นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – บทที่ 631 มีสิทธิ์อะไร ก็อาศัยที่ข้าคือเฟิ่งชิงเฉิน

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ข้าต้องการราคาที่สูงเสียดฟ้าแล้วจะทำไม!

คำพูดที่โอหังเช่นนี้ยังสามารถพูดออกมาได้อย่างมั่นอกมั่นใจ ทำให้ผู้คนอับจนคำพูด

ใช่แล้ว เฟิ่งชิงเฉินต้องการราคาสูงเสียดฟ้าแล้วเขาจะทำอย่างไรได้ ข้อเสนอที่นางเสนอมา เขาเพียงแค่ไม่ยอมรับเสียก็สิ้นเรื่อง แต่ตอนนี้เขากลับไม่อาจปฏิเสธได้

ชุยห้าวถิงถอนหายใจยาว เขานั่งอยู่ตรงหน้าเฟิ่งชิงเฉิน เงยหน้าขึ้นมองเฟิ่งชิงเฉินอย่างประเมินและไม่เอ่ยอะไร

เขานึกว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเป็นหญิงที่ตรงไปตรงมา มีจรรยาบรรณ์แพทย์และมีความแข็งแกร่งที่หญิงสาวน้อยคนนักจะมี แต่ตอนนี้เขาจึงจะเพิ่งเข้าใจว่านางไม่มีอะไรเลย นางมีเพียงความสามารถและความมั่นใจอันบ้าคลั่งที่มาพร้อมกับควาวมสามารถนั้น

“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ามีสิทธิ์อะไรคิดราคาเช่นนี้” ผ่านไปอยู่นาน ชุยห้าวถิงก็เปิดปากขึ้นในที่สุด

มีสิทธิ์อะไรงั้นหรือ?

แน่นอนว่าเป็นเพราะนางมีความสามารถอย่างไรเล่า

เฟิ่งชิงเฉินยังคงมีรอยยิ้มประดับใบหน้าและเอ่ยอย่างมั่นใจ “เป็นเพราะข้าก็คือเฟิ่งชิงเฉิน เป็นผู้เดียวในใต้หล้านี้ที่สามารถช่วยท่านได้ มีเพียงข้าที่มีความรู้ความสามารถ อาศัยความกล้าของขาต่อรองกับคุณชายชุย”

ในจิ่วโจวนั้น ผู้ที่สามารถข่มขู่คุณชายตระกูลชุยได้นั้นน้อยมาก เฟิ่งชิงเฉินนับเป็นหนึ่งในนั้น

“เจ้ามีอะไรที่ทำให้มั่นใจถึงเพียงนี้ เจ้ามีความมั่นใจว่าจะทำสำเร็จเพียงเจ็ดส่วนเท่านั้น” หากนางมั่นใจทั้งสิบส่วนก็คงดีหน่อย แต่นางไม่อาจรับรองได้กลับเสนอราคาสูงเสียดฟ้า ช่างกล้าหาญยิ่งนัก

“เจ็ดส่วนก็ยังดีกว่าท่านที่กำลังรอความตายอยู่เช่นนี้” เฟิ่งชิงเฉินถลึงตามองชุยห้าวถิงอย่างไม่สบอารมณ์ ที่นางบอกว่าเจ็ดส่วนเพราะนางยืนอยู่ในจุดของผู้เป็นหมอจึงได้ว่ากันตามความเป็นจริง หากนางอยากให้ชุยห้าวถิงออกแรง นางบอกว่ามั่นใจสิบส่วนเสียเลยก็ได้

“ถูกต้อง มีเพียงความมั่นใจเจ็ดส่วนเท่านั้นก็ยังดีกว่าข้าที่กำลังรอความตายอยู่เช่นนี้” ชุยห้าวถิงยิ้มข่น คนทั่วหล้าล้วนรู้ว่าเขากำลังรอความตาย แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ตระกูลชุยก็จะให้ใครมาข่มขู่ง่ายๆ ไม่ได้ “เฟิ่งชิงเฉินเจ้ารู้ถึงการข่มขู่ตระกูลชุยหรือไม่”

“ข้าไม่ได้ข่มขู่เจ้า ข้าเพียงแต่เจรจากับเจ้าเท่านั้น” เฟิ่งชิงเฉินไม่มีทางยอมรับว่านางพูดจาข่มขูเขา

ล้อเล่นหรือเปล่า มีคุณชายตระกูลดังผู้ใดบ้างที่จะไม่รักศักดิ์ศรี แม้ภายนอกจะดูอ่อนน้อมมีมารยาท แต่ในกระดูกนั้นล้วนเต็มไปด้วยความภาคภูมิในศักดิ์ศรี ข่มขู่กับเจรจานั้นเป็นสองเรื่องที่แตกต่างกัน

“เจรจา? เจ้าทำเช่นนี้นับเป็นการเจรจาที่ไหน เจ้าเอาชีวิตของข้ามาข่มขู่ข้า เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าอย่าได้ลืมไปว่าตอนแรกเจ้าบอกว่าสามารถรักษาข้าได้ ตอนนี้เมื่อจะรักษาข้าสกลับยังต้องให้ข้าจ่ายเงิน เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ามันเชื่อไม่ได้ เป็นหมอไร้คุณธรรม” น้ำเสียงคาดคั้น ความน่าเกรงขามของผู้ที่อยู่สูงกว่า ท่วงท่าของผู้สูงศักดิ์ทำให้คนรู้สึกหวิวๆ โดยไม่อาจควบคุม

นี่จึงจะเป็นบุตรภรรยาเอกแห่งตระกูลชุย

ไม่มีความน่าเชื่อถือเป็นข้ากล่าวหาที่ร้ายแรง เมื่ออกกมาจากปากของคุณชายตระกูลชุยก็เท่ากับเป็นการปฏิเสธเฟิ่งชิงเฉิน หากคำนี้ถูกลือออกไป เฟิ่งชิงเฉินก็คงไม่มีที่ยืนในบรรดาตระกูลสูงศักดิ์เหล่านี้อีก

ผู้ที่ไร้ความน่าเชื่อถือจะไม่มีผู้เต็มใจจะผูกมิตรด้วย

เฟิ่งชิงเฉินรู้ถึงความร้ายแรงของคำพูดนี้ดี นางจึงผ่อนลมหายใจและตอบกลับอย่างสงบ “คุณชายชุย ตอนที่ข้าบอกว่าจะช่วยท่าน กระบานการการรักษาก็ได้เคยคุยกับท่านแล้ว ท่านก็ตกลง แต่ยามที่ข้ากำลังจะลงมือรักษา ท่านกลับปฏิเสธไม่ยอมรับ ท่านบอกว่าข้ากลับกลอกปลิ้นปล้อน แล้วตัวคุณชยาเองเล่า?” ทุกคนต่างก็พอฟัดพอเหวี่ยง ไม่มีใครได้หัวเราะใคร… คุณชายชุยท่านอย่าได้คิดจะเอาไปพูดข้างนอกว่าข้าเฟิ่งชิงเฉินเชื่อถือไม่ได้

เอ่อ… ชุยห้าวถิงหน้าบึ้งลง

วิญญูชนยึดถือคำมั่นเป็นสำคัญ การพูดแล้วคืนคำไม่ใช่การกระทำของวิญญูชน เรื่องนี้เขาทำไม่ถูกจริงๆ “แม่นางเฟิ่ง พวกเราสัญญากันสามวัน ห้าวถิงไม่ถือว่าผิดคำพูด”

“คุณชายชุยบอกว่าอีกสามวัน แต่ตอนนี้เป็นวันที่สิบสามแล้ว” เฟิ่งชิงเฉินเน้นคำว่าสิบเป็นพิเศษเตือนเขาว่าเวลาที่นัดแนะกันไว้ได้ผ่านไปนานแล้ว

หูของชุยห้าวถิงเป็นสีแดงเล็กน้อย เขามีท่าทางอึดอัดใจ “แม่นางเฟิ่ง สิบวันมานี้ เจ้าล้วนไม่อยู่ ข้าอยากจะบอกแต่ข้าก็หาเจ้าไม่พบ แบบนี้ไม่ถือว่าข้าผิดคำพูด”

“งั้นหรือ? หากคุณชายชุยอยากจะบอกชิงเฉิน มีหรือที่จะหาคนไม่พบ?” เฟิ่งชิงเฉินกึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง

เรื่องบางเรื่องทุกคนล้วนเข้าใจดี พูดออกมามีแต่จะต้องอับอาย ชุยห้าวถิงไม่เต็มใจยอมรับตัวเลือก เขาต้องการที่จะหลบเลี่ยง แต่ตอนนี้หลบไปก็ไม่พ้นจึงต้องออกหน้า หากจะพูดถึงเรื่องความน่าเชื่อถือเห็นว่าจะเกินไปหน่อย

นางสามารถเข้าใจจิตใจของผู้ป่วยได้ หากไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องขึ้นกับเสด็จอาเก้า นางก็ไม่อยากจะข่มขู่ชุยห้าวถิงเช่นนี้ อย่างไรชุยห้าวถิงก็เป็นคนไข้ของนาง ในเมื่อนางรับคนไข้แล้วก็ต้องรับผิดชอบให้ถึงที่สุด

แค่กๆ… ชุยห้าวถิงกระแอมเบาๆ เพื่อกลบเกลื่อนความอึดอัดใจของตนและเปลี่ยนเรื่องไปเป็นเรื่องของตระกูลหวัง “เฟิ่งชิงเฉิน แม้ข้าจะตกลงรับข้อเสนอของเจ้า แต่เจ้าจะอาศัยอะไรทำให้ตระกูลหวังยินยอม ตระกูลหวังและตระกูลชุยไม่เคยร่วมมือกันมาก่อน”

ตระกูลหวังและตระกูลชุยเห็นว่าตนเป็นตระกูลดังอันดับต้นๆ ไม่มีใครยอมใครแล้วจะร่วมมือกันอย่างไร ชุยห้าวถิงคิดจะใช้เรื่องนี้มาบีบบังคับให้เฟิ่งชิงเฉินยอมถอย

“เรื่องนี้คุณชายชุยไม่ต้องกังวล ข้าสามารถรับรองได้ว่าตระกูลจะยอมร่วมมือกับตระกูลชุยอย่างแน่นอน”

หัวหน้าตระกูลหวังคือหวังจิ่นหลิง ที่หุบเขาไท่ลู่เก๋อ หวังจิ่นหลิงเป็นหนี้บุญคุณเสด็จอาเก้าอยู่หนึ่งครั้ง หวังจิ่นหลิงเป็นผู้สุภาพอ่อนน้อมและสงบนิ่ง แต่แท้จริงแล้วเขารักในศักดิ์ศรียิ่ง เขาจะยอมเป็นหนี้บุญคุณของเสด็จอาเก้าโดยไม่ตอบแทนได้อย่างไร

ตอนนี้มีโอกาสได้ช่วยชีวิตของเสด็จอาเก้า หวังจิ่นหลิงไม่มีทางปฏิเสธแน่ อีกอย่างร่วมมือกับตระกูลชุยแล้วอย่างไร ตามการถอนตัวของตระกูลชุยแล้ว พวกเขายิ่งใหญ่ไม่เท่าแต่ก่อน ผู้คนต่างรู้จักแต่บ้วนของหวังเซี่ยและไม่รู้จักตระกูลชุยไปนานแล้ว

“รับรอง? แม่นางเฟิ่งจะใช้อะไรมารับรองว่าตระกูลหวังจะยอมรับปาก คำพูดปากเปล่าใครก็พูดได้ทั้งนั้น” ชุยห้าวถิงเป็นวิญญูชน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะคาดคั้นผู้อื่นไม่เป็น ในฐานะคุณชายแห่งตระกูลชุยผู้ทำอะไรสง่าผ่าเผย ใครบ้างที่พบเขาแล้วจะไม่ไว้หน้าสักสามส่วน มีเพียงเฟิ่งชิงเฉินที่กล้ามาข่มขู่เขา

นี่ทำให้เขาไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก ทำให้นางลำบากใจเสียบ้างก็สมควรแล้ว

“คุณชายชุย ในเมื่อข้าเฟิ่งชิงเฉินสามารถพูดออกมาได้ก็ย่อมมั่นใจว่าสามารถทำได้ หากตระกูลหวังไม่ยอมร่วมมือกับตระกูลชุย ท่านก็ถือเสียว่าเงื่อนไขที่ข้าเสนอไปนั้นไม่มีอยู่ ส่วนเรื่องที่ข้าต้องทำก็ยังคงต้องทำ ไม่มีทางจะเป็นเพราะเรื่องนี้ไม่สำเร็จจึงทำให้ทำเรื่องขัดต่อจรรยาบรรณแพทย์” ชุยห้าวถิงต้องการให้นางรับรอง นางก็ทำให้ หากชุยห้าวถิงต้องการให้นางบอกว่าจะหยุดมือ นางก็จะพูด…

“ตกลง สุภาพชนพูดแล้วไม่คืนคำ เฟิ่งชิงเฉิน ข้าจะเชื่อเจ้าอีกสักครั้ง” ถึงแม้จะไม่พอใจ ชุยห้าวถิงก็ไม่ได้แสดงออกมาแต่รับปากอย่างรวดเร็ว

เมื่อเทียบกับชีวิตของเขาแล้ว เรื่องอื่นล้วนไม่สำคัญ

เฟิ่งชิงเฉินจะโน้วน้าวตระกูลหวังได้หรือไม่ก็ยังไม่แน่

“คุณชายชุยเด็ดขาดยิ่งนัก เฟิ่งชิงเฉินจะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง คุณชายชุย พวกเรามาตบมือสาบานกันเถอะ” เฟิ่งชิงเฉินลุกขึ้นพร้อมยกมือขวาขึ้น

คนโบราณให้ความสำคัญกับคำสาบาน โดยเฉพาะคุณชายตระกูลดังอย่างเช่นชุยห้าวถิงนั้น จะไม่มีทางทำสิ่งที่ขัดต่อคำสาบานของตนเองได้โดยง่าย คำสาบานนั้นมีผลเสียยิ่งกว่าหนังสือสัญญาหรืออะไรเทือกนั้นเสียอีก

“ตกลง”

“แปะๆๆ” ทั้งสองตบมือกันสามครั้งเป็นการสาบาน

“แม่นางเฟิ่ง ในเมื่อสาบานแล้วข้าก็จะทำไปตามนั้น เจ้าจะลงมือรักษาข้าเมื่อไหร่” ชุยห้าวถิงไม่หวังว่าในเมื่อเขายอมลงแรงมากขนาดนี้แล้ว สุดท้ายกลับจะต้องยังดูสีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินอีก รักษาโรคของเขาก่อนเขาจึงจะมั่นใจได้

อย่างไรจิตใจของผู้หญิงก็ยากจะคาดเดา วันนี้เฟิ่งชิงเฉินสามารถทำให้เขาลำบากเพื่อเสด็จอาเก้า วันหน้าก็อาจจะมีสิ่งอื่นที่ทำให้การรักษาต้องล่าช้าออกไปอีก ตอนแรกหากเขารับปากนางไปเสียตั้งแต่เนิ่นๆ ก็คงไม่ถึงขั้นถูกกระทำเช่นนี้…

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

Status: Ongoing
ในยามวันมงคลสมรสของตนเอง นางตื่นสะลึมสะลือขึ้นมาที่ย่านชานเมือง ด้วยอาภรณ์ที่บางเบาและทั่วร่างที่สั่นเทา พร้อมกับสายตาดูหมิ่นที่จับจ้องมองมาที่นางมากมาย ทุกย่างก้าวที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังย่างกรายเข้าสู่ราชวัง นางคือสตรีกำพร้าที่ไร้บิดามารดาคอยดูแล ส่วนเขาเป็นท่านอ๋องหน้ากากเหล็กที่อยู่เหนือกว่าทุกคนในใต้หล้า ทั่วร่างของนางที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ทั้งยังถูกทำให้อับอายขายขี้หน้า; เขาผู้ที่ไปมาไร้ร่องรอย หาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ยาก นางต้องก้มหน้าคุกเข่าอย่างนอบน้อม เขาคือผู้ที่จ้องมองลงมาจากเบื้องบน เส้นทางของคนทั้งสองคนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับมาบรรจบพบพานด้วยความบังเอิญ อาภรณ์ที่อบอุ่นผืนนั้น ปกปิดคราบสกปรกบนเนื้อตัวของนาง โดยแลกมาด้วยความรักชั่วชีวิตของตนเอง แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากยุคศตวรรษที่ 21 ทั่วทั้งกายและใจของนางมอบให้แต่เขาเพียงผู้เดียว เขาผู้อยู่เหนือผู้คนในใต้หล้า คมดาบที่อาบไปด้วยเลือดมากมาย นางสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ ขอเพียงแค่ชาตินี้ ขอให้นางได้ครองรักเช่นสามีภรรยา ความรักที่ไร้ขอกังหา ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางล้วนไม่สนใจ แต่เขากลับมอบคมดาบเพื่อปลิดชีพนาง…………

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท