่ง ในเมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ต้องเชิญแม่นางตามเรามาสักหน่อย” เจ้าหน้าที่พูดอย่างลำบากใจ

เฟิ่งชิงเฉินตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวเรียบๆ “ไม่ต้องรบกวนท่านหรอก เรื่องนี้ข้าเจรจากับท่านกั๋วกงก็พอแล้ว เพียงแต่ชนจนรถม้าพัง ท่านกั๋วกงก็ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ข้าคิดว่าบาดเจ็บเล็กน้อยแค่นี้ท่านกั๋วกงคงไม่เห็นอยู่ในสายตา อย่างไรตระกูลของท่านก็เป็นนักรบ”

เมื่อเข้าไปในซุ่นเทียนฝู่แล้วนางยังจะพูดอะไรได้อีกหรือ ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะไม่ยอมไปเด็ดขาด เฟิ่งชิงเฉินสั่งคนขับรถโดยไม่รอให้เจ้าหน้าที่เอ่ยปาก “พวกเจ้าลงมือเร็วเข้า เก็บซากรถไปไว้ข้างๆ อย่าให้เกะกะทาง ท่านขุนนางก็โปรดช่วยด้วย เอารถม้าแยกออกมาจากกันก่อน จะได้ไม่ขวางทางผู้อื่น เดี๋ยวข้าจะเลี้ยงเหล้าพวกท่าน”

เฟิ่งชิงเฉินน้ำใจกว้างขวาง พูดจาประนีประนอมทำให้ผู้คนไม่อาจโกรธลง รถม้าของนางและเจิ้นกั๋วกงชนกันที่หัวมุม มันขวางทางผู้อื่นอยู่จริงๆ เพียงแต่คนธรรมดาไม่กล้าหืออือกับผู้มีอำนาจจึงได้แต่อดทน

เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ยินดังนั้นก็เห็นว่าเห็นเช่นนั้นจริง อย่างไรก็ควรจัดการถนนให้โล่งก่อน เขาจึงเรียกลูกน้องมาช่วยกัน ไฉนเลยจะรู้ว่ายังไม่ทันได้แตะต้องรถม้าของเจิ้นกั๋วกง เจิ้นกั๋วกงก็ตื่นขึ้น “หยุด!”

“ท่านกั๋วกง ท่านฟื้นแล้วหรือ” เฟิ่งชิงเฉินไม่ตกใจเลยแม้แต่น้อยและหันพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง

“อ่ะแฮ่ม…” เจิ้นกั๋วกงลูบหน้าผากด้วยท่าทางเจ็บปวด “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าบังอาจนัก กล้าชนรถของข้าเชียวหรือ เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรืออย่างไร”

ทหารองครักษ์จะเข้ามาจับตัวเฟิ่งชิงเฉินแต่กลับถูกนางไล่ตะเพิดไปนั้นได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวง เจิ้นกั๋วกงก็ย่อมรู้ไปด้วย ยามที่รถชนนั้น เขาสลบไปจริงๆ แต่ไม่นานก็ฟื้นขึ้นมา แต่เมื่อรู้ว่าคนที่ชนเขาคือเฟิ่งชิงเฉิน เขาก็เกิดอยากเล่นตุกติก ดูว่าจะใช้โอกาสนี้ทำให้นางเข้าคุกได้หรือไม่ เช่นนี้… ฝ่าบาทคงจะดีใจมาก!

เมื่อคนฟื้นแล้วก็แปลว่าไม่เป็นอะไรแล้ว เรื่องยุ่งยากก็น้อยลงมาก เฟิ่งชิงเฉินโล่งอกและโบกมือให้สาวใช้ที่ยืนปกป้องนางอยู่ด้านหน้าถอยออกไป “ท่านกั๋วกงฟื้นแล้วก็ดี เห็นว่าใบหน้าของท่านกั๋วกงแดงระเรื่ออิ่มเอิบคิดว่าคงไม่เป็นไร หากไม่มีอะไรแล้ว ชิงเฉินขอตัวก่อน”

นางสะกดความเกลียดชังในใจย่อกายคำนับและจากไปโดยไม่รอให้เจิ้นกั๋วกงบอกให้นางลุกขึ้น

นางดูแคลนตาแก่กั๋วกงที่เล่นกับนายบำเรอ หากเขาเพียงเล่นกับนายบำเรอตามท้องถนนก็ว่าไปอย่าง แต่นี่แม้แต่เด็กบริสุทธิ์ของผู้อื่นก็ไม่ละเว้น ไร้คุณธรรมอย่างที่สุด นางยังลืมเด็กชายที่ตายในคุกของหน่วยองครักษ์เสื้อโลหิตไม่ลง

“เฟิ่งชิงเฉิน หยุดเดี๋ยวนี้” เจิ้นกั๋วกงโมโหจนตัวสั่นเทิ้ม โลกนี้มันอะไรกัน เด็กกำพร้าตัวเล็กๆ ผู้หนึ่งกล้าทำตัวเหิมเกริมกับผู้ที่เป็นถึงกั๋วกงเช่นเขา มิน่าเล่าองค์จักรพรรดิจึงอยากลงโทษนาง เฟิ่งชิงเฉินผู้นี้เหิมเกริมเกินไปแล้วจริงๆ

“ท่านกั๋วกงยังมีอะไรให้ข้ารับใช้อีกหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินชะงักฝีเท้าลงและหันกลับไปอย่างสง่างาม สายตาของนางจับจ้องไปที่ก้อนปูดบนศีรษะเขาและหัวเราะออกมา “อ้อ ข้ารู้แล้ว ต้องการหมอใช่หรือไม่? เซี่ยหว่าน หยิบตั๋วเงินมา”

ใต้เท้าผู้บัญชาการไม่ได้ใช้เงินฟาดหัวนางหรอกหรือ นางก็ทำเป็นเช่นกัน

“ใครต้องการเงินกัน” เจิ้นกั๋วกงโกรธจัด แต่น่าเสียดายที่เฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจเขาและส่งสัญญาณให้เซี่ยหว่านเร็วๆ หน่อย

“คุณหนู” เซี่ยหว่านรีบหยิบตั๋วเงินใบหนึ่งออกมาจากถุงเงิน ในขณะที่เจิ้นกั๋วกงกำลังตกตะลึงตาค้าง เฟิ่งชิงเฉินก็คลี่ตั๋วเงินออกดู “ท่านกั๋วกง ร้อยตำลึง พอหรือไม่?”

เฟิ่งชิงเฉินก้าวไปข้างหน้าและเมินเฉยต่อสายตาโกรธเคืองของเจิ้นกั๋วกงและยัดมันเข้าไปในรถม้าของเจิ้นกั๋วกง…

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท