ข้าต้องการราคาที่สูงเสียดฟ้าแล้วจะทำไม!
คำพูดที่โอหังเช่นนี้ยังสามารถพูดออกมาได้อย่างมั่นอกมั่นใจ ทำให้ผู้คนอับจนคำพูด
ใช่แล้ว เฟิ่งชิงเฉินต้องการราคาสูงเสียดฟ้าแล้วเขาจะทำอย่างไรได้ ข้อเสนอที่นางเสนอมา เขาเพียงแค่ไม่ยอมรับเสียก็สิ้นเรื่อง แต่ตอนนี้เขากลับไม่อาจปฏิเสธได้
ชุยห้าวถิงถอนหายใจยาว เขานั่งอยู่ตรงหน้าเฟิ่งชิงเฉิน เงยหน้าขึ้นมองเฟิ่งชิงเฉินอย่างประเมินและไม่เอ่ยอะไร
เขานึกว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเป็นหญิงที่ตรงไปตรงมา มีจรรยาบรรณ์แพทย์และมีความแข็งแกร่งที่หญิงสาวน้อยคนนักจะมี แต่ตอนนี้เขาจึงจะเพิ่งเข้าใจว่านางไม่มีอะไรเลย นางมีเพียงความสามารถและความมั่นใจอันบ้าคลั่งที่มาพร้อมกับควาวมสามารถนั้น
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ามีสิทธิ์อะไรคิดราคาเช่นนี้” ผ่านไปอยู่นาน ชุยห้าวถิงก็เปิดปากขึ้นในที่สุด
มีสิทธิ์อะไรงั้นหรือ?
แน่นอนว่าเป็นเพราะนางมีความสามารถอย่างไรเล่า
เฟิ่งชิงเฉินยังคงมีรอยยิ้มประดับใบหน้าและเอ่ยอย่างมั่นใจ “เป็นเพราะข้าก็คือเฟิ่งชิงเฉิน เป็นผู้เดียวในใต้หล้านี้ที่สามารถช่วยท่านได้ มีเพียงข้าที่มีความรู้ความสามารถ อาศัยความกล้าของขาต่อรองกับคุณชายชุย”
ในจิ่วโจวนั้น ผู้ที่สามารถข่มขู่คุณชายตระกูลชุยได้นั้นน้อยมาก เฟิ่งชิงเฉินนับเป็นหนึ่งในนั้น
“เจ้ามีอะไรที่ทำให้มั่นใจถึงเพียงนี้ เจ้ามีความมั่นใจว่าจะทำสำเร็จเพียงเจ็ดส่วนเท่านั้น” หากนางมั่นใจทั้งสิบส่วนก็คงดีหน่อย แต่นางไม่อาจรับรองได้กลับเสนอราคาสูงเสียดฟ้า ช่างกล้าหาญยิ่งนัก
“เจ็ดส่วนก็ยังดีกว่าท่านที่กำลังรอความตายอยู่เช่นนี้” เฟิ่งชิงเฉินถลึงตามองชุยห้าวถิงอย่างไม่สบอารมณ์ ที่นางบอกว่าเจ็ดส่วนเพราะนางยืนอยู่ในจุดของผู้เป็นหมอจึงได้ว่ากันตามความเป็นจริง หากนางอยากให้ชุยห้าวถิงออกแรง นางบอกว่ามั่นใจสิบส่วนเสียเลยก็ได้
“ถูกต้อง มีเพียงความมั่นใจเจ็ดส่วนเท่านั้นก็ยังดีกว่าข้าที่กำลังรอความตายอยู่เช่นนี้” ชุยห้าวถิงยิ้มข่น คนทั่วหล้าล้วนรู้ว่าเขากำลังรอความตาย แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ตระกูลชุยก็จะให้ใครมาข่มขู่ง่ายๆ ไม่ได้ “เฟิ่งชิงเฉินเจ้ารู้ถึงการข่มขู่ตระกูลชุยหรือไม่”
“ข้าไม่ได้ข่มขู่เจ้า ข้าเพียงแต่เจรจากับเจ้าเท่านั้น” เฟิ่งชิงเฉินไม่มีทางยอมรับว่านางพูดจาข่มขูเขา
ล้อเล่นหรือเปล่า มีคุณชายตระกูลดังผู้ใดบ้างที่จะไม่รักศักดิ์ศรี แม้ภายนอกจะดูอ่อนน้อมมีมารยาท แต่ในกระดูกนั้นล้วนเต็มไปด้วยความภาคภูมิในศักดิ์ศรี ข่มขู่กับเจรจานั้นเป็นสองเรื่องที่แตกต่างกัน
“เจรจา? เจ้าทำเช่นนี้นับเป็นการเจรจาที่ไหน เจ้าเอาชีวิตของข้ามาข่มขู่ข้า เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าอย่าได้ลืมไปว่าตอนแรกเจ้าบอกว่าสามารถรักษาข้าได้ ตอนนี้เมื่อจะรักษาข้าสกลับยังต้องให้ข้าจ่ายเงิน เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ามันเชื่อไม่ได้ เป็นหมอไร้คุณธรรม” น้ำเสียงคาดคั้น ความน่าเกรงขามของผู้ที่อยู่สูงกว่า ท่วงท่าของผู้สูงศักดิ์ทำให้คนรู้สึกหวิวๆ โดยไม่อาจควบคุม
นี่จึงจะเป็นบุตรภรรยาเอกแห่งตระกูลชุย
ไม่มีความน่าเชื่อถือเป็นข้ากล่าวหาที่ร้ายแรง เมื่ออกกมาจากปากของคุณชายตระกูลชุยก็เท่ากับเป็นการปฏิเสธเฟิ่งชิงเฉิน หากคำนี้ถูกลือออกไป เฟิ่งชิงเฉินก็คงไม่มีที่ยืนในบรรดาตระกูลสูงศักดิ์เหล่านี้อีก
ผู้ที่ไร้ความน่าเชื่อถือจะไม่มีผู้เต็มใจจะผูกมิตรด้วย
เฟิ่งชิงเฉินรู้ถึงความร้ายแรงของคำพูดนี้ดี นางจึงผ่อนลมหายใจและตอบกลับอย่างสงบ “คุณชายชุย ตอนที่ข้าบอกว่าจะช่วยท่าน กระบานการการรักษาก็ได้เคยคุยกับท่านแล้ว ท่านก็ตกลง แต่ยามที่ข้ากำลังจะลงมือรักษา ท่านกลับปฏิเสธไม่ยอมรับ ท่านบอกว่าข้ากลับกลอกปลิ้นปล้อน แล้วตัวคุณชยาเองเล่า?” ทุกคนต่างก็พอฟัดพอเหวี่ยง ไม่มีใครได้หัวเราะใคร… คุณชายชุยท่านอย่าได้คิดจะเอาไปพูดข้างนอกว่าข้าเฟิ่งชิงเฉินเชื่อถือไม่ได้
เอ่อ… ชุยห้าวถิงหน้าบึ้งลง
วิญญูชนยึดถือคำมั่นเป็นสำคัญ การพูดแล้วคืนคำไม่ใช่การกระทำของวิญญูชน เรื่องนี้เขาทำไม่ถูกจริงๆ “แม่นางเฟิ่ง พวกเราสัญญากันสามวัน ห้าวถิงไม่ถือว่าผิดคำพูด”
“คุณชายชุยบอกว่าอีกสามวัน แต่ตอนนี้เป็นวันที่สิบสามแล้ว” เฟิ่งชิงเฉินเน้นคำว่าสิบเป็นพิเศษเตือนเขาว่าเวลาที่นัดแนะกันไว้ได้ผ่านไปนานแล้ว
หูของชุยห้าวถิงเป็นสีแดงเล็กน้อย เขามีท่าทางอึดอัดใจ “แม่นางเฟิ่ง สิบวันมานี้ เจ้าล้วนไม่อยู่ ข้าอยากจะบอกแต่ข้าก็หาเจ้าไม่พบ แบบนี้ไม่ถือว่าข้าผิดคำพูด”
“งั้นหรือ? หากคุณชายชุยอยากจะบอกชิงเฉิน มีหรือที่จะหาคนไม่พบ?” เฟิ่งชิงเฉินกึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง
เรื่องบางเรื่องทุกคนล้วนเข้าใจดี พูดออกมามีแต่จะต้องอับอาย ชุยห้าวถิงไม่เต็มใจยอมรับตัวเลือก เขาต้องการที่จะหลบเลี่ยง แต่ตอนนี้หลบไปก็ไม่พ้นจึงต้องออกหน้า หากจะพูดถึงเรื่องความน่าเชื่อถือเห็นว่าจะเกินไปหน่อย
นางสามารถเข้าใจจิตใจของผู้ป่วยได้ หากไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องขึ้นกับเสด็จอาเก้า นางก็ไม่อยากจะข่มขู่ชุยห้าวถิงเช่นนี้ อย่างไรชุยห้าวถิงก็เป็นคนไข้ของนาง ในเมื่อนางรับคนไข้แล้วก็ต้องรับผิดชอบให้ถึงที่สุด
แค่กๆ… ชุยห้าวถิงกระแอมเบาๆ เพื่อกลบเกลื่อนความอึดอัดใจของตนและเปลี่ยนเรื่องไปเป็นเรื่องของตระกูลหวัง “เฟิ่งชิงเฉิน แม้ข้าจะตกลงรับข้อเสนอของเจ้า แต่เจ้าจะอาศัยอะไรทำให้ตระกูลหวังยินยอม ตระกูลหวังและตระกูลชุยไม่เคยร่วมมือกันมาก่อน”
ตระกูลหวังและตระกูลชุยเห็นว่าตนเป็นตระกูลดังอันดับต้นๆ ไม่มีใครยอมใครแล้วจะร่วมมือกันอย่างไร ชุยห้าวถิงคิดจะใช้เรื่องนี้มาบีบบังคับให้เฟิ่งชิงเฉินยอมถอย
“เรื่องนี้คุณชายชุยไม่ต้องกังวล ข้าสามารถรับรองได้ว่าตระกูลจะยอมร่วมมือกับตระกูลชุยอย่างแน่นอน”
หัวหน้าตระกูลหวังคือหวังจิ่นหลิง ที่หุบเขาไท่ลู่เก๋อ หวังจิ่นหลิงเป็นหนี้บุญคุณเสด็จอาเก้าอยู่หนึ่งครั้ง หวังจิ่นหลิงเป็นผู้สุภาพอ่อนน้อมและสงบนิ่ง แต่แท้จริงแล้วเขารักในศักดิ์ศรียิ่ง เขาจะยอมเป็นหนี้บุญคุณของเสด็จอาเก้าโดยไม่ตอบแทนได้อย่างไร
ตอนนี้มีโอกาสได้ช่วยชีวิตของเสด็จอาเก้า หวังจิ่นหลิงไม่มีทางปฏิเสธแน่ อีกอย่างร่วมมือกับตระกูลชุยแล้วอย่างไร ตามการถอนตัวของตระกูลชุยแล้ว พวกเขายิ่งใหญ่ไม่เท่าแต่ก่อน ผู้คนต่างรู้จักแต่บ้วนของหวังเซี่ยและไม่รู้จักตระกูลชุยไปนานแล้ว
“รับรอง? แม่นางเฟิ่งจะใช้อะไรมารับรองว่าตระกูลหวังจะยอมรับปาก คำพูดปากเปล่าใครก็พูดได้ทั้งนั้น” ชุยห้าวถิงเป็นวิญญูชน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะคาดคั้นผู้อื่นไม่เป็น ในฐานะคุณชายแห่งตระกูลชุยผู้ทำอะไรสง่าผ่าเผย ใครบ้างที่พบเขาแล้วจะไม่ไว้หน้าสักสามส่วน มีเพียงเฟิ่งชิงเฉินที่กล้ามาข่มขู่เขา
นี่ทำให้เขาไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก ทำให้นางลำบากใจเสียบ้างก็สมควรแล้ว
“คุณชายชุย ในเมื่อข้าเฟิ่งชิงเฉินสามารถพูดออกมาได้ก็ย่อมมั่นใจว่าสามารถทำได้ หากตระกูลหวังไม่ยอมร่วมมือกับตระกูลชุย ท่านก็ถือเสียว่าเงื่อนไขที่ข้าเสนอไปนั้นไม่มีอยู่ ส่วนเรื่องที่ข้าต้องทำก็ยังคงต้องทำ ไม่มีทางจะเป็นเพราะเรื่องนี้ไม่สำเร็จจึงทำให้ทำเรื่องขัดต่อจรรยาบรรณแพทย์” ชุยห้าวถิงต้องการให้นางรับรอง นางก็ทำให้ หากชุยห้าวถิงต้องการให้นางบอกว่าจะหยุดมือ นางก็จะพูด…
“ตกลง สุภาพชนพูดแล้วไม่คืนคำ เฟิ่งชิงเฉิน ข้าจะเชื่อเจ้าอีกสักครั้ง” ถึงแม้จะไม่พอใจ ชุยห้าวถิงก็ไม่ได้แสดงออกมาแต่รับปากอย่างรวดเร็ว
เมื่อเทียบกับชีวิตของเขาแล้ว เรื่องอื่นล้วนไม่สำคัญ
เฟิ่งชิงเฉินจะโน้วน้าวตระกูลหวังได้หรือไม่ก็ยังไม่แน่
“คุณชายชุยเด็ดขาดยิ่งนัก เฟิ่งชิงเฉินจะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง คุณชายชุย พวกเรามาตบมือสาบานกันเถอะ” เฟิ่งชิงเฉินลุกขึ้นพร้อมยกมือขวาขึ้น
คนโบราณให้ความสำคัญกับคำสาบาน โดยเฉพาะคุณชายตระกูลดังอย่างเช่นชุยห้าวถิงนั้น จะไม่มีทางทำสิ่งที่ขัดต่อคำสาบานของตนเองได้โดยง่าย คำสาบานนั้นมีผลเสียยิ่งกว่าหนังสือสัญญาหรืออะไรเทือกนั้นเสียอีก
“ตกลง”
“แปะๆๆ” ทั้งสองตบมือกันสามครั้งเป็นการสาบาน
“แม่นางเฟิ่ง ในเมื่อสาบานแล้วข้าก็จะทำไปตามนั้น เจ้าจะลงมือรักษาข้าเมื่อไหร่” ชุยห้าวถิงไม่หวังว่าในเมื่อเขายอมลงแรงมากขนาดนี้แล้ว สุดท้ายกลับจะต้องยังดูสีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินอีก รักษาโรคของเขาก่อนเขาจึงจะมั่นใจได้
อย่างไรจิตใจของผู้หญิงก็ยากจะคาดเดา วันนี้เฟิ่งชิงเฉินสามารถทำให้เขาลำบากเพื่อเสด็จอาเก้า วันหน้าก็อาจจะมีสิ่งอื่นที่ทำให้การรักษาต้องล่าช้าออกไปอีก ตอนแรกหากเขารับปากนางไปเสียตั้งแต่เนิ่นๆ ก็คงไม่ถึงขั้นถูกกระทำเช่นนี้…