นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 633 เรือนกระจก อยู่ใกล้เช่นนี้อย่างเยี่ยมยอดยิ่ง
สายลับไม่กล้าแสดงความกังวลใจของเขาออกมา เพื่อกลบเกลื่อนความผิดปกติ เขาจึงรีบเก็บอารมณ์ไว้ให้ยิ่งมิดชิดและยืนตรงหน้าของเฟิ่งชิงเฉินด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
เฟิ่งชิงเฉินไม่อาจสัมผัสถึงความว้าวุ่นใจในใจของสายลับได้ นางมองเขาอย่างประเมิน เมื่อหาจุดผิดปกติไม่พบจึงกระชับเสื้อคลุมและเอ่ยว่า “ไปกันเถอะ”
“ขอรับ” สายลับไม่สบายใจเลย แต่เขาก็ยังต้องปกปิดความคิดความรู้สึกที่แท้จริงที่เรียกว่าความเจ็บปวด เพื่อที่จะกำจัดความสงสัยในใจของเฟิ่งชิงเฉิน สายลับจึงไม่อาจรอช้า เขากัดฟันและอุ้มนางไปยังจวนเฟิ่ง
เฟิ่งชิงเฉินและสายลับจากไปไม่นาน สายสอดแนมที่อยู่ห่างไกลก็หายไปด้วย ยามเมื่อเฟิ่งชิงเฉินมาถึงจวนเฟิ่งซีหลิงเทียนเหล่ยก็แฝงตัวเข้ามาในจวนเฟิ่งช้ากว่านางเล็กน้อย
จวนเฟิ่งในยามนี้ยังไม่มีผู้พักอาศัยจึงไม่ได้ป้องกันให้แน่นหนาดังเช่นเรือนเล็กซีชวี ซีหลิงเทียนเหล่ยเข้าไปไม่พบใครก็มุ่งหน้าไปยังด้านหลังของจวนโดยตรง
เขาต้องการดูสิ่งของที่เฟิ่งชิงเฉินสั่งให้ตี๋ตงหมิงเตรียมว่าใช้ทำอะไรกันแน่ ของเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งของธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าเหตุใดนางจะต้องระมัดระวังเช่นนั้น ที่สำคัญที่สุดก็คือพวกมันใช้ทำอะไร
ตี๋ตงหมิงละเอียดรอบคอบยิ่ง เขาเก็บสิ่งเหล่านั้นไว้ในห้องเก็บของด้านหลังจวนเป็นถุงๆ อย่างเรียบร้อยและใช้ผ้าใบคลุมทับอีกชั้นหนึ่ง นอกจากของที่เฟิ่งชิงเฉินเขียนไว้ในรายการแล้วก็ยังมีสิ่งอื่นๆ อีก ไม่ว่าสิ่งของอะไรก็รวมมีพร้อมสรรพ แม้กระทั่งดินเหนียวสองสามถุงก็ยังมี เฟิ่งชิงเฉินแอบชื่นชมความรอบคอบของตี๋ตงหมิงอยู่ในใจ
ในโลกนี้ไม่มีกำแพงใดที่ไม่มีรู แม่ไม่มีจิตคิดร้ายต่อผู้อื่นแต่มิอาจไม่มีความคิดที่ป้องกันไว้ก่อนได้ เฟิ่งชิงเฉินตรวจของไปทีละอย่างพลังคิดคำนวณในใจว่านางยังต้องเตรียมอะไรอีก
นางไม่อยากทำระเบิดเทียนเหล่ยอีกแล้ว มันยุ่งยากเกินไป นางจึงแบ่งดินปืนออกเป็นหลายถุง แม้จะไม่สามารถเก็บรักษาได้ดีเท่าระเบิดเทียนเหล่ย แต่ทำง่ายกว่าระเบิดนั่นมาก อีกทั้งอันภาพอย่างร้ายแรงกว่าระเบิดเทียนเหล่ยเสียอีก นางจะใช้มาระเบิดเสวียนเซียวกงไม่ได้ใช้โดนในสนามรบเสียหน่อย
เมื่อตรวจสอบทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็เรียกสายลับมาหาและกระซิบสั่งเบาๆ ที่ข้างหูของเขา
สายลับตัวแข็งทื่อ กล้ามเนื้อของเขาเกร็งแน่น นอกจากพยักหน้าแล้วก็ไม่กล้าทำอย่างอื่นอีก
สวรรค์โปรดคุ้มครอง ขออย่าให้นายท่านได้ล่วงรู้ถึงเรื่องในคืนนี้เลย มิเช่นนั้นจะต้องเป็นโศกนาฏกรรมแน่
อ่ะแฮ่ม… ความกังวลของสายลับนั้นมากมายเหลือขนาด นายท่านของเขากำลังยุ่งไฉนเลยจะมีเวลามาจัดการเรื่องพวกนี้
สายลับว่าขมขื่นแล้ว ซีหลิงเทียนเหล่ยกลับยิ่งขมขื่นกว่า ยามกลางคืนในฤดูหนาวไม่รู้จักหลับจักนอน กลับต้องมาปีนกำแพงปีนหลังคา สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย เขาไม่ได้ยินอะไรเลย หากรู้เช่นนี้เขาคงไม่มาด้วยตนเองตั้งแต่แรก ซีหลิงเทียนเหล่ยแอบทอดถอนใจ เมื่อเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินจากไปแล้วเขาก็กลับไปเช่นกัน
ข่าวยังต้องไปเตรียมการโจมตีเสวียนเซียวกง นี่เป็นเรื่องใหญ่ยิ่งนัก
ซีหลิงเทียนเหล่ยไม่รู้ว่าหลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินและสายลับได้จากไปแล้ว คืนนั้นก็มีคนชุดดำไม่น้อยแบกถุงกระสอบเข้ามาในจวนเฟิ่งและจะเปลี่ยนกับถุงกระสอบที่เฟิ่งชิงเฉินได้สั่งไว้จนหมด ข้างบนใส่สิ่งที่แต่ก่อนใส่ไว้ หากไม่เทออกมาตรวจสอบก็จะไม่รู้ว่ามีความผิดปกติอันใด
เวลาต่อมาเฟิ่งชิงเฉินก็ได้หาเวลาว่างยามกลางวัน ประดิษฐ์ถุงระเบิดขึ้นในห้องหนังสือที่เรือนเล็กซีชวี ส่วนเวลากลางคืนไปที่จวนเฟิ่ง คนของซีหลิงเทียนเหล่ยสะกดรอยตามนางอยู่หลายคืนก็ไม่ได้ความ เมื่อรู้สึกเบื่อหน่ายนักเข้าจึงล้มเลิกไปเอง
คืนนั้นเฟิ่งชิงเฉินกลับมาที่เรือนเล็กซีชวีด้วยความง่วงอย่างมหาศาล เมื่อล้มตัวลงนอนก็หลับไป วันรุ่งขึ้นขณะที่ฟ้ากำลังสว่างก็ตื่นขึ้นแล้ว ดูเหมือนนางจะร่าเริงไม่น้อย เพียงแต่สองตาที่โหล่ลึกกลับแสดงความเป็นจริงของนางออกมาให้เห็น
เฟิ่งชิงเฉินรับประทานอาหารเช้าอย่างลวกๆ ก็ออกไปจากจวน นางไปที่จวนของหนิงกั๋วกงก่อน ก่อนหน้านี้นางเคยรับปากว่าจะจ่ายยาให้กับซื่อจื่อฮูหยิน แต่เป็นเพราะนางถูกจับเข้าคุกทำให้ต้องล่าช้าออกไปก่อน ยันต์นี้เมื่อนำออกจากคุกมาแล้วก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้น ในขณะเดียวกันก็จ่ายยาที่เป็นประโยชน์ต่อการตกไข่ให้แก่ซื่อจื่อฮูหยินด้วย อีกทั้งยังสอนวิธีใช้อย่างละเอียดพร้อมทั้งกำชับว่าในมือนางมียานี้ไม่มากนักและเห็นแก่มิตรภาพที่ทั้งสองมีต่อกันจึงได้ให้นางเป็นกรณีพิเศษ ห้ามนางพูดออกไปเป็นอันขาดเพราะนางไม่อยากหาเรื่องยุ่งยากเข้าตัว
ซื่อจื่อฮูหยินรับคำอย่างกระตือรือร้น เมื่อเฟิ่งชิงเฉินจากไปซื่อจื่อฮูหยินก็นำยาไปให้ฮูหยินผู้เฒ่าดู วันนั้นก็เลือกสาวใช้คนหนึ่งมาทดลองยา เป็นดังที่เฟิ่งชิงเฉินพูดจริง หลังจากนั้นหนึ่งเดือนหญิงรับใช้ผู้นี้ก็ท้องและไม่มีความผิดปกติใดๆ ต่อร่างกาย
เมื่อคนที่จวนหนิงกั๋วกงเห็นดังนั้นก็ย่อมไม่รอช้าอีก หากตั้งท้องได้เร็วขึ้นหนึ่งวันก็จะมั่นคงขึ้นเร็วอีกหนึ่งวัน วันนั้นพวกเขาก็ให้คนสนิทผู้หนึ่งนำยาเข้าไปในวังเพื่อมอบให้แก่เหนียงเหนียงที่อยู่ในวังหลวง
วันต่อมาฮูหยินผู้เฒ่าก็เข้าวัง เมื่อพบกับคนจากจวนตนเองแล้วก็กำชับอย่างละเอียดอีกครั้งพร้อมทั้งยังเล่าถึงผลลัพธ์ของการลองยาแล้วบอกให้เหนียงเหนียงวางใจได้เลยว่านางจะต้องตั้งครรภ์ได้อย่างแน่นอน
ยังคงเป็นประโยคนั้น ในโลกนี้ไม่มีกำแพงที่ไม่มีรู เรื่องที่จวนหนิงกั๋วกงได้ยานี้มานั้นกลับกลายเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ความลับอย่างรวดเร็ว และด้วยเหตุนี้เฟิ่งชิงเฉินจึงกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงอันโด่งดังในเมืองหลวงไปโดยปริยาย แน่นอนว่าในยามนี้เองเสด็จอาเก้าก็ได้ออกมาจากคุกของศาลราชวงศ์แล้ว ชื่อเสียงของเขายิ่งโด่งดังกว่าแต่ก่อนเสียอีก
หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินได้รู้เรื่องนี้ก็ได้เพียงแต่แอบพูดกับตัวเองว่าช่างบังเอิญเสียจริง
แม้จะบอกว่ายานี้ใช้กระตุ้นการตกไข่ แต่ก็ไม่ถึงกับจะเห็นผลภายในหนึ่งเดือน หญิงรับใช้ผู้นั้นเป็นแมวตาบอดเจอหนูตายชัดๆ (โชคดีด้วยความบังเอิญ) แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวกับนาง นางให้ยาซื่อจื่อฮูหยินไป แน่นอนว่าต้องเป็นคนของจวนหนิงกั๋วกงที่จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะใช้อย่างไร
ตลอดเช้านางไปมาหลายที่ ในที่สุดก็ส่งยาจนครบ ยามนี้ใกล้จะได้เวลาที่นัดไว้กับหวังจิ่นหลิงแล้ว เฟิ่งชิงเฉินจึงรีบรุดไปที่โรงเตี๊ยมโหย่วเจียน
ใช่แล้ว ชื่อของโรงเตี๊ยมชื่อว่าโรงเตี๊ยมโหย่วเจียนซึ่งแปลว่ามีห้อง ที่พวกนางนัดเจอกันที่นี่เป็นเพราะเจ้าของของที่นี่ก็คือเฟิ่งชิงเฉินนั่นเอง
อ่ะแฮ่ม อย่าได้คิดดูถูกเฟิ่งชิงเฉินไป นางมีทั้งบ้าน รถและกิจการ ในเวลาไม่ถึงหนึ่งปีนางก็สามารถพลิกวิกฤตเป็นโอกาสหาเงินและกิจการมาได้ไม่น้อย
โรงเตี๊ยมโหย่วเจียนเป็นอาคารสูงสี่ชั้น ชั้นที่สี่นั้นหากจะบอกว่าเป็นชั้นต้องบอกว่าเหมือนจะเรือนกระจกเสียมากกว่า
เฟิ่งชิงเฉินสร้างโรงเตี๊ยมอย่างมั่นคงตามแบบฉบับห้องในอาคารที่พักอาศัย ชั้นสามใช้ไม้สร้างเป็นเพดานเรียบ ตรงกลางเพดานนั้นนางได้สร้างห้องขึ้นมาอีกห้องหนึ่ง ห้องนั้นนอกจากจะติดถนนใหญ่และมีโต๊ะตัวหนึ่งแล้วก็เต็มไปด้วยดอกไม้ใบหญ้า เพียงเดินเข้าไปก็จะได้กลิ่นหอมของดอกไม้ แต่ที่สำคัญก็คือเมื่อนั่งอยู่ในที่สูงก็จะมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ไกล…
เรือนกระจกเป็นแก้วใส ยามนั่งอยู่ด้านในสามารถมองเห็นคนและสิ่งของภายนอกได้อย่างชัดเจน เรือนกระจกนี้ดึงดูดคนชั้นสูงจำนวนมากให้เห็นว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่ ที่สำคัญที่สุดก็คือความสะดวกสบาย แน่นอนว่าเรือนกระจกแห่งนี้เสด็จอาเก้าไม่เคยมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เรือนกระจกทั้งด้านในและด้านนอกล้วนสร้างขึ้นด้วยแก้วใส ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะทำอะไรก็คงจะไม่มีใครเห็น แต่เมื่อเข้าไปนั่งแล้วจึงจะพบความพิเศษของเรือนกระจกนี้ เรือนกระจกนี้ตั้งอยู่กลางเพดาน ผู้ที่อยู่ด้านล่างไม่มีทางมองเห็นคนที่อยู่ในนั้น
แต่ในเรือนกระจกนั้นกลับมีสายตาที่ดี เพียงแค่มีคนเข้าใกล้ก็จะถูกพบได้ทันที อีกทั้งยังมีการเก็บเสียงเป็นเลิศ แม้ยืนอยู่ด้านนอกก็ไม่ได้ยินว่าคนด้านในพูดอะไรกัน
มาที่เรือนกระจกเพื่อรับประทานอาหารอย่างเปิดเผย จากนั้นก็คุยอะไรกันนิดหน่อย สะดวกสบายเป็นอย่างยิ่ง
น่าเสียดายที่เรือนกระจกนี้มีเพียงห้องเดียว หากจะเข้าไปด้านในจะต้องทำการนัดหมายไว้ก่อน ที่ตงหลิงใช่ว่าจะไม่มีโรงเตี๊ยมหรือหอสุราที่อื่นเลียนแบบนาง แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเรือนกระจกที่พวกเขาสร้างออกมาจึงไม่ดีเท่าเรื่องกระจกของเฟิ่งชิงเฉิน
ยามนี้เฟิ่งชิงเฉินและหวังจิ่นหลิงกำลังร่วมรับประทานอาหารอยู่ในเรือนกระจก ทั้งเรือนกระจกนั้นมีแค่พวกเขาเพียงสองคนเท่านั้น…